Beginning
ราชินีแห่งเช-บา
9 เมื่อราชินีแห่งเช-บาได้ยินกิตติศัพท์ของซาโลมอน นางจึงมายังเมืองเยรูซาเล็มเพื่อทดสอบท่านด้วยคำถามปริศนาลึกล้ำ โดยมาพร้อมกับข้าราชบริพารมากมาย ขบวนอูฐแบกทั้งเครื่องเทศ ทองคำ และเพชรนิลจินดามาเป็นจำนวนมาก เมื่อนางมาพบกับซาโลมอน นางก็บอกสิ่งที่อยู่ในใจแก่ท่านจนหมดสิ้น 2 และซาโลมอนก็ไขข้อข้องใจทุกประการ ไม่มีสิ่งใดลึกล้ำเกินกว่าที่ซาโลมอนจะอธิบายแก่นาง 3 ครั้นราชินีแห่งเช-บาได้เห็นว่าคำพูดของซาโลมอนกอปรด้วยสติปัญญา อีกทั้งวังที่ท่านสร้าง 4 อาหารที่โต๊ะของท่าน เจ้าหน้าที่ชั้นสูงนั่งประจำที่ และการมีต้นห้องคอยรับใช้ เครื่องแต่งกายของพวกเขา พนักงานถวายเหล้าองุ่นและเครื่องแต่งกาย และสัตว์ที่ท่านมอบเป็นของถวายที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ทำให้นางถึงกับตกตะลึง
5 นางจึงกล่าวกับกษัตริย์ว่า “เรื่องราวที่ข้าพเจ้าได้ยินในแผ่นดินของข้าพเจ้าเอง ความสำเร็จของท่านและสติปัญญาของท่านก็เป็นความจริง 6 แต่ข้าพเจ้าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน จนกระทั่งได้มาถึงที่นี่และได้เห็นด้วยตาของข้าพเจ้าเอง ดูสิ ข้าพเจ้าได้ยินมาเพียงครึ่งเดียว สติปัญญาของท่านมากยิ่งกว่าคำบอกเล่าที่ข้าพเจ้าได้ยินมา 7 คนของท่านก็เป็นสุข บรรดาผู้รับใช้ของท่านก็เป็นสุข ที่มีโอกาสได้ฟังคำพูดอันกอปรด้วยสติปัญญาของท่านเรื่อยไป 8 ขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้รับพระพรเถิด พระองค์ชื่นชอบในตัวท่าน และให้ท่านเป็นกษัตริย์ครองบัลลังก์ของพระองค์ เพื่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้ารักอิสราเอล และจะสถาปนาพวกเขาเป็นนิตย์ พระองค์กำหนดให้ท่านเป็นกษัตริย์ เพื่อให้ท่านตัดสินด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม” 9 แล้วนางก็มอบทองคำ 120 ตะลันต์แก่กษัตริย์ และเครื่องเทศมากมาย อีกทั้งเพชรนิลจินดาด้วย ไม่มีเครื่องเทศอื่นใดที่เหมือนกับเครื่องเทศที่ราชินีมอบให้แก่กษัตริย์ซาโลมอนเลย
10 นอกเหนือจากนั้นแล้ว บรรดาผู้รับใช้ของกษัตริย์ฮีรามและผู้รับใช้ของซาโลมอนที่นำทองคำมาจากโอฟีร์ ก็ได้นำไม้จันทน์และเพชรนิลจินดาจำนวนมากมายมาด้วย 11 และกษัตริย์ให้ใช้ไม้จันทน์ทำราวบันไดในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และในวังของกษัตริย์ และให้ใช้ทำพิณเล็กและพิณสิบสายสำหรับบรรดานักร้อง ในดินแดนของยูดาห์ ไม่เคยมีใครเห็นไม้จันทน์มากมายเช่นนี้มาก่อนเลย
12 กษัตริย์ซาโลมอนมอบทุกสิ่งที่ราชินีแห่งเช-บาต้องการ ไม่ว่านางจะขอสิ่งใด ท่านให้มากเกินกว่าที่นางนำมามอบให้ จากนั้นนางก็กลับไปยังแผ่นดินพร้อมกับบรรดาผู้รับใช้ของนาง
ความมั่งคั่งของซาโลมอน
13 ในแต่ละปี ซาโลมอนได้รับทองคำหนัก 666 ตะลันต์ 14 นอกเหนือจากทองที่พ่อค้าระหว่างประเทศและพ่อค้าภายในอาณาจักรนำมา และจากบรรดากษัตริย์แห่งอาระเบียและเจ้าเมืองทั้งปวงของแผ่นดินก็นำทองคำและเงินมามอบให้แก่ซาโลมอนด้วย 15 กษัตริย์ซาโลมอนให้คนทำโล่ใหญ่ 200 อันจากทองคำตีด้วยค้อน โล่แต่ละอันใช้ทองคำหนัก 600 เชเขล[a]ตีด้วยค้อน 16 และท่านให้ทำโล่เล็ก 300 อัน จากทองคำตีด้วยค้อน โล่แต่ละอันใช้ทองคำหนัก 300 เชเขล และกษัตริย์เก็บโล่ไว้ในตำหนักวนาลัยแห่งเลบานอน 17 กษัตริย์ให้ใช้งาช้างสร้างบัลลังก์ใหญ่หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ 18 บัลลังก์มีบันได 6 ขั้น และที่วางเท้าทองคำซึ่งติดอยู่กับบัลลังก์ แต่ละข้างของที่นั่งมีเท้าแขน รูปสิงโต 2 ตัวยืนอยู่ข้างๆ เท้าแขนทั้งสอง 19 แต่ละข้างของขั้นบันได 6 ขั้น มีรูปสิงโตยืนอยู่ที่แต่ละขั้น ไม่เคยมีอาณาจักรอื่นใดที่สร้างบัลลังก์ได้เหมือนอย่างนี้ 20 ภาชนะทุกชิ้นสำหรับเครื่องดื่มทำด้วยทองคำ และภาชนะทุกชิ้นของตำหนักวนาลัยแห่งเลบานอนทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ เงินในสมัยของซาโลมอนนับว่าไม่มีค่าอะไร 21 ด้วยว่ากษัตริย์มีกองเรือเดินทะเลไปยังเมืองทาร์ชิช โดยล่องไปกับบรรดาผู้รับใช้ของฮีราม กองเรือเดินทะเลมักจะขนทองคำ เงิน งาช้าง ลิง และนกยูงมา ทุกๆ 3 ปี
22 ฉะนั้น กษัตริย์ซาโลมอนมั่งคั่งและเปี่ยมด้วยสติปัญญามากกว่ากษัตริย์อื่นๆ ในแผ่นดินโลก 23 และกษัตริย์ทั้งปวงของแผ่นดินโลกปรารถนาที่จะได้เห็นและได้ฟังคำพูดอันกอปรด้วยสติปัญญา ซึ่งพระเจ้าเป็นผู้ปลูกฝังไว้ในจิตใจของท่าน 24 ทุกคนต่างก็นำของบรรณาการอันได้แก่ เครื่องเงินและทองคำ เครื่องแต่งกาย เครื่องอาวุธ เครื่องเทศ ม้า และล่อ มามอบให้จำนวนมากเป็นประจำทุกปี 25 ซาโลมอนมีคอกม้า 4,000 คอก รถศึก และทหารม้า 12,000 คน ซึ่งท่านให้ประจำอยู่ที่เมืองเก็บรถศึกทั้งหลาย และประจำอยู่กับท่านในเมืองเยรูซาเล็มด้วย 26 ซาโลมอนปกครองกษัตริย์ทั้งปวง ตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสไปจนถึงแผ่นดินของชาวฟีลิสเตีย และถึงเขตแดนอียิปต์ 27 กษัตริย์ทำให้มีเงินใช้อยู่ทั่วไปในเยรูซาเล็มราวกับใช้ก้อนหิน และท่านมีไม้ซีดาร์มากมายราวกับต้นมะเดื่อในที่ลุ่ม 28 ม้าที่นำเข้ามามอบให้ซาโลมอน มาจากอียิปต์และจากประเทศอื่นๆ
ซาโลมอนสิ้นชีวิต
29 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของซาโลมอน ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในประวัติของนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และถึงการเผยความของอาหิยาห์ชาวชิโลห์ และภาพนิมิตของอิดโดซึ่งเป็นผู้รู้ในเรื่องเกี่ยวกับเยโรโบอัมบุตรเนบัท มิใช่หรือ 30 ซาโลมอนครองราชย์ในเยรูซาเล็ม ปกครองอิสราเอลทั้งหมดรวมเป็นเวลา 40 ปี 31 และซาโลมอนสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิดบิดาของท่าน และเรโหโบอัมครองราชย์แทนท่าน
อิสราเอลกบฏต่อเรโหโบอัม
10 เรโหโบอัมไปยังเมืองเชเคม เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงได้ไปยังเชเคมเพื่อแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ 2 ทันทีที่เยโรโบอัมบุตรเนบัททราบเรื่อง (เขาหนีกษัตริย์ซาโลมอนไปอยู่ในประเทศอียิปต์) เขาจึงกลับมาจากอียิปต์ 3 ชาวอิสราเอลที่มาจากทิศเหนือให้คนไปตามเยโรโบอัมกลับไป และพวกเขาพูดกับเรโหโบอัมว่า 4 “บิดาของท่านทำให้พวกเราแบกแอกเหมือนกับแบกภาระหนัก ฉะนั้นในเวลานี้ โปรดช่วยให้งานและการแบกแอกหนักผ่อนลงให้เบาเถิด แล้วพวกเราจะคอยรับใช้ท่าน” 5 ท่านตอบว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” ประชาชนจึงจากไป
6 กษัตริย์เรโหโบอัมปรึกษากับบรรดาผู้สูงอายุที่เคยรับใช้ซาโลมอนบิดาของท่านเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านถามว่า “พวกท่านจะแนะนำให้เราตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไร” 7 เขาเหล่านั้นตอบว่า “ถ้าท่านจะกระทำดีต่อประชาชนเหล่านี้ และทำให้พวกเขาพอใจ และพูดจาดีกับพวกเขา พวกเขาก็จะเป็นผู้รับใช้ของท่านตลอดไป” 8 แต่ว่าท่านกลับไม่ใส่ใจในคำปรึกษาที่บรรดาผู้สูงอายุแนะนำ แต่กลับไปรับคำปรึกษาของบรรดาชายหนุ่มที่เป็นผู้รับใช้ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน 9 ท่านพูดกับพวกเขาว่า “ท่านจะแนะนำเราอย่างไร เราควรจะตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไรดี พวกเขาพูดกับเราว่า ‘ขอให้ท่านช่วยผ่อนแอกที่บิดาของท่านให้พวกเราหามเบาลง’” 10 บรรดาชายหนุ่มที่ได้เติบโตมากับท่านตอบว่า “สำหรับประชาชนที่มาพูดกับท่านว่า ‘บิดาของท่านทำให้พวกเราต้องแบกแอกหนัก แต่ขอให้ท่านผ่อนหนักให้เบาลงเพื่อพวกเรา’ นั้น ท่านน่าจะพูดกับพวกเขาว่า ‘นิ้วก้อยของเราใหญ่กว่าต้นขาของบิดาของเรา 11 และบัดนี้ เมื่อบิดาของเราได้วางแอกหนักไว้กับท่าน เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง’”
12 ดังนั้นเยโรโบอัมและประชาชนทั้งปวงจึงมาหาเรโหโบอัมในวันที่สาม ตามคำสั่งของกษัตริย์ที่ว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” 13 และกษัตริย์ตอบพวกเขาอย่างแข็งกร้าว และไม่สนใจกับคำปรึกษาของบรรดาผู้สูงอายุ 14 กษัตริย์เรโหโบอัมพูดกับพวกเขา ตามคำปรึกษาของพวกชายหนุ่มว่า “บิดาของเราทำให้แอกของพวกท่านหนัก แต่เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง” 15 ดังนั้นกษัตริย์ไม่ได้ฟังประชาชน เพราะว่าพระเจ้าประสงค์ให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างนั้น เพื่อสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่เยโรโบอัมบุตรเนบัทโดยผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ จะเกิดขึ้นตามคำกล่าวของพระองค์
อาณาจักรแตกแยก
16 ครั้นชาวอิสราเอลทั้งปวงเห็นว่ากษัตริย์ไม่ได้ฟังพวกเขา ประชาชนจึงตอบกษัตริย์ว่า “พวกเรามีส่วนร่วมอะไรด้วยกับดาวิดหรือ เราไม่ได้รับอะไรที่ตกทอดมาจากบุตรของเจสซี โอ อิสราเอลเอ๋ย แต่ละคนจงกลับไปยังกระโจมของตนเถิด บัดนี้ โอ ดาวิดเอ๋ย ดูแลพงศ์พันธุ์ของท่านไปเถิด” ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงกลับไปยังกระโจมของตน 17 แต่เรโหโบอัมก็ปกครองลูกหลานของอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ 18 และกษัตริย์เรโหโบอัมให้ฮาโดรัมควบคุมพวกที่ถูกเกณฑ์มาทำงานหนัก ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ใช้หินขว้างเขาจนตาย กษัตริย์เรโหโบอัมจึงรีบขึ้นรถศึกของท่านหนีกลับไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 19 ดังนั้นอิสราเอลจึงได้แข็งข้อต่อพงศ์พันธุ์ของดาวิดเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
เรโหโบอัมทำให้อาณาจักรมั่นคง
11 เมื่อเรโหโบอัมมายังเยรูซาเล็ม ท่านก็เรียกประชุมพงศ์พันธุ์ยูดาห์และเบนยามิน รวมนักรบที่คัดเลือกได้ 180,000 คน ไปต่อสู้กับอิสราเอล เพื่อรวมอาณาจักรเข้าด้วยกันอีกให้แก่เรโหโบอัม 2 แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านเชไมยาห์คนของพระเจ้าดังนี้คือ 3 “จงบอกเรโหโบอัมบุตรซาโลมอนกษัตริย์แห่งยูดาห์ และชาวอิสราเอลทั้งปวงในยูดาห์และเบนยามินว่า 4 ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า เจ้าอย่าขึ้นไปต่อสู้กับญาติพี่น้องของเจ้า ทุกคนจงกลับบ้านไป เพราะว่าเราต้องการให้เป็นไปอย่างนั้น’” เขาเหล่านั้นจึงเชื่อฟังคำของพระผู้เป็นเจ้า และกลับไปจากการต่อสู้กับเยโรโบอัม
5 เรโหโบอัมอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม และท่านสร้างเมืองต่างๆ ขึ้นใหม่ ซึ่งใช้เป็นป้อมปราการในยูดาห์ 6 ท่านสร้างเบธเลเฮม เอตาม เทโคอา 7 เบธซูร์ โสโค อดุลลาม 8 กัท มาเรชาห์ และศิฟ 9 อาโดราอิม ลาคีช และอาเซคาห์ 10 โศราห์ อัยยาโลน และเฮโบรน เมืองเหล่านี้มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งที่อยู่ในยูดาห์และเบนยามิน 11 ท่านเสริมป้อมปราการให้แข็งแกร่งขึ้น และตั้งผู้บังคับบัญชาประจำป้อมเหล่านั้น อีกทั้งเก็บตุนอาหาร น้ำมัน และเหล้าองุ่นด้วย 12 ท่านเก็บโล่และหอกไว้ในทุกเมือง และทำให้เมืองแข็งแกร่งมาก ดังนั้นยูดาห์และเบนยามินอยู่ภายใต้การควบคุมของท่าน
ปุโรหิตและชาวเลวีมายังเยรูซาเล็ม
13 บรรดาปุโรหิตและชาวเลวีจากทุกแว่นแคว้นในอิสราเอลก็มาเข้าเป็นฝ่ายเดียวกับเรโหโบอัม 14 บรรดาชาวเลวีทอดทิ้งไร่นาและทุ่งหญ้าของตน เพื่อไปยังยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพราะเยโรโบอัมและบุตรทั้งหลายของท่านไม่ให้ชาวเลวีปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า 15 และท่านได้แต่งตั้งบรรดาปุโรหิตของท่านเอง ให้ประจำสถานบูชาบนภูเขาสูง บูชาแพะและลูกโคตัวผู้ซึ่งเป็นรูปเคารพที่ท่านสร้างไว้ 16 คนจากทุกเผ่าของอิสราเอลที่มุ่งมั่นแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ก็ติดตามชาวเลวีไปยังเยรูซาเล็ม เพื่อถวายเครื่องสักการะแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา 17 เขาทั้งหลายหนุนอาณาจักรแห่งยูดาห์ให้แข็งแกร่ง และช่วยให้เรโหโบอัมบุตรของซาโลมอนมั่นคงเป็นเวลา 3 ปี เพราะพวกเขาดำเนินชีวิตตามแบบอย่างดาวิดและซาโลมอน 3 ปี
ครอบครัวของเรโหโบอัม
18 เรโหโบอัมสมรสกับมาหะลัทบุตรหญิงของเยรีโมทซึ่งเป็นบุตรของดาวิด มารดาของเธอคืออาบีฮาอิลซึ่งเป็นบุตรหญิงของเอลีอับผู้เป็นบุตรของเจสซี 19 นางให้กำเนิดบุตรคือ เยอูช เช-มาริยาห์ และศาฮัม 20 หลังจากนั้นท่านรับนางมาอาคาห์บุตรหญิงของอับซาโลมไว้เป็นภรรยา นางให้กำเนิดอาบียาห์ อัททัย ศีศา และเชโลมิท 21 เรโหโบอัมรักนางมาอาคาห์บุตรหญิงของอับซาโลม[b] มากยิ่งกว่าภรรยาและภรรยาน้อยทั้งปวง (ท่านมีภรรยา 18 คน ภรรยาน้อย 60 คน และมีบุตรชาย 28 คน บุตรหญิง 60 คน) 22 เรโหโบอัมแต่งตั้งอาบียาห์บุตรของนางมาอาคาห์ให้เป็นเจ้าชายคนสำคัญที่สุดในหมู่พี่น้อง เพราะท่านตั้งใจจะแต่งตั้งบุตรคนนี้ให้เป็นกษัตริย์ 23 ท่านดำเนินการด้วยการไตร่ตรองจากสติปัญญา โดยให้บุตรของท่านบางคนไปประจำอยู่ในเมืองต่างๆ ที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งทั่วยูดาห์และเบนยามิน และท่านจัดหาทุกสิ่งให้แก่พวกเขา ท่านจัดหาภรรยาให้พวกเขาด้วย
อียิปต์ปล้นระดมเยรูซาเล็ม
12 เมื่อเรโหโบอัมสถาปนาการปกครองของท่าน และอาณาจักรแข็งแกร่งแล้ว ท่านก็ทอดทิ้งกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า และอิสราเอลทั้งปวงก็กระทำเช่นนั้นด้วย 2 ในปีที่ห้าของกษัตริย์เรโหโบอัม ชิชักกษัตริย์แห่งอียิปต์ขึ้นมาโจมตีเยรูซาเล็ม เพราะเขาทั้งปวงไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า 3 โดยมีรถศึก 1,200 คัน ทหารม้า 60,000 คน นอกจากนั้นก็ยังมีทหารจำนวนนับไม่ถ้วนจากอียิปต์ที่เป็นชาวลิเบีย ชาวสุคีอิม และชาวคูช 4 ท่านยึดเมืองต่างๆ ของยูดาห์ที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง และมาไกลจนถึงเมืองเยรูซาเล็ม 5 เป็นเพราะชิชัก เชไมยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าจึงมาหาเรโหโบอัมและบรรดาผู้นำของยูดาห์ซึ่งกำลังประชุมกันอยู่ที่เยรูซาเล็ม เชไมยาห์พูดกับพวกเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ ‘พวกเจ้าทอดทิ้งเรา ดังนั้นเราจึงได้ทอดทิ้งพวกเจ้าให้อยู่ในมือของชิชัก’” 6 บรรดาผู้นำของอิสราเอลและกษัตริย์จึงถ่อมตนลงและพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้ามีความชอบธรรม” 7 เมื่อพระผู้เป็นเจ้าเห็นว่าพวกเขาถ่อมตนลง พระผู้เป็นเจ้าจึงกล่าวผ่านเชไมยาห์ว่า “พวกเขาได้ถ่อมตนลงแล้ว เราจะไม่ทำลายเขา และจะช่วยเหลือพวกเขา และเราจะไม่ลงโทษเยรูซาเล็มด้วยฝีมือของชิชัก 8 อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะต้องรับใช้ชิชัก เพื่อจะได้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างการรับใช้เราและการรับใช้อาณาจักรทั้งหลาย”
9 ดังนั้น ชิชักกษัตริย์แห่งอียิปต์ขึ้นมาโจมตีเยรูซาเล็ม และริบของล้ำค่าไปจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า รวมทั้งของมีค่าจากวังกษัตริย์ ท่านริบทุกสิ่งไป พร้อมกับโล่ทองคำทั้งหมดที่ซาโลมอนทำไว้ 10 กษัตริย์เรโหโบอัมจึงตีโล่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นแทน และมอบให้พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เฝ้าประตูวังของกษัตริย์ดูแล 11 ทุกครั้งที่กษัตริย์ไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พวกเจ้าหน้าที่ก็จะเป็นผู้แบกโล่ออกมา และหลังจากนั้นก็นำกลับไปยังห้องเก็บอาวุธของเจ้าหน้าที่ 12 เมื่อท่านถ่อมตนลง พระผู้เป็นเจ้าก็หยุดลงโทษท่าน ท่านจึงไม่ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง และยิ่งกว่านั้น สถานการณ์ในยูดาห์ก็ยังดีอยู่บ้าง
13 ดังนั้น กษัตริย์เรโหโบอัมมีความมั่นคงในเยรูซาเล็ม และปกครองต่อไป เรโหโบอัมมีอายุ 41 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 17 ปีในเยรูซาเล็มเมืองที่พระผู้เป็นเจ้าได้เลือกมาจากทุกเผ่าของอิสราเอล เพื่อให้เป็นที่นมัสการที่นั่น มารดาของท่านชื่อนาอามาห์ชาวอัมโมน 14 ที่ท่านกระทำสิ่งชั่วร้าย เพราะท่านไม่ได้มุ่งมั่นที่จะแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
15 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเรโหโบอัม ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในประวัติของเชไมยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และของอิดโดผู้รู้มิใช่หรือ ศึกสงครามระหว่างเรโหโบอัมและเยโรโบอัมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 16 และเรโหโบอัมก็สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด อาบียาห์[c]บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation