M’Cheyne Bible Reading Plan
ชาวอิสราเอลเป็นของพระเจ้า
19 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้พูดกับชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมด บอกกับพวกเขาว่า ‘เจ้าต้องทำตัวให้แตกต่างจากคนอื่น เพราะเรา ยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า แตกต่างจากผู้อื่น
3 ทุกคนต้องเคารพพ่อแม่ของตน และต้องรักษาวันหยุดต่างๆของเราไว้ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
4 อย่าทิ้งเราและหันไปกราบไหว้พวกรูปเคารพและอย่าเอาเหล็กมาหล่อเป็นพวกพระต่างๆสำหรับพวกเจ้าเอง เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
5 เมื่อเจ้าเอาเครื่องสังสรรค์บูชามาถวายให้กับพระยาห์เวห์ เจ้าควรถวายตามวิธีที่ถูกต้อง มันจะได้เป็นที่ยอมรับเพื่อเจ้า 6 เนื้อที่เจ้าเอามาถวายนั้น จะต้องกินในวันนั้นที่เจ้าฆ่ามัน หรือไม่ก็วันถัดไป แต่ถ้าเหลือถึงวันที่สาม ก็ให้เอาไปเผาไฟทิ้งให้หมด 7 ถ้ายังขืนเอามากินอีกในวันที่สาม มันก็ไม่สะอาดแล้ว[a] และไม่เป็นที่ยอมรับด้วย 8 คนที่กินมัน ต้องรับผิดชอบต่อความบาปของเขาเอง เพราะว่าเขาดูหมิ่นพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่เป็นของพระยาห์เวห์ และคนๆนั้นต้องถูกตัดออกจากประชาชนของเขา
9 เมื่อเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผลจากที่ดินของเจ้า อย่าเก็บไปจนสุดขอบของทุ่งและอย่ากลับไปเก็บพวกที่หล่นตามพื้น 10 อย่าเก็บองุ่นจนหมดทั้งไร่ของเจ้า และต้องไม่เก็บองุ่นที่หล่นตามพื้นในไร่ด้วย เจ้าต้องเหลือทิ้งไว้ให้คนยากจนหรือคนเดินทาง เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
11 เจ้าต้องไม่ขโมย ไม่โกงหรือโกหกซึ่งกันและกัน 12 เจ้าต้องไม่เอาชื่อของเราไปสาบานอย่างไม่จริงใจ นั่นเป็นการลบหลู่ชื่อของพระเจ้าของเจ้า เราคือยาห์เวห์
13 เจ้าต้องไม่โกงเพื่อนบ้านเจ้า และเจ้าต้องไม่ไปปล้นเขา เจ้าต้องไม่หน่วงเหนี่ยวค่าแรงของคนงานไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น[b]
14 เจ้าต้องไม่แช่งคนหูหนวก เจ้าต้องไม่แกล้งคนตาบอด โดยเอาของมาขวางทางเขา ทำให้เขาสะดุดล้ม เจ้าต้องยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เราคือยาห์เวห์
15 เจ้าต้องตัดสินอย่างยุติธรรม ไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนสำคัญ เจ้าต้องตัดสินเพื่อนบ้านของเจ้าอย่างยุติธรรม 16 เจ้าต้องไม่เที่ยวใส่ร้ายคนอื่น และเจ้าต้องไม่ทำสิ่งที่เสี่ยงต่อชีวิตของเพื่อนบ้าน[c] เราคือยาห์เวห์
17 เจ้าต้องไม่เกลียดชังเพื่อนบ้านของเจ้าอยู่ในใจ ต้องช่วยตักเตือนเขาเมื่อเขาทำผิด เพื่อเจ้าจะได้ไม่มีส่วนในความผิดบาปของเขา 18 ลืมสิ่งไม่ดีที่คนอื่นทำกับเจ้า และอย่าแก้แค้น ให้รักเพื่อนบ้านของเจ้าเหมือนรักตัวเอง เราคือยาห์เวห์
19 เจ้าต้องเชื่อฟังกฎทั้งหลายของเรา ต้องไม่ผสมพันธุ์สัตว์ต่างชนิดกัน ไม่หว่านเมล็ดพืชต่างชนิดในทุ่งนาเดียวกัน เจ้าต้องไม่สวมเสื้อที่ทำจากวัสดุสองชนิดผสมกัน
20 ถ้าผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เป็นทาส ที่ถูกหมั้นหมายไว้แล้วกับชายอื่น แต่ยังไม่ได้รับการไถ่ตัว หรือปล่อยให้เป็นอิสระ พวกเขาสองคนจะต้องถูกลงโทษ แต่โทษไม่ถึงตาย เพราะนางยังไม่เป็นอิสระ 21 แต่ชายคนนั้นต้องนำแกะตัวผู้มาเป็นของถวายชดใช้ ถวายให้กับพระยาห์เวห์ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ 22 ต่อหน้าพระยาห์เวห์ นักบวชจะกำจัดบาปให้กับเขา โดยใช้แกะตัวผู้ที่เป็นของถวายชดใช้สำหรับบาปที่เขาได้ทำ แล้วเขาจะได้รับการอภัยจากบาปที่ได้ทำไป
23 เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินนั้นแล้ว และได้ปลูกต้นผลไม้เป็นอาหาร เจ้าต้องถือว่าผลของมันไม่บริสุทธิ์[d] ในสามปีแรกนั้น มันเป็นของต้องห้ามสำหรับเจ้า ห้ามกินมัน 24 แต่ในปีที่สี่ ผลทั้งหมดของมันจะเป็นของถวายอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสรรเสริญพระยาห์เวห์ 25 ในปีที่ห้าเจ้าถึงกินผลมันได้ ด้วยวิธีนี้ การเก็บเกี่ยวของเจ้าก็จะเพิ่มมากขึ้น เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
26 เจ้าต้องไม่กินเนื้อสัตว์ที่ยังมีเลือดของมันติดอยู่
เจ้าต้องไม่พยายามทำนายจากลางบอกเหตุหรือจากเวทมนตร์
27 เจ้าต้องไม่โกนจอนและไม่โกนเครา 28 เจ้าต้องไม่เฉือนเนื้อตัวเองในพิธีบูชาคนตาย และต้องไม่สักเครื่องหมายใดๆลงบนตัว เราคือยาห์เวห์
29 เจ้าต้องไม่ทำลายศักดิ์ศรีของลูกสาวเจ้า โดยให้นางเป็นโสเภณี เพื่อประชาชนในแผ่นดินนี้จะได้ไม่นอกใจเราอย่างกับโสเภณี และทำให้แผ่นดินเต็มไปด้วยความชั่วช้าลามก
30 เจ้าต้องรักษาพวกวันหยุดของเรา และต้องเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา เราคือยาห์เวห์
31 อย่าไปหาคนทรง[e] และพ่อมด[f] เพื่อขอคำแนะนำ และทำให้เจ้าเองไม่บริสุทธิ์เพราะพวกมัน เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
32 เจ้าต้องยืนขึ้นทำความเคารพคนแก่ และต้องให้เกียรติกับพวกเขา เจ้าต้องยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เราคือยาห์เวห์
33 เมื่อชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินของเจ้า เจ้าจะต้องไม่เอาเปรียบเขา 34 ชาวต่างชาติที่อยู่กับเจ้าต้องเป็นเหมือนประชาชนคนหนึ่งของเจ้า และเจ้าต้องรักเขาเหมือนรักตัวเอง เพราะเจ้าก็เคยเป็นชาวต่างชาติในอียิปต์มาแล้วเหมือนกัน เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
35 เจ้าต้องซื่อสัตย์ในการตัดสินความ เมื่อเจ้าวัดความยาว ชั่งน้ำหนักหรือวัดความจุ 36 เจ้าจะต้องใช้พวกตราชั่ง พวกตุ้มน้ำหนัก พวกที่ตวงเมล็ดข้าวกับของเหลว อันเที่ยงตรง เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ที่นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์
37 เจ้าต้องเชื่อฟังกฎระเบียบทั้งหมดของเรา และทำตามพวกมัน เราคือยาห์เวห์’”
พระยาห์เวห์เป็นผู้เลี้ยงแกะ
เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระยาห์เวห์เลี้ยงดูข้าพเจ้าเหมือนเลี้ยงแกะ
ดังนั้น ข้าพเจ้าไม่ขาดอะไรเลย
2 พระองค์นำข้าพเจ้าไปนอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวขจี
พระองค์นำข้าพเจ้าไปยังลำธารที่สงบเงียบ
3 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ากลับมีเรี่ยวแรงเหมือนเดิม
พระองค์นำข้าพเจ้าเดินไปบนหนทางที่ถูกต้องทั้งหลายเพื่อรักษาชื่อเสียงที่ดีของพระองค์
4 แม้ในยามที่ข้าพเจ้าเดินไปตามหุบเขาที่มืดมิดอย่างความตาย[a]
ข้าพเจ้าก็ไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆทั้งนั้น
เพราะพระองค์อยู่กับข้าพเจ้า
ไม้กระบองและไม้เท้าเลี้ยงแกะของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัย
5 พระองค์จัดโต๊ะสำหรับข้าพเจ้าต่อหน้าพวกศัตรูของข้าพเจ้า
พระองค์ต้อนรับข้าพเจ้าอย่างแขกผู้มีเกียรติ[b] ถ้วยของข้าพเจ้าเต็มจนเอ่อล้น
6 ความดีและความรักมั่นคงของพระองค์ จะติดตามข้าพเจ้าไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
และข้าพเจ้าจะอาศัยอยู่ในบ้านของพระยาห์เวห์ไปนานแสนนาน
การเข้าสู่วิหาร
เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระยาห์เวห์เป็นเจ้าของแผ่นดินโลกนี้และทุกอย่างที่อยู่ในมัน
พระองค์เป็นเจ้าของโลกนี้และมนุษย์ทุกคนที่อาศัยอยู่บนมัน
2 ด้วยว่า พระองค์ คือผู้ที่ได้ตั้งแผ่นดินโลกนี้ไว้บนน้ำ
พระองค์สร้างมันไว้อย่างมั่นคงบนมหาสมุทร
3 ใครเล่าจะขึ้นไปบนภูเขาของพระยาห์เวห์ได้
ใครเล่าจะยืนในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ได้
4 ก็มีแต่คนมือสะอาดและใจบริสุทธิ์
คนที่ไม่ได้รักการโกหก[c] คนที่ไม่ได้ผิดคำสาบาน
5 คนอย่างนี้จะได้รับพระพรจากพระยาห์เวห์ พระเจ้าจะช่วยคนอย่างนี้ให้รอด
และประกาศว่า “เขาเป็นฝ่ายถูก”
6 คนพวกนี้แหละที่แสวงหาพระเจ้าอย่างแท้จริง
พวกนี้แหละที่สามารถเข้ามาอยู่ต่อหน้าพระเจ้าของยาโคบ[d] ได้ เซลาห์
7 ประตูทั้งหลาย ยกหัวของเจ้าขึ้นมา
ประตูโบราณเอ๋ย เปิดออก
เพื่อกษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีจะได้เข้ามา
8 กษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีองค์นี้คือใครกัน
คือพระยาห์เวห์ผู้ทรงพลังและแข็งแกร่งเกรียงไกร
คือพระยาห์เวห์ นักรบผู้แข็งแกร่งเกรียงไกร
9 ประตูทั้งหลาย ยกหัวของเจ้าขึ้นมา
ประตูโบราณเอ๋ย เปิดออกเถิด
เพื่อกษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีจะได้เข้ามา
10 กษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีองค์นี้คือใครกัน
คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
พระองค์คือกษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีองค์นั้น เซลาห์
ความสนุกสนานให้ความสุขแน่หรือ
2 เราพูดกับจิตใจว่า “มาเถอะ มาลองลิ้มรสความสนุกสนานกันดู และเจอกับสิ่งดีๆ” แต่แล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน 2 เราพูดกับการหัวเราะว่า
“เจ้ามีผลงานอะไรอวดอ้างได้หรือ” และพูดว่า “เจ้าก่อให้เกิดประโยชน์อะไรได้หรือ”
3 จิตใจเราได้สำรวจดูว่า มันจะเป็นยังไงที่จะให้เหล้าองุ่นควบคุมร่างกายเรา
แต่สติปัญญายังนำจิตใจของเราอยู่และสามารถรู้ทันความโง่เขลา เราอยากรู้ว่าจะมีอะไรดีๆให้มนุษย์ทำบ้างในช่วงชีวิตอันแสนสั้นของเขาภายใต้ฟ้าสวรรค์นี้
โครงการใหญ่ๆให้ความสุขแน่หรือ
4 เราได้ทำงานต่างๆอันยิ่งใหญ่ ได้สร้างวังต่างๆสำหรับตัวเราเอง ได้ทำไร่องุ่น 5 ได้ทำสวนผลไม้และสวนพักผ่อนต่างๆให้กับตัวเราเอง และได้ปลูกผลไม้ทุกชนิดไว้ในสวนพวกนั้น 6 ได้สร้างบรรดาสระน้ำไว้เพื่อผันน้ำเข้าไปรดต้นไม้ที่ผลิดอกออกผล 7 เรามีทาสชายหญิงมากมาย และมีทาสหลายคนที่เกิดภายในเรือนของเรา นอกจากนี้ เราก็ยังมีฝูงสัตว์เลี้ยง ฝูงวัวและฝูงแกะ มากกว่าใครๆที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มมาก่อนหน้าเราอีกด้วย
8 เราได้รวบรวมเงินทองมาเป็นของรักของหวงอันเหมาะสมกับฐานะกษัตริย์ และรวบรวมหัวเมืองต่างๆมาเป็นของเราด้วย เราได้ให้ชายหญิงมาขับร้องเพลงให้ฟัง และเรายังมีทรัพย์สมบัติที่หรูหราฟู่ฟ่าที่มนุษย์ชื่นชอบเป็นหีบๆ หีบแล้วหีบเล่า
9 เราได้เป็นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าใครๆทั้งหมดที่เคยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มก่อนหน้าเรา และสติปัญญาของเราก็ช่วยเรา
10 ไม่ว่าดวงตาของเราอยากได้อะไร เราก็จะหามาให้ เราไม่เคยหักห้ามจิตใจของเราในเรื่องของความสุขใดๆ
จิตใจของเราสนุกกับงานหนักที่ได้ทำไปนั้น และความสนุกนั่นแหล่ะเป็นรางวัลเดียวที่เราได้รับจากงานหนักซึ่งเราได้ทำไป
11 แล้วเราก็หันมามองดูสิ่งทั้งหมดซึ่งเราได้ลงมือทำไป งานที่เราได้ลงมือลงแรงทำอย่างลำบากลำบนนั้น เราได้ค้นพบว่า มันไม่เที่ยง เหมือนกับไล่ตามลม ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ที่ให้ประโยชน์ถาวร
ใช่สติปัญญาหรือเปล่าที่เราหาอยู่
12 แล้วเราก็หันมาดูเรื่องสติปัญญา ความบ้าๆบอๆและความโง่เขลา เพราะไม่รู้ว่าคนแบบไหนจะขึ้นมาครองราชย์ต่อจากเรา แล้วเขาจะมีปัญญาครอบครองทุกสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาได้หรือเปล่า
13 และเราก็เห็นว่าสติปัญญานั้นได้เปรียบกว่าความโง่เขลา เช่นเดียวกับที่ความสว่างได้เปรียบกว่าความมืด
14 คนฉลาดมีดวงตาอยู่ในหัว แต่คนโง่เดินอยู่ในความมืด แต่ตัวเราเองนั้นได้เรียนรู้ว่า ทั้งคนฉลาดและคนโง่ก็จะต้องเผชิญกับสิ่งเดียวกัน 15 ดังนั้นเราจึงคิดในใจว่า เราเองจะต้องเผชิญกับสิ่งที่คนโง่ต้องเผชิญ ถ้าอย่างนั้นจะเป็นคนฉลาดเลิศเลอไปทำไมกัน แล้วเราจึงคิดในใจว่า เรื่องนี้ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน 16 เพราะทั้งคนฉลาดและคนโง่ ต่างก็ไม่อยู่ในความทรงจำของคนตลอดไปหรอก เพราะอีกไม่ช้า ทุกคนก็จะถูกลืมไปหมด มันแย่จริงๆที่คนฉลาดต้องตายเหมือนกันกับคนโง่ต้องตาย
เซ็งชีวิต
17 เพราะอย่างนี้เราถึงได้เกลียดชีวิต เรารู้สึกเจ็บปวดใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ทุกอย่างไม่เที่ยง และเป็นการวิ่งไล่ตามลม
18 เราเกลียดผลจากงานหนักที่เราได้ตรากตรำทำไปภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ เพราะเราจะต้องทิ้งมันให้กับคนรุ่นหลัง 19 แล้วใครจะไปรู้ได้ล่ะว่าเขาจะเป็นคนฉลาดหรือคนโง่ แต่ถึงยังไง เขาก็จะครอบครองทุกอย่างซึ่งเราได้ตรากตรำทำมาภายใต้ดวงอาทิตย์ ทุกสิ่งที่เราได้ลงมือทำไปอย่างชาญฉลาด เรื่องนี้ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน
20 แล้วจิตใจของเราก็ท้อแท้สิ้นหวังกับการงานที่เราได้ตรากตรำทำไปภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ 21 เพราะคนๆหนึ่งจะต้องตรากตรำทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้สติปัญญา ความรู้และความสำเร็จ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องมอบส่วนของเขาไปให้กับอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้ลงแรงทำอะไรเลย นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน และมันเป็นสิ่งเลวร้ายเหลือเกิน
22 มนุษย์ได้อะไรบ้างจากงานหนักที่ทำและทุ่มเทชีวิตจิตใจกับงานภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ 23 วันเวลาของเขามีแต่ความเจ็บปวด และงานอันยุ่งเหยิงของเขาก็มีแต่จะทำให้เขาหงุดหงิด แม้เวลากลางคืนจิตใจของเขาก็ยังไม่ได้นอนหลับพักผ่อน นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน
ขอให้สนุก
24 สำหรับมนุษย์แล้ว ไม่มีอะไรดีไปกว่า การกิน ดื่ม และมีความสุขกับงานของเขา เราเห็นว่าสิ่งนี้มาจากพระเจ้า 25 เพราะทั้งการมีกินอย่างเหลือเฟือและการต้องเก็บเศษข้าวในทุ่งนากิน ล้วนมาจากพระเจ้า 26 พระองค์จะให้สติปัญญา ความรู้และความสุขกับคนซึ่งพระองค์ชอบใจ ส่วนคนที่ไม่เอาไหน[a] พระองค์ก็ให้เขาวุ่นวายอยู่กับการเก็บรวบรวมและสะสม เพื่อเขาจะได้มอบของพวกนั้นให้กับคนที่พระเจ้าชอบใจ นี่ก็เป็นสิ่งไม่เที่ยง เป็นการวิ่งไล่ตามลมเหมือนกัน
คำเตือนเรื่องครูจอมปลอม
4 พระวิญญาณพูดไว้ชัดเจนว่า ต่อไปในอนาคตจะมีบางคนทิ้งความเชื่อ แล้วหันไปเชื่อถือวิญญาณที่หลอกลวง รวมทั้งคำสอนต่างๆของพวกมารทั้งหลาย 2 และคำหลอกลวงของพวกหน้าซื่อใจคด ใจของพวกเขาชินชากับความผิดเสียแล้ว เหมือนถูกเหล็กร้อนนาบจนตายด้าน 3 พวกเขาสั่งว่าห้ามแต่งงานและห้ามกินอาหารบางชนิด อันที่จริงพระเจ้าได้สร้างอาหารขึ้นมาให้คนที่มีความเชื่อ และคนที่รู้จักความจริง กินกันด้วยความขอบคุณ 4 ทุกอย่างที่พระเจ้าสร้างขึ้นมานั้นดีหมด ถ้ารับมาด้วยการขอบคุณพระเจ้า ก็กินได้หมดทุกอย่าง 5 เพราะถ้อยคำของพระเจ้าและคำอธิษฐานทำให้สิ่งเหล่านั้นบริสุทธิ์แล้วในสายตาพระเจ้า
ผู้รับใช้ที่ดีของพระเยซูคริสต์
6 ถ้าคุณอธิบายเรื่องนี้ให้พี่น้องฟัง คุณก็จะเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะพิสูจน์ให้เห็นว่า คุณได้รับการเลี้ยงดูด้วยถ้อยคำแห่งความเชื่อ และด้วยคำสั่งสอนที่ดีที่คุณได้ทำตามอยู่นั้น 7 อย่าไปเสียเวลากับนิยายปรัมปราไร้สาระที่หญิงแก่ๆพวกนั้นชอบเล่ากัน แต่ให้ฝึกฝนตนเองเพื่อรับใช้พระเจ้า 8 เพราะการฝึกฝนทางร่างกายก็มีประโยชน์อยู่บ้าง แต่การรับใช้พระเจ้ามีประโยชน์ทุกอย่าง ทั้งในชีวิตนี้และชีวิตหน้า 9 นั่นเป็นความจริงที่เชื่อถือได้และคุ้มค่าที่จะรับเอาไว้ 10 ที่เรายอมทำงานหนัก และต่อสู้ดิ้นรนอยู่นี้ เพราะเรามีความหวังในพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ พระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เชื่อ
11 ให้สั่งสอนเรื่องเหล่านี้ 12 อย่าให้ใครมาดูถูกคุณ เพราะเห็นว่าคุณเป็นแค่เด็กหนุ่ม แต่ให้คำพูด การกระทำ ความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์ของคุณ เป็นแบบอย่างให้กับทุกคนที่เชื่อ 13 ให้เอาใจใส่ทั้งในเรื่องการอ่านพระคัมภีร์ให้คนอื่นฟัง การให้กำลังใจและการสั่งสอนจนกว่าผมจะมา 14 อย่าละเลยที่จะใช้พรสวรรค์ของคุณที่ได้รับมาตอนที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าพูดเกี่ยวกับคุณและตอนที่พวกผู้นำอาวุโสได้วางมือ[a]บนคุณ 15 ให้เอาใจใส่และทุ่มเทในเรื่องเหล่านี้ ทุกคนจะได้เห็นชัดว่า คุณก้าวหน้าไปมากแค่ไหนแล้ว 16 ให้ระมัดระวังชีวิตและคำสอนของคุณให้ดี ยึดเรื่องเหล่านี้ไว้ให้มั่น เพราะถ้าทำอย่างนี้ คุณก็จะช่วยทั้งตัวคุณเองและคนที่ฟังคุณให้รอด
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International