Beginning
อุสซียาห์ครองราชย์ในยูดาห์
15 ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของเยโรโบอัมกษัตริย์แห่งอิสราเอล อุสซียาห์บุตรอามาซิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์เริ่มครองราชย์ 2 ท่านมีอายุ 16 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 52 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาชื่อเยโคลียาห์จากเยรูซาเล็ม 3 ท่านกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่อามาซิยาห์บิดาของท่านได้กระทำ 4 แต่สถานบูชาบนภูเขาสูงยังไม่ถูกกำจัดไป และประชาชนยังมอบเครื่องสักการะและเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนภูเขาสูง 5 พระผู้เป็นเจ้าทำให้กษัตริย์รับโทษ ท่านจึงเป็นโรคเรื้อนจนถึงวันที่ท่านสิ้นชีวิต ซึ่งทำให้ท่านต้องแยกไปอาศัยอยู่ต่างหาก และโยธามบุตรของกษัตริย์เป็นผู้ควบคุมดูแลวัง และปกครองประชาชนในแผ่นดิน 6 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอุสซียาห์ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 7 อุสซียาห์สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้กับบรรพบุรุษในเมืองของดาวิด และโยธามบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
เศคาริยาห์ครองราชย์ในอิสราเอล
8 ในปีที่สามสิบแปดของอุสซียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เศคาริยาห์บุตรเยโรโบอัมปกครองอิสราเอลในสะมาเรียเป็นเวลา 6 เดือน 9 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และไม่ได้ละเว้นจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ซึ่งเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป 10 ชัลลูมบุตรยาเบชเป็นกบฏ และสังหารท่านต่อหน้าประชาชน และครองราชย์แทนท่าน 11 ดูเถิด กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเศคาริยาห์ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ 12 (สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวกับเยฮูคือ “บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า 4 ชั่วอายุจะได้นั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอล” แล้วก็เกิดขึ้นตามนั้น[a])
ชัลลูมครองราชย์ในอิสราเอล
13 ชัลลูมบุตรยาเบชเริ่มเป็นกษัตริย์ในปีที่สามสิบเก้าของอุสซียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ และท่านครองราชย์ในสะมาเรีย 1 เดือน 14 เมนาเฮมบุตรกาดีออกจากเมืองทีรซาห์ ไปยังสะมาเรีย และสังหารชัลลูมบุตรยาเบชที่สะมาเรีย และครองราชย์แทนท่าน 15 ดูเถิด กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของชัลลูม และการกบฏของท่าน ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 16 ในคราวนั้น เมนาเฮมโจมตีทิฟสาห์และกำจัดทุกคนที่อยู่ในเมือง รวมทั้งอาณาบริเวณนับจากทีรซาห์ออกไป เพราะพวกเขาไม่ยอมเปิดทางให้ท่าน ท่านจึงโจมตี และฟันท้องหญิงมีครรภ์ทุกคนในเมือง
เมนาเฮมครองราชย์ในอิสราเอล
17 ในปีที่สามสิบเก้าของอุสซียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เมนาเฮมบุตรกาดีเริ่มปกครองอิสราเอล และครองราชย์ 10 ปีในสะมาเรีย 18 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และไม่ได้ละเว้นจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัทตลอดชีวิตของท่าน ซึ่งเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป 19 ปูลกษัตริย์แห่งอัสซีเรียมาโจมตีแผ่นดิน และเมนาเฮมมอบเงิน 1,000 ตะลันต์[b]ให้แก่ปูล เพื่อให้ท่านช่วยรักษาอำนาจให้อยู่ในราชอาณาจักรของท่าน 20 เมนาเฮมสั่งให้เก็บเงินจากผู้มั่งมีของอิสราเอล แต่ละคนต้องมอบเงิน 50 เชเขลให้แก่กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย ดังนั้นกษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงยกทัพกลับ และออกไปจากแผ่นดิน 21 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเมนาเฮม และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ 22 เมนาเฮมสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน และเปคาหิยาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
เปคาหิยาห์ครองราชย์ในอิสราเอล
23 ในปีที่ห้าสิบของอุสซียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เปคาหิยาห์บุตรเมนาเฮมเริ่มปกครองอิสราเอลในสะมาเรีย ท่านครองราชย์สองปี 24 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และไม่ได้ละเว้นจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัทตลอดชีวิตของท่าน ซึ่งเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป 25 เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ เป็นแม่ทัพของเปคาหิยาห์ ร่วมเป็นกบฏกับชายชาวกิเลอาด 50 คน และสังหารเปคาหิยาห์ที่สะมาเรีย ในป้อมปราการของวังกษัตริย์ อาร์โกบและอารีเอห์[c] ท่านสังหารเปคาหิยาห์ แล้วครองราชย์แทนท่าน 26 ดูเถิด กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเปคาหิยาห์ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล
เปคาห์ครองราชย์ในอิสราเอล
27 ในปีที่ห้าสิบสองของอุสซียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์เริ่มปกครองอิสราเอลในสะมาเรีย ท่านครองราชย์ 20 ปี 28 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และไม่ได้ละเว้นจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัทตลอดชีวิตของท่าน ซึ่งเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป
29 ในสมัยของเปคาห์กษัตริย์แห่งอิสราเอล ทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์แห่งอัสซีเรียยกทัพมา และยึดเมืองอิโยน อาเบลเบธมาอาคาห์ ยาโนอาห์ เคเดช ฮาโซร์ กิเลอาด กาลิลี และดินแดนนัฟทาลีทั้งหมด แล้วก็จับประชาชนไปยังอัสซีเรียเพื่อเป็นเชลย 30 ในปีที่ยี่สิบของโยธามบุตรอุสซียาห์ โฮเชยาบุตรเอลาห์กบฏต่อเปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ สังหารท่าน และครองราชย์แทนท่าน 31 ดูเถิด กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเปคาห์ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล
โยธามครองราชย์ในยูดาห์
32 ในปีที่สองของเปคาห์บุตรของเรมาลิยาห์กษัตริย์แห่งอิสราเอล โยธามบุตรอุสซียาห์เริ่มครองราชย์ 33 ท่านมีอายุ 25 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 16 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อเยรูชาห์บุตรหญิงของศาโดก 34 ท่านกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่อุสซียาห์บิดาของท่านได้กระทำ 35 แต่สถานบูชาบนภูเขาสูงยังไม่ถูกกำจัดไป และประชาชนยังมอบเครื่องสักการะและเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนภูเขาสูง ท่านสร้างประตูเหนือของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 36 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของโยธาม และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 37 ในสมัยนั้น พระผู้เป็นเจ้าปล่อยให้เรซีนกษัตริย์แห่งอารัม และเปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ โจมตียูดาห์ 38 โยธามสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด และอาหัสบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
อาหัสครองราชย์ในยูดาห์
16 ในปีที่สิบเจ็ดของเปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ อาหัสบุตรโยธามกษัตริย์แห่งยูดาห์เริ่มครองราชย์ 2 อาหัสมีอายุ 20 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 16 ปีในเยรูซาเล็ม ท่านไม่ได้กระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน อย่างที่ดาวิดบรรพบุรุษของท่านได้กระทำ 3 แต่ท่านดำเนินชีวิตตามแบบอย่างบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล ท่านถึงกับเผาบุตรชายของท่านเป็นเครื่องสักการะ ตามอย่างการกระทำอันน่าชังของบรรดาประชาชาติที่พระผู้เป็นเจ้าขับไล่ออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล 4 และท่านได้ถวายเครื่องสักการะ และเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนภูเขาสูง บนเนินเขา และใต้ต้นไม้เขียวชอุ่มทุกต้น
5 ครั้นแล้ว เรซีนกษัตริย์แห่งอารัม และเปคาห์บุตรของเรมาลิยาห์กษัตริย์แห่งอิสราเอล ยกทัพมาโจมตีเยรูซาเล็ม ปิดล้อมอาหัสแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ 6 ในเวลานั้นเรซีนกษัตริย์แห่งอารัมยึดเมืองเอลัทคืนกลับมาให้อารัม และขับไล่ผู้คนชาวยูดาห์ออกไปจากเอลัท และชาวเอโดมเข้ามาอยู่ในเอลัทมาจนถึงทุกวันนี้ 7 ดังนั้น อาหัสจึงให้ผู้ถือสาสน์ไปยังทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย กล่าวดังข้อความว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้และบุตรของท่าน ขอท่านมาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากมือของกษัตริย์แห่งอารัม และจากมือของกษัตริย์แห่งอิสราเอล ที่กำลังโจมตีข้าพเจ้า” 8 อาหัสมอบเงินและทองคำที่พบในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าและในคลังของกษัตริย์ ให้เป็นของกำนัลแด่กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย 9 และกษัตริย์แห่งอัสซีเรียก็ฟังท่าน กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงยกทัพไปโจมตีดามัสกัสและยึดไว้ได้ จับผู้อยู่อาศัยไปเป็นเชลยที่เมืองคีร์ และสังหารเรซีนเสีย
10 เมื่อกษัตริย์อาหัสไปพบกับทิกลัทปิเลเสอร์กษัตริย์แห่งอัสซีเรียที่ดามัสกัส ท่านเห็นแท่นบูชาที่อยู่ในเมืองนั้น กษัตริย์อาหัสส่งแท่นบูชาจำลองพร้อมด้วยแบบและรายละเอียดทุกอย่างไปให้อุรียาห์ปุโรหิต 11 และอุรียาห์ปุโรหิตจึงสร้างแท่นบูชา ตามแบบที่กษัตริย์อาหัสได้ส่งจากดามัสกัสทุกประการ อุรียาห์สร้างเสร็จก่อนกษัตริย์อาหัสมาถึง 12 เมื่อกษัตริย์มาจากดามัสกัส ท่านมองดูแท่นบูชาและเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วท่านก็ขึ้นไปถึงแท่นนั้น 13 และเผาสัตว์ที่ใช้เป็นของถวาย มอบเครื่องธัญญบูชา เทเครื่องดื่มบูชา และสาดเลือดที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมที่แท่นบูชา 14 ท่านย้ายแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า จากด้านหน้าพระตำหนัก ซึ่งอยู่ระหว่างแท่นบูชาใหม่และพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และวางไว้ทางด้านเหนือของแท่นบูชาใหม่ 15 กษัตริย์อาหัสสั่งอุรียาห์ปุโรหิตว่า “จงเผาสัตว์ที่ใช้เป็นของถวายสำหรับเวลาเช้า และมอบเครื่องธัญญบูชาสำหรับเวลาเย็น และมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายกับเครื่องธัญญบูชาของกษัตริย์ จงมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายกับเครื่องธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาของประชาชนทั้งปวงในแผ่นดิน บนแท่นบูชาใหญ่นี้ และจงสาดเลือดจากสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และเลือดจากเครื่องสักการะทั้งหมดที่แท่นนี้ แต่แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์จะเป็นที่ที่เราใช้เมื่อขอคำปรึกษา” 16 อุรียาห์ปุโรหิตกระทำตามคำสั่งของกษัตริย์อาหัสทุกประการ
17 กษัตริย์อาหัสตัดแผ่นกระดานจากแท่น และย้ายอ่างออก เลื่อนถังเก็บน้ำลงจากโคทองสัมฤทธิ์ที่อยู่เบื้องล่าง และตั้งไว้บนแท่นหิน 18 เป็นเพราะท่านยำเกรงกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย ท่านจึงรื้อปะรำที่สร้างไว้ในพระตำหนักที่ใช้สำหรับวันสะบาโต และปิดทางเข้าด้านนอกที่กษัตริย์ใช้เป็นทางเข้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 19 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอาหัส และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 20 อาหัสสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด และเฮเซคียาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
โฮเชยาครองราชย์ในอิสราเอล
17 ในปีที่สิบสองของอาหัสกษัตริย์แห่งยูดาห์ โฮเชยาบุตรเอลาห์เริ่มปกครองอิสราเอลในสะมาเรีย ท่านครองราชย์ 9 ปี 2 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่เหมือนกับบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลก่อนหน้าท่าน 3 ชัลมันเอเสร์กษัตริย์แห่งอัสซีเรียมาโจมตี โฮเชยายอมอยู่ใต้บังคับและถวายเครื่องบรรณาการแก่ท่าน 4 กษัตริย์แห่งอัสซีเรียพบว่าโฮเชยาเป็นปฏิปักษ์ เพราะท่านให้ผู้ส่งสาสน์ไปยังโสกษัตริย์แห่งอียิปต์ และไม่ยอมมอบเครื่องบรรณาการแก่กษัตริย์แห่งอัสซีเรียเหมือนที่เคยทำในแต่ละปี ดังนั้น กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงจับกุมและจำคุกท่าน 5 และกษัตริย์แห่งอัสซีเรียก็บุกรุกไปทั่วแผ่นดิน เมื่อมาถึงสะมาเรีย ก็ล้อมเมืองไว้ 3 ปี
อิสราเอลถล่ม
6 ในปีที่เก้าของโฮเชยา[d] กษัตริย์แห่งอัสซีเรียยึดสะมาเรีย และจับชาวอิสราเอลไปอยู่ที่อัสซีเรีย ให้อยู่ที่ฮาลาห์ ใกล้แม่น้ำฮาโบร์ในเมืองโกซาน และในเมืองต่างๆ ของชาวมีเดีย
ถูกเนรเทศเพราะรูปเคารพ
7 เหตุการณ์เกิดขึ้นก็เพราะว่า ประชาชนอิสราเอลได้กระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา ผู้ที่นำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ จากเงื้อมมือของฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ พวกเขาเกรงกลัวบรรดาเทพเจ้า 8 และดำเนินรอยตามบรรดาประชาชาติที่พระผู้เป็นเจ้าได้ขับไล่ออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล และปฏิบัติตามที่บรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ปฏิบัติ 9 และชาวอิสราเอลแอบทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องและขัดต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา และได้สร้างสถานบูชาบนภูเขาสูงในทุกๆ เมืองให้แก่ตนเอง ตั้งแต่หอคอยไปจนถึงเมืองที่ป้องกันไว้อย่างแข็งแกร่ง 10 พวกเขาตั้งเสาหิน และสร้างเทวรูปอาเชราห์ ไว้บนภูเขาสูงทุกลูก และใต้ต้นไม้ทุกต้น 11 เขาเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนภูเขาสูงทุกแห่ง ปฏิบัติตามอย่างบรรดาประชาชาติที่พระผู้เป็นเจ้าได้ขับไล่ออกไปต่อหน้าพวกเขา และเขากระทำสิ่งที่ชั่วร้าย ซึ่งเป็นการยั่วโทสะพระองค์ 12 พวกเขาบูชารูปเคารพที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวแก่พวกเขาแล้วว่า “ห้ามทำเช่นนั้น” 13 พระผู้เป็นเจ้ายังเตือนอิสราเอลและยูดาห์ ผ่านผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทุกท่านและผู้รู้ทุกท่านว่า “จงหันไปจากความชั่วร้าย และปฏิบัติตามคำบัญญัติ กฎเกณฑ์ และกฎบัญญัติของเรา ตามที่เราบัญชาบรรพบุรุษของเจ้า และส่งผ่านบรรดาผู้เผยคำกล่าวผู้รับใช้ของเรามาให้แก่พวกเจ้า”
14 แต่พวกเขาไม่ฟัง และดื้อรั้น เหมือนที่บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นมาแล้ว คือไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขา 15 เขาดูหมิ่นกฎเกณฑ์และพันธสัญญาที่พระองค์ทำไว้กับบรรพบุรุษของเขา และสิ่งที่พระองค์ตักเตือนเขา พวกเขาติดตามรูปเคารพซึ่งไร้ค่า และทำให้ตนเองไร้ค่า พวกเขาประพฤติตามบรรดาประชาชาติที่อยู่รอบข้าง และไม่เชื่อฟังคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าที่สั่งห้ามไว้ 16 และละทิ้งพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขา และก็หล่อรูปลูกโค 2 ตัวให้ตนเอง[e] และสร้างเทวรูปอาเชราห์รูปหนึ่ง และนมัสการสรรพสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า และบูชาเทวรูปบาอัล[f] 17 เขาเผาบุตรของตนเป็นของถวาย ใช้การทำนายและเวทมนตร์ ปักใจกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นการยั่วโทสะของพระองค์ 18 ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงโกรธกริ้วอิสราเอล และไล่พวกเขาไปให้พ้นหน้าพระองค์ ไม่มีใครเหลืออยู่ นอกจากเผ่ายูดาห์เท่านั้น
19 ส่วนยูดาห์เองก็ไม่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา แต่ดำเนินรอยตามสิ่งชั่วที่อิสราเอลได้กระทำ 20 พระผู้เป็นเจ้าปฏิเสธบรรดาผู้สืบเชื้อสายของอิสราเอล และให้พวกเขารับทุกข์ทรมาน และมอบไว้ในมือของเหล่านักปล้นระดม จนกระทั่งพระองค์ได้ขับไล่พวกเขาไปให้พ้นหน้าพระองค์
21 เมื่อพระองค์ได้แยกอิสราเอลออกจากพงศ์พันธุ์ของดาวิดแล้ว พวกเขาก็ยกเยโรโบอัมบุตรเนบัทให้เป็นกษัตริย์ เยโรโบอัมทำให้อิสราเอลเลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้า และเป็นเหตุให้พวกเขาทำบาปร้ายแรง[g] 22 ชาวอิสราเอลกระทำบาปทำนองเดียวกับที่เยโรโบอัมทำ พวกเขาไม่ได้ละเว้นจากบาป 23 จนกระทั่งพระผู้เป็นเจ้าขับไล่อิสราเอลไปให้พ้นหน้าพระองค์ อย่างที่พระองค์ได้กล่าวผ่านบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ ดังนั้นอิสราเอลถูกเนรเทศออกจากแผ่นดินของพวกตน ไปอยู่ที่อัสซีเรียมาจนถึงทุกวันนี้
การตั้งรกรากที่สะมาเรีย
24 กษัตริย์แห่งอัสซีเรียให้ประชาชนจากบาบิโลน คูธาห์ อัฟวา ฮามัท และเสฟาร์วาอิม มาอยู่ในเมืองต่างๆ ที่แคว้นสะมาเรียแทนประชาชนอิสราเอล คนเหล่านั้นจึงถือสิทธิ์เป็นเจ้าของทุกสิ่งในแคว้นสะมาเรีย และตั้งรกรากอยู่ที่นั่น 25 ในระยะแรกที่อาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาไม่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าส่งสิงโตเข้าไปท่ามกลางพวกเขา และบางคนถูกสิงโตขย้ำตาย 26 กษัตริย์แห่งอัสซีเรียรับทราบมาว่า “บรรดาประชาชาติที่ท่านเนรเทศให้ไปอยู่ในแคว้นสะมาเรียไม่รู้กฎของพระเจ้าของแผ่นดิน พระองค์จึงได้ให้สิงโตเข้าไปท่ามกลางพวกเขา ดูเถิด สิงโตขย้ำพวกเขาตายก็เพราะพวกเขาไม่รู้กฎของพระเจ้าของแผ่นดิน” 27 กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงสั่งว่า “จงส่งปุโรหิตคนหนึ่งที่ถูกเนรเทศมา ให้เขาไปจากสะมาเรีย และกลับไปอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อสอนกฎของพระเจ้าของแผ่นดินแก่ประชาชน” 28 ดังนั้นปุโรหิตคนหนึ่งที่พวกเขาเนรเทศก็ไปจากสะมาเรีย และกลับมาอยู่ที่เบธเอล เพื่อสอนประชาชนว่าพวกเขาควรเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร
29 แต่ประชาชาติแต่ละชาติก็ยังสร้างรูปปั้นเทพเจ้าของตนเอง และตั้งไว้ในวิหารบนภูเขาสูงที่ชาวสะมาเรียได้สร้างไว้ก่อนแล้ว ประชาชาติแต่ละชาติสร้างรูปเคารพในเมืองที่ตนอาศัยอยู่ 30 ชาวบาบิโลนสร้างรูปเทพเจ้าสุคคทเบโนท ชาวคูธสร้างรูปเทพเจ้าเนอร์กัล ชาวฮามัทสร้างรูปเทพเจ้าอาชิมา 31 ชาวอัฟวาสร้างรูปเทพเจ้านิบหัสและทาร์ทัก และชาวเสฟาร์วาอิมเผาบุตรของตนเป็นของถวายแก่เทพเจ้าอัดรัมเมเลคและอานัมเมเลค ซึ่งเป็นเทพเจ้าของชาวเสฟาร์วาอิม 32 ประชาชนเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า แต่ก็ยังเลือกบางคนในพวกเขาเองให้เป็นปุโรหิตประจำสถานบูชาบนภูเขาสูง ให้ถวายเครื่องสักการะเพื่อพวกเขาในวิหารบนภูเขาสูง 33 พวกเขาเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า แต่ก็ยังนมัสการปวงเทพเจ้าของตน ทำตามแบบอย่างของบรรดาประชาชาติที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยก่อนหน้านี้
34 ทุกวันนี้ พวกเขาก็ปฏิบัติเช่นเคย คือไม่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าจริงๆ และไม่รักษากฎเกณฑ์ คำบัญชา กฎบัญญัติ หรือพระบัญญัติ ที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาบรรดาบุตรของยาโคบผู้ที่พระองค์ตั้งชื่อว่า อิสราเอล 35 พระผู้เป็นเจ้าทำพันธสัญญากับพวกเขา และบัญชาว่า “อย่าเกรงกลัวบรรดาเทพเจ้า หรือก้มกราบและบูชา หรือมอบเครื่องสักการะให้แก่สิ่งเหล่านั้น 36 แต่เจ้าจงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ผู้นำเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และพลานุภาพ เจ้าจงก้มกราบพระองค์ และจงมอบเครื่องสักการะแด่พระองค์ 37 กฎเกณฑ์ คำบัญชา กฎบัญญัติ และบัญญัติที่เราเขียนให้แก่พวกเจ้า เจ้าก็จงระมัดระวังปฏิบัติตามเสมอ อย่าเกรงกลัวบรรดาเทพเจ้า 38 อย่าลืมพันธสัญญาที่เราได้ทำไว้กับเจ้า อย่าเกรงกลัวบรรดาเทพเจ้า 39 แต่เจ้าจงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า และเราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากมือของศัตรูทั้งปวง”[h] 40 แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง และยังคงดื้อดึงปฏิบัติเหมือนเดิม
41 ประชาชาติเหล่านี้เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และบูชารูปเคารพสลัก ทั้งลูกและหลานของพวกเขาก็กระทำเช่นเดียวกัน เหมือนกับที่บรรพบุรุษปฏิบัติ พวกเขาปฏิบัติเช่นนั้นมาจนถึงทุกวันนี้
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation