Beginning
ดาวิดกับขนมปังบริสุทธิ์
21 ดาวิดไปหาอาหิเมเลคปุโรหิตที่เมืองโนบ อาหิเมเลคตัวสั่นมาพบกับดาวิด และถามว่า “ทำไมท่านจึงมาคนเดียว ไม่มีใครมาด้วยหรือ” 2 ดาวิดตอบอาหิเมเลคปุโรหิตว่า “กษัตริย์บัญชาให้ข้าพเจ้าทำสิ่งหนึ่งและสั่งด้วยว่า ‘อย่าให้ใครทราบเรื่องนี้ว่า เราสั่งให้เจ้าทำอะไร’ ข้าพเจ้านัดพบกับพวกทหารที่ที่แห่งหนึ่ง 3 เอาล่ะ ท่านพอมีอาหารติดตัวมาบ้างไหม ขอขนมปังสัก 5 ก้อน หรืออะไรก็ได้ที่มีอยู่ที่นี่” 4 ปุโรหิตตอบดาวิดว่า “เราไม่มีขนมปังธรรมดาติดตัวมา แต่มีขนมปังอันบริสุทธิ์[a] ถ้าหากว่าพวกทหารของท่านได้ละเว้นจากผู้หญิง” 5 ดาวิดตอบปุโรหิตว่า “พวกเราอยู่ห่างจากผู้หญิงเสมอเวลาเราออกเดินทางปฏิบัติงาน กายของพวกทหารก็บริสุทธิ์แม้จะเป็นเวลาเดินทางตามปกติ แล้วในวันนี้กายพวกเขาจะบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเพียงไร” 6 ดังนั้นปุโรหิตจึงให้ขนมปังอันบริสุทธิ์แก่ดาวิด[b]เพราะไม่มีขนมปังชนิดอื่น นอกจากขนมปังอันบริสุทธิ์ที่หยิบมาจากเบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และจะมีขนมปังอบใหม่ๆ มาถวายแทนในวันเดียวกันนั้น
7 ในวันนั้นข้ารับใช้คนหนึ่งของซาอูลบังเอิญอยู่ที่นั่น เพราะถูกกักตัวไว้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เขาชื่อโดเอกชาวเอโดม เป็นหัวหน้าคนเลี้ยงดูฝูงแกะของซาอูล
8 ดาวิดถามอาหิเมเลคว่า “ท่านไม่มีดาบหรือหอกบ้างหรือ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เอาดาบหรืออาวุธติดตัวมาด้วย เพราะงานของกษัตริย์ที่บัญชาให้ทำเร่งด่วน” 9 ปุโรหิตตอบว่า “ดาบของโกลิอัทชาวฟีลิสเตียที่ท่านฆ่าตายในหุบเขาเอลาห์นั้นยังอยู่ที่นี่ ห่อเก็บไว้ในผ้าอยู่ข้างหลังชุดคลุม ถ้าท่านจะเอาดาบเล่มนั้น ก็เอาไปได้ เพราะที่นี่ไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากดาบเล่มนั้น” ดาวิดตอบว่า “ไม่มีดาบไหนเหมือนดาบเล่มนั้น เอามาให้ข้าพเจ้าเถิด”
ดาวิดหนีไปยังเมืองกัท
10 วันนั้นดาวิดหนีไปจากซาอูล ไปหาอาคีชกษัตริย์แห่งกัท 11 พวกข้ารับใช้ของอาคีชพูดกับท่านว่า “นี่ดาวิดกษัตริย์ของแผ่นดินนั้นมิใช่หรือ ที่มีคนร้องรำทำเพลงถึงว่า
‘ซาอูลได้ฆ่าคนนับพันคน
และดาวิดฆ่าคนนับหมื่น’”
12 ดาวิดขบคิดถึงคำพูดนั้นอยู่ในใจ และกลัวอาคีชกษัตริย์แห่งกัท 13 เขาจึงแสร้งเสียสติ[c]ต่อหน้าคนเหล่านั้น และขณะที่เขาถูกเหนี่ยวรั้งอยู่ในมือพวกเขา ดาวิดก็ทำทีว่าเป็นคนบ้า ขูดขีดที่ประตูเมือง ปล่อยให้น้ำลายไหลลงบนเครา 14 อาคีชจึงพูดกับพวกข้ารับใช้ว่า “ดูสิ พวกเจ้าก็เห็นว่าคนนั้นเป็นบ้า แล้วทำไมจึงพาเขามาหาเรา 15 เราขาดคนบ้าหรือ พวกเจ้าจึงได้พาเจ้าคนนี้มาทำตัวเหมือนคนบ้าขวางหน้าเรา จะต้องให้คนนี้เข้ามาในบ้านเราหรือ”
ดาวิดที่ถ้ำอดุลลาม
22 ดาวิดจากที่นั่นไป และหลบหนีไปอยู่ในถ้ำที่อดุลลาม[d] เมื่อพวกพี่ชายและพวกญาติๆ ทั้งหลายได้ข่าว จึงลงไปหาท่านที่นั่น 2 ทุกคนที่ลำบาก ทุกคนที่มีหนี้สิน และทุกคนที่สิ้นหวัง ต่างก็มาหาดาวิด ท่านจึงเป็นหัวหน้าคนเหล่านั้น มีคนประมาณ 400 คนที่อยู่กับท่าน
3 จากที่นั่นดาวิดไปยังเมืองมิสปาห์ในดินแดนโมอับ ท่านพูดกับกษัตริย์แห่งโมอับว่า “โปรดให้บิดามารดาของข้าพเจ้าอยู่กับท่าน จนกว่าข้าพเจ้าจะทราบว่าพระเจ้าจะทำสิ่งใดเพื่อข้าพเจ้า” 4 และดาวิดให้บิดามารดาอยู่กับกษัตริย์แห่งโมอับ ท่านทั้งสองจึงอาศัยอยู่กับกษัตริย์ตลอดช่วงเวลาที่ดาวิดอยู่ในที่หลบภัย 5 กาดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าพูดกับดาวิดว่า “อย่าอยู่ต่อไปในที่หลบภัย จงไปเสีย ไปยังแผ่นดินยูดาห์เถิด” ดาวิดจึงจากไป และเข้าไปในป่าเฮเรท
ซาอูลฆ่าบรรดาปุโรหิตที่เมืองโนบ
6 ซาอูลทราบว่าคนเสาะหาดาวิดเจอแล้ว และมีคนอยู่กับท่านด้วย ซาอูลกำลังนั่งอยู่บนเนินเขา มือถือหอกอยู่ที่ใต้ต้นแทมริสก์ที่กิเบอาห์ มีพวกบริวารยืนอยู่รอบข้าง 7 ซาอูลกล่าวกับพวกข้ารับใช้ที่ยืนอยู่รอบข้างว่า “จงฟังเถิด ชาวเบนยามินเอ๋ย ลูกชายของเจสซีคนนั้นจะยกทุ่งนาและสวนองุ่นให้กับพวกเจ้าทุกคนหรือ เขาจะแต่งตั้งพวกเจ้าให้เป็นผู้บังคับกองพันและผู้บังคับกองร้อยหรือ 8 พวกเจ้าทุกคนจึงได้คบคิดกบฏต่อเรา ไม่มีใครเปิดเผยให้เรารู้เวลาลูกชายของเราทำข้อตกลงกับลูกของเจสซี ไม่มีใครในพวกเจ้าที่สงสารเรา หรือเปิดเผยให้เรารู้ว่าลูกชายของเราได้ยุยงคนรับใช้ของเราให้แข็งข้อกับเรา รอที่จะฆ่าเราอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้” 9 โดเอกชาวเอโดมที่ยืนอยู่ใกล้พวกข้ารับใช้ของซาอูลตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นบุตรของเจสซีมาที่เมืองโนบ ไปหาอาหิเมเลคบุตรของอาหิทูบ 10 เขาถามพระผู้เป็นเจ้าให้ดาวิด และจัดหาอาหารให้และมอบดาบของโกลิอัทชาวฟีลิสเตียให้แก่ท่าน”
11 แล้วกษัตริย์ก็ให้คนไปเรียกตัวอาหิเมเลคปุโรหิตผู้เป็นบุตรของอาหิทูบ และทั้งตระกูลที่เป็นบรรดาปุโรหิตที่อยู่ที่โนบมา และทุกคนก็มาหากษัตริย์ 12 ซาอูลกล่าวว่า “ฟังเถิด ลูกของอาหิทูบ” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ นายท่าน” 13 ซาอูลกล่าวกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงคิดกบฏต่อเรา ทั้งตัวท่านและลูกของเจสซี ท่านให้ขนมปังและดาบ และได้ถามพระเจ้าให้เขา เขาจึงแข็งข้อกับเรา รอที่จะฆ่าเราอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้” 14 อาหิเมเลคตอบกษัตริย์ว่า “แล้วใครในหมู่บริวารของท่านที่สัตย์ซื่อเหมือนดาวิดบุตรเขยของกษัตริย์ เขาเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์และมีเกียรติในวังของท่าน 15 วันนี้เป็นวันแรกหรือที่ข้าพเจ้าถามพระเจ้าให้ดาวิด เปล่าเลย อย่าให้กษัตริย์กล่าวหาข้ารับใช้หรือญาติผู้ใดในตระกูลของข้าพเจ้า เพราะว่าข้ารับใช้ของท่านไม่ทราบสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม” 16 กษัตริย์กล่าวว่า “อาหิเมเลค ท่านจะต้องตายแน่ ทั้งตัวท่านและทั้งตระกูลของท่าน” 17 และกษัตริย์กล่าวกับทหารคุ้มกันที่ยืนอยู่ใกล้ท่านว่า “หันไปฆ่าพวกปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าเสีย เพราะเขาร่วมมือกับดาวิด ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาหนีไป และไม่ยอมบอกให้เรารู้” แต่พวกบริวารของกษัตริย์ไม่ยอมยื่นมือประหารบรรดาปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า 18 กษัตริย์จึงกล่าวกับโดเอกว่า “เจ้าจงหันไปฆ่าพวกปุโรหิต” แล้วโดเอกชาวเอโดมก็หันไปฆ่าบรรดาปุโรหิต และในวันนั้นเขาฆ่าคน 85 คนที่สวมชุดคลุมผ้าป่าน 19 ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เด็กและทารก โค ลา และแกะถูกฆ่าตายหมดที่เมืองโนบ อันเป็นเมืองปุโรหิต
20 แต่อาบียาธาร์บุตรคนหนึ่งของอาหิเมเลคบุตรอาหิทูบหลบหนีตามดาวิดไปได้ 21 อาบียาธาร์บอกดาวิดว่าซาอูลได้ฆ่าบรรดาปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า 22 ดาวิดบอกอาบียาธาร์ว่า “เรารู้ในวันนั้นเมื่อโดเอกชาวเอโดมอยู่ที่นั่น เขาจะต้องบอกซาอูลแน่นอน เรารับผิดชอบกับความตายของทุกคนในตระกูลของท่าน 23 อยู่กับเราเถิด อย่ากลัวเลย เพราะว่าคนที่ตามล่าชีวิตเราก็ตามล่าชีวิตท่านด้วย ท่านจะปลอดภัยในความดูแลของเรา”
ดาวิดช่วยเมืองเคอีลาห์
23 มีคนมาบอกดาวิดว่า “ดูเถิด ชาวฟีลิสเตียกำลังต่อสู้กับเมืองเคอีลาห์ และกำลังปล้นที่ลานนวดข้าวอยู่” 2 ฉะนั้นดาวิดจึงถามพระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าควรจะไปโจมตีชาวฟีลิสเตียเหล่านี้หรือไม่” และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับดาวิดว่า “ไปโจมตีพวกฟีลิสเตีย และช่วยเมืองเคอีลาห์ไว้” 3 แต่คนของดาวิดพูดกับท่านว่า “ดูเถิด ที่นี่ในยูดาห์ พวกเราก็กลัวพอแล้ว ถ้าหากว่าพวกเราไปที่เมืองเคอีลาห์ต่อสู้กับกองทัพของพวกฟีลิสเตีย แล้วพวกเราจะกลัวยิ่งกว่านี้เพียงไร” 4 ดาวิดจึงถามพระผู้เป็นเจ้าอีก และพระผู้เป็นเจ้าตอบท่านว่า “ลุกขึ้น แล้วลงไปที่เคอีลาห์ เพราะว่าเราจะให้พวกฟีลิสเตียอยู่ในมือของเจ้า” 5 ดาวิดกับพรรคพวกจึงไปที่เคอีลาห์ต่อสู้กับพวกฟีลิสเตีย และฆ่าคนเป็นจำนวนมาก นำฝูงปศุสัตว์กลับมา ดังนั้นดาวิดช่วยชาวเมืองเคอีลาห์ไว้ได้
6 เมื่ออาบียาธาร์บุตรของอาหิเมเลคหนีไปหาดาวิดที่เคอีลาห์ เขาเอาชุดคลุมติดมือมาด้วย 7 มีคนบอกซาอูลว่าดาวิดได้มาอยู่ที่เคอีลาห์ ซาอูลพูดว่า “พระเจ้าได้มอบเขาไว้ในมือของเราแล้ว เพราะว่าเขาขังตัวเองโดยเข้าไปในเมืองที่มีประตูและติดสลักดาลประตู” 8 ครั้นแล้วซาอูลก็เรียกคนทั้งปวงมาเตรียมศึก เพื่อลงไปที่เมืองเคอีลาห์เพื่อล้อมดาวิดกับพรรคพวกไว้ 9 ดาวิดทราบว่าซาอูลกำลังวางแผนทำร้ายตน ท่านพูดกับอาบียาธาร์ปุโรหิตว่า “นำเอาชุดคลุมมาที่นี่เถิด” 10 แล้วดาวิดพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ผู้รับใช้ของพระองค์ทราบแน่นอนว่า ซาอูลประสงค์จะมาที่เคอีลาห์ เพื่อทำลายเมืองนี้ก็เพราะข้าพเจ้า 11 คนในเมืองเคอีลาห์จะให้ข้าพเจ้ามอบตัวแก่ซาอูลหรือ ซาอูลจะลงมา ตามที่ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ข่าวจริงหรือไม่ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล โปรดบอกผู้รับใช้ของพระองค์เถิด” และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “เขาจะลงมา” 12 ดาวิดจึงถามว่า “คนในเมืองเคอีลาห์จะให้ข้าพเจ้าและพรรคพวกมอบตัวแก่ซาอูลหรือ” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “พวกเขาจะให้เจ้ามอบตัว” 13 แล้วดาวิดกับพรรคพวกประมาณ 600 คนจึงไปจากเคอีลาห์ เร่ร่อนไปตามที่จะไปได้ ครั้นซาอูลทราบว่าดาวิดได้หนีไปจากเคอีลาห์แล้ว ท่านจึงเลิกทัพ 14 ดาวิดอยู่ในที่หลบภัยในถิ่นทุรกันดารของเมืองศิฟ ซาอูลตามล่าดาวิดทุกวัน แต่พระเจ้าไม่ให้ท่านอยู่ในมือของซาอูล
ซาอูลตามล่าดาวิด
15 ขณะที่ดาวิดอยู่ในถิ่นทุรกันดารของเมืองศิฟที่โฮเรช ก็เห็นว่า ซาอูลได้ออกมาตามล่าท่าน 16 โยนาธานบุตรของซาอูลจึงไปหาดาวิดที่โฮเรช และทำให้ท่านเข้มแข็งในพระเจ้า 17 และพูดกับดาวิดว่า “อย่ากลัวเลย เพราะว่าซาอูลบิดาของเราจะทำร้ายท่านไม่ได้ ท่านจะเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และเราจะเป็นที่สองรองจากท่าน ซาอูลบิดาของเราก็ทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว” 18 แล้วทั้งสองก็สาบานตน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ดาวิดอยู่ต่อที่โฮเรช และโยนาธานกลับบ้านไป
19 ฝ่ายชาวศิฟขึ้นไปหาซาอูลที่กิเบอาห์ และถามว่า “ดาวิดกำลังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกเราในที่หลบภัยที่โฮเรช บนเนินเขาฮาคีลาห์ซึ่งอยู่ใต้เยชิโมนมิใช่หรือ 20 โอ กษัตริย์ เชิญท่านลงมาตามใจปรารถนาของท่านเถิด พวกเราจะทำหน้าที่มอบตัวเขาไว้ในมือของกษัตริย์เอง” 21 ซาอูลตอบว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรพวกท่าน เพราะท่านกรุณาต่อเรา 22 ขอให้ท่านไปดูให้แน่นอนอีกทีว่า เขาอยู่ที่ไหน และใครเป็นผู้ที่เห็นเขาอยู่ที่นั่น มีคนบอกเราว่าเขาเจ้าเล่ห์นัก 23 ฉะนั้นจงไปสืบดูให้ดีว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่แห่งใดบ้าง แล้วจึงกลับมาบอกเราด้วยข้อมูลที่ได้ และเราจึงจะไปกับท่าน ถ้าเขาอยู่ในเขตแดน เราจะค้นหาตัวเขาในหมู่คนนับพันของเผ่ายูดาห์จนพบ” 24 พวกเขาจึงออกเดินทางไปยังศิฟก่อนซาอูล
ฝ่ายดาวิดและพรรคพวกอยู่ในถิ่นทุรกันดารมาโอน ในอาราบาห์จรดใต้เยชิโมน 25 ซาอูลและคนของท่านไปค้นหาตัวดาวิด มีคนไปบอกดาวิด ท่านจึงลงไปอยู่ในบริเวณเนินหินในถิ่นทุรกันดารมาโอน เมื่อซาอูลทราบเรื่อง ท่านก็ตามล่าดาวิดในถิ่นทุรกันดารมาโอน 26 ซาอูลไปที่ภูเขาด้านหนึ่ง ดาวิดกับพรรคพวกไปอีกด้านหนึ่ง ดาวิดกำลังรีบหนีซาอูล ขณะที่ซาอูลและคนของท่านประชิดตัวดาวิดกับพรรคพวก และจวนจะจับกุมพวกท่านได้อยู่แล้ว 27 ก็มีผู้ส่งข่าวคนหนึ่งมาบอกซาอูลว่า “รีบมาเถิด เพราะว่าพวกฟีลิสเตียกำลังรุกรานแผ่นดิน” 28 ดังนั้นซาอูลจึงกลับจากการตามล่าดาวิด และกลับไปต่อสู้กับพวกฟีลิสเตีย ฉะนั้นสถานที่นั้นจึงได้ชื่อว่า ศิลาหลีกภัย 29 ดาวิดไปจากที่นั่น และไปอาศัยอยู่ในที่หลบภัยที่เอนเกดี
ดาวิดไว้ชีวิตซาอูล
24 เมื่อซาอูลกลับจากการตามรบพวกฟีลิสเตีย มีคนบอกท่านว่า “ดูเถิด ดาวิดอยู่ในถิ่นทุรกันดารที่เอนเกดี” 2 ซาอูลจึงคัดเลือกคนของท่านจากชนชาวอิสราเอลทั้งหมดได้ 3,000 คน ให้ไปตามหาดาวิดและพรรคพวกของท่านที่ทางด้านตะวันออกของศิลาแพะป่า 3 ท่านมาถึงคอกแกะที่ริมทางซึ่งมีถ้ำแห่งหนึ่ง และซาอูลเข้าไปในถ้ำเพื่อถ่ายทุกข์ ฝ่ายดาวิดกับพรรคพวกกำลังนั่งอยู่ที่ท้ายถ้ำ[e] 4 พรรคพวกของดาวิดพูดกับท่านว่า “วันนี้เป็นวันที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า ‘ดูเถิด เราจะมอบศัตรูของเจ้าไว้ในมือเจ้า และเจ้าจะกระทำกับเขาตามที่เจ้าเห็นสมควร’” แล้วดาวิดก็ลุกขึ้น และแอบตัดชายเสื้อคลุมของซาอูล 5 หลังจากนั้นดาวิดรู้สึกเสียใจที่ตัดชายเสื้อคลุมของซาอูล 6 ท่านพูดกับพรรคพวกว่า “พระผู้เป็นเจ้าทราบว่าเราไม่ควรกระทำเช่นนั้นต่อนายของเรา ท่านเป็นผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเจิมไว้ ไม่ควรยื่นมือไปต่อสู้กับท่าน ทั้งที่รู้ว่าท่านเป็นผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเจิมไว้” 7 ดาวิดได้จูงใจพรรคพวกตามถ้อยคำดังกล่าว และห้ามไม่ให้พวกเขาทำร้ายซาอูล และซาอูลก็ไปจากถ้ำ ไปตามทางของท่านต่อ
8 หลังจากนั้นดาวิดก็ออกไปจากถ้ำเช่นกัน และตะโกนตามหลังซาอูลว่า “เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์” ครั้งซาอูลหันหลังไปมอง ดาวิดก็ก้มหน้าลงและคำนับ 9 ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ทำไมท่านจึงฟังคำของคนที่พูดว่า ‘ดูเถิด ดาวิดมุ่งร้ายท่าน’ 10 ดูเถิด วันนี้ท่านเห็นด้วยตาของท่านแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้าได้มอบท่านไว้ในมือของข้าพเจ้าในถ้ำ และมีบางคนบอกให้ข้าพเจ้าฆ่าท่าน แต่ข้าพเจ้าไว้ชีวิตท่านไว้ ข้าพเจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่ยื่นมือไปต่อสู้กับนายท่าน เพราะท่านเป็นผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเจิมไว้’ 11 เจ้านายของข้าพเจ้า ดูนี่ ดูว่าชายเสื้อคลุมของท่านอยู่ในมือข้าพเจ้า ด้วยว่าข้าพเจ้าตัดชายเสื้อคลุมของท่านแต่ก็ไม่ได้ฆ่าท่าน ขอให้ท่านทราบและเข้าใจด้วยว่า ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดหรือเป็นกบฏ ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำบาปต่อท่าน แม้ว่าท่านจะตามล่าเอาชีวิตข้าพเจ้าไป 12 ขอให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ตัดสินระหว่างท่านและข้าพเจ้า ขอให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ลงโทษตามสิ่งที่ท่านกระทำต่อข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้สนองตอบท่าน 13 ตามสุภาษิตโบราณกล่าวว่า ‘ความชั่วมาจากคนชั่ว’ แต่ข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้สนองตอบท่าน 14 กษัตริย์แห่งอิสราเอลออกมาตามใคร ท่านไล่ล่าใคร ตามล่าสุนัขที่ตายแล้ว ตามล่าตัวหมัด 15 ฉะนั้นขอให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ตัดสินและคาดโทษระหว่างท่านและข้าพเจ้า ขอพระองค์ดำเนินการช่วยปกป้องข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้ารอดจากมือท่านเถิด”
16 ทันทีที่ดาวิดพูดกับซาอูลจบ ซาอูลถามว่า “ดาวิดลูกเรา นี่เป็นเสียงของเจ้าหรือ” และซาอูลส่งเสียงร้องไห้ 17 ท่านกล่าวกับดาวิดว่า “เจ้ามีความชอบธรรมยิ่งกว่าเรา เพราะเจ้าตอบสนองเราด้วยความดี แต่เราได้สนองตอบเจ้าด้วยความเลวร้าย 18 และเจ้าได้แสดงให้เห็นในวันนี้ว่า เจ้าได้กระทำต่อเราเป็นอย่างดี เพราะเจ้าไม่ได้ฆ่าเราเมื่อพระผู้เป็นเจ้ามอบเราไว้ในมือของเจ้า 19 ถ้าชายใดพบศัตรูของเขา เขาจะปล่อยให้ไปอย่างปลอดภัยหรือ ดังนั้นขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรเจ้าด้วยรางวัลสำหรับสิ่งที่เจ้าปฏิบัติต่อเราในวันนี้ 20 บัดนี้เรารู้ว่าเจ้าจะเป็นกษัตริย์อย่างแน่แท้ และอาณาจักรของอิสราเอลจะยืนยงอยู่ในมือของเจ้า 21 ฉะนั้นขอให้เจ้าสาบานกับเราในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าว่า เจ้าจะไม่ตัดขาดบรรดาผู้สืบทอดต่อจากเรา และเจ้าจะไม่ลบชื่อของเราออกไปจากตระกูล” 22 ดาวิดก็สาบานต่อซาอูลตามนั้น ซาอูลจึงกลับบ้านไป ส่วนดาวิดกับพรรคพวกขึ้นไปยังที่หลบภัย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation