M’Cheyne Bible Reading Plan
การแต่งตั้งนักบวช
(อพย. 29:1-37)
8 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้พาอาโรนและพวกลูกชายของเขาไปพร้อมกับเขา และให้เอาเสื้อผ้าพิเศษสำหรับนักบวช น้ำมันสำหรับเจิม วัวตัวผู้สำหรับเครื่องบูชาชำระล้าง แกะตัวผู้สองตัว และขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูหนึ่งตะกร้า 3 แล้วให้เรียกชุมชนทั้งหมดให้มาประชุมกันที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ”
4 แล้วโมเสสก็ทำตามที่พระยาห์เวห์สั่ง ผู้คนต่างก็มาชุมนุมกันที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ 5 แล้วโมเสสพูดกับประชาชนพวกนั้นว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์สั่งให้ทำ”
6 แล้วโมเสสก็พาอาโรนและพวกลูกชายของเขามาข้างหน้า และชำระล้างพวกเขาด้วยน้ำ 7 แล้วโมเสสก็สวมเสื้อชั้นในให้อาโรน และผูกผ้าคาดเอวรอบตัวเขา แล้วโมเสสก็สวมเสื้อชุดยาวให้อาโรน หลังจากนั้นก็ใส่เอโฟดให้เขา แล้วเอาผ้าคาดเอวที่ตกแต่งอย่างสวยงามมาผูกรอบตัวอาโรน ผ้าคาดเอวก็เลยมัดเอโฟดเข้ากับตัวอาโรนอีกชั้นหนึ่ง 8 จากนั้นโมเสสเอาถุงผ้าทับอกมาใส่ให้เขา แล้วเอาอูริมและทูมมิม ใส่ลงในกระเป๋าของถุงผ้าทับอกนั้น 9 แล้วเขาก็พันผ้าโพกหัวให้อาโรน ตรงด้านหน้าของผ้าโพกหัว โมเสสใส่แผ่นทองคำ ซึ่งเป็นมงกุฎศักดิ์สิทธิ์ โมเสสทำทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขาไว้
10 แล้วโมเสสก็เอาน้ำมันสำหรับเจิมมา และเจิมเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และทุกอย่างในเต็นท์นั้น ด้วยวิธีนี้ โมเสสก็ทำให้สิ่งเหล่านี้ศักดิ์สิทธิ์[a] 11 แล้วโมเสสก็พรมน้ำมันนี้บนแท่นบูชาเจ็ดครั้ง และเจิมแท่นบูชา เครื่องใช้ไม้สอยของมัน ทั้งขันอันใหญ่พร้อมพานรองของมัน เพื่อทำให้มันศักดิ์สิทธิ์ 12 แล้วโมเสสก็เทน้ำมันสำหรับเจิมนี้ลงบนหัวของอาโรน และเจิมเขาเพื่อทำให้เขาศักดิ์สิทธิ์ 13 หลังจากนั้น โมเสสก็เอาตัวพวกลูกชายของอาโรนมาข้างหน้า และสวมเสื้อชั้นในให้พวกเขา ผูกผ้าคาดเอวและพันผ้าโพกหัวให้พวกเขา โมเสสทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขาไว้
14 แล้วโมเสสเอาวัวตัวผู้ที่ใช้เป็นเครื่องบูชาชำระล้างมาข้างหน้า อาโรนกับพวกลูกชายของเขาวางมือลงบนหัววัวตัวนั้น 15 แล้วหลังจากวัวตัวนั้นถูกฆ่า โมเสสก็เอาเลือดของมันมา แล้วเอานิ้วจุ่มเลือดมาป้ายที่เชิงงอนทั้งสี่ด้านของแท่นบูชา เขาทำอย่างนี้เพื่อทำให้แท่นบูชาบริสุทธิ์ และเขายังเทเลือดที่เหลือลงตรงฐานของแท่นบูชา ด้วยวิธีทั้งหมดนี้เขาทำให้แท่นบูชานั้นศักดิ์สิทธิ์ พร้อมที่จะรับเครื่องบูชาที่กำจัดบาปและความไม่บริสุทธิ์ 16 แล้วโมเสสก็เอาไขมันของเครื่องใน พังผืดของตับและไตทั้งสองข้างกับไขมันของมันออกมา แล้วโมเสสก็เอาพวกมันไปเผาบนแท่นบูชา 17 ส่วนที่เหลือของวัวตัวผู้นั้น คือ ส่วนหนัง ส่วนเนื้อและขี้วัว ถูกนำออกไปเผานอกค่าย ตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้
18 แล้วโมเสสก็เอาแกะตัวผู้ที่จะใช้เป็นเครื่องเผาบูชามาข้างหน้า อาโรนกับพวกลูกชายของเขาวางมือลงบนหัวของแกะตัวนั้น 19 แล้วโมเสสก็ฆ่าแกะตัวนั้น แล้วเอาเลือดของมันสาดไปที่แท่นบูชาทุกๆด้าน 20-21 แล้วโมเสสก็หั่นแกะออกเป็นชิ้นๆเอาเครื่องในและขาไปล้างน้ำ แล้วโมเสสก็เผาแกะตัวผู้นั้นทั้งตัวบนแท่นบูชา เขาเผาทั้งหัว ชิ้นส่วนต่างๆและไขมัน เป็นเครื่องเผาบูชาอันมีกลิ่นหอม เป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
22 แล้วโมเสสก็เอาแกะตัวผู้ตัวที่สองที่ใช้สำหรับแต่งตั้งนักบวช มาที่ด้านหน้า อาโรนกับพวกลูกชายของเขาวางมือลงบนหัวแกะตัวนั้น 23 โมเสสก็ฆ่าแกะตัวนั้น แล้วเอาเลือดของมันไปป้ายที่ติ่งหูข้างขวากับหัวแม่มือข้างขวาและหัวแม่เท้าข้างขวาของอาโรน 24 เขานำตัวพวกลูกชายอาโรนมาที่ด้านหน้า และโมเสสก็ป้ายเลือดแกะที่ติ่งหูข้างขวากับหัวแม่มือข้างขวาและหัวแม่เท้าข้างขวาของพวกเขา แล้วโมเสสก็สาดเลือดแกะลงที่แท่นบูชาทุกๆด้าน 25 โมเสสเอาไขมันส่วนหาง ไขมันในเครื่องใน พังผืดของตับ ไตสองข้างกับไขมันของมัน และสะโพกข้างขวา 26 โมเสสหยิบขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูมาหนึ่งก้อน ขนมปังผสมน้ำมันหนึ่งก้อน และขนมปังแผ่นบางๆหนึ่งชิ้น จากตะกร้าที่ใส่ขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูที่วางอยู่ตรงหน้าพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็เอาพวกมันไปวางบนไขมัน และบนต้นขาข้างขวาของแกะตัวผู้นั้น 27 จากนั้นโมเสสก็เอาของเหล่านี้ไปวางบนฝ่ามือของอาโรนและฝ่ามือของพวกลูกชายอาโรน แล้วโมเสสก็ให้อาโรนและพวกลูกชายยื่นถวายอาหารเหล่านั้นขึ้น ให้เป็นเครื่องบูชายื่นถวายต่อหน้าพระยาห์เวห์ 28 โมเสสหยิบอาหารส่วนหนึ่งมาจากมือพวกเขา แล้วเอาไปเผาบนแท่นบูชาพร้อมกับเครื่องเผาบูชา นี่คือเครื่องบูชาบวช เป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 29 แล้วโมเสสก็เอาส่วนอกของแกะมา และยื่นถวายมันขึ้นเป็นเครื่องบูชายื่นถวายต่อหน้าพระยาห์เวห์ ส่วนอกนี้ เป็นส่วนแบ่งของโมเสส จากแกะที่ใช้ในการแต่งตั้งนักบวช ตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขาไว้
30 โมเสสเอาน้ำมันสำหรับเจิม และเลือดบางส่วนจากแท่นบูชา แล้วพรมลงบนตัวอาโรนและเสื้อผ้าของเขา และพรมลงบนตัวพวกลูกชายของอาโรนกับเสื้อผ้าของพวกเขา ด้วยวิธีนี้ โมเสสได้อุทิศอาโรน เสื้อผ้าของอาโรน พวกลูกชายอาโรนพร้อมกับเสื้อผ้าของพวกเขาให้กับพระยาห์เวห์
31 โมเสสพูดกับอาโรนและพวกลูกชายของเขาว่า “ให้เอาเนื้อไปต้มที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบและกินมันที่นั่น พร้อมกับขนมปังที่อยู่ในตะกร้า ขนมปังที่ใช้แต่งตั้งนักบวช เหมือนกับที่เราได้รับคำสั่งมาว่า[b] ‘อาโรนกับพวกลูกชายของเขาต้องกินมัน’ 32 เนื้อกับขนมปังที่เหลือ พวกท่านต้องเอาไปเผาไฟให้หมด 33 ห้ามพวกท่านออกไปจากทางเข้าเต็นท์นัดพบ เป็นเวลาเจ็ดวัน จนกว่ามันจะครบกำหนดเวลาของการแต่งตั้งนักบวช เพราะพิธีบวชนี้จะกินเวลาเจ็ดวัน 34 ทุกสิ่งที่พวกเราทำลงไปในวันนี้ เป็นไปตามที่พระยาห์เวห์สั่งเราไว้ เพื่อกำจัดบาปและความไม่บริสุทธิ์ทั้งหลายของพวกท่านให้กับพวกท่าน 35 พวกท่านต้องอยู่แต่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาเจ็ดวัน และพวกท่านต้องเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์ เพื่อพวกท่านจะได้ไม่ตาย เพราะพระยาห์เวห์ได้สั่งเราไว้อย่างนี้”
36 อาโรนกับพวกลูกชายของเขาจึงได้ทำทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งผ่านมาทางโมเสส
คำอธิษฐานเพื่อขอให้กำจัดคนชั่ว
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองมุธลับเบน เพลงสดุดีของดาวิด[a]
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยสิ้นสุดหัวใจของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะบอกเล่าถึงสิ่งต่างๆอันอัศจรรย์ที่พระองค์ได้ทำ
2 ข้าพเจ้าจะมีความสุข และชื่นชมยินดีในพระองค์
พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด ข้าพเจ้าจะร้องบทเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์
3 เป็นเพราะพระองค์ พวกศัตรูของข้าพเจ้าถึงได้หันหลังวิ่งหนีไป
พวกเขาล้มลงและพินาศไป
4 พระองค์ตัดสินคดีของข้าพเจ้าและประกาศว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์
พระองค์ให้คำตัดสินที่ยุติธรรมจากบัลลังก์ของพระองค์
5 พระองค์ประณามชนชาติต่างๆ
พระองค์ทำลายคนชั่วและลบชื่อของพวกเขาออกไปตลอดกาล
6 เมืองของพวกศัตรูจะพังทลายอยู่อย่างนั้นตลอดไป
พระองค์ถอนรากถอนโคนเมืองของพวกเขา
จะไม่มีใครระลึกถึงพวกเขาอีกตลอดไป
7 แต่พระยาห์เวห์จะครอบครองตลอดไป
พระองค์ก่อตั้งบัลลังก์ของพระองค์ขึ้นมาเพื่อนำความยุติธรรมมาสู่โลกนี้
8 พระองค์ตัดสินโลกนี้อย่างยุติธรรม
พระองค์ตัดสินชนชาติต่างๆอย่างเที่ยงธรรม
9 พระยาห์เวห์เป็นที่ลี้ภัยของคนพวกนั้นที่ถูกกดขี่ข่มเหง
ในยามทุกข์ยากลำบาก
10 เพื่อว่าคนเหล่านั้นที่รู้จักชื่อของพระองค์จะได้ไว้วางใจในพระองค์
เพราะพระยาห์เวห์ไม่ทอดทิ้งคนที่มาขอความช่วยเหลือจากพระองค์
11 ร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระยาห์เวห์ พระองค์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์บนภูเขาศิโยน
ขอให้บอกผู้คนถึงสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำ
12 พระยาห์เวห์ผู้แก้แค้นแทนเลือดของผู้บริสุทธิ์ พระองค์ไม่ลืมพวกเขา
พระองค์ไม่เพิกเฉยต่อคนยากจนที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วย
ดูสิ คนเหล่านั้นที่เกลียดชังข้าพเจ้ากำลังทำร้ายข้าพเจ้าอยู่
โปรดยกข้าพเจ้าขึ้นมาจากประตูของแดนคนตาย
14 แล้วข้าพเจ้าจะได้เล่าถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญทั้งหมดของพระองค์
ที่ประตูแห่งเมืองศิโยนและชื่นชมยินดีที่พระองค์ได้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด
15 ชนชาติของศัตรูเหล่านั้นต่างตกลงในหลุมพรางที่พวกเขาขุดไว้
เท้าของพวกเขาติดตาข่ายที่พวกเขาซ่อนไว้ดักคนอื่น
16 พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยให้คนรู้ว่าพระองค์รักษาความยุติธรรม
ดังนั้น พวกคนชั่วจึงติดกับดักด้วยการกระทำของพวกเขาเอง ฮิกกาโยน[b] เซลาห์
17 ขอให้คนชั่ว ลงไปสู่แดนคนตาย
คือคนเหล่านั้นทั้งหมดที่ได้หลงลืมพระเจ้า
18 แต่ คนขัดสนจะไม่ถูกลืมตลอดไปหรอก
และความหวังของคนจนจะไม่สิ้นสลายอยู่อย่างนั้นตลอดไป
19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ลุกขึ้นเถิด อย่าปล่อยให้มนุษย์ทั้งหลายคิดว่าจะเอาชนะพระองค์ได้
ขอให้ชนชาติต่างๆถูกพิพากษาอยู่ต่อหน้าพระองค์
20 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำให้พวกเขาตกใจกลัวเถิด
เพื่อว่า ชนชาติเหล่านั้นจะได้รู้ว่า พวกเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น เซลาห์
23 เมื่อเจ้านั่งกินอยู่กับผู้มีอำนาจคนหนึ่งของบ้านเมือง
ให้จำไว้ว่าเจ้ากำลังนั่งกินอยู่กับใคร
2 ถ้าเจ้าเป็นคนกินจุ
ก็ให้ยับยั้งใจไว้บ้าง[a]
3 อย่าได้ตะกละตะกรามนักต่ออาหารที่เลิศหรูนั้น
เพราะมันอาจจะดูดีแค่เปลือกนอก
4 อย่าได้ทำงานหนักจนหมดแรง เพราะหวังจะร่ำรวย
ให้ฉลาดและอย่าทำอย่างนั้น
5 ในพริบตาเดียว เงินก็จะหายไป
ราวกับมีปีกโผล่ออกมา
แล้วบินหนีไปในท้องฟ้าเหมือนนกอินทรี
6 อย่าได้กินอาหารของคนขี้เหนียว
อย่าได้ตะกละตะกรามนักต่ออาหารที่เลิศหรูนั้น
7 เพราะเขาเป็นเหมือนเส้นผมในลำคอ[b]
เขาบอกเจ้าว่า “กินและดื่มสิ”
แต่ใจของเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น
8 เจ้าจะอาเจียนอาหารอันน้อยนิดที่เจ้ากินเข้าไปออกมา
และเสียดายคำพูดที่เจ้าชมเชยเขาไป
9 อย่าได้แนะนำอะไรให้เข้าหูของคนโง่เลย
เพราะเขาจะดูหมิ่นถ้อยคำอันชาญฉลาดของเจ้านั้น
10 อย่าได้โยกย้ายหลักเขตที่มีมาช้านานแล้ว
และอย่าได้บุกรุกไร่นาของเด็กกำพร้า
11 เพราะพระเจ้าผู้ที่ช่วยพวกเขานั้นมีกำลังมหาศาล
พระองค์จะสู้คดีของพวกเขากับเจ้า
12 ให้เปิดใจของเจ้ารับคำแนะนำสั่งสอน
ให้เปิดหูของเจ้าฟังถ้อยคำแห่งความรู้
13 อย่าได้ยั้งมือจากการตีสอนเด็กหนุ่ม
ถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว เขาจะไม่ตายหรอก
14 อันที่จริงถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว
เจ้าก็จะช่วยชีวิตของเขาให้พ้นจากแดนคนตาย
15 ลูกเอ๋ย ถ้าใจของเจ้าฉลาดขึ้นมา
จิตใจของเราก็จะมีความสุข
16 เมื่อริมฝีปากของเจ้าพูดสิ่งที่ถูกต้อง
จิตใจของเราก็จะชื่นบาน
17 อย่าให้ใจของเจ้าอิจฉาพวกคนบาป
แต่ให้ยำเกรงพระยาห์เวห์เสมอ
18 เมื่อนั้นแหละเจ้าจะมีอนาคตที่ดี
และเจ้าจะไม่ผิดหวัง
19 ลูกเอ๋ย ฟังให้ดี และให้ฉลาดไว้
ให้นำจิตใจของเจ้าไปในทางที่ถูก
20 อย่าได้ไปคลุกคลีกับพวกที่ดื่มเหล้าองุ่นจัด
หรือพวกนั้นที่กินเนื้ออย่างตะกละตะกลาม
21 เพราะคนขี้เมาและคนกินเติบจะยากจน
สะลึมสะลือตลอดเวลาจนเหลือแต่ผ้าขี้ริ้วห่อตัว
22 ให้ฟังพ่อของเจ้า ผู้ที่ให้เจ้าเกิดมา
และอย่าได้ดูหมิ่นแม่ของเจ้าเมื่อนางแก่ตัวลง
23 ให้ซื้อความจริงและอย่ายอมขายมันไป
ให้ซื้อความฉลาด การสั่งสอน และความเข้าใจ
24 ลูกดี ทำให้พ่อชื่นใจ
ลูกฉลาด ทำให้พ่อภูมิใจ
25 ทำให้พ่อแม่ของเจ้ามีความสุข
ทำให้แม่ที่ให้กำเนิดเจ้ามานั้นดีใจเถอะ
26 ลูกเอ๋ย มอบจิตใจของเจ้าให้กับเรา
ให้ดวงตาของเจ้าเฝ้าสังเกตทางต่างๆของเรา
27 เพราะหญิงโสเภณีนั้นคือหลุมลึก
และหญิงที่เล่นชู้คือบ่อที่คับแคบ
28 เธอหมอบซุ่มอยู่เหมือนโจร
และทำให้จำนวนคนไม่ซื่อสัตย์เพิ่มขึ้น
29 ใครล่ะที่ร้องครวญคราง ใครล่ะที่คร่ำครวญ
ใครล่ะที่ทะเลาะวิวาท ใครล่ะที่กลุ้มใจ
ใครล่ะที่มีบาดแผลฟกช้ำโดยไม่จำเป็น
ใครล่ะที่มีดวงตาแดงก่ำ
30 ก็คนเหล่านั้นไงที่ดื่มเหล้าองุ่นจนดึกดื่น
คนเหล่านั้นไงที่ไปทดลองดื่มเหล้าผสม
31 อย่าไปหลงใหลเหล้าองุ่น ตอนมันสีแดงสดเหมือนเลือด
ตอนที่มันเป็นประกายระยิบระยับในถ้วยเหล้า
มันไหลลื่นลงคอ
32 แต่ท้ายที่สุดมันก็ฉกเหมือนงู
และมันก็พ่นพิษออกมาดุจงูพิษร้าย[c]
33 สายตาของเจ้าจะเห็นภาพหลอน
แล้วเจ้าจะพูดสับสนเพราะความคิดเลอะเลือน
34 เจ้าจะเป็นเหมือนคนนอนอยู่บนเรือกลางทะเล
เหมือนนอนบนแท่นตรงยอดเสากระโดงเรือ
35 เจ้าจะพูดว่า “พวกเขาตีข้า แต่ข้าไม่รู้สึกเจ็บ
พวกเขาทุบข้า แต่ข้าไม่รู้สึกอะไร
เมื่อไหร่ข้าจะตื่นซักที
เพื่อข้าจะได้ไปดื่มต่อ”
งานรับใช้ของเปาโลในเธสะโลนิกา
2 พี่น้องครับ พี่น้องก็รู้ว่า ตอนที่พวกเราเริ่มประกาศข่าวดีท่ามกลางพวกคุณนั้น มันไม่ได้ไร้ประโยชน์ 2 ตรงกันข้าม ถึงแม้ก่อนหน้านั้นที่เมืองฟีลิปปี[a]พวกเราได้รับความทุกข์ยากและโดนดูถูก แต่พระเจ้าได้ทำให้พวกเราสามารถประกาศข่าวดีที่มาจากพระองค์ในท่ามกลางพวกคุณอย่างกล้าหาญ ทั้งๆที่มีคนจำนวนมากต่อต้านพวกเราอย่างหนัก 3 แน่นอน เมื่อพวกเราอ้อนวอนให้คนมายอมรับข่าวดีนั้น มันไม่ได้มาจากแรงจูงใจที่ผิดๆหรือความไม่จริงใจ หรือหวังที่จะหลอกลวงใคร 4 แต่ตรงกันข้าม พระเจ้าพอใจพวกเราจึงได้มอบข่าวดีนี้ให้กับพวกเรา พวกเราถึงได้ประกาศออกไป เราไม่ได้ทำเพื่อเอาใจคน แต่เพื่อเอาใจพระเจ้า ผู้ตรวจสอบใจของพวกเรา 5 คุณก็รู้อยู่แล้วว่า เราไม่เคยประจบสอพลอ หรือเอาคำสอนมาบังหน้าความโลภ พระเจ้ารับรองได้ว่านี่เป็นความจริง 6 เราไม่สนใจคำเยินยอของมนุษย์คนไหนหรอก ไม่ว่าจะเป็นพวกคุณหรือคนอื่นๆก็ตาม
7 ในฐานะที่พวกเราเป็นศิษย์เอกของพระคริสต์ เรามีสิทธิ์ที่จะบังคับคุณก็ได้ แต่เมื่ออยู่กับพวกคุณ เรากลับอยู่อย่างสุภาพอ่อนโยน[b] เหมือนแม่นมที่รักและเอาใจใส่ลูกๆของเธอ 8 เรารักคุณมากจนพร้อมที่จะทุ่มชีวิตทั้งหมดให้กับคุณ ไม่ใช่แค่เอาข่าวดีจากพระเจ้ามาบอกเฉยๆ 9 พี่น้องทั้งหลายคงจำได้ว่า ตอนที่เรามาประกาศข่าวดีจากพระเจ้าให้กับคุณนั้น เราได้ทำงานอย่างหนัก อาบเหงื่อต่างน้ำทั้งวันทั้งคืน เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของใคร
10 พวกคุณและพระเจ้าก็เป็นพยานได้ว่า ตอนที่เราอยู่กับคุณที่ไว้วางใจนั้น เราได้ทุ่มเทตัวเองให้กับพระเจ้า ทำตามใจพระองค์ และมีชีวิตที่สะอาดหมดจดขนาดไหน 11 คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นเหมือนกับพ่อที่เลี้ยงดูลูกแต่ละคน 12 เราได้เคี่ยวเข็ญ ปลอบใจ และสั่งให้คุณใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับคนที่พระเจ้าเรียกให้มามีส่วนร่วมในอาณาจักรและเกียรติยศของพระองค์
13 พวกเราขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอ เพราะตอนที่คุณยอมรับถ้อยคำของพระเจ้าที่ได้ยินจากเรานั้น คุณไม่ได้รับไว้เหมือนเป็นแค่คำพูดของมนุษย์ แต่ยอมรับว่าเป็นถ้อยคำของพระเจ้า และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้อยคำนี้เองกำลังทำงานอยู่ในตัวพวกคุณที่ไว้วางใจ 14 พี่น้องครับ พวกคุณได้เลียนแบบหมู่ประชุมของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ที่แคว้นยูเดีย[c] คือพวกคุณได้รับความทุกข์ยากแบบเดียวกันจากคนของคุณเอง เหมือนกับที่พวกเขาได้รับจากพวกยิวที่เป็นคนของเขาเอง 15 พวกยิวพวกนี้ ก็เป็นพวกที่ฆ่าพระเยซูเจ้าและพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ยิวพวกนี้แหละได้ทำร้ายพวกเราอย่างสาหัส และขับไล่เราออกมา พวกนี้ได้ทำให้พระเจ้าไม่พอใจ และยังต่อต้านทุกคนด้วย 16 พวกเราประกาศกับคนที่ไม่ใช่ยิวเพื่อเขาจะได้รอดด้วย แต่คนยิวพวกนี้พยายามขัดขวางไม่ให้เราทำ เมื่อพวกเขาทำอย่างนี้ เขาก็เพิ่มความบาปขึ้นเรื่อยๆจนเต็ม แล้วในที่สุดพระเจ้าก็ได้ลงโทษพวกเขา
เปาโลอยากจะมาเยี่ยมพวกเขาอีก
17 พี่น้องครับ เราก็ถูกแยกจากคุณแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่เราจากกันแค่กาย ใจนั้นยังอยู่กับคุณ เราอยากจะเจอหน้าคุณจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว 18 อันที่จริงเราได้พยายามที่จะมาหาคุณ ที่แน่ๆอย่างน้อยตัวผมเอง เปาโล ก็ได้พยายามแล้วพยายามอีก แต่ซาตานก็ขัดขวางพวกเราไว้ 19 แล้วใครกันล่ะจะเป็นความหวัง เป็นความชื่นชมยินดี หรือเป็นรางวัลที่เราจะคุยโอ้อวดได้ต่อหน้าพระเยซูเจ้าเมื่อพระองค์กลับมา ก็พวกคุณนั่นแหละ 20 พวกคุณเป็นความภาคภูมิใจและความชื่นชมยินดีของพวกเรา
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International