Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เอสรา 1-3

ไซรัสประกาศให้อิสรภาพ

ในปีแรกของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระผู้เป็นเจ้าดลใจไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซียให้ประกาศทั่วอาณาจักรของท่าน พร้อมกับบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น เป็นไปตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งผ่านเยเรมีย์ว่า

“ไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซียกล่าวดังนี้ ‘พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้มอบอาณาจักรทั้งหมดบนแผ่นดินโลกให้แก่เรา และพระองค์มอบหมายให้เราสร้างพระตำหนักแด่พระองค์ที่เยรูซาเล็มซึ่งอยู่ในยูดาห์ ใครก็ตามในพวกท่านที่เป็นชนชาติของพระองค์ ขอพระเจ้าของเขาสถิตกับเขา และให้เขาขึ้นไปยังเยรูซาเล็มซึ่งอยู่ในยูดาห์ และสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นใหม่ พระองค์เป็นพระเจ้าผู้สถิตในเยรูซาเล็ม ผู้ที่รอดตายมาได้ทุกคนไม่ว่าจะพลัดถิ่นไปที่ใดก็ตาม จงให้เขาได้รับความช่วยเหลือจากคนในท้องถิ่นนั้นด้วยเงินและทองคำ ทรัพย์สิ่งของและสัตว์เลี้ยง ซึ่งนอกเหนือจากเครื่องสักการะที่ให้ด้วยใจสมัคร สำหรับพระตำหนักของพระเจ้าผู้สถิตในเยรูซาเล็ม’”

ครั้นแล้ว บรรดาผู้นำตระกูลของยูดาห์และเบนยามิน บรรดาปุโรหิตและชาวเลวี และทุกคนที่พระเจ้าดลใจ ต่างก็พร้อมที่จะขึ้นไปสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม คนทั้งปวงที่อยู่รอบข้างก็ช่วยพวกเขาด้วยเครื่องใช้เงิน ทองคำ ทรัพย์สิ่งของ สัตว์เลี้ยง และด้วยของมีค่า ซึ่งนอกเหนือจากทุกสิ่งที่ให้ด้วยใจสมัคร กษัตริย์ไซรัสนำเครื่องใช้ของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าออกมาด้วย เป็นสิ่งที่เนบูคัดเนสซาร์ได้ขนไปจากเยรูซาเล็มและนำไปไว้ในวิหารของเทพเจ้าของท่าน ไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซียให้มิทเรดาทผู้ดูแลกองคลังนำสิ่งเหล่านี้ออกมา เขาเป็นคนนับจำนวนให้แก่เชชบัสซาร์ผู้นำของยูดาห์ จำนวนของทั้งหมดคือ อ่างทองคำ 30 ใบ อ่างเงิน 1,000 ใบ ถาดเก็บถ่านร้อน 29 ใบ 10 ชามทองคำ 30 ใบ ชามเงิน 410 ใบ และภาชนะอื่นๆ 1,000 ใบ 11 ภาชนะทองคำและเงินรวมทั้งสิ้น 5,400 ใบ เชชบัสซาร์ได้นำภาชนะเหล่านี้ไปด้วย เมื่อบรรดาผู้ที่ถูกเนรเทศขึ้นมาจากบาบิโลนเพื่อกลับไปยังเยรูซาเล็ม

ผู้ถูกเนรเทศกลับบ้านเกิดเมืองนอน

เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้จับประชาชนที่ถูกเนรเทศจากแคว้นยูดาห์ไปเป็นเชลยที่บาบิโลน และต่อมาพวกเขาต่างก็กลับมายังเมืองของตนในเยรูซาเล็มและยูดาห์ เขาทั้งหลายมากับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ เสไรยาห์ เรเอไลยาห์ โมร์เดคัย บิลชาน มิสปาร์ บิกวัย เรฮูม และบาอานาห์

จำนวนประชาชนผู้ชายของอิสราเอลมีดังต่อไปนี้ พงศ์พันธุ์ปาโรช 2,172 คน พงศ์พันธุ์เชฟาทิยาห์ 372 คน พงศ์พันธุ์อาราห์ 775 คน พงศ์พันธุ์ปาหัทโมอับ คือบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเยชูอาและโยอาบ 2,812 คน พงศ์พันธุ์เอลาม 1,254 คน พงศ์พันธุ์ศัทธู 945 คน พงศ์พันธุ์ศักคัย 760 คน 10 พงศ์พันธุ์บานี 642 คน 11 พงศ์พันธุ์เบบัย 623 คน 12 พงศ์พันธุ์อัสกาด 1,222 คน 13 พงศ์พันธุ์อาโดนีคัม 666 คน 14 พงศ์พันธุ์บิกวัย 2,056 คน 15 พงศ์พันธุ์อาดีน 454 คน 16 พงศ์พันธุ์อาเทอร์ คือบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเฮเซคียาห์ 98 คน 17 พงศ์พันธุ์เบไซ 323 คน 18 พงศ์พันธุ์โยราห์ 112 คน 19 พงศ์พันธุ์ฮาชูม 223 คน 20 พงศ์พันธุ์กิบบาร์ 95 คน 21 พงศ์พันธุ์จากเบธเลเฮม 123 คน 22 ผู้ชายจากเนโทฟาห์ 56 คน 23 ผู้ชายจากอานาโธท 128 คน 24 พงศ์พันธุ์จากอัสมาเวท 42 คน 25 พงศ์พันธุ์จากคีริยาทอาริม เคฟีราห์ และเบเอโรท 743 คน 26 พงศ์พันธุ์จากรามาห์และเก-บา 621 คน 27 ผู้ชายจากมิคมาส 122 คน 28 ผู้ชายจากเบธเอลและอัย 223 คน 29 พงศ์พันธุ์จากเนโบ 52 คน 30 พงศ์พันธุ์ชาวมักบีช 156 คน 31 พงศ์พันธุ์ชาวเอลามอีกกลุ่มหนึ่ง 1,254 คน 32 พงศ์พันธุ์ชาวฮาริม 320 คน 33 พงศ์พันธุ์ชาวโลด ชาวฮาดิด และชาวโอโน 725 คน 34 พงศ์พันธุ์ชาวเยรีโค 345 คน 35 พงศ์พันธุ์ชาวเสนาอาห์ 3,630 คน

36 บรรดาปุโรหิต คือพงศ์พันธุ์เยดายาห์ จากตระกูลเยชูอา 973 คน 37 พงศ์พันธุ์อิมเมอร์ 1,052 คน 38 พงศ์พันธุ์ปาชเฮอร์ 1,247 คน 39 พงศ์พันธุ์ฮาริม 1,017 คน

40 ชาวเลวี คือพงศ์พันธุ์เยชูอาและขัดมีเอล จากพงศ์พันธุ์โฮดาวิยาห์ 74 คน 41 บรรดานักร้อง คือพงศ์พันธุ์อาสาฟ 128 คน 42 บรรดาผู้สืบเชื้อสายของคนเฝ้าประตู คือพงศ์พันธุ์ชัลลูม พงศ์พันธุ์อาเทอร์ พงศ์พันธุ์ทัลโมน พงศ์พันธุ์อักขูบ พงศ์พันธุ์ฮาทิธา และพงศ์พันธุ์โชบัย รวมทั้งสิ้น 139 คน

43 บรรดาผู้รับใช้ประจำพระวิหาร คือพงศ์พันธุ์ศีหะ พงศ์พันธุ์ฮาสูฟา พงศ์พันธุ์ทับบาโอท 44 พงศ์พันธุ์เคโรส พงศ์พันธุ์สีอาฮา พงศ์พันธุ์พาโดน 45 พงศ์พันธุ์เลบานาห์ พงศ์พันธุ์ฮากาบาห์ พงศ์พันธุ์อักขูบ 46 พงศ์พันธุ์ฮากาบ พงศ์พันธุ์ชัมลัย พงศ์พันธุ์ฮานาน 47 พงศ์พันธุ์กิดเดล พงศ์พันธุ์กาฮาร์ พงศ์พันธุ์เรอายาห์ 48 พงศ์พันธุ์เรซีน พงศ์พันธุ์เนโคดา พงศ์พันธุ์กัสซาม 49 พงศ์พันธุ์อุสซา พงศ์พันธุ์ปาเสอัค พงศ์พันธุ์เบสัย 50 พงศ์พันธุ์อัสนาห์ พงศ์พันธุ์เมอูนิม พงศ์พันธุ์เนฟิสิม 51 พงศ์พันธุ์บัคบูค พงศ์พันธุ์ฮาคูฟา พงศ์พันธุ์ฮาร์ฮูร์ 52 พงศ์พันธุ์บัสลูท พงศ์พันธุ์เมหิดา พงศ์พันธุ์ฮาร์ชา 53 พงศ์พันธุ์บาร์โขส พงศ์พันธุ์สิเส-รา พงศ์พันธุ์เทมาห์ 54 พงศ์พันธุ์เนซิยาห์ และพงศ์พันธุ์ฮาทิฟา

55 พงศ์พันธุ์ผู้รับใช้ของซาโลมอน คือพงศ์พันธุ์โสทัย พงศ์พันธุ์หัสโสเฟเรท พงศ์พันธุ์เปรุดา 56 พงศ์พันธุ์ยาอาลาห์ พงศ์พันธุ์ดาร์โคน พงศ์พันธุ์กิดเดล 57 พงศ์พันธุ์เชฟาทิยาห์ พงศ์พันธุ์ฮัทธิล พงศ์พันธุ์โปเคเรท-หัสเซบาอิม และพงศ์พันธุ์อามี

58 ผู้รับใช้ประจำพระวิหารและพงศ์พันธุ์ผู้รับใช้ของซาโลมอน รวมทั้งสิ้น 392 คน

59 คนเหล่านี้ขึ้นมาจากเมืองเทลเมลาห์ เทลฮาร์ชา เครูบ อัดดาน และอิมเมอร์ แต่พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามาจากตระกูลใดหรือสืบเชื้อสายมาจากชาวอิสราเอลหรือไม่ พวกเขามีรายชื่อดังต่อไปนี้ 60 พงศ์พันธุ์เดไลยาห์ พงศ์พันธุ์โทบียาห์ และพงศ์พันธุ์เนโคดา รวมได้ 652 คน 61 จากพงศ์พันธุ์ของบรรดาปุโรหิตด้วยคือ พงศ์พันธุ์โฮบายาห์ พงศ์พันธุ์ฮักโขส และพงศ์พันธุ์บาร์ซิลลัย (ผู้ได้แต่งงานกับบุตรหญิงของบาร์ซิลลัยชาวกิเลอาด จึงได้ชื่อตามนั้น) 62 คนเหล่านี้ได้ค้นหาทะเบียนของพวกเขาในหมู่คนที่จดทะเบียนลำดับเชื้อสาย แต่หาไม่พบ พวกเขาจึงถูกตัดออกจากการเป็นปุโรหิตเพราะถูกนับว่ามีมลทิน 63 ผู้ว่าราชการเมืองสั่งห้ามไม่ให้พวกเขารับประทานอาหารบริสุทธิ์ที่สุด จนกว่าปุโรหิตจะตัดสินใจโดยใช้อูริมและทูมมิม[a]เสียก่อน

64 ที่ประชุมทั้งหมดรวมทั้งสิ้น 42,360 คน 65 นอกจากบรรดาผู้รับใช้ชายและหญิงจำนวน 7,337 คนแล้ว ยังมีนักร้องชายและหญิงอีก 200 คน 66 ม้า 736 ตัว ล่อ 245 ตัว 67 อูฐ 435 ตัว และลา 6,720 ตัว

68 เมื่อเขาทั้งหลายมาถึงพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม หัวหน้าครอบครัวบางคนก็มอบของถวายด้วยใจสมัคร เพื่อสร้างพระตำหนักของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม 69 พวกเขาอุทิศตามความสามารถให้แก่กองคลังเป็นทองคำหนัก 61,000 ดาริค[b] เงิน 5,000 มินา[c] และเครื่องแต่งกายปุโรหิต 100 ตัว

70 บรรดาปุโรหิต ชาวเลวี นักร้อง คนเฝ้าประตู ผู้รับใช้ประจำพระวิหาร รวมทั้งประชาชนบางคน ต่างก็ตั้งรกรากอยู่ในเมืองของตน และอิสราเอลทั้งปวงตั้งรกรากอยู่ในเมืองของตน

