Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 ซามูเอล 16-18

ศิบาพูดเท็จต่อดาวิด

16 เมื่อดาวิดเดินผ่านยอดเขาไประยะหนึ่ง ศิบาผู้รับใช้ของเมฟีโบเชทก็มาพบกับท่าน มีลาสองตัวผูกอานบรรทุกขนมปัง 200 ก้อน องุ่นแห้ง 100 พวง ผลไม้ฤดูร้อน 100 ผล และเหล้าองุ่น 1 ถุง แล้วกษัตริย์กล่าวกับศิบาว่า “ทำไมเจ้าจึงนำสิ่งเหล่านี้มา” ศิบาตอบว่า “ลาสำหรับท่านและครอบครัวไว้ใช้ ขนมปังและผลไม้ฤดูร้อนสำหรับให้พวกชายหนุ่มรับประทาน และเหล้าองุ่นสำหรับให้พวกที่อ่อนกำลังในถิ่นทุรกันดารดื่ม” และกษัตริย์กล่าวว่า “แล้วหลานของเจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า” ศิบาตอบกษัตริย์ว่า “ดูเถิด ท่านอยู่ที่เยรูซาเล็ม เพราะท่านคิดในใจว่า ‘วันนี้ พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะคืนอาณาจักรของท่านปู่ของเราให้แก่เรา’” กษัตริย์กล่าวกับศิบาว่า “ดูเถิด เราตัดสินใจแล้วว่า ทุกสิ่งที่เป็นของเมฟีโบเชทเป็นของเจ้าแล้วในเวลานี้” ศิบาพูดว่า “โอ เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ข้าพเจ้าขอกราบถวายบังคม ขอข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านเถิด”

ชิเมอีสาปแช่งดาวิด

เมื่อกษัตริย์ดาวิดมายังเมืองบาฮูริม มีชายคนหนึ่งจากครอบครัวในพงศ์พันธุ์ของซาอูล ชื่อชิเมอีบุตรของเก-รา เขาออกมาพบกับดาวิด และเดินไปก็สาปแช่งดาวิดไป เขาเอาก้อนหินขว้างดาวิดกับพวกผู้รับใช้ของกษัตริย์ดาวิด เขาขว้างทุกคน ทหารกล้าทุกคนขนาบอยู่ข้างดาวิดทั้งขวาและซ้าย ขณะที่ชิเมอีสาปแช่ง เขาพูดว่า “ออกไป ออกไป เจ้าฆาตกร เจ้าคนไร้ค่า พระผู้เป็นเจ้าได้ลงโทษเจ้า ที่เจ้าได้ฆ่าคนในพงศ์พันธุ์ของซาอูล และยึดบัลลังก์ไปจากซาอูล และพระผู้เป็นเจ้าได้มอบอาณาจักรไว้ในมือของอับซาโลมบุตรของเจ้า ดูสิ สิ่งเลวร้ายตกอยู่กับเจ้า เพราะเจ้าเป็นฆาตกร”

ครั้นแล้ว อาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์จึงพูดกับกษัตริย์ว่า “ทำไมท่านจึงปล่อยให้สุนัขที่ตายแล้วสาปแช่งเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ขอให้ข้าพเจ้าข้ามฟากไปตัดหัวมันเถิด” 10 แต่กษัตริย์กล่าวว่า “บุตรของเศรุยาห์เอ๋ย มันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าด้วย ถ้าหากว่าเขาสาปแช่งเพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้บอกเขาว่า ‘จงสาปแช่งดาวิดเสีย’ แล้วใครจะพูดได้ว่า ‘ทำไมเจ้าจึงกระทำเช่นนั้น’” 11 และดาวิดกล่าวกับอาบีชัยและทหารรับใช้อื่นทุกคนว่า “ดูเถิด บุตรของเราเองยังมุ่งหมายจะเอาชีวิตของเรา แล้วชาวเบนยามินคนนี้จะไม่ทำยิ่งไปกว่านั้นหรือ ช่างเขาเถิด ปล่อยให้เขาสาปแช่งไป เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้บอกให้เขาทำ 12 พระผู้เป็นเจ้าอาจจะเห็นสิ่งร้ายๆ ที่เขาทำต่อเรา และพระผู้เป็นเจ้าจะตอบสนองเราด้วยสิ่งดีๆ เพราะคำสาปแช่งในวันนี้ก็ได้” 13 ดังนั้นดาวิดและพรรคพวกของท่านเดินตามทางไป ในขณะที่ชิเมอีเดินตามไปบนเนินเขา พลางสาปแช่งและใช้ก้อนหินขว้างท่าน และทั้งยังปาฝุ่นใส่ท่านด้วย 14 กษัตริย์และทุกคนที่อยู่กับท่านก็เหนื่อยล้ามากเมื่อมาถึงแม่น้ำจอร์แดน และที่นั่นท่านก็ได้พักจนสดชื่นขึ้นมา

อับซาโลมไปยังเยรูซาเล็ม

15 อับซาโลมและชาวอิสราเอลทั้งปวงที่อยู่กับเขาก็มายังเยรูซาเล็ม อาหิโธเฟลก็ไปกับเขาด้วย 16 เมื่อหุชัยชาวอาร์คีที่เป็นเพื่อนของดาวิด มาหาอับซาโลม หุชัยพูดกับอับซาโลมว่า “ขอกษัตริย์มีอายุยืนนาน ขอกษัตริย์มีอายุยืนนาน” 17 อับซาโลมพูดกับหุชัยว่า “นี่เป็นความภักดีของท่านที่มีต่อเพื่อนของท่านหรือ ทำไมท่านจึงไม่ได้ไปกับเพื่อนของท่านเล่า” 18 หุชัยตอบอับซาโลมว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น แต่เพราะท่านเป็นผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าและชนเหล่านี้กับชาวอิสราเอลทั้งปวงได้เลือกแล้ว ข้าพเจ้าจะเป็นคนของท่าน และจะอยู่กับท่าน 19 และอีกประการ ข้าพเจ้าควรจะรับใช้ผู้ใดเล่า ไม่ควรเป็นบุตรของกษัตริย์หรือ ข้าพเจ้าจะรับใช้ท่านดั่งที่ข้าพเจ้าได้รับใช้บิดาของท่าน”

20 อับซาโลมพูดกับอาหิโธเฟลว่า “เราขอคำแนะนำจากท่าน เราควรจะทำอย่างไร” 21 อาหิโธเฟลเรียนอับซาโลมว่า “ท่านเข้าไปหาพวกภรรยาน้อยของบิดา ที่ท่านทิ้งไว้ให้ดูแลวังเถิด และชาวอิสราเอลก็จะได้ยินว่าท่านทำตนเป็นที่น่ารังเกียจต่อบิดาของท่าน และอิทธิพลของทุกคนที่อยู่ฝ่ายท่านจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” 22 ดังนั้นเขาจึงตั้งกระโจมบนหลังคาให้อับซาโลม และอับซาโลมก็เข้าไปหาพวกภรรยาน้อยของบิดาต่อหน้าชาวอิสราเอลทั้งปวง 23 ในสมัยนั้นคำปรึกษาที่อาหิโธเฟลให้ เป็นประหนึ่งคำกล่าวที่ได้รับจากพระเจ้า คำปรึกษาของอาหิโธเฟลจึงย่อมเป็นที่ยอมรับนับถือของดาวิดและอับซาโลม

หุชัยช่วยดาวิด

17 ยิ่งไปกว่านั้น อาหิโธเฟลพูดกับอับซาโลมว่า “ให้ข้าพเจ้าเลือกทหาร 12,000 คน และข้าพเจ้าจะออกไปตามล่าดาวิดคืนนี้ ข้าพเจ้าจะโจมตีในขณะที่ดาวิดอ่อนกำลังและท้อถอย ท่านจะได้หวาดผวา และพวกที่อยู่กับท่านก็จะเผ่นหนีไป ข้าพเจ้าจะสังหารก็เพียงกษัตริย์เท่านั้น ข้าพเจ้าจะนำทุกคนกลับมาให้ท่านประหนึ่งเจ้าสาวกลับบ้านเพื่อมาหาสามีของเธอ ท่านหมายจะเอาชีวิตของดาวิดคนเดียวเท่านั้น แล้วคนทั้งปวงก็จะอยู่อย่างสันติสุข” และคำแนะนำนั้นเป็นที่พอใจของอับซาโลมและบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอล

และอับซาโลมกล่าวว่า “จงเรียกหุชัยชาวอาร์คีให้มาหาเราด้วย เราจะได้รู้ว่าเขาคิดอย่างไร” เมื่อหุชัยมาหาอับซาโลม อับซาโลมถามเขาว่า “อาหิโธเฟลพูดอย่างนี้แล้ว เราควรจะทำตามที่เขาบอกหรือไม่ ถ้าไม่ ท่านก็ว่ามา” หุชัยตอบอับซาโลมว่า “ครั้งนี้อาหิโธเฟลให้คำปรึกษาที่ไม่ดี” หุชัยพูดว่า “ท่านทราบว่าบิดาของท่านและพรรคพวกเป็นทหารกล้า และกำลังโกรธมากเหมือนแม่หมีที่ลูกหมีถูกขโมยในทุ่ง นอกจากนั้นแล้ว บิดาของท่านเชี่ยวชาญสงคราม ท่านจะไม่พักแรมกับทหารในกอง ดูเถิด แม้กระทั่งในเวลานี้ท่านก็ได้หลบซ่อนอยู่ในหลุมหลบภัยที่ใดที่หนึ่ง หรือไม่ก็ที่อื่น และทันทีที่ทหารของท่านถูกตีพ่ายไปเสียก่อน ใครที่ทราบเรื่องก็จะพูดว่า ‘มีคนถูกฆ่าในกลุ่มที่ติดตามอับซาโลม’ 10 แล้วแม้แต่ทหารที่กล้าหาญที่มีใจดั่งใจสิงโต ก็จะอ่อนแรงด้วยความกลัว เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงทราบว่าบิดาของท่านเป็นผู้กล้าหาญ และพวกที่อยู่กับบิดาของท่านเป็นทหารกล้าเช่นกัน 11 แต่คำปรึกษาของข้าพเจ้าก็คือ ชาวอิสราเอลทั้งปวงมารวมกันกับท่าน ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เช-บา ได้คนจำนวนมากราวกับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล และท่านไปออกศึกเอง 12 ดังนั้นพวกเราจะโจมตีกษัตริย์ ณ ที่ใดที่หนึ่งซึ่งท่านจะถูกหาจนพบ และพวกเราจะจู่โจมท่านอย่างกับน้ำค้างลงบนพื้นดิน ทั้งตัวท่านและทหารทุกคนที่อยู่กับท่านจะไม่มีเหลือสักคนเดียว 13 ถ้าหากว่าท่านถอยหนีเข้าไปอยู่ในเมือง ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็จะเอาเชือกไปที่เมืองนั้น และเราจะลากเมืองเข้าไปยังหุบเขา จนกระทั่งกรวดสักก้อนก็จะไม่เหลือให้เห็นที่นั่น” 14 อับซาโลมและชาวอิสราเอลทั้งปวงพูดว่า “คำปรึกษาของหุชัยชาวอาร์คีดีกว่าคำปรึกษาของอาหิโธเฟล” เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้มั่นหมายให้คำปรึกษาที่ดีของอาหิโธเฟลล้มเหลว เพื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าจะให้ภัยอันตรายตกอยู่กับอับซาโลม

15 ครั้นแล้วหุชัยพูดกับศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิตทั้งสองว่า “อาหิโธเฟลให้คำปรึกษาอย่างนี้อย่างนั้นแก่อับซาโลมและบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอล ส่วนข้าพเจ้าให้คำปรึกษาเช่นนี้เช่นนั้น 16 ฉะนั้นบัดนี้ท่านจงส่งข่าวไปเรียนดาวิดโดยเร็วว่า ‘คืนนี้อย่าพักอยู่ที่เขตลำน้ำที่ลุยข้ามได้ในถิ่นทุรกันดาร แต่ข้ามไปให้ได้ เพราะเกรงว่ากษัตริย์และทหารทั้งปวงที่อยู่กับท่านจะถูกกลืนไม่เหลือ’” 17 ฝ่ายโยนาธานและอาหิมาอัสกำลังรออยู่ที่เอนโรเกลแล้ว หญิงรับใช้คนหนึ่งจะต้องไปบอกเขาทั้งสอง และเขาต้องไปเรียนกษัตริย์ดาวิด เพราะว่าพวกเขาต้องไม่เข้าเมืองเยรูซาเล็มเพราะเกรงว่าจะมีคนเห็น 18 แต่ว่าชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นเขาทั้งสอง และไปบอกอับซาโลม ดังนั้นทั้งสองจึงจากไปทันที และมาถึงบ้านของชายคนหนึ่งที่บาฮูริม เขามีบ่อน้ำที่บริเวณลานบ้าน เขาทั้งสองจึงปีนลงในบ่อ 19 นายหญิงที่บ้านปิดคลุมปากบ่อและโรยเมล็ดข้าวบังไว้ให้ทั่ว โดยไม่มีใครทราบเรื่องนี้ 20 เมื่อพวกทหารรับใช้ของอับซาโลมมาหาหญิงคนนั้นที่บ้าน ก็ถามว่า “อาหิมาอัสและโยนาธานอยู่ที่ไหน” หญิงคนนั้นตอบว่า “เขาข้ามธารน้ำไปแล้ว” เมื่อพวกเขาตามหาและไม่พบทั้งสองคน จึงกลับไปยังเยรูซาเล็ม

21 หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ทั้งสองคนก็ขึ้นมาจากบ่อ และไปเรียนกษัตริย์ดาวิดว่า “ท่านลุกขึ้นเถิด และข้ามน้ำไปทันที เพราะอาหิโธเฟลได้ให้คำปรึกษาอย่างนี้อย่างนั้นเพื่อกำจัดท่าน” 22 ดังนั้นดาวิดและทุกคนที่อยู่กับท่านก็ลุกขึ้น และข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป พอรุ่งสางก็ไม่มีเหลือสักคนที่ไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน

23 เมื่ออาหิโธเฟลเห็นว่าคำปรึกษาของเขาไม่มีการตอบรับ เขาจึงผูกอานลาขี่กลับบ้านมุ่งไปยังเมืองของตน เขาจัดการสั่งเสียให้เรียบร้อยก่อนผูกคอตาย และเขาสิ้นชีวิตและถูกบรรจุในถ้ำเก็บศพของบิดาของเขา

24 ดาวิดมาถึงเมืองมาหะนาอิม อับซาโลมก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปกับชาวอิสราเอลทั้งปวง 25 อับซาโลมแต่งตั้งอามาสาเป็นผู้บัญชาการกองทัพแทนโยอาบ อามาสาเป็นบุตรของชายคนหนึ่งชื่อเยเธอร์ชาวอิสราเอล มารดาของเขาชื่ออาบีกัลบุตรีของนาหาชน้องสาวของนางเศรุยาห์มารดาของโยอาบ 26 ชาวอิสราเอลและอับซาโลมตั้งค่ายอยู่ในแผ่นดินของกิเลอาด

27 เมื่อดาวิดมายังมาหะนาอิม โชบีบุตรนาหาชจากเมืองรับบาห์ของชาวอัมโมน และมาคีร์บุตรอัมมีเอลจากโลเดบาร์ และบาร์ซิลลัยชาวกิเลอาดจากเมืองโรเกลิม 28 ได้นำที่นอน อ่างน้ำ ภาชนะดินเผา ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ แป้ง ข้าวคั่ว เมล็ดถั่ว ถั่วเลนเทิ้ล 29 น้ำผึ้ง โยเกิร์ต แกะ และเนยจากฝูงสัตว์ มาให้ดาวิดและทหารที่อยู่กับท่านรับประทาน เพราะเขาทั้งหลายพูดว่า “พวกทหารหิว อ่อนกำลัง และกระหายน้ำอยู่ในถิ่นทุรกันดาร”

อับซาโลมถูกสังหาร

18 ครั้นแล้วดาวิดก็ตรวจพลที่อยู่กับท่าน และแต่งตั้งผู้บังคับกองพันและกองร้อยให้ควบคุม และดาวิดส่งกองทัพออกไป ให้หนึ่งส่วนสามอยู่ใต้บังคับบัญชาของโยอาบ หนึ่งส่วนสามอยู่ใต้บังคับบัญชาของอาบีชัยน้องชายโยอาบ บุตรนางเศรุยาห์ และหนึ่งส่วนสามอยู่ใต้บังคับบัญชาของอิททัยชาวกัท และกษัตริย์กล่าวกับพวกทหารว่า “เราเองจะออกศึกไปกับพวกท่านด้วย” แต่พวกทหารบอกว่า “ท่านอย่าออกไปด้วยเลย เพราะถ้าพวกเราหนีไป พวกเขาก็จะไม่สนใจเรา ถ้าพวกเราตายไปสักครึ่งหนึ่ง พวกเขาก็ไม่สนใจเรา แต่ท่านมีค่าเท่าพวกเราหมื่นคน ฉะนั้นท่านส่งความช่วยเหลือจากเมืองมาให้พวกเราก็จะดีกว่า” กษัตริย์กล่าวตอบว่า “เราจะทำสิ่งที่พวกท่านเห็นว่าดีที่สุด” ดังนั้นกษัตริย์ยืนอยู่ที่ข้างประตูเมือง ขณะที่กองทัพเดินออกไปเป็นร้อยเป็นพัน และกษัตริย์สั่งโยอาบ อาบีชัย และอิททัยว่า “กระทำต่อชายหนุ่มอับซาโลมให้เบามือหน่อย เพื่อเห็นแก่เรา” ทหารทุกคนได้ยินเมื่อกษัตริย์สั่งกับเหล่าผู้บังคับบัญชาเรื่องอับซาโลม

ดังนั้น กองทัพจึงเคลื่อนออกไปในทุ่งกว้างเพื่อต่อสู้กับชาวอิสราเอล สงครามนี้เกิดขึ้นในป่าเอฟราอิม และทหารรับใช้ของดาวิดต่อสู้จนชาวอิสราเอลพ่ายแพ้ที่นั่น เกิดความเสียหายมากในวันนั้น ทหารตาย 20,000 คน สงครามครั้งนั้นแพร่ไปทั่วอาณาเขต และในวันนั้นทหารเสียชีวิตเนื่องจากเหตุในป่ามากกว่าเหตุเพราะดาบ

อับซาโลมบังเอิญเผชิญหน้ากับทหารรับใช้ของดาวิด อับซาโลมกำลังขี่ล่อ และล่อก็วิ่งเข้าไปใต้ต้นโอ๊กใหญ่ที่มีกิ่งไม้หนาทึบ ทำให้ศีรษะของเขาติดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ แต่ล่อก็ยังวิ่งต่อไป ร่างของเขาจึงห้อยโตงเตง 10 คนของดาวิดคนหนึ่งเห็นก็บอกโยอาบว่า “ดูเถิด เราเห็นอับซาโลมห้อยอยู่ใต้ต้นโอ๊ก” 11 โยอาบพูดกับคนนั้นว่า “อะไรนะ เจ้าเห็นเขาแล้ว ทำไมจึงไม่ฆ่าเขาให้ติดดินที่นั่นเลยล่ะ เราจะยินดีให้รางวัล 10 เหรียญเงินกับเข็มขัด 1 เส้นแก่เจ้า” 12 แต่ชายคนนั้นพูดกับโยอาบว่า “ถึงแม้ว่าเราจะได้ 1,000 เหรียญเงินอยู่ในมือ เราก็จะไม่เหยียดมือต่อสู้กับบุตรของกษัตริย์หรอก พวกเราได้ยินกษัตริย์บัญชาท่านกับอาบีชัยและอิททัยว่า ‘จงปกป้องเจ้าหนุ่มอับซาโลม เพื่อเห็นแก่เราเถิด’ 13 แต่ถ้าเราทำอะไรรุนแรงต่อชีวิตของอับซาโลม (ไม่มีสิ่งใดหลบซ่อนไปจากสายตาของกษัตริย์ได้) ท่านก็คงจะปล่อยให้เราถูกตำหนิ” 14 โยอาบพูดว่า “เราจะไม่เสียเวลาเช่นนี้กับเจ้า” และเขาก็หยิบหลาว 3 อันไป และแทงที่หัวใจของอับซาโลมขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ใต้ต้นโอ๊ก 15 ทหารหนุ่ม 10 คนที่ถืออาวุธของโยอาบมาล้อมอับซาโลม และประหารชีวิตเขา

16 โยอาบเป่าแตรงอน และกองทหารก็กลับมาจากการไล่ล่าชาวอิสราเอล เพราะโยอาบส่งสัญญาณให้หยุดต่อสู้ 17 พวกทหารโยนอับซาโลมลงในหลุมลึกที่ในป่า และกลบด้วยหินกองใหญ่ ฝ่ายชาวอิสราเอลทุกคนก็หนีกลับบ้านไป 18 เมื่ออับซาโลมยังมีชีวิตอยู่ เขาได้ตั้งเสาหลักไว้ในหุบเขาของกษัตริย์ เพราะเขากล่าวว่า “เราไม่มีบุตรสืบนามของเราให้เป็นที่รำลึกถึง” เขาตั้งชื่อเสาหลักตามชื่อของตน และเรียกกันว่าอนุสรณ์อับซาโลมมาจนถึงทุกวันนี้

ดาวิดทราบเรื่องอับซาโลม

19 อาหิมาอัสบุตรของศาโดกพูดว่า “ให้ข้าพเจ้าวิ่งนำข่าวไปเรียนกษัตริย์ว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ช่วยท่านให้รอดจากมือของศัตรูแล้ว” 20 โยอาบพูดกับเขาว่า “วันนี้เจ้าอย่านำข่าวไปเลย รอไว้วันอื่นเถอะ วันนี้เจ้าจะไม่นำข่าวใดๆ ไป เพราะบุตรของกษัตริย์สิ้นชีวิต” 21 โยอาบบอกชาวคูชคนหนึ่งว่า “เจ้าจงไปเรียนกษัตริย์ว่าเจ้าได้เห็นอะไร” ชาวคูชคนนั้นโค้งคำนับโยอาบและวิ่งไป 22 อาหิมาอัสบุตรของศาโดกพูดกับโยอาบอีกว่า “อะไรจะเกิดขึ้นก็ตามที ให้ข้าพเจ้าวิ่งตามชาวคูชไปด้วยเถิด” โยอาบตอบว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าจะวิ่งไปทำไม ทั้งที่เห็นแล้วว่าเจ้าจะไม่ได้รางวัลจากข่าวนั้น” 23 เขาพูดว่า “อะไรจะเกิดขึ้นก็ตามที ข้าพเจ้าจะวิ่งไป” โยอาบตอบว่า “วิ่งไปเถอะ” อาหิมาอัสก็วิ่งไปทางที่ราบ และถึงก่อนชาวคูช

24 ดาวิดกำลังนั่งอยู่ระหว่างประตูเมืองสองข้าง คนเฝ้ายามขึ้นไปบนดาดฟ้าของประตูข้างกำแพง เมื่อเขาเงยหน้ามองดูก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังวิ่งมาแต่ลำพัง 25 ยามคนนั้นจึงตะโกนให้กษัตริย์ทราบ กษัตริย์กล่าวว่า “ถ้าเขามาแต่ลำพัง เขาต้องคาบข่าวมา” คนวิ่งก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 26 คนยามเห็นชายอีกคนกำลังวิ่ง เขาจึงร้องบอกไปที่ประตูเมืองว่า “ดูสิ มีชายอีกคนกำลังวิ่งแต่ลำพัง” กษัตริย์กล่าวว่า “เขาก็นำข่าวมาด้วย” 27 คนยามบอกว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าคนแรกวิ่งเหมือนอาหิมาอัสบุตรของศาโดก” กษัตริย์กล่าวว่า “เขาเป็นคนดี และนำข่าวดีมา”

28 และอาหิมาอัสร้องบอกกษัตริย์ว่า “ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี” และเขาก้มหน้าซบดินเคารพกษัตริย์ และเรียนว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน พระองค์ได้มอบบรรดาคนที่ต่อต้านเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์” 29 กษัตริย์กล่าวว่า “เป็นไปด้วยดีกับเจ้าหนุ่มอับซาโลมหรือ” อาหิมาอัสตอบว่า “เมื่อโยอาบให้ข้าพเจ้าผู้เป็นข้ารับใช้ของกษัตริย์มา ข้าพเจ้าเห็นคนอลหม่าน แต่ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น” 30 กษัตริย์กล่าวว่า “มายืนที่นี่” เขาจึงขยับตัวไปยืนอยู่นิ่ง

ดาวิดเศร้าโศก

31 ดูเถิด ชาวคูชคนนั้นมาถึง และเรียนว่า “ข่าวดีถึงเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ เพราะว่าวันนี้พระผู้เป็นเจ้าได้ช่วยท่านให้พ้นจากมือของทุกคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูต่อท่าน” 32 กษัตริย์ถามชาวคูชว่า “เป็นไปด้วยดีกับเจ้าหนุ่มอับซาโลมหรือ” ชาวคูชตอบว่า “ขอให้เหล่าศัตรูของเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ และทุกคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูมุ่งร้ายต่อท่านจงเป็นอย่างชายหนุ่มคนนั้นเถิด” 33 กษัตริย์เป็นทุกข์ยิ่งนัก และขึ้นไปยังห้องบนประตูเมือง และร้องคร่ำครวญ ขณะที่เดินไปท่านกล่าวว่า “โอ อับซาโลมบุตรของเรา บุตรของเรา อับซาโลมบุตรของเรา เราน่าจะตายแทนเจ้าได้ โอ อับซาโลม บุตรของเรา บุตรของเรา”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation