Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กันดารวิถี 3

พวกนักบวชที่เป็นลูกชายอาโรน

ต่อไปนี้คือประวัติครอบครัวของอาโรนและโมเสส เมื่อพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสบนภูเขาซีนาย

อาโรนมีลูกชายสี่คนคือ นาดับลูกชายคนโต ต่อจากเขาคืออาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ ทั้งหมดนั้นคือชื่อของลูกชายอาโรน ที่ได้รับการเจิม ให้เป็นนักบวชแล้ว พวกเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบวชเพื่อรับใช้พระยาห์เวห์ แต่นาดับและอาบีฮู[a] ตายไปในขณะที่รับใช้พระยาห์เวห์ เพราะพวกเขาใช้ไฟที่พระยาห์เวห์ไม่ให้ใช้ ตอนถวายเครื่องบูชาให้กับพระองค์ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนาย พวกเขาไม่มีลูกชาย ดังนั้นเอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงมารับใช้พระยาห์เวห์ในฐานะนักบวช ตอนที่อาโรนพ่อของพวกเขายังมีชีวิตอยู่

ชาวเลวีผู้ช่วยนักบวช

พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้นำชาวเผ่าเลวีมาและพาพวกเขาไปพบนักบวชอาโรน เพื่อพวกเขาจะได้ช่วยเหลืออาโรน พวกเลวีจะช่วยอาโรนและคนในชุมชน โดยเป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้คนในชุมชนล่วงล้ำเข้าไปในเต็นท์นัดพบ และพวกเลวียังทำงานกรรมกร[b] ที่เกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบนั้นด้วย พวกเขาต้องคอยดูแลรักษาเครื่องใช้ทุกอย่างในเต็นท์นัดพบ และทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้ชาวอิสราเอลล่วงล้ำเข้าไปในเต็นท์นัดพบ และพวกเลวียังต้องทำงานกรรมกรที่เกี่ยวข้องกับเต็นท์นั้นด้วย

เจ้าต้องมอบชาวเลวีให้กับอาโรนและพวกลูกชายของเขา ชาวเลวีถูกเลือกออกมาจากชาวอิสราเอลทั้งหลาย เพื่อมาช่วยเหลืออาโรน

10 เจ้าต้องแต่งตั้งอาโรนกับลูกชายของเขาให้เป็นนักบวช และให้พวกเขาทำหน้าที่ของนักบวช ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้มาจากครอบครัวอาโรน ที่บุกรุกเข้ามาในเต็นท์นัดพบจะต้องถูกฆ่า”

11 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 12 “ฟังให้ดี เราได้เลือกชาวเลวีออกมาจากชาวอิสราเอลทั้งหลาย ดังนั้นชาวเลวีจะเป็นของเรา ชาวอิสราเอลจะได้ไม่ต้องให้ลูกชายหัวปีกับเรา เพราะเราได้เลือกชาวเลวีมาแทนที่พวกเขาแล้ว

13 เพราะลูกหัวปีทั้งหมดเป็นของเรา ไม่ว่าจะเป็นลูกคนหรือลูกสัตว์ก็ตาม ตอนที่เราฆ่าลูกหัวปีของคนอียิปต์ รวมทั้งสัตว์หัวปีของเขานั้น เราได้แยกลูกหัวปีของคนอิสราเอล และสัตว์หัวปีของเขาเอาไว้เอง พวกเขาเป็นของเรา เราคือยาห์เวห์”

14 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนายว่า 15 “ให้ลงทะเบียนชาวเลวีตามครอบครัวและตระกูล เจ้าต้องนับ[c]เด็กผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป” 16 โมเสสจึงนับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์สั่ง

17 ลูกชายของเลวี มีสามคนชื่อเกอร์โชน โคฮาทและเมรารี 18 ลูกชายของเกอร์โชน ชื่อ ลิบนีและชิเมอี

19 ลูกชายโคฮาท ชื่ออัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล

20 ลูกชายของเมรารี ชื่อมาห์ลีและมูชี

ทั้งหมดนั้นคือตระกูลของเลวีตามครอบครัวของพวกเขา

21 ตระกูลลิบนีและชิเมอีเป็นของเกอร์โชน นี่คือตระกูลต่างๆของชาวเกอร์โชน 22 เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีทั้งหมดเจ็ดพันห้าร้อยคน 23 ตระกูลต่างๆของชาวเกอร์โชนตั้งค่ายอยู่ทางด้านหลังของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ทางทิศตะวันตก 24 มีเอลียาสาฟลูกชายของลาเอล เป็นผู้นำของพวกเขา 25 ในเต็นท์นัดพบนั้น ชาวเกอร์โชนมีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ เต็นท์ด้านนอก หลังคา และ ม่านตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 26 รวมทั้งต้องเฝ้าดูแลม่านที่ขึงอยู่ในลาน ม่านตรงทางเข้าลานที่อยู่ล้อมรอบเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์และแท่นบูชา พวกเชือกต่างๆ รวมทั้งงานติดตั้งและเคลื่อนย้ายเต็นท์

27 ตระกูลของอัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล เป็นของโคฮาท นี่คือตระกูลต่างๆของชาวโคฮาท 28 เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีทั้งหมดแปดพันสามร้อยคน[d] พวกชาวโคฮาทมีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังของทั้งหมดในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 29 ตระกูลต่างๆของชาวโคฮาทตั้งค่ายอยู่ทางด้านใต้ของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 30 มีเอลีซาฟานลูกชายอุสซีเอล เป็นผู้นำพวกเขา 31 พวกเขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังทั้งหีบศักดิ์สิทธิ์ โต๊ะ ตะเกียงที่มีขาตั้ง แท่นบูชาต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ในเต็นท์นั้น ม่าน รวมทั้งงานติดตั้งและเคลื่อนย้ายเต็นท์

32 ผู้นำสูงสุดของชาวเลวีคือเอเลอาซาร์ลูกชายของนักบวชอาโรน เขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังคนพวกนั้นที่ดูแลของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ

33-34 ตระกูลมาลีและมูชี เป็นของเมรารี นี่คือตระกูลต่างๆของเมรารี เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีทั้งหมดหกพันสองร้อยคน 35 มีศุรีเอลลูกชายของอาบีฮาอิล เป็นผู้นำพวกเขา พวกเขาตั้งค่ายอยู่ทางด้านเหนือของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 36 พวกเขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังพวกโครงต่างๆของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ พวกกลอน พวกเสาหลัก พวกฐานต่างๆ เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่าง รวมทั้งงานติดตั้งและเคลื่อนย้ายเต็นท์ 37 พวกเขายังต้องดูแลเสาที่อยู่รอบๆลานกับฐานของมัน รวมทั้งหมุดยึดและเชือก

38 โมเสส อาโรนและพวกลูกชายของอาโรน จะตั้งเต็นท์อยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์คือเต็นท์นัดพบ พวกเขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้คนอิสราเอลล่วงล้ำเข้าไปในเขตศักดิ์สิทธิ์ เพราะคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวนักบวชอาโรน ถ้าเข้ามาใกล้ของศักดิ์สิทธิ์ จะต้องถูกฆ่า

39 โมเสสและอาโรนได้นับชาวเลวีทั้งหมด ตามตระกูลต่างๆของพวกเขา ตามที่พระยาห์เวห์สั่ง เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป รวมได้ทั้งหมดสองหมื่นสองพันคน

เอาชาวเลวีมาแทนที่ลูกชายคนแรก

40 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้นับจำนวนลูกชายหัวปีของชาวอิสราเอลที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป และทำบัญชีรายชื่อของพวกเขาไว้ 41 เราคือยาห์เวห์ ให้เอาชาวเลวีมาให้กับเรา แทนลูกหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล และให้เอาสัตว์ของชาวเลวี มาแทนลูกสัตว์หัวปีทั้งหมดของชาวอิสราเอล”

42 โมเสสจึงนับลูกชายหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล ตามที่พระยาห์เวห์สั่ง 43 จำนวนลูกชายหัวปีที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป นับตามรายชื่อแล้ว มีทั้งหมดสองหมื่นสองพันสองร้อยเจ็ดสิบสามคน

44 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 45 “ให้เอาชาวเลวี มาแทนที่ลูกชายหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล และให้เอาสัตว์ของชาวเลวี มาแทนที่ลูกสัตว์หัวปีของชาวอิสราเอล ชาวเลวีเป็นของเรา เราคือพระยาห์เวห์ 46 ลูกหัวปีของชาวอิสราเอลมีมากกว่าชาวเลวีอยู่สองร้อยเจ็ดสิบสามคน ส่วนต่างนี้ 47 ให้นำเงินจำนวนห้าสิบเจ็ดกรัม[e] มาเป็นค่าไถ่ของแต่ละคน เจ้าต้องใช้น้ำหนักกลางเป็นเกณฑ์[f] โดยคิดยี่สิบเกราห์[g] เท่ากับสิบเอ็ดกรัม[h] 48 เจ้าต้องนำเงินนี้ไปให้อาโรนและลูกชายของเขาเพื่อเป็นค่าไถ่ตัวลูกชายหัวปีทั้งสองร้อยเจ็ดสิบสามคนที่เกินมานั้น”

49 โมเสสจึงรับเงินค่าไถ่ตัวลูกชายหัวปีของชาวอิสราเอลพวกนี้ที่เป็นส่วนเกิน เพราะมีชาวเลวีไม่พอที่จะมาแทนที่พวกเขา 50 โมเสสเก็บเงินจากลูกชายหัวปีของชาวอิสราเอลมาได้ทั้งหมดเกือบสิบหกกิโลกรัม[i] ตามน้ำหนักกลาง 51 โมเสสให้เงินค่าไถ่นั้นกับอาโรนและลูกชายของอาโรนตามที่พระยาห์เวห์สั่ง

สดุดี 37

อย่าอิจฉาคนชั่วแต่ให้วางใจในพระยาห์เวห์

[a] เพลงของดาวิด

อย่าได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะคนชั่ว
    อย่าได้อิจฉาคนที่ทำสิ่งชั่วร้าย
เพราะพวกนี้จะเหี่ยวเฉาและตายไปในไม่ช้า
    เหมือนหญ้าที่ขึ้นตามท้องทุ่ง

ให้ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ และทำดี
    แล้วเจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินของเจ้า และพระองค์จะเลี้ยงดูเจ้าอย่างซื่อสัตย์
ให้มีความสุขกับการรับใช้พระยาห์เวห์
    แล้วพระองค์จะให้สิ่งที่ใจเจ้าต้องการ

ให้มอบทั้งชีวิตของเจ้ากับพระยาห์เวห์
    ไว้วางใจในพระองค์ แล้วพระองค์จะจัดการเรื่องของเจ้าให้
พระองค์จะทำให้ความบริสุทธิ์ของเจ้าเห็นแจ่มแจ้งเหมือนดวงอาทิตย์
    พระองค์จะทำให้ความถูกต้องของคดีเจ้าเห็นแจ่มแจ้งเหมือนกลางวัน

ให้อดทนและรอคอยพระยาห์เวห์ลงมือ
    ไม่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
    เมื่อคนชั่วประสบความสำเร็จตามแผนชั่วของเขา

ไม่ต้องโมโห ไม่ต้องโกรธ
    ไม่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ซึ่งมีแต่จะสร้างปัญหา
เพราะคนชั่วจะถูกตัดออกไปจากแผ่นดิน
    แต่คนที่รอคอยพระยาห์เวห์จะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา

10 รออีกไม่นาน คนชั่วก็จะหมดสิ้นไป
    เมื่อเจ้ามองไปในที่ที่เขาเคยอยู่ เจ้าก็จะไม่เห็นเขาอีกแล้ว
11 แต่คนที่มีจิตใจอ่อนโยนจะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา
    พวกเขาจะได้ชื่นชมยินดีในสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองมหาศาล

12 พวกคนชั่วมักวางแผนร้ายต่อต้านคนดี
    และแยกเขี้ยวใส่พวกเขา
13 แต่องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า หัวเราะเยาะใส่คนพวกนั้น
    เพราะพระองค์รู้ดีว่า วันแห่งการตัดสินโทษคนชั่วกำลังจะมาแล้ว

14 พวกคนชั่วชักดาบออก และโก่งคันธนู
    เพื่อยิงใส่คนยากจนและคนขัดสน และฆ่าฟันคนที่ซื่อตรง
15 แต่ดาบนั้นจะแทงหัวใจที่ชั่วร้ายของพวกเขาเอง
    และคันธนูนั้นก็จะหักกระจุย

16 นิดๆหน่อยๆที่คนดีคนหนึ่งมี
    ก็ยังดีกว่าความร่ำรวยของคนชั่วหลายคน
17 เพราะพระยาห์เวห์จะหักแขนของคนชั่ว
    แต่พระองค์จะดูแลคนดี

18 พระยาห์เวห์จะเอาใจใส่คนที่ไร้ที่ติ
    และรางวัลของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดกาล
19 ในยามวิกฤติพวกเขาจะไม่ต้องอับอาย
    ในเวลาที่เกิดกันดารอาหาร พวกเขาจะมีกินอย่างเหลือเฟือ

20 แต่คนชั่วจะถูกทำลายล้าง และศัตรูของพระยาห์เวห์จะสูญไป
    เหมือนดอกไม้ในทุ่ง[b] และหายไปเหมือนควัน

21 คนชั่วยืม แต่ไม่คืน
    แต่คนดีนั้นใจกว้างและแจกจ่ายให้กับผู้อื่น
22 คนเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์อวยพร จะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดิน
    ส่วนคนเหล่านั้นที่พระองค์สาปแช่ง จะถูกตัดออกจากแผ่นดิน

23 พระยาห์เวห์จะนำคนที่พระองค์พอใจไปตามทางที่ดีที่สุด
24 ถ้าคนดีสะดุด เขาก็จะไม่ล้มหรอก
    เพราะพระยาห์เวห์จับมือของเขาอยู่

25 ตั้งแต่ข้าพเจ้าเป็นหนุ่มจนแก่
    ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนดีถูกทอดทิ้ง
    ไม่เคยเห็นลูกหลานของเขาต้องไปขอคนอื่นกิน
26 คนดีมักใจกว้างและให้คนอื่นหยิบยืม
    และลูกๆของเขาเป็นพระพร

27 ดังนั้นให้หลีกเลี่ยงสิ่งชั่วร้ายและให้ทำดี
    แล้วเจ้าจะได้อยู่ในแผ่นดินตลอดไป
28 เพราะพระยาห์เวห์รักความยุติธรรม
    พระองค์ไม่ทอดทิ้งคนเหล่านั้นที่จงรักภักดีต่อพระองค์
พระองค์จะคุ้มครองพวกเขาอยู่เสมอ
    แต่ลูกหลานของคนชั่วจะถูกตัดออกไปจากแผ่นดิน
29 คนดีจะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดิน
    และพวกเขาจะได้อาศัยอยู่บนแผ่นดินนั้นตลอดไป

30 ปากคนดีพูดอย่างเฉลียวฉลาด
    และลิ้นเขาสนับสนุนความยุติธรรม
31 คำสั่งสอนของพระเจ้าของเขาอยู่ในใจเขา
    และเขาจะไม่ลื่นไถลออกจากทางของเขา

32 คนชั่วคอยดักซุ่มคนดี
    เพื่อหาโอกาสที่จะฆ่าเขา
33 แต่พระยาห์เวห์จะไม่ปล่อยให้คนดีตกไปอยู่ในกำมือของคนชั่ว
    พระองค์จะไม่ยอมให้พวกเขาแพ้คดีในศาล

34 ให้รอคอยพระยาห์เวห์และทำตามที่พระองค์บอก
    แล้วพระองค์จะยกเจ้าขึ้น เจ้าจะได้รับกรรมสิทธิ์ในแผ่นดิน
    เจ้าจะได้เห็นคนชั่วถูกตัดออกไป

35 ข้าพเจ้าเคยเห็นคนชั่วที่อำมหิต
    อิทธิพลของเขาแผ่ออกไปเหมือนต้นไม้เขียวสด
36 แต่หลังจากนั้น ข้าพเจ้าก็ผ่านทางนั้นอีก[c]
    เขาหายไปแล้ว ข้าพเจ้ามองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ

37 ให้สังเกตดูคนไร้ที่ติ และคนซื่อตรง
    คนที่รักสันติ จะมีอนาคตที่สดใส
38 แต่ทุกคนที่ฝ่าฝืนกฎของพระเจ้าจะถูกทำลาย
    อนาคตของคนเลวจะถูกตัดออกไปแน่ๆ

39 ความรอดของคนดีมาจากพระยาห์เวห์
    ในยามทุกข์ยาก พระองค์เป็นป้อมปราการของพวกเขา
40 พระยาห์เวห์ช่วยพวกเขาและช่วยกู้พวกเขา
    พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากคนชั่ว
    เพราะพวกเขาลี้ภัยในพระองค์

บทเพลง​ไพเราะ 1

สุดยอดแห่งเพลงไพเราะที่อุทิศให้กับกษัตริย์ซาโลมอน[a]

หญิงสาวพูดกับคู่รักของนาง

ฉันอยากให้เธอจูบฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก
    เพราะการร่วมรักของเธอนั้นให้ความสุขยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
น้ำหอมของเธอช่างมีกลิ่นหอมเหลือเกิน
    เมื่อเอ่ยถึงชื่อเธอ มันหอมเหมือนกับน้ำหอมที่ถูกเทออกจากขวด
    นั่นแหละคือเหตุที่หญิงสาวทั้งหลายหลงใหลเธอ
โปรดพาฉันไปด้วย รีบไปกันเถอะ
    กษัตริย์ของฉัน พาฉันไปที่ห้องของพระองค์ด้วยเถิด
ให้เราสนุกสนานกันและมีความสุขเพราะเธอ
    เราจะเฉลิมฉลองการร่วมรักของเธอที่ให้ความสุขยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
    มิน่าละหญิงสาวทั้งหลายถึงได้หลงใหลเธอ

หญิงสาวพูดกับพวกเพื่อนสาว

หญิงสาวแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย
    ฉันผิวดำแต่สวย
ฉันดำเหมือนกับเต็นท์ของเผ่าเคดาร์
    และสวยเหมือนผ้าม่านในวิหารของซาโลมอน
ไม่ต้องมองฉัน ที่ฉันผิวดำนี้
    เพราะดวงอาทิตย์จ้องฉันเขม็งอยู่แล้ว
พวกพี่ชายฉันโกรธเคืองฉัน
    และตั้งให้ฉันเป็นคนเฝ้าดูแลพวกสวนองุ่นของพวกเขา
    ฉันก็เลยไม่สามารถดูแลสวนองุ่นของตัวเอง[b]

หญิงสาวพูดกับคู่รัก

เธอผู้เป็นสุดที่รักของฉัน บอกฉันหน่อยสิว่า
    เธอเลี้ยงฝูงสัตว์ของเธออยู่ที่ไหน
และตอนเที่ยงวัน เธอให้แกะของเธอนอนพักที่ไหน บอกฉันสิ
    เพื่อฉันจะได้ไม่หลงเข้าไปหาผิดที่ ไปอยู่ใกล้กับฝูงสัตว์ของเพื่อนๆเธอ

ชายหนุ่มพูดตอบนาง

นางผู้งดงามกว่าหญิงอื่นใด
    ถ้าเธอไม่รู้ว่าจะตามหาฉันได้ที่ไหน
ก็ให้ตามรอยเท้าของฝูงสัตว์ไป
    และปล่อยให้ฝูงแพะหนุ่มของเธอกินหญ้าใกล้ๆกับเต็นท์ของพวกคนเลี้ยงแกะ

ที่รักจ๋า เธอทำให้ฉันคึก
    เหมือนกับม้าสาวที่อยู่ท่ามกลางพวกม้าหนุ่มที่ลากรถรบทั้งหลายของกษัตริย์ฟาโรห์
10 แก้มของเธอนั้นสวยด้วยต่างหู
    ลำคอของเธอก็ช่างงดงามด้วยลูกปัด
11 เราจะทำสร้อยคอทองคำ
    ประดับด้วยลูกปัดเงินให้กับเธอ

หญิงสาวพูด

12 ตอนที่กษัตริย์ฉันนอนอยู่บนเตียงนอนเล่น
    น้ำหอมของฉันส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
13 ที่รักของฉันเป็นเหมือนถุงน้ำหอม
    ที่ซบอยู่ระหว่างอกของฉันตลอดคืน
14 ที่รักของฉันเป็นเหมือนช่อดอกเฮนนา[c]
    ที่อยู่ในพวกสวนองุ่นแห่งเมืองเอนเกดี[d]

ชายหนุ่มพูด

15 ที่รักจ๋า เธอช่างสวยงาม
    สวยงามเหลือเกิน
    ดวงตาของเธอเปรียบดังนกเขา

หญิงสาวพูด

16 ที่รักจ๋า เธอช่างหล่อเหลา
    มีเสน่ห์เหลือเกิน
    เตียงของเราคือทุ่งหญ้าเขียวสด
17 มีต้นสนซีดาร์เป็นหลังคา
    มีต้นสนเฟอร์เป็นเพดาน

ฮีบรู 1

พระเจ้าพูดผ่านพระบุตรของพระองค์

ในสมัยก่อน พระเจ้าได้พูดกับบรรพบุรุษของเราผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระองค์หลายครั้ง ด้วยวิธีการที่หลากหลาย แต่ในยุคสุดท้ายนี้ พระองค์พูดกับเราผ่านทางพระบุตร พระบุตรนั้นเป็นผู้ที่พระองค์แต่งตั้งให้รับทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมรดก พระเจ้าสร้างจักรวาลโดยผ่านทางพระบุตรด้วย พระบุตรนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเป็นพิมพ์เดียวกับพระเจ้าทุกอย่าง พระบุตรใช้คำพูดอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ค้ำจุนทุกสิ่งในโลกไว้แล้ว เมื่อพระบุตรได้ล้างบาปให้มนุษย์เสร็จ พระองค์ได้นั่งลงทางขวามือของผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในสวรรค์[a] ดังนั้นพระบุตรจึงยิ่งใหญ่กว่าพวกทูตสวรรค์มากมายนัก เหมือนกับชื่อที่พระองค์ได้รับนั้นก็ยิ่งใหญ่กว่าชื่อของพวกทูตสวรรค์ด้วย

เพราะพระเจ้าไม่เคยพูดกับทูตสวรรค์องค์ไหนเลยว่า

“เจ้าคือลูกของเรา
    วันนี้เราได้เป็นพ่อของเจ้าแล้ว”[b]

และพระเจ้าก็ไม่เคยพูดถึงทูตสวรรค์องค์ไหนด้วยว่า

“เราจะเป็นพ่อของเขา
    และเขาจะเป็นลูกของเรา”[c]

เมื่อพระเจ้านำบุตรหัวปีของพระองค์มาที่โลกนี้ พระองค์พูดว่า

“ขอให้พวกทูตสวรรค์ทั้งหมดของพระเจ้ากราบไหว้เขา”[d]

เมื่อพระเจ้าพูดถึงทูตสวรรค์ พระองค์พูดว่า

“พระเจ้าทำให้พวกทูตสวรรค์ของพระองค์เป็นสายลม[e]
    และทำให้พวกทาสรับใช้ของพระองค์เป็นเปลวไฟ”[f]

แต่พระเจ้าพูดกับพระบุตรว่า

“ข้าแต่พระเจ้า บัลลังก์ของพระองค์ จะอยู่ถาวรตลอดไป
    และพระองค์จะปกครองอาณาจักรของพระองค์อย่างยุติธรรม
พระองค์รักความถูกต้องและเกลียดความชั่ว
    นั่นเป็นเหตุที่เรา พระเจ้าของลูก[g] ได้เจิมลูกด้วยการเทน้ำมันบนหัว
เพื่อลูกจะมีเกียรติและมีความยินดีมากกว่าเพื่อนๆของลูก”[h]

10 พระเจ้ายังพูดอีกว่า

“ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ในตอนเริ่มต้นนั้น
พระองค์วางรากฐานของแผ่นดินโลกนี้
    และพระองค์สร้างฟ้าสวรรค์ด้วยมือของพระองค์เอง
11 สิ่งเหล่านี้จะสูญสลายไป แต่พระองค์จะยังคงอยู่
    สิ่งเหล่านี้จะเปื่อยไปเหมือนเสื้อผ้า
12 พระองค์จะม้วนสิ่งเหล่านี้เก็บเหมือนกับเสื้อคลุม
    สิ่งเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนไปเหมือนกับเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่พระองค์จะยังคงเหมือนเดิม
    และวันเวลาของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด”[i]

13 พระเจ้าไม่เคยพูดกับทูตสวรรค์องค์ไหนด้วยว่า

“นั่งลงทางขวามือของเราสิ
    จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้าเป็นที่วางเท้าสำหรับเจ้า”[j]

14 ทูตสวรรค์พวกนี้ เป็นวิญญาณที่รับใช้พระเจ้า ที่พระองค์ส่งไปช่วยคนที่กำลังจะได้รับความรอด ไม่ใช่หรือ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International