สร้างแท่นบูชาขึ้นใหม่

เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด ชาวอิสราเอลได้ตั้งรกรากอยู่ในเมืองของพวกเขา ประชาชนมาประชุมพร้อมเพรียงกันที่เยรูซาเล็ม เยชูอาบุตรโยซาดัก พร้อมกับพี่น้องปุโรหิต และเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล พร้อมกับพี่น้องของเขา จึงเริ่มสร้างแท่นบูชาของพระเจ้าของอิสราเอลเพื่อถวายสัตว์ที่เขาจะเผาเป็นของถวาย ดังที่เขียนไว้ในกฎบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า แม้ว่าพวกเขาจะกลัวบรรดาชนชาติรอบข้าง พวกเขาก็ตั้งแท่นบูชาบนฐานรากเดิม และมอบสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวายบนแท่นแด่พระผู้เป็นเจ้า ทั้งในเวลาเช้าและเวลาเย็น และพวกเขาฉลองเทศกาลอยู่เพิงตามที่บันทึกไว้ และมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายประจำวัน ตามจำนวนที่กำหนดในแต่ละวัน หลังจากนั้นก็ได้มอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายอย่างต่อเนื่อง ของถวายในวันข้างขึ้น และในเทศกาลที่กำหนดไว้ทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้า และของถวายของทุกคนที่ให้ด้วยใจสมัครแด่พระผู้เป็นเจ้า ตั้งแต่วันแรกของเดือนที่เจ็ด พวกเขาเริ่มมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า แต่ยังไม่ได้วางฐานรากของพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นพวกเขาจึงมอบเงินให้แก่ช่างก่ออิฐและช่างไม้ มอบอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำมันแก่ชาวไซดอนและชาวไทระ เพื่อนำไม้ลงทะเลจากเลบานอนมาที่เมืองยัฟฟา ตามที่ได้รับอนุญาตจากไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย

การสร้างพระวิหาร

ในปีที่สองหลังจากที่พวกเขาได้มายังพระตำหนักของพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม ในเดือนที่สอง เศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล เยชูอาบุตรโยซาดัก ก็เริ่มปฏิบัติงาน รวมทั้งพี่น้องของพวกเขา คือบรรดาปุโรหิต ชาวเลวี และทุกคนที่ถูกจับไปเป็นเชลยแล้วได้กลับมายังเยรูซาเล็ม เขาเหล่านั้นแต่งตั้งให้บรรดาชาวเลวีที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เป็นผู้ควบคุมงานที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เยชูอากับบุตรและพี่น้องของเขา ขัดมีเอลกับบุตรของเขา (ผู้สืบเชื้อสายของยูดาห์) บุตรของเฮนาดัด และพี่น้องของพวกเขาคือชาวเลวี ต่างก็คุมคนงานที่พระตำหนักของพระเจ้า

10 เมื่อช่างก่อสร้างวางฐานรากพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า บรรดาปุโรหิตที่แต่งกายประจำตำแหน่งก็ถือแตรยาว[d]ออกมา และชาวเลวีบุตรอาสาฟถือฉาบ เพื่อสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ตามที่กษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลระบุไว้ 11 พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญและขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าว่า

“เพราะพระองค์ประเสริฐ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีต่ออิสราเอลดำรงอยู่ตลอดกาล”

และเมื่อพวกเขาสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ประชาชนทั้งปวงก็ตะโกนร้องเสียงดัง เพราะว่าพวกเขาได้วางฐานรากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าเสร็จแล้ว 12 มีหลายคนในบรรดาปุโรหิต ชาวเลวี และหัวหน้าตระกูล ที่เคยเห็นพระตำหนักหลังแรก ก็ร้องไห้เสียงดังเมื่อเห็นพวกเขาวางฐานรากพระตำหนักหลังนี้ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ตะโกนร้องเสียงดังด้วยความยินดี 13 จนกระทั่งประชาชนไม่ทราบว่าเสียงนั้นมาจากเสียงร้องไห้หรือเสียงตะโกนด้วยความยินดี เพราะประชาชนตะโกนเสียงดังมาก และเสียงนั้นดังออกไปไกล

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation