M’Cheyne Bible Reading Plan
งานของครอบครัวโคฮาท
4 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “ให้ขึ้นทะเบียนจำนวนลูกหลานของโคฮาทที่อยู่กับชาวเลวี ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 3 ที่มีอายุตั้งแต่สามสิบถึงห้าสิบปีทุกคนที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ 4 งานของชาวโคฮาทคือขนย้ายพวกของที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเต็นท์นัดพบ
5 เมื่อคนอิสราเอลจะเดินทางต่อไป อาโรนกับลูกชายของเขาต้องเข้าไปในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และปลดม่านที่กั้นห้องชั้นในสุด แล้วเอาม่านนั้นมาคลุมหีบที่ใส่ข้อตกลงไว้ 6 หลังจากนั้น พวกเขาต้องคลุมของพวกนี้ด้วยหนังอย่างดี แล้วเอาผ้าหนาๆสีน้ำเงินมาคลุมทับบนหนังอีกชั้นหนึ่ง แล้วเอาคานมาสอดห่วงข้างหีบนั้น
7 จากนั้นพวกเขาต้องเอาผ้าสีน้ำเงินมากางไว้บนโต๊ะศักดิ์สิทธิ์ แล้วเอาพวกจาน ช้อน ชามและไหใส่เครื่องดื่มบูชา มาวางไว้บนโต๊ะนั้น และให้เอาขนมปังมาวางด้วย ขนมปังนี้จะต้องอยู่บนโต๊ะนั้นตลอดเวลา 8 แล้วพวกเขาต้องเอาผ้าสีแดงมาคลุมของพวกนี้อีกที หลังจากนั้นก็ต้องเอาหนังอย่างดีมาคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง และสอดคานหามเข้าในห่วงของโต๊ะ
9 พวกเขาต้องเอาผ้าสีน้ำเงินมาคลุมขาตั้งของตะเกียงที่มีขาตั้ง พวกตะเกียง กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ถาดต่างๆ รวมทั้งพวกไหทั้งหมดที่ใช้ใส่น้ำมันเอามาใช้กับตะเกียง 10 พวกเขาต้องเอาหนังอย่างดีมาคลุมตะเกียงที่มีขาตั้ง และอุปกรณ์ทั้งหมดของมัน และวางไว้บนคานหาม
11 พวกเขาต้องเอาผ้าสีน้ำเงินมากางบนแท่นบูชาทองคำ แล้วเอาหนังอย่างดีมาคลุมอีกชั้นหนึ่ง แล้วเอาคานสอดเข้ากับห่วงของแท่นบูชา
12 แล้วพวกเขาต้องเอาผ้าสีน้ำเงินมาห่ออุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วเอาหนังอย่างดีคลุมทับ แล้วเอาไปวางไว้บนคานหาม
13 จากนั้นพวกเขาต้องเอาขี้เถ้าออกจากแท่นบูชาแล้วเอาผ้าสีม่วงมากางบนแท่นนั้น 14 แล้วพวกเขาต้องรวบรวมเครื่องใช้ทุกอย่างที่ใช้กับแท่นบูชานั้น เช่น พวกถาด ส้อม พลั่วและชามประพรม ให้เอาเครื่องใช้ทุกอย่างนี้มาวางไว้บนแท่นบูชา แล้วเอาหนังอย่างดีมาคลุมไว้อีกชั้นหนึ่ง และเอาคานหามสอดเข้ากับห่วงของแท่นบูชา
15 เมื่ออาโรนและลูกชายจัดการคลุมข้าวของเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์และภาชนะศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว และค่ายทั้งค่ายก็พร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว ชาวโคฮาทก็จะเข้าไปข้างในเพื่อขนย้ายของเหล่านั้น ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะได้ไม่ไปจับถูกของศักดิ์สิทธิ์แล้วตาย ชาวโคฮาทมีหน้าที่ขนย้ายของในเต็นท์นัดพบ
16 เอเลอาซาร์ลูกชายนักบวชอาโรนจะรับผิดชอบเกี่ยวกับน้ำมันสำหรับจุดตะเกียง เครื่องหอม เครื่องบูชาประจำวันจากเมล็ดพืช[a] และน้ำมันสำหรับเจิม เขาจะรับผิดชอบเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และทุกอย่างในเต็นท์นั้น รวมทั้งของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆและพวกภาชนะของมัน”
17 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 18 “อย่าให้พวกตระกูลของชาวโคฮาทต้องถูกทำลายไปจากกลุ่มชาวเลวี 19 เมื่อพวกโคฮาทจะต้องเข้าไปหยิบยกพวกของศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น ให้ทำอย่างนี้กับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้มีชีวิตอยู่และไม่ตาย คือให้อาโรนและลูกชายเข้าไปกับพวกโคฮาท และคอยบอกให้พวกเขาทำโน่นทำนี่ แบกนั่นแบกนี่ 20 เพื่อว่าชาวโคฮาทจะได้ไม่เข้าไป และมองเห็นพวกของศักดิ์สิทธิ์นั้นเข้า ถึงแม้จะมองแค่แวบเดียวก็ต้องตาย”
งานของครอบครัวเกอร์โชน
21 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 22 “ให้ลงทะเบียนชาวเกอร์โชนด้วย โดยนับตามครอบครัวและตามตระกูลของพวกเขา 23 ให้ลงทะเบียน[b]คนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบถึงห้าสิบปีทุกคน ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ
24 พวกชาวเกอร์โชนมีหน้าที่รับใช้และแบกหาม 25 พวกเขาจะต้องแบกพวกผ้าม่านของเต็นท์นัดพบและหลังคาของมัน รวมทั้งหลังคาที่ทำจากหนังอย่างดีซึ่งคลุมอยู่บนมัน และม่านที่กั้นทางเข้าเต็นท์นัดพบ 26 พวกเขาจะต้องแบกม่านที่บริเวณลาน ม่านกั้นทางเข้าประตูลานที่อยู่ล้อมรอบเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และแท่นบูชา พวกเชือกและเครื่องมือต่างๆที่ใช้กับม่านนี้ รวมทั้งสิ่งอื่นๆทั้งหมดที่ทำขึ้นมาใช้กับพวกมัน พวกชาวเกอร์โชนก็จะทำงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ 27 งานทั้งหมดที่ชาวเกอร์โชนทำ และการเคลื่อนย้าย รวมทั้งการบริการ จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของอาโรนและพวกลูกชายของเขา และเจ้าต้องให้พวกเขารับผิดชอบเป็นยามเฝ้าระวังของที่พวกเขาขนย้ายด้วย 28 นี่เป็นงานที่ชาวเกอร์โชนต้องทำที่เกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบและเป็นยามเฝ้าระวัง โดยมีอิธามาร์ลูกชายของนักบวชอาโรนเป็นคนสั่งงาน
งานของครอบครัวเมรารี
29 ให้เจ้าลงทะเบียนชาวเมรารี ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 30 ให้เจ้าลงทะเบียนคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปีทุกคนที่สามารถทำงานรับใช้ในเต็นท์นัดพบได้ 31 นี่เป็นงานที่ชาวเมรารีจะต้องเฝ้าระวัง เมื่อพวกเขาขนย้ายของในเต็นท์นัดพบ คือพวกโครงสร้างของเต็นท์ พวกสลักกลอนประตู พวกเสา และฐานของมัน 32 พวกเขาต้องขนเสารอบๆลาน กับฐานของมัน พวกหมุดยึดและเชือกกับอุปกรณ์ต่างๆของมัน ให้ทำรายชื่อของที่พวกเขาต้องเฝ้าระวังและขนย้าย 33 นั่นเป็นงานของคนในตระกูลเมรารี รวมถึงงานทั้งหมดที่พวกเขาทำเกี่ยวกับเต็นท์นัดพบ โดยมีอิธามาร์ลูกชายนักบวชอาโรนเป็นคนสั่งงาน”
ครอบครัวชาวเลวี
34 โมเสส อาโรนและบรรดาผู้นำชุมชนได้ลงทะเบียนชาวโคฮาทตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 35 ผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ
36 นับจำนวนคนตามตระกูลของเขาได้ทั้งหมดสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบคน 37 นี่คือจำนวนคนที่นับได้จากตระกูลโคฮาท ทุกคนทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ โมเสสและอาโรนนับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
38 มีการขึ้นทะเบียนชาวเกอร์โชนตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 39 มีการนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ 40 นับจำนวนคนตามตระกูลของพวกเขาได้ทั้งหมดสองพันหกร้อยสามสิบคน 41 นี่คือจำนวนคนที่นับได้จากตระกูลเกอร์โชน ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบได้ โมเสสและอาโรนได้นับพวกเขาตามคำสั่งของพระยาห์เวห์
42 มีการขึ้นทะเบียนชาวเมรารีตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 43 มีการนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบได้ 44 นับจำนวนคนตามตระกูลของพวกเขาได้ทั้งหมดสามพันสองร้อยคน 45 นี่คือจำนวนคนที่นับได้จากตระกูลเมรารี ทุกคนที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบได้ โมเสสและอาโรนได้นับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
46 โมเสส อาโรนและบรรดาผู้นำของชาวอิสราเอลได้นับชาวเลวีตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 47 นับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ คืองานกรรมกรและงานแบกหาม 48 รวมทั้งหมดมีแปดพันห้าร้อยแปดสิบคน
49 โมเสส อาโรน และพวกผู้นำ ได้นับพวกเขาตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ที่สั่งผ่านโมเสสมา แบ่งตามงานและความรับผิดชอบของแต่ละคน บางคนก็ห่อของ บางคนขนย้าย ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
คำอธิษฐานสำหรับการรักษาและการอภัยโทษ
เพลงสดุดีของดาวิด เพื่อเรียกความสนใจจากพระเจ้า
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าลงโทษข้าพเจ้าตอนที่พระองค์โกรธ
ขออย่าตีสอนข้าพเจ้าตอนที่พระองค์เกรี้ยวกราดเลย
2 ลูกธนูของพระองค์ได้แทงเข้าไปในตัวข้าพเจ้า
มือของพระองค์กดข้าพเจ้าลง
3 ความโกรธของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าปวดรวดร้าวไปทั่วตัว
ความบาปของข้าพเจ้าเองทำให้แม้แต่กระดูกก็ปวดร้าวไปหมด
4 ความบาปทั้งหลายของข้าพเจ้าสูงท่วมหัว
พวกมันหนักอึ้งจนแบกไม่ไหว
5 เรื่องโง่ๆที่ข้าพเจ้าทำไป
ทำให้เกิดบาดแผลเป็นหนองเน่าเหม็นในตัวข้าพเจ้า
6 ข้าพเจ้าเจ็บปวดจนตัวงอ นอนคว่ำไปกับพื้น
เดินไปร้องไป เหมือนกับคนไว้ทุกข์
7 บริเวณท้องร้อนผ่าวเพราะพิษไข้
เจ็บปวดไปหมดทั่วร่าง
8 ข้าพเจ้าเจ็บจนชาและถูกบีบจนบี้แบน
ข้าพเจ้าเครียดจนกรีดร้องออกมา
9 องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยากได้อะไรพระองค์ก็รู้หมด
ข้าพเจ้าถอนหายใจกี่เฮือกพระองค์ก็ได้ยินหมด
10 หัวใจข้าพเจ้าเต้นระรัว พละกำลังของข้าพเจ้าหายไปหมดแล้ว
และแม้แต่ประกายตาของข้าพเจ้าก็สูญสิ้นไป[a]
11 เพื่อนฝูงและมิตรสหายไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะกลัวเชื้อโรคของข้าพเจ้า
แม้แต่เพื่อนบ้านของข้าพเจ้าเองก็ยังอยู่ห่างๆเลย
12 พวกคนที่ไล่ล่าข้าพเจ้าต่างวางกับดักไว้
พวกที่จ้องจะทำร้ายข้าพเจ้าก็ตามขู่จะทำลายข้าพเจ้า
วันทั้งวันพวกเขาได้แต่หาวิธีที่จะหลอกลวงข้าพเจ้า
13 แต่ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนหูหนวก
ข้าพเจ้าไม่ได้ยินอะไรเลย เป็นคนใบ้ที่พูดไม่ได้
14 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนที่ไม่ได้ยิน
เป็นเหมือนคนที่ไม่สามารถพูดแก้ต่างให้กับตัวเองได้
15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารอคอยพระองค์อยู่
องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์เป็นผู้ที่จะตอบข้าพเจ้า
16 ข้าพเจ้าได้อธิษฐานว่าอย่าให้พวกเขาได้สะใจ
หรือพูดซ้ำเติมเพราะเห็นข้าพเจ้าล้มลง
17 ข้าพเจ้าเกือบจะยอมแพ้แล้ว
ข้าพเจ้ายังคงเจ็บปวดอยู่ตลอด
18 ข้าพเจ้าสารภาพความผิดที่ข้าพเจ้าทำไป
ข้าพเจ้าวิตกกังวลเกี่ยวกับบาปของข้าพเจ้า
19 ข้าพเจ้ามีศัตรูมากมาย ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเขาเลย
มีคนเกลียดข้าพเจ้ามากมาย ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเขา
20 และคนพวกนั้นที่ตอบแทนความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่ว
ก็ยังคงกล่าวหาข้าพเจ้าต่อไป ในขณะที่ข้าพเจ้ามุ่งทำแต่ความดี
21 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดอย่าทอดทิ้งข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดอย่าอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
22 รีบมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
องค์เจ้าชีวิต พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
2 ฉันเป็นแค่ดอกไม้ดอกหนึ่งในที่ราบชาโรน
เป็นแค่ดอกลิลลี่ดอกหนึ่งท่ามกลางหุบเขาทั้งหลาย
ชายหนุ่มพูด
2 เมื่อเปรียบที่รักของฉันกับหญิงสาวอื่นๆ
เธอเป็นเหมือนกับดอกลิลลี่ท่ามกลางพงหนาม
หญิงสาวพูด
3 เมื่อเปรียบที่รักของฉันกับชายหนุ่มอื่นๆ
เขาเป็นเหมือนต้นแอปเปิ้ลท่ามกลางต้นไม้ป่า
ฉันมีความสุขมากที่ได้นั่งอยู่ใต้ร่มเงาของเขา
และผลของเขาก็หวานถูกปากเหลือเกิน
4 เขาพาฉันไปยังที่ที่เราจะได้ดื่มด่ำกับเหล้าองุ่นกัน
เขาอยากจะร่วมรักกับฉัน
5 ขอขนมองุ่นแห้งเพื่อเสริมกำลังฉันด้วย
ขอผลแอปเปิ้ลหล่อเลี้ยงฉันด้วย
ฉันกระหายรักของเธอแทบขาดใจ
6 แขนซ้ายของเขาช้อนอยู่ใต้หัวฉัน
และมือขวาของเขาก็ลูบไล้ฉัน
7 พวกสาวๆแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ฉันขอให้เธอทั้งหลายสาบานต่อหน้าเลียงผาหรือกวางตัวเมียว่า
พวกเธอจะไม่ปลุกเร้าหรือกระตุ้นความรักให้ตื่น
จนกว่าความรักนั้นจะสุกงอม
หญิงสาวพูด
8 ฟังสิ นั่นเสียงชายคนรักของฉัน
ดูสิ เขากำลังมาแล้ว
เขากำลังเต้นรำอยู่บนภูเขาเหล่านั้น
และกระโดดโลดเต้นอยู่บนเนินเขา
9 ที่รักของฉันเหมือนกับเลียงผาหรือกวางหนุ่ม
นั่นไง เขากำลังยืนอยู่นอกกำแพงของเรา
กำลังจ้องลอดหน้าต่างเข้ามา
กำลังแอบมองลอดไม้ระแนงเข้ามา
10 ที่รักของฉันพูดกับฉันว่า
“ที่รักจ๋า ลุกขึ้นเถิด คนสวยของฉัน ไปกันเถอะ
11 เพราะฤดูหนาวได้ผ่านพ้นไปแล้ว
และฝนก็หยุดตกแล้ว
12 ดอกไม้ทั้งหลายบานสะพรั่งไปทั่วผืนดิน
ถึงเวลาร้องเพลงกันแล้ว
นกเขากำลังขันคูไปทั่วแผ่นดิน
13 ผลมะเดื่อกำลังสุก
ต้นองุ่นกำลังออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
ที่รักจ๋า ลุกขึ้นเถิด
คนสวยของฉัน ไปกันเถอะ”
14 “แม่นกเขาของฉันที่ซ่อนตัวอยู่ในรอยแตกของภูผาสูง
ออกมาให้ฉันเห็นตัวหน่อย
ส่งเสียงให้ฉันได้ยินหน่อย
เพราะเสียงของเธอช่างไพเราะ
และรูปร่างหน้าตาเธอนั้นก็ช่างงดงาม”
15 “จับพวกสุนัขจิ้งจอกให้เรา สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆที่ทำลายสวนองุ่น
เพราะสวนองุ่นของเรากำลังผลิดอก”
ความรอดอันยิ่งใหญ่ของเรา
2 นั่นเป็นเหตุที่เราจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับความจริงที่เราได้ยินมา ไม่อย่างนั้นเราจะค่อยๆห่างเหินไป 2 เพราะถ้าข้อความที่พระเจ้าพูดผ่านทูตสวรรค์ ยังมีผลบังคับในตอนนั้น จนทุกคนที่ฝ่าฝืนมันหรือไม่เชื่อฟัง ได้รับโทษที่สาสม 3 แล้วเราล่ะจะพ้นโทษได้หรือ ถ้าหากเราไม่สนใจในความรอดอันยิ่งใหญ่นี้ ความรอดนี้องค์เจ้าชีวิตได้มาประกาศในตอนแรกๆ แล้วคนพวกแรกนั้นที่ฟังพระองค์ก็มายืนยันเรื่องความรอดนี้ให้กับเรา 4 พระเจ้ามายืนยันเรื่องความรอดนี้ให้กับเราด้วย คือพระองค์ได้ใช้หมายสำคัญ การอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ต่างๆ และพรสวรรค์ที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์แจกจ่ายไปตามที่ใจของพระองค์ต้องการ
พระเยซูถูกทดลองเหมือนพี่น้องของพระองค์
5 โลกใหม่ที่เรากำลังพูดถึงนี้ พระเจ้าไม่ได้มอบให้อยู่ใต้อำนาจของพวกทูตสวรรค์ 6 แต่มีคนเขียนไว้ในพระคัมภีร์แห่งหนึ่งว่า
“มนุษย์เป็นใครกันพระองค์ถึงได้ห่วงใย
หรือบุตรมนุษย์[a]เป็นใครกันพระองค์ถึงเอาใจใส่นัก
7 พระองค์ทำให้เขาต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์แค่ชั่วคราว
แล้วพระองค์มอบสง่าราศีและเกียรติยศให้กับเขาเป็นรางวัล
8 และวางทุกสิ่งไว้ใต้เท้าของเขา”[b]
เมื่อพระเจ้าวางทุกสิ่งไว้ใต้เท้าเขา แสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ใต้อำนาจของเขา แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้เห็นทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของเขา 9 แต่ก่อนพระเจ้าทำให้พระเยซูอยู่ต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์แค่ชั่วคราว แต่ตอนนี้เราเห็นพระเยซูได้รับสง่าราศีและเกียรติยศเป็นรางวัลแล้ว เพราะพระองค์ทนทุกข์ทรมานจนตาย พระเจ้ามีเมตตากรุณาต่อเรา พระเยซูถึงมาลิ้มรสความตายเพื่อประโยชน์ให้กับมนุษย์ทุกคน
10 พระเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาเพื่อพระองค์ พระเจ้าอยากให้พระเยซูที่เป็นลูกของพระองค์นำพวกลูกชายลูกสาวอีกมากมายเข้ามามีส่วนร่วมในสง่าราศีของพระองค์ อย่างนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว ที่พระเจ้าให้พระเยซูมาทนทุกข์ทรมาน เพื่อพระเยซูจะได้สมบูรณ์แบบครบถ้วน แล้วนำคนมาถึงความรอด 11 ทั้งพระเยซูผู้ที่ทำให้คนอื่นบริสุทธิ์ และคนที่พระองค์ทำให้บริสุทธิ์ด้วย ต่างมาจากครอบครัวเดียวกัน พระเยซูเลยไม่อายที่จะเรียกพวกเขาว่าเป็นพี่น้องของพระองค์ 12 พระองค์พูดว่า
“เราจะประกาศชื่อของพระองค์ให้กับพี่น้องของเรา
เราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าหมู่ประชุม”[c]
13 พระองค์พูดอีกว่า
“เราจะไว้วางใจในพระองค์”[d]
และยังพูดอีกว่า
“เราอยู่ที่นี่พร้อมๆกับลูกๆที่พระเจ้าให้กับเรา”[e]
14 เพราะพวกลูกๆนั้นเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ พระเยซูก็เลยมาเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อเหมือนกัน พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อจะได้ตายและทำลายมารที่มีอำนาจทำให้คนตายได้ 15 คนพวกนี้กลัวตาย เลยตกเป็นทาสของความกลัว พระเยซูมาตายเพื่อปลดปล่อยคนพวกนี้ให้เป็นอิสระ 16 แน่นอนพระเยซูไม่ได้มาช่วยพวกทูตสวรรค์ แต่มาช่วยลูกหลานของอับราฮัม 17 เพราะอย่างนี้ พระองค์จึงต้องเป็นเหมือนกับพี่น้องของพระองค์ทุกอย่าง เพื่อพระองค์จะได้เป็นหัวหน้านักบวชสูงสุด ที่มีความเมตตาและซื่อสัตย์ในการรับใช้พระเจ้า และเพื่อจะจัดการกับความบาปของประชาชนได้ด้วย 18 เดี๋ยวนี้ พระองค์สามารถช่วยคนที่ถูกทดลองได้แล้ว เพราะพระองค์เองได้รับความทรมานและถูกทดลองมาก่อน
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International