M’Cheyne Bible Reading Plan
แผ่นดินหยุดพักจากการเพาะปลูก
(ฉธบ. 15:1-11)
25 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสบนภูเขาซีนายว่า 2 “ให้บอกประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินที่เรากำลังยกให้เจ้านี้ เจ้าต้องปล่อยให้ผืนดินได้พักผ่อนเจ็ดปีครั้ง เพื่อเป็นเกียรติกับพระยาห์เวห์ 3 ในเวลาหกปีเจ้าจะปลูกพืชในทุ่งนาได้ หกปีนี้เจ้าอาจตัดแต่งต้นองุ่นของเจ้า และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 4 แต่ในปีที่เจ็ด จะเป็นเวลาพิเศษ สำหรับให้แผ่นดินหยุดพักอย่างเต็มที่ เป็นการหยุดพักเพื่อให้เกียรติกับพระยาห์เวห์ เจ้าต้องไม่หว่านพืชในทุ่ง เจ้าต้องไม่ตัดแต่งต้นองุ่นของเจ้า 5 เจ้าต้องไม่เก็บเกี่ยวพืชผลที่เกิดขึ้นมาเอง และเจ้าต้องไม่เก็บองุ่นจากต้นองุ่นที่ไม่ได้ตัดแต่ง มันจะเป็นปีที่แผ่นดินจะได้หยุดพักอย่างเต็มที่
6 แต่ในปีแห่งการหยุดพักนี้ ถ้าผืนดินนั้นให้ผลผลิตอะไรออกมาก็ตาม สิ่งนั้นก็จะเป็นของพวกเจ้าเอาไว้กิน สำหรับตัวเจ้าเอง คนรับใช้ชายหญิงของเจ้า คนงานที่เจ้าจ้างมา และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่กับเจ้า 7 รวมทั้งวัวของเจ้าและสัตว์ป่าที่อยู่บนที่ดินของเจ้า ทุกอย่างที่เป็นผลผลิตของแผ่นดินนั้น ก็เอามาเป็นอาหารได้
ปีแห่งการปลดปล่อย
8 ให้นับไปเจ็ดปีคือปีแห่งการหยุดพัก แล้วให้นับปีแห่งการหยุดพักไปเจ็ดครั้ง คือเจ็ดคูณเจ็ด รวมเป็นเวลาสี่สิบเก้าปี 9 แล้วเจ้าต้องเป่าแตรที่ทำจากเขาแกะให้ดังในวันที่สิบของเดือนเจ็ด ซึ่งเป็นวันชำระประชาชนให้บริสุทธิ์ เจ้าต้องเป่าแตรที่ทำจากเขาแกะให้ดังไปทั่วทั้งแผ่นดิน 10 เจ้าต้องอุทิศปีที่ห้าสิบให้กับพระเจ้า และเจ้าต้องประกาศอิสรภาพในแผ่นดินให้กับทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น เจ้าต้องเรียกปีนี้ว่า ปีแห่งการปลดปล่อย ทุกคนจะกลับสู่ที่ดินของตน[a] และทุกคนจะกลับไปยังตระกูลของตน 11 ในปีที่ห้าสิบจะเป็นปีแห่งการปลดปล่อยสำหรับเจ้า เจ้าต้องไม่เพาะปลูกและไม่เก็บเกี่ยวสิ่งที่เติบโตเองตามธรรมชาติ และเจ้าต้องไม่เก็บองุ่นจากต้นองุ่นที่ยังไม่ได้ตัดแต่ง 12 เพราะมันเป็นปีแห่งการปลดปล่อย เป็นปีที่อุทิศให้กับพวกเจ้า เจ้าจะกินได้แต่ผลผลิตที่เกิดขึ้นมาเองจากทุ่งนานั้น 13 ในปีแห่งการปลดปล่อย ทุกคนจะกลับไปยังที่ดินของตน
14 ดังนั้นเมื่อเจ้าขายที่ดินให้เพื่อนบ้าน หรือซื้อที่ดินจากเพื่อนบ้านมา ก็อย่าโกงกัน 15 ถ้าเจ้าต้องการซื้อที่ดินจากเพื่อนบ้าน ก็ให้นับดูว่าผ่านปีแห่งการปลดปล่อยครั้งหลังสุดนี้มากี่ปีแล้ว และเพื่อนบ้านก็ต้องดูว่าจะเพาะปลูกได้อีกกี่ปี ก่อนจะถึงปีแห่งการปลดปล่อยครั้งต่อไป แล้วก็ซื้อขายกันตามจำนวนปีที่เหลือนั้น 16 ยิ่งเหลือเวลาอีกหลายปี ราคาของที่ดินก็จะยิ่งสูงขึ้น ยิ่งเหลือเวลาน้อย ราคาก็จะยิ่งถูกลง เพราะเขากำลังขายจำนวนปีที่จะใช้ปลูกพืชผลได้ 17 อย่าได้โกงกัน แต่ให้ยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
18 เจ้าต้องเชื่อฟังกฎเหล่านั้นของเรา และรักษาระเบียบต่างๆของเรา และทำตามพวกมัน เพื่อพวกเจ้าจะได้อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินนี้ 19 แล้วแผ่นดินจะให้ผลผลิตของมัน และเจ้าจะมีกินอย่างเหลือเฟือ และจะอยู่กันอย่างปลอดภัยในแผ่นดินนั้น
20 ถ้าเจ้าพูดว่า “แล้วเราจะเอาอะไรกินกันในปีที่เจ็ด ถ้าเราไม่เพาะปลูกและไม่เก็บเกี่ยวผลผลิตในที่ดินนั้น” 21 เราจะอวยพรเจ้าในปีที่หก แผ่นดินจะให้ผลผลิตกับเจ้าพอสำหรับสามปี 22 เมื่อเจ้าเริ่มเพาะปลูกในปีที่แปด เจ้าจะยังสามารถกินผลผลิตเก่าที่เก็บไว้ได้ จนกว่าจะถึงปีที่เก้าซึ่งผลผลิตใหม่จะเริ่มออกมา 23 เจ้าจะขายที่ดินกันอย่างถาวรไม่ได้ เพราะแผ่นดินนี้เป็นของเรา เจ้าเป็นเพียงคนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่ และเป็นคนเช่าที่อาศัยอยู่ร่วมกับเรา 24 ทั่วทั้งประเทศที่พวกเจ้าเป็นเจ้าของอยู่ พวกเจ้าต้องยินยอมให้คนที่ขายที่ดินนั้นให้กับเจ้า ไถ่ที่ดินนั้นกลับคืนไปได้ 25 ถ้าญาติของเจ้ายากจนและขายที่ดินบางส่วนไป ญาติสนิทของเขาต้องมาไถ่ที่ผืนนั้นของญาติเขากลับคืน 26 ถ้าเขาไม่มีญาติสนิทที่จะมาไถ่คืน แต่ตัวเขาเองหาเงินมาได้เพียงพอที่จะไถ่ที่ดินของเขาคืน 27 เขาต้องนับดูว่าเขาขายที่ดินไปกี่ปีแล้ว เขาก็จ่ายเงินคืนให้กับผู้ซื้อในส่วนที่ผู้ซื้อจ่ายเกินมา แล้วเขาก็จะได้ที่ดินกลับคืน 28 แต่ถ้าเขาไม่สามารถซื้อกลับคืนได้ ที่ดินผืนนั้นจะคงอยู่กับคนที่ซื้อมันไปจากเขา จนกระทั่งถึงปีแห่งการปลดปล่อย ในปีแห่งการปลดปล่อยนี้ ที่ดินก็จะได้รับการปลดปล่อย และเจ้าของที่ดินดั้งเดิมจะได้ที่ดินของเขากลับคืนไป 29 ถ้าคนหนึ่งขายบ้านที่เขาอยู่อาศัยภายในเขตกำแพงเมือง เขาสามารถไถ่คืนภายในเวลาหนึ่งปีหลังจากที่เขาขายมัน สิทธิในการไถ่นี้จะถูกจำกัดเพียงหนึ่งปีเท่านั้น 30 ถ้าเขายังไม่ไถ่คืนหลังจากหนึ่งปีเต็ม บ้านที่อยู่ในเขตกำแพงเมืองหลังนั้น จะตกเป็นของผู้ซื้อและลูกหลานของเขาอย่างถาวร และจะไม่ได้รับการปลดปล่อยในปีแห่งการปลดปล่อยด้วย 31 แต่บ้านในหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่มีกำแพงล้อมรอบ จะใช้กฎเดียวกับที่ดิน คือคนขายสามารถไถ่คืนได้ และมันก็จะได้รับการปลดปล่อยในปีแห่งการปลดปล่อย
32 แต่ถ้าเป็นเมืองของชาวเลวี ชาวเลวีมีสิทธิไถ่บ้านของพวกเขาที่อยู่ในเมืองกลับคืนได้ตลอดเวลา 33 แต่ถ้าชาวเลวีไม่ได้ไถ่บ้านของเขาคืน บ้านที่เขาขายไปนั้นก็จะกลับมาเป็นของเขา ในปีแห่งการปลดปล่อย เพราะบ้านของพวกเลวีที่อยู่ในเมืองนั้น เป็นสมบัติถาวรของพวกเขาท่ามกลางคนอิสราเอล 34 แต่ทุ่งหญ้าที่อยู่รอบๆเมืองของชาวเลวีนั้น จะขายไม่ได้ เพราะมันจะเป็นสมบัติของพวกเขาตลอดไป
35 ถ้าพี่น้องของเจ้าเกิดยากจนขึ้นมา และเขาไม่สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ ก็ให้ช่วยเหลือเขา เหมือนกับที่เจ้าช่วยเหลือชาวต่างชาติหรือคนผ่านทาง เพื่อเขาจะได้อยู่ต่อไปท่ามกลางเจ้า 36 เจ้าต้องไม่คิดดอกเบี้ยทบต้นจากเขา แต่ให้ยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เพื่อพี่น้องของเจ้าจะได้อยู่กับเจ้าต่อไป 37 เจ้าต้องไม่คิดดอกเบี้ยจากเงินที่เจ้าให้เขากู้ยืม และไม่คิดดอกเบี้ยทบต้นจากอาหารที่เจ้าให้เขากิน 38 เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ที่นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อยกแผ่นดินคานาอันนี้ให้กับเจ้า และเพื่อจะได้เป็นพระเจ้าของเจ้า
39 ถ้าพี่น้องร่วมชาติของเจ้ายากจน และขายตัวเองให้กับเจ้า เจ้าต้องไม่ให้เขาทำงานของทาส 40 เขาจะเป็นเหมือนคนงานรับจ้างหรือคนงานผู้อยู่อาศัยกับเจ้า เขาจะรับใช้เจ้าจนถึงปีแห่งการปลดปล่อย 41 แล้วเขาและลูกๆของเขาจะไปจากเจ้า และกลับไปยังตระกูลของเขาและที่ดินของบรรพบุรุษเขา 42 เพราะพวกเขาคือทาสของเรา เราได้นำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ พวกเขาต้องไม่ถูกขายเป็นทาส 43 เจ้าต้องไม่ปกครองเขาอย่างโหดร้ายทารุณ แต่เจ้าต้องยำเกรงพระเจ้าของเจ้า
44 ทาสชายและทาสหญิงของเจ้า ต้องมาจากชนชาติที่อยู่รอบๆเจ้า เจ้าต้องซื้อทาสชายและทาสหญิงจากพวกเขา 45 เจ้าอาจซื้อทาสจากลูกๆของพวกชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่กับเจ้า หรือจากครอบครัวของเขาที่อยู่กับเจ้าและเกิดบนแผ่นดินของเจ้า พวกนี้จะกลายเป็นสมบัติของเจ้า 46 และเมื่อเจ้าตาย คนเหล่านี้ก็จะเป็นมรดกตกทอดไปสู่ลูกหลานของเจ้าตลอดไป คนพวกนั้นเจ้าสามารถเอามาเป็นทาสได้ แต่เจ้าต้องไม่ปกครองพี่น้องร่วมชาติของเจ้า ที่เป็นชาวอิสราเอลอย่างโหดร้ายทารุณ
47 ถ้าชาวต่างชาติหรือแขกผู้มาเยือนของเจ้าเป็นคนรวยและพี่น้องร่วมชาติของเจ้ายากจนและขายตัวเองให้กับชาวต่างชาติหรือแขกผู้มาเยือน หรือสมาชิกในครอบครัวของชาวต่างชาติ 48 หลังจากที่เขาขายตัวเองไปแล้ว ญาติคนใดคนหนึ่งก็มีสิทธิไถ่เขาคืนมาได้ 49 หรือลุงหรือลูกพี่ลูกน้อง หรือญาติสนิทจากครอบครัวเขา ก็มีสิทธิไถ่เขาคืนมาได้ หรือถ้าเขาหาเงินมาได้เพียงพอ เขาก็สามารถไถ่ตัวเองคืนได้เหมือนกัน
50 เขาและคนซื้อเขาไป ต้องนับจำนวนปีทั้งหมด ตั้งแต่ปีที่เขาขายตัวเองไปจนถึงปีแห่งการปลดปล่อย และราคาของตัวเขาก็จะขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่เหลือนั้น เวลาที่เขาอยู่กับคนที่ซื้อเขานั้นจะนับเหมือนเวลาของลูกจ้างคนหนึ่ง 51-52 เขาจะต้องจ่ายค่าไถ่ให้กับคนที่ซื้อเขามา จะจ่ายมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่เหลือ ตั้งแต่วันที่ตกลงจะไถ่คืนจนถึงปีแห่งการปลดปล่อย ถ้ายังเหลืออีกหลายปี ก็ต้องจ่ายค่าไถ่มากหน่อย ถ้าเหลือไม่กี่ปี ก็จ่ายค่าไถ่น้อยหน่อย 53 คนที่ขายตัวเองจะอยู่กับชาวต่างชาติเหมือนกับคนงานรับจ้างรายปี ชาวต่างชาติจะต้องไม่ปกครองเขาอย่างโหดร้ายทารุณต่อหน้าเจ้า
54 แต่ถ้าเขาไม่ได้รับการไถ่ โดยวิธีใดวิธีหนึ่งที่บอกนี้ ตัวเขาและลูกๆเขาก็จะเป็นอิสระในปีแห่งการปลดปล่อย 55 เพราะประชาชนชาวอิสราเอลคือทาสของเรา พวกเขาเป็นทาสเรา เราได้นำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
สารภาพและได้รับการยกโทษ
บทกวีแห่งมัสคิล[a] ของกษัตริย์ดาวิด
1 ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนที่พระยาห์เวห์ยกโทษความผิดต่างๆให้
และคนที่พระองค์กลบเกลื่อนความบาปต่างๆให้นั้น
2 ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนที่พระยาห์เวห์ไม่ได้นับความผิดของเขา
และคนที่ไม่มีกลอุบายในจิตใจ
3 ตอนที่ข้าพเจ้าไม่ได้สารภาพความผิดบาป กระดูกของข้าพเจ้าก็อ่อนแอลง
ข้าพเจ้าคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดตลอดวันยังค่ำ
4 มือของพระองค์วางหนักอึ้งบนตัวข้าพเจ้าทั้งวันทั้งคืน
พละกำลังของข้าพเจ้าเหี่ยวแห้งไปเหมือนน้ำในหน้าแล้งของฤดูร้อน เซลาห์
5 ดังนั้น พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าขอสารภาพความบาปต่อพระองค์
โดยไม่ได้ซ่อนความผิดบาปอะไรไว้เลย
ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าจะสารภาพต่อพระยาห์เวห์ถึงการกบฏทั้งหลายที่ทำไป”
แล้วพระองค์ก็ได้ยกโทษให้กับความผิดบาปของข้าพเจ้า เซลาห์
6 ด้วยเหตุนั้น ผู้ติดตามที่จงรักภักดีทุกคนควรจะอธิษฐานต่อพระองค์เมื่อพบว่าตัวเองทำบาป
เมื่อปัญหาต่างๆสูงขึ้นเหมือนน้ำท่วม น้ำนั้นก็จะขึ้นมาไม่ถึงคนนั้นหรอก
7 พระองค์คือที่หลบซ่อนของข้าพเจ้า
พระองค์ปกป้องข้าพเจ้าจากปัญหา
พระองค์โอบล้อมข้าพเจ้าด้วยเสียงโห่ร้องของคนเหล่านั้นที่ฉลองความรอดของข้าพเจ้า เซลาห์
8 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะสั่งสอนเจ้าและให้เจ้ารู้ว่าเจ้าควรจะใช้ชีวิตอย่างไร
เราจะคอยเฝ้ามองดูเจ้าและคอยแนะนำเจ้า”
9 อย่าได้เป็นเหมือนม้าหรือล่อที่ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย
จะต้องใช้เหล็กขวางปากและเชือกบังเหียนในการบังคับควบคุมมัน
ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ยอมมาใกล้เจ้า
10 พวกคนชั่วจะพบกับความทุกข์ยากมาก
แต่คนที่ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ ความรักอันมั่นคงของพระองค์จะล้อมรอบเขาไว้
11 ดังนั้น พวกที่ทำตามใจพระยาห์เวห์ทั้งหลาย ให้ชื่นชมยินดีและมีความสุขในพระองค์เถิด
พวกเจ้าทั้งหลาย ที่มีจิตใจซื่อตรง ให้โห่ร้องด้วยความยินดี
สติปัญญาและอำนาจ
8 ใครกันล่ะที่เป็นคนฉลาดจริงๆ
และใครกันล่ะสามารถอธิบายสิ่งต่างๆได้
สติปัญญาทำให้ใบหน้าสดใส
และทำให้หน้าบึ้งตึงเปลี่ยนไป
2 เราขอบอกว่า ให้ทำตามคำสั่งของกษัตริย์เหมือนกับที่เจ้าทำตามคำสาบานที่ให้กับพระเจ้า 3 ไม่ต้องกลัวกษัตริย์หรอก เมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์ พระองค์สั่งให้ทำอะไร ก็ทำไปเลย แต่อย่าไปมีส่วนร่วมกับพวกกบฏก็แล้วกัน เพราะพระองค์มีอำนาจที่จะจัดการกับทุกอย่างตามใจชอบ 4 เพราะคำพูดของกษัตริย์นั้นมีอำนาจ ใครจะกล้าถามพระองค์ว่า “พระองค์กำลังทำอะไรอยู่” 5 คนที่ทำตามคำสั่งจะไม่ได้รับอันตราย และคนฉลาดย่อมจะรู้เวลาและวิธีการอันเหมาะสม
6 เพราะอันที่จริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีเวลาและวิธีของมัน แต่ปัญหาของคนๆหนึ่งก็หนักสำหรับเขา 7 เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและไม่มีใครบอกเขาได้ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร 8 ไม่มีใครมีอำนาจเหนือลมที่จะไปหยุดยั้งมันได้ เหมือนกับที่ไม่มีใครมีอำนาจเหนือวันตาย ไม่มีทางที่ทหารจะถูกปลดประจำการในระหว่างการสู้รบอยู่ ไม่มีทางที่ความชั่วจะช่วยกู้ชีวิตของคนทำชั่วได้
9 เราเคยเห็นเรื่องพวกนี้มาหมดแล้ว และเราก็ได้ใคร่ครวญถึงการกระทำทุกอย่างซึ่งกระทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ เราเห็นว่าทุกวันนี้เมื่อคนหนึ่งมีอำนาจเหนืออีกคนหนึ่ง เขาก็จะใช้อำนาจนั้นทำร้ายคนนั้น 10 แล้วเราก็เห็นพวกคนชั่วได้รับการฝังอย่างมีเกียรติ แล้วก็เคยเดินเข้าออกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์กันเป็นว่าเล่น แต่ทุกคนในเมืองกลับลืมคนที่ทำถูกต้องไป นี่ก็เป็นเรื่องไม่เที่ยงเหมือนกัน
ดูเหมือนว่าชีวิตจะไม่ยุติธรรม
11 เมื่อคนที่ทำชั่วไม่โดนลงโทษทันที คนถึงกล้าทำชั่ว 12 คนบาปทำชั่วเป็นร้อยๆครั้งแต่ก็ยังมีอายุยืน ทั้งๆที่เราก็รู้ทั้งรู้ว่าคนที่ยำเกรงพระเจ้าและยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ด้วยความเกรงกลัวจะได้ดี 13 แต่คนชั่วจะไม่ได้รับผลดีหรอกและจะไม่มีอายุยืนยาวด้วย พวกเขาจะเป็นเหมือนเงาเพราะไม่ยำเกรงต่อหน้าพระเจ้า
14 แต่ว่ามีเรื่องที่ไม่เที่ยงเกิดขึ้นในโลกนี้ คือ บางครั้งมนุษย์ก็ทำกับคนดีๆเหมือนกับว่าเขาเป็นคนเลว และทำกับคนเลวเหมือนกับว่าเขาเป็นคนดี สรุปแล้ว นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน 15 ดังนั้นเราแนะนำให้หาความสุขสนุกสนาน เพราะไม่มีอะไรดีสำหรับมนุษย์ที่อยู่ใต้ดวงอาทิตย์นี้ ยกเว้นการกินดื่มและหาความสุขสนุกสนานใส่ตัว เพื่อความสุขนี้จะอยู่กับเขาเมื่อต้องทำงานหนัก ตลอดวันเวลาของชีวิตที่พระเจ้าให้กับเขาภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
เราไม่เข้าใจทุกสิ่งที่พระเจ้าทำหรอก
16 เมื่อเราตั้งใจเรียนรู้ถึงสติปัญญาและสังเกตทุกสิ่งที่ผู้คนทำกันในโลกนี้ ทำให้เรานอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน 17 แล้วเราก็ได้ดูงานทั้งหมดของพระเจ้า และเห็นว่าไม่มีใครสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ได้หรอก ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ตาม เขาก็จะไม่มีวันค้นพบ แม้แต่คนฉลาดที่คิดว่าตัวเองรู้แล้วก็ยังไม่มีปัญญาค้นพบเลย
4 ต่อหน้าพระเจ้า และพระเยซูคริสต์ผู้ที่จะพิพากษาทั้งคนที่มีชีวิตและคนตาย เมื่อพระองค์กลับมาครอบครองอย่างกษัตริย์ ผมขอสั่งคุณว่า 2 ให้ประกาศถ้อยคำของพระเจ้า และพร้อมที่จะประกาศเสมอ ไม่ว่าจะสะดวกหรือไม่สะดวกก็ตาม บอกให้คนรู้ว่าเขาจะต้องทำอะไร ตักเตือนเมื่อเขาทำผิด ให้กำลังใจเขา และเวลาสั่งสอนก็ให้อดทนมากๆ 3 เพราะจะมีเวลาหนึ่งที่คนจะไม่ยอมทนต่อคำสอนที่มีประโยชน์นี้ แต่พวกเขาจะไปรวบรวมครูมากมายมาพูดในสิ่งที่หูของพวกเขาอยากจะฟัง 4 พวกเขาจะหันหูไปจากความจริง และหันไปฟังนิยายปรัมปราต่างๆ 5 ส่วนคุณเอง ขอให้มีสติรอบคอบในทุกสถานการณ์ อดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก ทำหน้าที่ประกาศข่าวดี และทำงานที่พระเจ้าได้มอบหมายไว้ให้สำเร็จ
6 ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องตาย ชีวิตของผมก็เหมือนกับเครื่องดื่มบูชาที่กำลังถูกเทลงบนแท่นบูชา 7 ผมได้ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี ได้วิ่งถึงเส้นชัยแล้ว และผมยังคงรักษาความเชื่อไว้ได้ 8 ตอนนี้รางวัลแห่งชัยชนะนั้นกำลังรอผมอยู่ คือการที่พระเจ้ายอมรับผม องค์เจ้าชีวิตผู้พิพากษาที่ซื่อสัตย์จะมอบรางวัลนี้ให้กับผมในวันนั้น[a] และไม่ได้ให้กับผมคนเดียว แต่ยังให้กับทุกคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยพระองค์กลับมา
คำพูดส่วนตัว
9 พยายามมาหาผมเร็วๆนะ 10 เพราะเดมาสรักโลกนี้ เขาจึงทอดทิ้งผมไปเมืองเธสะโลนิกาแล้ว ส่วนเครสเซนส์ไปแคว้นกาลาเทีย และทิตัสก็ไปเมืองดาลมาเทีย 11 เหลือแต่ลูกาเท่านั้นที่ยังอยู่กับผม ให้พามาระโกมาด้วยนะเพราะเขาช่วยงานผมได้ 12 ผมได้ส่งทีคีกัสไปที่เมืองเอเฟซัส 13 เมื่อคุณมาหาผม ให้เอาเสื้อคลุมที่ผมทิ้งไว้กับคารปัสในเมืองโตรอัสมาด้วยรวมทั้งหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นม้วนกระดาษหนัง[b]
14 ช่างทองแดงที่ชื่ออเล็กซานเดอร์ได้ทำร้ายผมอย่างสาหัส องค์เจ้าชีวิตจะตอบแทนเขาอย่างสาสมกับสิ่งที่เขาได้ทำ 15 คุณก็เหมือนกัน ระวังเขาไว้ให้ดี เพราะเขาต่อต้านคำสอนของเราอย่างรุนแรง
16 ตอนที่ผมสู้คดีครั้งแรกนั้นไม่มีใครมาช่วยผมเลย พวกเขาทอดทิ้งผมไปหมด ขอให้พระเจ้ายกโทษให้กับพวกเขาในเรื่องนี้ 17 แต่องค์เจ้าชีวิตยืนอยู่ข้างผมและทำให้ผมเข้มแข็ง เพื่อผมจะได้ประกาศถ้อยคำของพระองค์ได้อย่างเต็มที่และเพื่อคนที่ไม่ใช่ยิวทั้งหมดจะได้ยิน ผมจึงรอดจากปากสิงโตมาได้ 18 องค์เจ้าชีวิตจะช่วยผมให้รอดพ้นจากทุกคนที่พยายามจะทำร้ายผม และจะนำผมไปสู่อาณาจักรของพระองค์ในสวรรค์อย่างปลอดภัย ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติตลอดไป อาเมน
คำทักทายสุดท้าย
19 ขอฝากความคิดถึงให้กับปริสคากับอาควิลลา และทุกคนในครอบครัวของโอเนสิโฟรัส 20 ส่วนเอรัสทัสก็ยังอยู่ที่เมืองโครินธ์ ผมได้ทิ้งโตรฟีมัสไว้ที่เมืองมิเลทัสเพราะเขายังป่วยอยู่ 21 ขอพยายามมาถึงที่นี่ให้ได้ก่อนฤดูหนาวนะ ยูบูลัส ปูเดนส์ ลีนัส คลาวเดีย และพี่น้องทั้งหมดฝากความคิดถึงมาให้คุณ
22 ขอให้องค์เจ้าชีวิตอยู่กับจิตวิญญาณของคุณ และขอให้พระเจ้าเมตตากรุณาพวกคุณด้วย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International