Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เลวีนิติ 22

22 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้บอกอาโรนกับพวกลูกชายของเขาว่า ‘พวกเขาจะต้องไม่ทำให้ของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอิสราเอลเอามาอุทิศให้กับเรานั้น หมดความศักดิ์สิทธิ์ไป เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ลบหลู่ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรา เราคือยาห์เวห์ ให้บอกกับพวกเขาว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าลูกหลานคนใดของเจ้าในขณะที่ตัวเขาไม่บริสุทธิ์ ได้ไปแตะต้องของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอิสราเอลอุทิศให้กับพระยาห์เวห์ คนนั้นจะไม่ได้รับใช้เราในฐานะนักบวชอีกต่อไป เราคือยาห์เวห์

ถ้าลูกหลานคนไหนของอาโรน เป็นโรคผิวหนังร้ายแรง หรือมีหนองไหล[a] ออกจากร่างกาย เขาต้องไม่กินอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์พวกนี้จนกว่าตัวเขาจะบริสุทธิ์ ถ้ามีใครไปแตะต้องถูกสิ่งที่ศพของคนตายได้ทำให้ไม่บริสุทธิ์ไว้ หรือถ้ามีใครที่หลั่งน้ำกามออกมา หรือถ้ามีใครไปแตะต้องถูกสัตว์เลื้อยคลานที่ไม่บริสุทธิ์ หรือไปแตะต้องถูกคนที่จะทำให้เขาไม่บริสุทธิ์ ไม่ว่าเขาจะไม่บริสุทธิ์ในเรื่องอะไรก็ตาม คนที่ไปแตะต้องถูกอะไรก็ตามในของที่ไม่บริสุทธิ์พวกนี้ คนๆนั้นก็จะไม่บริสุทธิ์ไปจนถึงเย็น และเขาจะต้องไม่กินอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์ใดๆนอกเสียจากว่าเขาจะไปอาบน้ำก่อน เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน เขาก็จะกลับเป็นคนบริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็กินอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นได้ เพราะนั่นเป็นอาหารของเขา

นักบวชต้องไม่กินสัตว์ที่ตายตามธรรมชาติ หรือถูกสัตว์ป่าฉีกเนื้อกิน มันจะทำให้เขาไม่บริสุทธิ์ เราคือยาห์เวห์

พวกเขาต้องรักษากฎของเรา พวกเขาจะได้ไม่มีความผิดเพราะมัน และต้องตายเพราะไม่นับถือกฎพวกนี้ของเรา เราคือยาห์เวห์ผู้ทำให้พวกเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ 10 คนนอกต้องไม่กินอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ คนที่อาศัยอยู่กับนักบวชและคนงานที่นักบวชจ้างมา ต้องไม่กินอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ 11 แต่ถ้าทาสคนไหนที่นักบวชซื้อมาด้วยเงินของเขาเอง ทาสคนนั้นก็กินอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ รวมทั้งทาสที่เกิดในบ้านของนักบวช ก็กินอาหารของนักบวชนี้ได้ 12 ถ้าลูกสาวของนักบวชไปแต่งงานกับคนนอกที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวของนักบวช นางก็กินของถวายอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไม่ได้อีกแล้ว 13 แต่ถ้าลูกสาวของนักบวชกลายเป็นแม่หม้ายหรือหย่าร้าง โดยที่นางไม่มีลูก และนางกลับมาอยู่บ้านพ่อเหมือนตอนที่เป็นเด็ก นางก็กินอาหารของพ่อนางได้ แต่คนนอกที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวนักบวชห้ามกินมัน

14 แต่ถ้าเกิดมีคนนอกมากินอาหารศักดิ์สิทธิ์นี้โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาจะต้องชดใช้ค่าอาหารนี้ให้นักบวช และต้องชดใช้เพิ่มอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของอาหารนั้น

15 นักบวชต้องไม่ทำให้พวกของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอิสราเอลนำมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ หมดความศักดิ์สิทธิ์ไป 16 พวกนักบวชจะต้องไม่เป็นเหตุทำให้ชาวอิสราเอลทำผิด เพราะไปกินของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาเอามา จนเป็นเหตุทำให้ต้องนำเครื่องบูชาชดใช้มาถวาย เราคือยาห์เวห์ผู้ทำให้เครื่องบูชาพวกนั้นศักดิ์สิทธิ์’”

17 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 18 “ให้บอกอาโรน และพวกลูกๆของเขา และชาวอิสราเอลทั้งหมดว่า ‘เมื่อมีใครในครอบครัวชาวอิสราเอล หรือชาวต่างชาติในอิสราเอล ถวายเครื่องเผาบูชา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบูชาแก้บน หรือเครื่องบูชาที่เขาสมัครใจถวายให้กับพระยาห์เวห์ 19 ถ้าจะให้เป็นที่ยอมรับเพื่อเจ้า มันจะต้องเป็นสัตว์ตัวผู้ ที่ไม่มีตำหนิอะไรเลย จากฝูงวัว ฝูงแกะหรือฝูงแพะ 20 เจ้าต้องไม่เอาสัตว์ที่พิการมาถวาย เพราะมันจะไม่เป็นที่ยอมรับเพื่อเจ้า

21 เมื่อมีใครเอาวัวหรือแกะหรือแพะจากฝูง มาถวายเป็นเครื่องสังสรรค์บูชา ให้กับพระยาห์เวห์ เพื่อแก้บน หรือของถวายด้วยความสมัครใจ สัตว์ที่เอามานั้นต้องไม่มีตำหนิอะไรเลย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ มันจะต้องไม่พิการทางร่างกาย 22 เจ้าต้องไม่ถวายสัตว์ที่ตาบอด ขาหัก หรือสัตว์พิการ หรือมีแผลเปื่อย เป็นหิดหรือโรคเรื้อน หรือมีโรคผิวหนังร้ายแรง เจ้าต้องไม่เอาสัตว์พวกนี้มาวางไว้บนแท่นบูชา เป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์

23 แต่เจ้าสามารถใช้วัวหรือลูกแกะที่มีขนาดเล็กกว่าปกติหรือผิดรูปร่างไปบ้าง มาถวายเป็นเครื่องบูชาที่ให้ด้วยความสมัครใจได้ แต่จะใช้มันแก้บนไม่ได้ มันจะไม่เป็นที่ยอมรับ

24 เจ้าต้องไม่เอาสัตว์ที่มีลูกอัณฑะถลอก บี้ ฉีกขาดหรือถูกตัด มาถวายให้กับพระยาห์เวห์ เจ้าต้องไม่ทำอย่างนี้ในแผ่นดินของเจ้า

25 เจ้าต้องไม่เอาสัตว์อย่างนั้นจากชาวต่างชาติมาถวายเป็นของขวัญให้กับพระเจ้าของเจ้า เพราะมันเป็นสัตว์ที่มีตำหนิและพิการทางร่างกาย มันจะไม่เป็นที่ยอมรับเพื่อเจ้า’”

26 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 27 “เมื่อมีวัว แกะหรือแพะเกิดใหม่ ต้องให้มันอยู่กับแม่ของมันเป็นเวลาเจ็ดวัน ในวันที่แปดหรือต่อจากนั้น ถึงจะเอามาเป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ ที่พระองค์จะยอมรับได้ 28 เจ้าต้องไม่ฆ่าวัวหรือแกะ พร้อมกับลูกของมันในวันเดียวกัน

29 เมื่อเจ้าเอาเครื่องบูชามาถวาย เพื่อเป็นการขอบคุณพระยาห์เวห์ เจ้าต้องบูชามันอย่างที่จะเป็นที่ยอมรับเพื่อเจ้า 30 คือเจ้าต้องกินมันภายในวันนั้น และต้องไม่ให้เหลือถึงวันรุ่งขึ้น เราคือยาห์เวห์

31 เจ้าต้องเชื่อฟังพวกคำสั่งของเราและทำตาม เราคือยาห์เวห์ 32 เจ้าต้องไม่ลบหลู่ดูหมิ่นชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ประชาชนชาวอิสราเอลต้องจำไว้ว่า เราแตกต่างจากผู้อื่น เราคือยาห์เวห์ ผู้ที่ทำให้พวกเจ้าแตกต่างจากคนอื่นๆ 33 เราคือผู้ที่นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเราจะได้เป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือยาห์เวห์”

สดุดี 28-29

อธิษฐานให้รอดจากศัตรู

เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    พระองค์ผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้า ขออย่าทำเป็นหูหนวกต่อข้าพเจ้า
ถ้าพระองค์ไม่ตอบข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะต้องไปอยู่กับคนเหล่านั้นที่ลงไปในหลุมศพแน่ๆ
โปรดฟังเสียงของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    เมื่อข้าพเจ้ายกชูมือของข้าพเจ้าขึ้นและหันหน้าไปทางห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในวิหารของพระองค์

โปรดอย่าลากข้าพเจ้าออกไปลงโทษร่วมกับคนที่ทำชั่ว
    ปากของพวกเขาพูดอย่างเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านแต่ใจคิดร้ายกับเขา
ลงโทษพวกเขาให้สาสมกับสิ่งที่พวกเขาทำ
    และ สิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาทำ
ลงโทษพวกเขาให้สาสมกับสิ่งที่มือเขาทำ
    ตอบแทนเขาตามที่เขาสมควรจะได้รับ
พวกเขาไม่ไยดีในสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำหรือสร้างขึ้น
    พระองค์ก็เลยจะรื้อพวกเขาลงและจะไม่สร้างพวกเขาขึ้นมาใหม่

สรรเสริญพระยาห์เวห์
    เพราะพระองค์ได้ยินคำร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้า
พระยาห์เวห์เป็นพละกำลังและโล่ของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจึงวางใจในพระองค์
พระองค์ได้ช่วยเหลือข้าพเจ้า หัวใจของข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดี
    และข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์

พระยาห์เวห์เป็นพละกำลังของคนทั้งหลายของพระองค์
    พระองค์เป็นป้อมปราการแห่งความรอดของกษัตริย์ที่พระองค์ได้เลือกไว้[a]
โปรดช่วยคนทั้งหลายของพระองค์ให้รอด โปรดอวยพรพวกเขาที่เป็นสมบัติของพระองค์
    โปรดเลี้ยงดูพวกเขาเหมือนผู้เลี้ยงแกะ และโปรดโอบอุ้มพวกเขาไว้ตลอดไป

สง่าราศีของพระยาห์เวห์ในพายุ

เพลงสดุดีของดาวิด

ชาวสวรรค์ทั้งหลาย ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์
    สรรเสริญสง่าราศีและพละกำลังของพระยาห์เวห์เถิด
สรรเสริญพระยาห์เวห์สำหรับชื่ออันมีสง่าราศีของพระองค์
    ให้ก้มกราบลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวิหารอันสง่างามของพระองค์[b]

เสียงของพระยาห์เวห์ดังกึกก้องอยู่เหนือน้ำ
    พระเจ้าแห่งสง่าราศีเปล่งเสียงฟ้าร้อง
    พระยาห์เวห์เปล่งเสียงฟ้าร้องอยู่เหนือมหาสมุทร
เสียงของพระยาห์เวห์นั้นทรงพลัง
    เสียงของพระยาห์เวห์ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม

เสียงของพระยาห์เวห์นั้นทำให้ต้นสนซีดาร์หักกระจุย
    พระยาห์เวห์หักโค่นต้นสนซีดาร์แห่งเลบานอน
พระองค์ทำให้เทือกเขาเลบานอน กระโดดโลดเต้นเหมือนกับพวกลูกวัว
    และทำให้ภูเขาเฮอร์มอน[c] กระโดดดุจดังกระทิงหนุ่ม

เสียงของพระยาห์เวห์
    ทำให้ฟ้าผ่า
เสียงของพระยาห์เวห์ ทำให้ทะเลทรายสั่นสะเทือน
    พระยาห์เวห์ทำให้ทะเลทรายคาเดช[d] สั่นสะเทือน

เสียงของพระยาห์เวห์ทำให้พวกต้นโอ๊กสั่นไหว[e]
    และทำให้ใบไม้ร่วงหมดป่า
    ขณะเดียวกันในวิหารของพระองค์ ทุกคนต่างกำลังพากันร้องตะโกนว่า “สง่าราศี”

10 พระยาห์เวห์นั่งปกครองอยู่เหนือน้ำที่ท่วมอยู่
    พระยาห์เวห์จะนั่งปกครองอย่างกษัตริย์ตลอดไป
11 ขอให้พระยาห์เวห์มอบพละกำลังให้กับคนทั้งหลายของพระองค์
    ขอพระยาห์เวห์อวยพรคนทั้งหลายของพระองค์ให้มีสันติสุข

ปัญญาจารย์ 5

การเข้าเฝ้าพระเจ้า

ระวังสิ่งที่เจ้าทำให้ดีเมื่อเข้าไปในวิหารของพระเจ้า พระเจ้ายอมรับคนที่เชื่อฟังและทำตามพระองค์ มากกว่าคนโง่ๆที่แค่นำเครื่องบูชามาถวายเท่านั้น เพราะพวกคนโง่นั้นไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ากำลังทำชั่วอยู่

อย่าเป็นคนปากไว ใจร้อน พูดอะไรโพล่งๆออกไปต่อหน้าพระเจ้า เจียมตัวเสียบ้างเพราะพระเจ้าอยู่บนสวรรค์ แต่เจ้าอยู่บนโลก เพราะฉะนั้นเจ้าควรจะพูดให้น้อยๆเข้าไว้ ยิ่งหมกมุ่นเท่าไหร่ก็ยิ่งเพ้อฝันมากเท่านั้น ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่อให้เห็นว่าโง่มากเท่านั้น

เมื่อเจ้าได้บนบานไว้กับพระเจ้า ก็อย่าได้รีรอที่จะแก้บนนั้น เพราะพระองค์ไม่ชอบคนโง่ เจ้าบนอะไรไว้ก็ให้แก้เสีย

ไม่บนบานเสียเลยย่อมดีกว่าบนบานแล้วไม่แก้ เพราะเหตุนี้ อย่าปล่อยให้ปากเป็นเหตุทำให้คุณทำบาป และอย่าพูดกับตัวแทนของพระเจ้าว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจพูดอย่างนั้น” ทำไมจะต้องทำให้พระเจ้าโกรธเพราะคำพูดของคุณ แล้วทำให้พระองค์ทำลายงานที่คุณได้ทำมากับมือ คนเราชอบฝัน ชอบคิดเรื่องไร้สาระและชอบพูด แต่ให้ยำเกรงพระเจ้าดีกว่า

เหนือผู้นำยังมีผู้นำ

ถ้าคุณเห็นคนยากจนถูกกดขี่ข่มเหงในหมู่บ้านของคุณ หรือถูกปล้นสิทธิหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะเหนือเจ้านายคนนั้น ก็ยังมีเจ้านายของเขาเฝ้ามองอยู่ และเหนือเจ้านายทั้งสองคนนี้ ก็ยังมีเจ้านายของพวกเขาอีกทีหนึ่ง แม้แต่กษัตริย์ก็ยังได้ส่วนแบ่งจากการเพาะปลูกในแผ่นดิน พวกเขาก็ได้แบ่งผลประโยชน์ของแผ่นดินกันไป

เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้

10 คนรักเงินก็ไม่เคยมีเงินพอ และคนรักความร่ำรวยก็ไม่เคยพอใจกับรายได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน

11 เมื่อมีข้าวของเงินทองเพิ่มขึ้น ก็จะมีคนมาช่วยผลาญมากขึ้น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้าของ นอกจากจะได้แค่ชมเป็นขวัญตาเท่านั้น 12 กรรมกรมีความสุขนอนหลับสบาย ไม่ว่าเขาจะได้กินน้อยหรือมาก แต่ความเหลือเฟือของคนร่ำรวยทำให้เขานอนไม่หลับ

13 เราได้เห็นเรื่องเลวร้ายอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ คือคนที่สะสมความร่ำรวยไว้ให้กับตัวเอง และสุดท้ายก็ทำให้เขาต้องทุกข์ใจ

14 คือการที่เขาต้องสูญเสียความร่ำรวยไปหมดกับการลงทุนเสี่ยงภัย เขามีลูกชายหนึ่งคน แต่ก็ไม่มีอะไรเหลือในมือเพื่อให้กับลูกชายแล้ว

15 เขาออกมาจากท้องแม่ตัวเปล่า เขาก็ย่อมจะจากไปตัวเปล่าเหมือนเดิม ไม่ได้อะไรติดมือไปเลย จากงานหนักที่เขาได้ตรากตรำทำมา

16 ใช่แล้ว นี่แหละคือเรื่องเลวร้ายที่ทำให้รู้สึกแย่มาก

เขามาอย่างไร เขาก็จะไปอย่างนั้น แล้วเขาจะได้ประโยชน์อะไรที่ต้องทำงานหนักเพื่อได้มาแต่สิ่งลมๆแล้งๆ

17 ความจริงแล้ว ตลอดวันเวลาของเขานั้น เขาก็กินอยู่ในความมืด เต็มไปด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านใจ เจ็บไข้ได้ป่วย และโกรธแค้น

ให้มีความสุขกับการทำงาน

18 เราเห็นว่าสิ่งนี้ดีและเหมาะสม คือในช่วงชีวิตสั้นๆที่พระเจ้าประทานให้นี้ ให้แต่ละคนกินและดื่ม และมีความสุขกับงานหนักทั้งหมดที่ทำภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะสิ่งเหล่านั้นแหละเป็นรางวัลที่เขาได้รับ

19 นอกจากนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่พระเจ้าทำให้คนหนึ่งคนใดร่ำรวย ให้เขามีความสุขกับทรัพย์สมบัติและได้รับส่วนแบ่งของเขา และมีความสุขกับงานหนักที่ทำ ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้า

20 เขาไม่ควรจะไปคิดมากเกี่ยวกับเรื่องในอดีตหรือเรื่องในอนาคต เพราะพระเจ้าทำให้เขาสาละวนอยู่กับสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข

2 ทิโมธี 1

จากเปาโล ผู้เป็นศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ ตามความต้องการของพระเจ้า พระเจ้าได้ส่งผมออกไปบอกผู้คนเกี่ยวกับชีวิตที่พระองค์สัญญาว่าจะให้ในพระเยซูคริสต์

ถึงทิโมธีลูกรัก ขอให้พระเจ้าพระบิดา และพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรา ให้ความเมตตากรุณา และสันติสุขกับคุณ

เปาโลขอบคุณพระเจ้าและให้กำลังใจทิโมธี

ผมขอบคุณพระเจ้า ผู้ที่ผมรับใช้ด้วยใจบริสุทธิ์ เหมือนกับที่บรรพบุรุษของผมรับใช้ ผมอธิษฐานให้คุณเสมอทั้งวันทั้งคืน คิดถึงตอนที่คุณร้องไห้เพื่อผมแล้ว ทำให้ผมอยากเจอคุณมาก ซึ่งจะทำให้ผมมีความสุขจริงๆ ผมยังนึกถึงความเชื่อที่จริงใจของคุณ ซึ่งตอนแรกมีอยู่ในโลอิสยายของคุณ และยูนีสแม่ของคุณ และตอนนี้ผมก็เชื่อว่ามีอยู่ในคุณด้วย นี่เป็นเหตุที่ผมขอเตือนให้คุณใช้พรสวรรค์ที่พระเจ้าให้ตอนที่ผมวางมือ[a] ลงบนคุณ กระพือพรสวรรค์นั้นให้มันลุกโชติช่วงขึ้น เพราะพระวิญญาณที่พระเจ้าให้กับเรานั้นไม่ทำให้เราขี้ขลาด แต่พระวิญญาณนี้ทำให้เราเต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ ความรัก และการควบคุมตนเอง

ไม่ต้องอับอายที่จะบอกคนเกี่ยวกับองค์เจ้าชีวิตของเรา หรืออับอายในตัวผมที่เป็นนักโทษเพราะเห็นแก่พระองค์ แต่ให้พึ่งฤทธิ์เดชของพระเจ้า แล้วยอมทนทุกข์ด้วยกันกับผมเพื่อข่าวดีนั้นดีกว่า พระเจ้าทำให้เรารอดและเรียกเราให้มาเป็นคนของพระองค์โดยเฉพาะ ที่พระองค์เรียกเรานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา แต่เป็นไปตามความต้องการของพระเจ้า และพระองค์ได้ให้ความเมตตากรุณานี้กับเราผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ก่อนที่จะมีโลกนี้เสียอีก 10 แต่ตอนนี้พระเจ้าได้เปิดเผยเรื่องนี้แล้วโดยพระเยซูคริสต์ผู้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราที่ได้มาปรากฏตัวให้เห็นแล้ว พระองค์ได้มาทำลายความตาย และทำให้เราเห็นถึงชีวิตที่ไม่มีวันตายที่ผ่านทางข่าวดีนี้ 11 เพราะข่าวดีนี้เอง พระองค์ถึงได้แต่งตั้งให้ผมเป็นคนประกาศข่าว เป็นศิษย์เอก และเป็นครู 12 ด้วยเหตุนี้เองผมถึงได้รับความทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่นี้ แต่ผมก็ไม่อับอายหรอก เพราะผมรู้จักผู้ที่ผมเชื่อ และผมก็มั่นใจว่า พระองค์สามารถรักษาสิ่งที่ผมได้มอบไว้ให้กับคนอื่น[b]จนกว่าวันนั้น[c]จะมาถึง 13 ขอให้คุณยึดถือคำสอนที่มีประโยชน์ ที่คุณได้ยินจากผมนี้ไว้เป็นแบบอย่าง และทำตามด้วยความเชื่อและความรักที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์ 14 ขอให้เก็บรักษาสิ่งที่ได้มอบไว้ให้กับคุณนี้เอาไว้ให้ดี ด้วยความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในตัวเรา

15 คุณก็รู้ว่า ทุกคนในแคว้นเอเชียได้ทิ้งผมไปหมดแล้ว รวมทั้งฟีเจลัสและเฮอร์โมเกเนสด้วย 16 ขอให้องค์เจ้าชีวิตมีเมตตากรุณาต่อครอบครัวของโอเนสิโฟรัสด้วย เพราะเขาได้ให้กำลังใจผมหลายครั้งและก็ไม่อับอายที่ผมติดคุกอยู่ 17 ตรงกันข้าม เมื่อเขามาถึงกรุงโรม เขาก็ยังอุตส่าห์ตามหาผมจนพบ 18 ขอองค์เจ้าชีวิตโปรดให้ความเมตตากับเขาในวันนั้นด้วยเถิด และคุณก็รู้ดีว่าตอนที่ผมอยู่ที่เมืองเอเฟซัสนั้น เขาได้ช่วยผมมากขนาดไหน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International