Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 พงศาวดาร 13-17

อาบียาห์ครองราชย์ในยูดาห์

13 ในปีที่สิบแปดของกษัตริย์เยโรโบอัม อาบียาห์ก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ ท่านครองราชย์ได้ 3 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อมิคายาห์บุตรหญิงของอุรีเอลแห่งกิเบอาห์

เกิดมีสงครามระหว่างอาบียาห์และเยโรโบอัม อาบียาห์ออกไปสู้รบ มีนักรบผู้เก่งกล้า 400,000 คน และเยโรโบอัมตั้งแนวรบต่อสู้ด้วยนักรบผู้เก่งกล้า 800,000 คน อาบียาห์ยืนบนภูเขาเศ-มาราอิมซึ่งอยู่ในแถบภูเขาเอฟราอิม และพูดว่า “โอ เยโรโบอัมและอิสราเอลทั้งปวง จงฟังเรา พวกท่านไม่ทราบหรือว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้มอบตำแหน่งกษัตริย์แห่งอิสราเอลแก่ดาวิดและบรรดาบุตรของท่านเป็นนิตย์ด้วยพันธสัญญาเกลือ[a] ถึงกระนั้นเยโรโบอัมบุตรของเนบัท ผู้รับใช้ของซาโลมอนบุตรของดาวิด ก็ยังแข็งข้อต่อเจ้านายของตน คนไร้ค่าบางคนมารวมกลุ่มกับเยโรโบอัม และต่อสู้กับเรโหโบอัมบุตรของซาโลมอน เมื่อครั้งที่เรโหโบอัมเป็นคนหนุ่มและยังอ่อนหัด และไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้พวกเขาได้

บัดนี้ท่านทั้งหลายคิดจะต่อสู้อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งอยู่ในมือลูกหลานของดาวิด เพราะว่าพวกท่านมีจำนวนมากมหาศาล พร้อมกับลูกโคทองคำตัวผู้ที่เยโรโบอัมสร้างให้เป็นเทพเจ้าของท่าน พวกท่านได้ขับไล่บรรดาปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า คือบุตรของอาโรน และขับไล่ชาวเลวีไปด้วย แล้วก็แต่งตั้งปุโรหิตของท่านเองอย่างที่บรรดาชนชาติของแผ่นดินโลกกระทำมิใช่หรือ ใครก็ตามที่มามอบโคหนุ่มตัวหนึ่งหรือแกะผู้ 7 ตัว ก็สามารถเป็นปุโรหิตของสิ่งที่ไม่ใช่เทพเจ้าเลย 10 แต่สำหรับพวกเรา พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าของเรา และเราไม่ได้ละทิ้งพระองค์ พวกเรามีปุโรหิตซึ่งเป็นบุตรของอาโรนที่รับใช้พระผู้เป็นเจ้า และชาวเลวีคอยรับใช้ปุโรหิต 11 ทุกเช้าและทุกเย็นพวกเขามอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และเครื่องหอมแด่พระผู้เป็นเจ้า เขาวางขนมปังไร้เชื้อบนโต๊ะทองคำบริสุทธิ์ และจุดคันประทีปทองคำทุกเวลาเย็น ด้วยว่าพวกเราปฏิบัติรับใช้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา แต่ท่านได้ละทิ้งพระองค์เสียแล้ว 12 ดูเถิด พระเจ้าสถิตกับพวกเรา พระองค์เป็นผู้นำของเรา และปุโรหิตของพระองค์เป็นผู้เป่าแตรยาวเป็นเสียงแตรศึกให้ทำสงครามสู้กับท่าน โอ บุตรของอิสราเอลเอ๋ย อย่าต่อสู้กับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านเลย เพราะท่านจะไม่ได้ชัยชนะ”

13 เยโรโบอัมได้ส่งกองทหารไปซุ่มโจมตีด้านหลัง ในขณะที่ท่านอยู่ด้านหน้ากองทัพยูดาห์ กองดักซุ่มก็อยู่ด้านหลังพวกเขา 14 เมื่อยูดาห์หันไปมอง และเห็นว่าพวกเขากำลังถูกโจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พวกเขาจึงร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า และบรรดาปุโรหิตก็เป่าแตรยาว 15 แล้วชาวยูดาห์ก็ตะโกนก้องสนามรบ และเมื่อชายชาวยูดาห์ตะโกนขึ้นมา พระเจ้าก็ทำให้เยโรโบอัมและอิสราเอลทั้งปวงพ่ายแพ้ไปต่อหน้าอาบียาห์และยูดาห์ 16 ชาวอิสราเอลเตลิดหนีไปต่อหน้ายูดาห์ และพระเจ้ามอบพวกเขาไว้ในมือของยูดาห์ 17 อาบียาห์และพรรคพวกโหมกำลังโจมตีฝ่ายอิสราเอลจนพ่ายไป ดังนั้นทหารกล้าของอิสราเอลจึงล้มตายไป 500,000 คน 18 อิสราเอลพ่ายแพ้ในเวลานั้น และยูดาห์มีชัยชนะเพราะพวกเขาวางใจในพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา 19 อาบียาห์ไล่ตามเยโรโบอัม และยึดเมืองต่างๆ ไปจากท่าน ได้ทั้งเบธเอลกับหมู่บ้านรอบๆ เยชานาห์กับหมู่บ้านรอบๆ และเอโฟรนกับหมู่บ้านรอบๆ 20 เยโรโบอัมไม่สามารถฟื้นกำลังกลับมาได้อีกในสมัยของอาบียาห์ และต่อมาพระผู้เป็นเจ้าประหารท่านเสีย 21 ฝ่ายอาบียาห์ก็เข้มแข็งยิ่งขึ้น มีภรรยา 14 คน บุตรชาย 22 คน และบุตรหญิง 16 คน 22 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอาบียาห์ การดำเนินชีวิตและสิ่งที่ท่านกล่าวไว้ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในพงศาวดารของอิดโดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า

อาสาครองราชย์ในยูดาห์

14 อาบียาห์สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด อาสาผู้เป็นบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน ในสมัยของท่าน แผ่นดินมีความสงบสุขเป็นเวลา 10 ปี อาสากระทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ท่านกำจัดแท่นบูชาของชนชาติอื่น และสถานบูชาบนภูเขาสูง พังเสาหลัก และฟันเทวรูปอาเชราห์ลง[b] ท่านสั่งให้ชาวยูดาห์แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา และให้รักษากฎบัญญัติและพระบัญญัติของพระองค์ ท่านกำจัดสถานบูชาบนภูเขาสูงและแท่นสำหรับเครื่องหอมออกไปจากเมืองของยูดาห์ทุกเมือง และอาณาจักรมีความสงบสุขภายใต้การปกครองของท่าน ท่านสร้างเมืองต่างๆ ที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งในยูดาห์ ในขณะที่แผ่นดินได้หยุดพัก ท่านไม่ต้องทำศึกสงครามในระหว่างนั้น เพราะพระผู้เป็นเจ้าให้ท่านได้รับความสงบ ท่านกล่าวกับยูดาห์ว่า “เรามาสร้างเมืองเหล่านี้กันเถิด ให้เป็นเมืองที่มีกำแพงและหอคอย ประตูกับดาลประตู แผ่นดินยังเป็นของพวกเรา เพราะเราได้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา เราได้แสวงหาพระองค์ และพระองค์ได้ให้พวกเรามีความสงบรอบด้าน” พวกเขาจึงสร้างและประสบความเจริญรุ่งเรือง อาสามีทหารจำนวน 300,000 คน จากพงศ์พันธุ์ยูดาห์ซึ่งมีโล่และหอกขนาดใหญ่อย่างพรั่งพร้อม และมีชาย 280,000 คนจากพงศ์พันธุ์ของเบนยามินซึ่งมีโล่และธนู ชายเหล่านี้เป็นนักรบผู้เก่งกล้า

เศรัคชาวคูชออกมาต่อสู้กับพวกเขาด้วยทหารจำนวน 1,000,000 คน กับรถศึก 300 คัน และมาจนถึงเมืองมาเรชาห์ 10 อาสาออกไปเผชิญหน้ากับพวกเขา โดยตั้งแนวรบในหุบเขาเศฟาธาห์ที่มาเรชาห์ 11 อาสาร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์ที่จะช่วยผู้อ่อนกำลังให้ต่อสู้กับผู้มีอำนาจมาก โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา โปรดช่วยพวกเราด้วย เราวางใจในพระองค์ เรามาต่อสู้คนจำนวนมหาศาลในพระนามของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเรา อย่าปล่อยให้มนุษย์ชนะพระองค์เลย” 12 ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าทำให้ชาวคูชพ่ายแพ้ต่อหน้าอาสาและยูดาห์ และชาวคูชหนีเตลิดไป 13 อาสาและคนที่อยู่กับท่านจึงไล่ตามพวกเขาไปจนถึงเมืองเก-ราร์ และชาวคูชล้มตายกันจนหมด เพราะพวกเขาถูกปราบอย่างราบคาบ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าและกองทัพของพระองค์ คนของยูดาห์ขนของที่ริบมาได้มากมาย 14 และพวกเขาโจมตีเมืองต่างๆ ที่อยู่รอบเมืองเก-ราร์ ชาวเมืองต่างเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า พวกของอาสาริบสิ่งของจากเมืองทุกเมืองได้มากมาย 15 นอกจากนั้นก็ยังได้โค่นกระโจมของคนเลี้ยงสัตว์ และต้อนแพะแกะและอูฐไปได้เป็นจำนวนมาก แล้วจึงกลับไปยังเยรูซาเล็ม

อาสาปฏิรูปความเชื่อ

15 อาซาริยาห์บุตรของโอเดดเปี่ยมด้วยพระวิญญาณพระเจ้า เขาออกไปพบกับอาสา และกล่าวกับท่านว่า “อาสา ยูดาห์ทั้งปวง และเบนยามิน โปรดฟังข้าพเจ้าเถิด พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกท่านในขณะที่ท่านอยู่กับพระองค์ ถ้าหากว่าท่านแสวงหาพระองค์ พวกท่านก็จะพบพระองค์ แต่ถ้าหากว่าท่านละทิ้งพระองค์ พระองค์ก็จะละทิ้งพวกท่าน เป็นเวลานานแล้วที่อิสราเอลอยู่โดยปราศจากพระเจ้าที่แท้จริง ไม่มีปุโรหิตผู้สั่งสอน และห่างเหินจากกฎบัญญัติ เมื่อพวกเขาเป็นทุกข์ เขาก็หันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล และแสวงหาพระองค์ และพวกเขาก็พบพระองค์ การเดินทางไปไหนมาไหนในสมัยก่อนไม่ปลอดภัย เพราะผู้อยู่อาศัยในแผ่นดินทุกคนต่างอยู่อย่างมีความทุกข์มาก ประชาชาติแต่ละชาติและเมืองแต่ละเมืองต่างก่อกวนกันเอง เพราะพระเจ้าให้พวกเขาลำบากจากความทุกข์สารพัดที่รุมเข้ามา ส่วนพวกท่าน จงกล้าหาญเถิด อย่าท้อถอย เพราะการงานที่ท่านทำจะได้รับผลตอบแทนแน่นอน”

ทันทีที่อาสาได้ยินอาซาริยาห์บุตรของโอเดดเผยคำกล่าว ท่านก็มีกำลังใจดีขึ้น และกำจัดพวกรูปเคารพที่น่ารังเกียจออกไปจากดินแดนของยูดาห์และเบนยามิน และจากเมืองต่างๆ ที่ท่านยึดได้ในแถบภูเขาเอฟราอิม และท่านได้ซ่อมแซมแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้าที่อยู่เบื้องหน้ามุขพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า อาสารวบรวมคนจากยูดาห์และเบนยามินทั้งหมด และจากเอฟราอิม มนัสเสห์ และสิเมโอน ที่มาอาศัยอยู่ด้วย มีคนจำนวนมากหนีจากอิสราเอลมาหาท่าน เพราะพวกเขาเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสถิตกับท่าน 10 ผู้คนมารวมกันที่เยรูซาเล็มในเดือนที่สาม ปีที่สิบห้าแห่งรัชสมัยของอาสา 11 เขาทั้งหลายมอบเครื่องสักการะแด่พระผู้เป็นเจ้าในวันนั้น จากสิ่งที่ริบมา เป็นโคตัวผู้ 700 ตัว และแพะแกะ 7,000 ตัว 12 เขาทั้งหลายทำพันธสัญญาที่จะแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษ ด้วยสุดดวงใจและสุดดวงจิตของพวกเขา 13 ส่วนผู้ที่ไม่ยอมแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ก็จะต้องรับโทษถึงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ชายหรือหญิงก็ตาม 14 พวกเขาสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยเสียงอันดัง ด้วยเสียงโห่ร้อง เสียงแตรยาวและแตรงอน 15 ชาวยูดาห์ต่างยินดีในคำสาบาน เพราะพวกเขาได้สาบานด้วยสุดจิตสุดใจ ปรารถนาแสวงหาพระองค์ด้วยใจจริง และก็ได้พบพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าจึงให้พวกเขาได้หยุดพักจากสงครามรอบด้าน

16 อาสาผู้เป็นกษัตริย์ถอดถอนมาอาคาห์มารดาของท่านออกจากตำแหน่งมารดากษัตริย์ด้วย เพราะนางได้สร้างเสาเทวรูปอาเชราห์ที่น่ารังเกียจ อาสาโค่นเทวรูปนาง ทุบออกเป็นเสี่ยงๆ และเผาทิ้งที่หุบเขาขิดโรน 17 แต่สถานบูชาบนภูเขาสูงไม่ถูกกำจัดออกไปจากอิสราเอล กระนั้นก็ดี อาสาก็ยังมีใจภักดีตลอดชีวิตของท่าน 18 และท่านนำของบริสุทธิ์ที่เป็นของบิดาของท่าน และที่เป็นของท่านเองด้วย เช่นเงิน ทองคำ และภาชนะ เข้าไปไว้ในพระตำหนักของพระเจ้า 19 และไม่มีสงครามอีก จนกระทั่งปีที่สามสิบห้าของรัชสมัยของอาสา

ปีท้ายๆ ในสมัยของอาสา

16 ในปีที่สามสิบหกของรัชสมัยของอาสา บาอาชากษัตริย์แห่งอิสราเอลขึ้นไปโจมตียูดาห์ และสร้างเมืองรามาห์ให้แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปมาหาสู่กับอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ อาสาจึงนำเงินและทองคำที่มาจากคลังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และวังของกษัตริย์ และส่งไปยังเบนฮาดัดกษัตริย์แห่งอารัม ผู้อาศัยอยู่ในเมืองดามัสกัส พร้อมกับกล่าวว่า “ขอให้ทำสัญญาระหว่างท่านกับเราเหมือนกับที่บิดาของท่านและของเราทำ ดูเถิด เราได้ส่งเงินและทองคำมาให้ท่าน ขอท่านตัดความสัมพันธ์กับบาอาชากษัตริย์แห่งอิสราเอลเถิด ท่านจะได้ถอนทัพออกไปจากดินแดนของเรา” เบนฮาดัดฟังคำของอาสาผู้เป็นกษัตริย์ และส่งบรรดาผู้บังคับกองพันของท่านไปโจมตีเมืองต่างๆ ของอิสราเอล และยึดเมืองอิโยน ดาน อาเบลมาอิม และเมืองคลังหลวงของนัฟทาลีทั้งหมด เมื่อบาอาชาทราบดังนั้น ท่านจึงหยุดการก่อสร้างเมืองรามาห์ และทิ้งงานค้างไว้ และอาสาผู้เป็นกษัตริย์ก็นำคนของยูดาห์มาทั้งหมด ขนหินและไม้ที่บาอาชาใช้สร้างรามาห์ แล้วเอามาสร้างเมืองเก-บาและเมืองมิสปาห์

ในครั้งนั้นฮานานีผู้รู้มาหาอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ และพูดกับท่านว่า “เหตุเพราะท่านไว้วางใจในกษัตริย์แห่งอารัม และไม่วางใจพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน กองทัพของกษัตริย์แห่งอารัมจึงหนีรอดไปจากท่านได้ ชาวคูชและชาวลิเบียมิใช่หรือ ที่เป็นกองทัพใหญ่พร้อมด้วยรถศึกและทหารม้า แต่เพราะท่านวางใจพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงมอบพวกเขาไว้ในมือของท่าน เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าเฝ้าจับตามองไปทั่วแผ่นดินโลก เพื่อเสริมกำลังแก่บรรดาผู้ที่มุ่งมั่นต่อพระองค์ แต่ท่านกลับทำตัวอย่างคนเขลา จากนี้ไปท่านจะต้องเผชิญกับสงคราม” 10 อาสาจึงโกรธผู้รู้ และสั่งให้จำจองเขา เรื่องนี้ทำให้ท่านโกรธมาก และในเวลาเดียวกันอาสาก็กดขี่ข่มเหงประชาชนบางคนอย่างทารุณด้วย

11 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอาสา ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 12 ในปีที่สามสิบเก้าของรัชสมัยของอาสา ท่านเป็นโรคที่เท้าขั้นรุนแรงมาก แม้กระนั้นท่านก็ยังไม่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า แต่ไปหาความช่วยเหลือจากแพทย์เท่านั้น 13 ในปีที่สี่สิบเอ็ดของรัชสมัยของท่าน อาสาสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน 14 พวกเขาบรรจุศพท่านไว้ในถ้ำที่ท่านได้สกัดไว้เองในเมืองของดาวิด ศพถูกวางไว้บนแคร่ที่เต็มด้วยเครื่องเทศและน้ำหอมสารพัดชนิด ซึ่งนักปรุงเครื่องหอมเป็นผู้เตรียมให้ และมีการจุดเพลิงใหญ่ให้สมเกียรติของท่าน

เยโฮชาฟัทครองราชย์ในยูดาห์

17 เยโฮชาฟัทบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน และเสริมกำลังของยูดาห์ให้มั่นคงขึ้นเพื่อต่อสู้กับอิสราเอล ท่านให้ทหารประจำอยู่ในเมืองที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่งทุกเมืองในยูดาห์ และตั้งด่านชั้นนอกหลายด่านในดินแดนของยูดาห์ และในเมืองต่างๆ ของเอฟราอิม ซึ่งอาสาบิดาของท่านยึดไว้ได้ พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเยโฮชาฟัท เพราะท่านดำเนินชีวิตในระยะแรกตามแบบอย่างของดาวิดบรรพบุรุษของท่าน ท่านไม่ได้หันไปเชื่อเทพเจ้าบาอัล แต่แสวงหาพระเจ้าของบรรพบุรุษ และดำเนินในวิถีทางพระบัญญัติ และไม่ปฏิบัติตามอย่างอิสราเอล ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงสถาปนาอาณาจักรไว้ในมือของท่าน คนทั้งปวงในยูดาห์นำของกำนัลมามอบแก่เยโฮชาฟัท ท่านพร้อมพรั่งด้วยทรัพย์สมบัติและเกียรติยศ ท่านมีจิตใจกล้าหาญในวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้า และยิ่งกว่านั้น ท่านยังได้กำจัดสถานบูชาบนภูเขาสูงและเทวรูปอาเชราห์ออกไปจากยูดาห์

ในปีที่สามของรัชสมัยของท่าน ท่านให้เบนฮาอิล โอบาดีห์ เศคาริยาห์ เนธันเอล และมิคายาห์ ซึ่งเป็นข้าราชการของท่าน ไปสอนตามเมืองต่างๆ ของยูดาห์ มีชาวเลวีที่ไปด้วยคือ เชไมยาห์ เนธานิยาห์ เศบาดิยาห์ อาสาเฮล เชมิราโมท เยโฮนาธาน อาโดนียาห์ โทบียาห์ และโทบ-อาโดนิยาห์ มีปุโรหิตที่ไปด้วยคือ เอลีชามา และเยโฮรัม คนเหล่านี้มีหนังสือกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าติดตัวไปด้วย เพื่อใช้สอนในยูดาห์ เขาไปสอนประชาชนทั่วทุกเมืองของยูดาห์

10 อาณาจักรโดยรอบดินแดนยูดาห์ก็เกิดความหวาดกลัวพระผู้เป็นเจ้า และพวกเขาไม่ทำสงครามกับเยโฮชาฟัท 11 พวกฟีลิสเตียบางคนนำของกำนัลและเงินมามอบแก่เยโฮชาฟัท ชาวอาหรับก็นำแกะผู้ 7,700 ตัว และแพะ 7,700 ตัวมามอบแก่ท่านด้วย 12 เยโฮชาฟัทมีอำนาจมากยิ่งขึ้น ท่านเสริมสร้างป้อมปราการและเมืองคลังหลวงหลายแห่ง 13 ท่านมีเสบียงสะสมไว้มากในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ท่านมีทหารและนักรบผู้เก่งกล้าในเยรูซาเล็ม 14 รวบรวมรายชื่อของพวกเขาตามตระกูลคือ จากเผ่ายูดาห์ มีผู้บังคับกองพันคือ อัดนาห์ เป็นผู้ควบคุมนักรบผู้เก่งกล้า 300,000 คน 15 ผู้บังคับกองพันคนต่อไปคือ เยโฮฮานันเป็นผู้ควบคุม 280,000 คน 16 คนต่อไปคือ อามัสยาห์บุตรของศิครี ผู้ถวายตัวด้วยความสมัครใจต่อพระผู้เป็นเจ้า ควบคุมนักรบผู้เก่งกล้า 200,000 คน 17 จากเผ่าเบนยามินคือ เอลียาดานักรบผู้เก่งกล้า ควบคุม 200,000 คนที่มีธนูและโล่เตรียมไว้พร้อมแล้ว 18 คนต่อไปคือ เยโฮซาบาด ควบคุม 180,000 คนที่ถืออาวุธพร้อมสู้รบ 19 คนเหล่านี้รับใช้กษัตริย์ ซึ่งนอกเหนือจากบรรดาผู้ที่กษัตริย์ได้ส่งไปประจำอยู่ในเมืองที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่งทั่วยูดาห์

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation