M’Cheyne Bible Reading Plan
กฎสำหรับนักบวช
21 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้บอกกับพวกนักบวช ที่เป็นลูกหลานของอาโรนว่า ‘นักบวชต้องไม่ทำตัวให้ไม่บริสุทธิ์[a] ด้วยการแตะต้องศพที่เป็นญาติของเขา 2 ยกเว้นแต่ผู้ตายเป็นญาติสนิท คือ แม่ หรือ พ่อ ลูกชาย ลูกสาว พี่ชายหรือน้องชาย 3 พี่สาวหรือน้องสาวที่ยังไม่แต่งงาน[b] นางยังสนิทกับเขา เพราะนางยังไม่ได้แต่งเป็นของชายอื่น นักบวชอาจจะทำให้ตัวเองไม่บริสุทธิ์เพื่อนางได้ 4 แต่นักบวชจะต้องไม่ทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ ถ้าคนตายเป็นเพียงญาติฝ่ายเมีย การแตะต้องร่างคนตายจะทำให้นักบวชไม่บริสุทธิ์
5 นักบวชต้องไม่โกนผมจนหัวล้าน ต้องไม่กันเคราและไม่เชือดเนื้อของตัวเอง 6 พวกนักบวชต้องรักษาตัวให้พร้อมที่จะทำการงานอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาจะต้องไม่ทำให้ชื่อของพระเจ้าของพวกเขาเสื่อมเสีย เพราะพวกเขาจะต้องถวายพวกของขวัญ ที่เป็นอาหารของพระเจ้าของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะต้องรักษาตัวให้พร้อมที่จะทำการงานอันศักดิ์สิทธิ์
7 พวกนักบวชต้องไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่เสื่อมเสียเพราะเคยขายตัวมาก่อน หรือผู้หญิงที่หย่ากับสามี เพราะนักบวชเป็นผู้ที่ถูกอุทิศไว้ให้กับพระเจ้าของเขา 8 เจ้าต้องทำกับนักบวชแตกต่างจากคนอื่นๆเพราะเขาเป็นคนถวายอาหารให้พระเจ้าของเจ้า นักบวชจะต้องแตกต่างในสายตาเจ้า เพราะเรา คือยาห์เวห์ ผู้ที่แตกต่างจากผู้อื่น และเราทำให้เจ้าแตกต่างจากผู้อื่น
9 ถ้าลูกสาวของนักบวชทำตัวไม่บริสุทธิ์ ด้วยการไปขายตัว เขาทำให้พ่อของตัวเองไม่บริสุทธิ์ไปด้วย นางจะต้องถูกเผาตาย
10 นักบวชคนที่เป็นใหญ่กว่าพี่น้องคนอื่นๆคนที่ได้รับการเจิมน้ำมันบนหัว และคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้สวมชุดพิเศษของนักบวชชั้นสูง เขาต้องไม่ปล่อยผมรุงรัง และต้องไม่ฉีกเสื้อผ้าแสดงความเศร้าโศก 11 เขาจะต้องไม่เข้าใกล้ศพ ถึงจะเป็นศพพ่อหรือแม่ของเขาก็ตาม เขาจะต้องไม่ทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ 12 เขาต้องไม่ไปจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเขาต้องไม่ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าไม่บริสุทธิ์ เพราะเขาได้ถูกแยกไว้ด้วยน้ำมันเจิมของพระเจ้าของเขา เราคือยาห์เวห์
13 นักบวชสูงสุดต้องแต่งงานกับผู้หญิงพรหมจรรย์ 14 นักบวชสูงสุดต้องไม่แต่งงานกับผู้หญิงต่อไปนี้คือ แม่หม้าย หญิงที่หย่ากับสามี หรือโสเภณีที่ไม่บริสุทธิ์ เขาจะแต่งงานได้แต่เฉพาะกับหญิงพรหมจรรย์จากคนของเขาเท่านั้น 15 เพื่อเขาจะได้ไม่ทำให้ลูกของเขาไม่บริสุทธิ์ท่ามกลางคนของเขาเอง เพราะเรา ยาห์เวห์ ได้อุทิศนักบวชสูงสุดนั้นไว้สำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์’”
16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 17 “ให้บอกอาโรนว่า ถ้าลูกหลานคนไหนของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนก็ตาม มีร่างกายพิการ เขาจะต้องไม่เข้ามาใกล้แท่นบูชา เพื่อถวายอาหารให้กับพระเจ้าของเขา 18 เพราะคนไหนมีร่างกายไม่สมบูรณ์ เขาจะต้องไม่เข้ามาใกล้แท่นบูชา ไม่ว่าจะเป็นคนตาบอด คนเป็นง่อย คนที่มีใบหน้าผิดรูปไป[c] คนที่มีร่างผิดเพี้ยนไป[d] 19 คนเท้าหัก คนมือหัก 20 คนหลังค่อม คนเตี้ยแคระ คนตาเสีย คนที่มีผื่นขึ้นตามตัว คนเป็นโรคผิวหนัง คนที่ลูกอัณฑะบี้
21 ลูกหลานทุกคนของนักบวชอาโรน ที่มีร่างกายพิการ ห้ามไม่ให้เข้าใกล้แท่นบูชา เพื่อถวายพวกของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ เพราะเขาพิการ เขาจึงไม่สามารถถวายอาหารให้กับพระเจ้าของเขาได้ 22 แต่เขาสามารถกินอาหารของพระเจ้าของเขาได้ ทั้งอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์ 23 แต่เขาต้องไม่เข้ามาใกล้ม่าน และต้องไม่เข้าใกล้แท่นบูชา เพราะเขาพิการทางร่างกาย เขาต้องไม่ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่บริสุทธิ์ เพราะเราคือยาห์เวห์ ผู้ที่ทำให้สถานที่เหล่านี้ศักดิ์สิทธิ์”
24 ดังนั้นโมเสสจึงเล่าเรื่องพวกนี้ให้อาโรน พวกลูกชายของอาโรน และประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมดฟัง
คนบริสุทธิ์อธิษฐานขอความยุติธรรม
เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตัดสินคดีข้าพเจ้า
พิสูจน์ว่า ข้าพเจ้าเดินในทางที่บริสุทธิ์
ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระยาห์เวห์ อย่างไม่รวนเร
2 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทดสอบ และลองใจข้าพเจ้าดู
ตรวจสอบดูอารมณ์และความคิดที่อยู่ภายในใจของข้าพเจ้า
3 ข้าพเจ้าไม่เคยลืมความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อข้าพเจ้า
ความสัตย์ซื่อที่พระองค์มีต่อข้าพเจ้านำทางข้าพเจ้า
4 ข้าพเจ้าไม่คบหากับคนขี้โกง
ข้าพเจ้าไม่มีส่วนร่วมกับคนหน้าไหว้หลังหลอก
5 ข้าพเจ้าเกลียดที่มั่วสุมของคนชั่ว
ข้าพเจ้าไม่คบหาคนเลว
6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าล้างมือเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า
และเพื่อข้าพเจ้าจะได้เดินรอบแท่นบูชาของพระองค์
7 แล้วข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
และป่าวประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายที่พระองค์ทำ
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารักที่จะอยู่ในวิหารที่พระองค์สถิตอยู่
คือ เต็นท์ที่รัศมีของพระองค์[a] ปรากฏอยู่
9 โปรดอย่าทำลายข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกคนบาป
โปรดอย่าเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกกระหายเลือด
10 คือ คนพวกนั้นที่มีมือเต็มไปด้วยแผนการร้าย
และคนพวกนั้นที่มือขวาเต็มไปด้วยสินบน
11 ส่วนข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าเดินในทางที่บริสุทธิ์
โปรดเมตตากรุณาข้าพเจ้าและช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด
12 เท้าของข้าพเจ้ายืนหยัดมั่นคงอยู่บนพื้นราบ
ข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์อยู่กับฝูงชนในวิหาร
เพลงแห่งความมั่นใจในพระยาห์เวห์
เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระยาห์เวห์คือแสงสว่างและผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะต้องไปหวาดกลัวใครอีก
พระยาห์เวห์คือที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะต้องไปหวั่นเกรงใครอีก
2 ถ้าคนชั่วโจมตีข้าพเจ้าและพยายามที่จะกินเลือดกินเนื้อข้าพเจ้า
พวกปรปักษ์และศัตรูเหล่านั้นก็จะสะดุดล้มลง
3 แม้ว่าจะมีกองทัพตั้งค่ายล้อมข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าจะไม่กลัว
ถึงแม้พวกเขามาบุกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยังคงไว้วางใจพระยาห์เวห์อยู่ดี
4 ข้าพเจ้าขอเพียงสิ่งหนึ่งจากพระยาห์เวห์ เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากได้มากที่สุด คือ
ขอให้ได้อาศัยอยู่ในวิหารของพระองค์ทุกวันตลอดชีวิต
เพื่อข้าพเจ้าจะได้สัมผัสถึงความปรานีของพระยาห์เวห์
และแสวงหาการทรงนำของพระองค์ในวิหารของพระองค์
5 เพราะพระองค์จะได้ปกป้องข้าพเจ้าไว้ในที่กำบังของพระองค์ในวันที่มีภัยอันตราย
พระองค์จะซ่อนข้าพเจ้าไว้ในเต็นท์ของพระองค์
พระองค์จะยกข้าพเจ้าไว้ในที่ปลอดภัยบนผาสูง
6 และตอนนี้ พระยาห์เวห์จะยกหัวของข้าพเจ้าขึ้นเหนือพวกศัตรูที่ล้อมรอบข้าพเจ้าอยู่
ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาพร้อมเสียงโห่ร้องยินดีในวิหารของพระองค์
และข้าพเจ้าจะร้องเพลงและเล่นดนตรีเพื่อถวายเกียรติให้กับพระยาห์เวห์
7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังเสียงของข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์
โปรดเมตตา และตอบข้าพเจ้าด้วยเถิด
8 จิตใจของข้าพเจ้าบอกข้าพเจ้าว่า “แสวงหาหน้าของพระยาห์เวห์สิ”
ดังนั้น พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจึงแสวงหาหน้าของพระองค์อยู่
9 ดังนั้น ขออย่าซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
โปรดอย่าผลักไสข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ไปด้วยความโกรธ
พระองค์ผู้ที่ช่วยข้าพเจ้าเสมอ โปรดอย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าไป
พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า โปรดอย่าละทิ้งข้าพเจ้าไป
10 ถึงแม้พ่อแม่จะทิ้งข้าพเจ้าไป
แต่พระยาห์เวห์ก็จะรับเลี้ยงข้าพเจ้า
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดสอนทางของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า
โปรดนำข้าพเจ้าไปตามทางที่ราบรื่น เพราะข้าพเจ้ามีศัตรูมากมาย
12 อย่ามอบข้าพเจ้าไปให้ศัตรูทำตามใจชอบ
พยานเท็จยืนขึ้นใส่ร้ายข้าพเจ้า และพวกเขาพยายามทำลายข้าพเจ้า
13 แต่ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าจะได้เห็นพระพรทั้งหลาย
ที่พระยาห์เวห์จะให้กับข้าพเจ้าในแผ่นดินของคนเป็นนี้
14 ให้ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้
ให้ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
การกดขี่ข่มเหง
4 แล้วเราก็ได้หันไปดูการกดขี่ข่มเหงทั้งหลายที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกครั้ง
ดูสิ น้ำตาของคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง แต่ไม่มีใครปลอบโยน อำนาจอยู่ในเงื้อมมือของผู้กดขี่ ไม่มีใครปลอบโยนพวกเขาเลย
2 ดังนั้นเราจึงถือว่าคนตายไปแล้วก็โชคดีกว่าคนที่ยังเป็นอยู่
3 แต่ที่โชคดีกว่าคนตายและคนเป็น คือคนที่ไม่เคยมีชีวิตมาก่อนเพราะเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งชั่วร้ายที่มนุษย์ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
จะทำงานหนักไปทำไมกัน
4 เราเห็นว่า งานหนักและความสำเร็จทุกอย่าง เกิดมาจากการที่คนแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนวิ่งไล่ตามลม
5 แต่พวกคนโง่งอมืองอเท้า แล้วต้องกินเนื้อตัวเอง
6 คนที่หามาได้หนึ่งกำมือเต็ม แล้วได้พักผ่อน ก็ยังดีกว่าคนที่ได้มาสองกำมือ แต่ต้องทำงานหนักและวิ่งไล่ตามลม
7 แล้วเราก็เห็นสิ่งไม่เที่ยงภายใต้ดวงอาทิตย์อีกอย่างหนึ่ง คือ
8 มีชายคนหนึ่ง อยู่ตัวคนเดียวไม่มีแม้แต่ลูก หรือพี่น้อง เขาทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อน และในเรื่องความร่ำรวยนั้น ตาของเขาก็ไม่รู้จักพอ เขาไม่เคยหยุดเพื่อถามตัวเองเลยว่า จะทำงานหนักไปเพื่อใคร และที่ไม่ยอมหาความสุขใส่ตัวนี้ มันเพื่อใครกัน นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน และเป็นการหมกมุ่นอย่างร้ายกาจ
พวกเพื่อนๆและครอบครัวให้กำลังใจ
9 สองคนย่อมจะดีกว่าคนเดียว เพราะพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าจากงานหนักที่ทำ
10 แล้วถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งก็จะได้ช่วยเพื่อนให้ลุกขึ้น แต่คนที่อยู่ตัวคนเดียวจะลำบาก เพราะเมื่อเขาล้มลง ก็ไม่มีใครมาช่วยให้ลุกขึ้น
11 ยิ่งกว่านั้น ถ้าคนสองคนนอนอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็อบอุ่น ส่วนคนที่อยู่คนเดียว เขาจะอบอุ่นได้อย่างไร
12 คนที่อยู่คนเดียวอาจจะถูกรังแก แต่ถ้าอยู่ด้วยกันสองคนก็สามารถป้องกันตัวเองได้ เชือกสามเส้นที่มัดเป็นเกลียวเข้าด้วยกันนั้นไม่สามารถดึงให้ขาดจากกันได้ง่ายๆหรอก
การเมือง
13 คนหนุ่มที่ยากจนแต่ฉลาด ย่อมดีกว่ากษัตริย์แก่โง่เขลาที่ไม่ยอมฟังคำเตือนแล้ว 14 เพราะคนหนุ่มนั้นได้ออกจากคุก แล้วได้กลายมาเป็นกษัตริย์ ในขณะที่อีกคนหนึ่งซึ่งเกิดมาในวัง แต่กลับกลายเป็นคนยากจนในที่สุด 15 เราได้เห็นคนทั้งหลายผู้ซึ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไปติดตามคนหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทนคนหนุ่มคนแรกนั้น 16 แต่ถึงแม้คนหนุ่มคนหลังนี้จะมีผู้ติดตามจนนับไม่ถ้วนก็ตาม แต่คนรุ่นต่อไปจะไม่นิยมชมชอบเขา นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนวิ่งไล่ตามลม
6 ทุกคนที่เป็นทาสอยู่ภายใต้แอกของเจ้านายที่ไม่เชื่อพระเจ้า ให้เคารพนับถือนายของเขาในทุกเรื่อง จะได้ไม่มีใครดูหมิ่นชื่อของพระเจ้าและคำสอนของเรา 2 ส่วนทาสที่มีเจ้านายที่เชื่อในพระเจ้า ก็ไม่ควรดูหมิ่นเจ้านายนั้น เพราะเห็นว่าเขาเป็นพี่น้อง แต่ควรจะเคารพนับถือเขามากยิ่งขึ้น เพราะถือว่ากำลังรับใช้คนที่เขารักซึ่งเป็นคนที่เชื่อในพระเจ้าด้วยกัน นี่แหละคือสิ่งที่คุณจะต้องสั่งสอนและขอร้องให้คนทำ
คำสั่งสอนที่ไม่ถูกต้องและความร่ำรวยที่แท้จริง
3 ถ้ามีใครมาสอนเรื่องอื่นที่แตกต่างออกไปจากนี้ หรือสอนขัดกับคำสอนที่เป็นประโยชน์ของพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรา หรือสอนเพี้ยนไปจากคำสอนตามหลักศาสนาที่แท้จริง 4 เขาก็เป็นคนที่หยิ่งยโสและไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วยังเป็นโรคชอบเถียง และชอบขัดแย้งในความหมายของคำต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดการอิจฉาริษยา การแก่งแย่งชิงดี การใส่ร้ายป้ายสี การระแวงสงสัยกัน 5 และการกระทบกระทั่งกันอย่างไม่สิ้นสุด คนพวกนี้มีจิตใจที่ชั่วร้ายและความจริงถูกปล้นไปจากเขาเสียแล้ว และคนพวกนี้ยังคิดแสวงหาความร่ำรวยจากการเอาศาสนาบังหน้าอีกด้วย
6 ศาสนาอันแท้จริงจะทำให้เราร่ำรวยมหาศาลอย่างแน่นอน ถ้าเรารู้จักพอใจในสิ่งที่เรามี 7 เราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกนี้ เราก็เอาอะไรออกไปไม่ได้เหมือนกัน 8 มีอาหารกินกับเสื้อผ้าใส่ แค่นี้เราก็น่าจะพอใจได้แล้ว 9 ส่วนคนที่อยากจะร่ำรวย ก็ตกลงไปในการทดลองและกับดัก ความอยากได้ที่โง่ๆและเต็มไปด้วยอันตรายทั้งหลาย ทำให้เขาจมดิ่งลงสู่ความพินาศและสูญสิ้นไป 10 เพราะการรักเงินทอง เป็นรากเหง้าของความชั่วทุกชนิด ความอยากรวยนี้ทำให้บางคนทิ้งความเชื่อไป และทั่วทั้งร่างกายก็ถูกทิ่มแทงอย่างเจ็บปวด
บางสิ่งที่คุณควรจดจำ
11 ส่วนคุณที่เป็นคนของพระเจ้า ให้วิ่งหนีไปให้ไกลจากเรื่องพวกนี้ และให้ใช้ชีวิตตามที่พระเจ้าชอบใจ ทำตามหลักศาสนาที่แท้จริง มีความเชื่อ ความรัก ความอดทนอดกลั้น และความสุภาพอ่อนโยน 12 รักษาความเชื่อไว้ให้มั่นคงเหมือนพยายามวิ่งเข้าสู่เส้นชัย ยึดชีวิตที่จะได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไปเอาไว้ ซึ่งเป็นชีวิตที่พระเจ้าเรียกให้คุณมารับตอนที่คุณได้ประกาศความเชื่อต่อหน้าคนจำนวนมากเป็นอย่างดี 13 ต่อหน้าพระเจ้าผู้ให้ชีวิตกับทุกสิ่งทุกอย่าง และต่อหน้าพระเยซูคริสต์ผู้ได้ประกาศความเชื่อต่อหน้าปอนทัสปีลาต[a]เป็นอย่างดี 14 ผมขอสั่งให้คุณทำตามคำสั่งนี้ อย่างเคร่งครัดและไร้ที่ติ จนกว่าพระเยซูคริสต์เจ้าจะถูกเปิดเผย 15 เมื่อถึงเวลานั้น พระเจ้าจะเป็นผู้เปิดเผยให้เห็นเอง พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงเกียรติ และเป็นผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว พระองค์เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และเป็นองค์เจ้าชีวิตเหนือเจ้าชีวิตทั้งหลาย 16 เป็นผู้เดียวที่ไม่มีวันตาย และเป็นผู้ที่อยู่ในความสว่างที่มนุษย์เข้าไม่ถึง พระองค์เป็นผู้ที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยเห็นหรือสามารถมองเห็นได้ ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติและมีฤทธิ์อำนาจตลอดไป อาเมน
17 สั่งคนร่ำรวยในยุคนี้ อย่าหยิ่งยโสหรือฝากความหวังไว้กับความร่ำรวยนั้น เพราะมันไม่เที่ยงแท้ แต่ให้ฝากความหวังไว้กับพระเจ้าผู้แบ่งปันทุกสิ่งให้กับเราอย่างล้นเหลือ เพราะเห็นแก่ความสุขสบายของเรา 18 สั่งคนร่ำรวยพวกนั้นให้ทำความดี ให้ร่ำรวยในการทำดี ให้ใจดีใจกว้าง และรู้จักแบ่งปันด้วย 19 เมื่อทำอย่างนี้ เขาก็ได้เก็บทรัพย์สมบัติไว้ให้กับตัวเองในสวรรค์ ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต เพื่อจะได้ยึดชีวิตที่แท้จริงไว้
20 ทิโมธีเอ๋ย รักษาสิ่งที่พระเจ้าได้ฝากไว้กับคุณให้ดี อยู่ห่างจากการพูดไร้สาระ และหลีกเลี่ยงการโต้เถียงในเรื่องที่คนเข้าใจผิดเรียกว่าเป็น “ความรู้” 21 บางคนที่โอ้อวดความรู้ไร้สาระนั้นได้พลาดไปจากเป้าหมายของความเชื่อ ขอให้พระเจ้ามีเมตตากรุณากับพวกคุณ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International