Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 4

โมเสสสนับสนุนให้ชาวอิสราเอลเชื่อฟัง

บัดนี้ โอ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และคำสั่งที่เราสอนพวกท่าน เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่และเข้าไปยังดินแดนที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษมอบให้พวกท่านเป็นเจ้าของ ท่านอย่าแต่งเติมเสริมคำจากสิ่งที่เราสั่งไว้ หรือตัดคำให้หดหายไป แต่จงรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ตามที่เราสั่งพวกท่าน ท่านเห็นด้วยตาของท่านเองแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้ากระทำอะไรที่บาอัลเปโอร์ เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้กำจัดทุกคนในหมู่พวกท่านที่หันไปเชื่อเทพเจ้าบาอัล[a]แห่งเปโอร์[b] แต่ทุกคนที่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ท่านยังมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ทุกคน ดูสิ เราได้สอนพวกท่านเรื่องกฎเกณฑ์และคำบัญชาตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราบัญชาไว้ เพื่อให้ท่านปฏิบัติตามในแผ่นดินที่ท่านกำลังเข้าไปยึดครอง ท่านจงรักษาและปฏิบัติตาม แสดงให้บรรดาชนชาติเห็นสติปัญญาและความเข้าใจของท่าน เมื่อเขาได้ยินกฎเกณฑ์เหล่านี้เขาจะพูดว่า ‘ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่นี้กอปรด้วยสติปัญญา และเป็นชนชาติที่มีความเข้าใจจริงทีเดียว’ มีประชาชาติใดบ้างที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีเทพเจ้าอยู่ใกล้เทียบเท่ากับที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราอยู่ใกล้กับเราเวลาเราร้องเรียกถึงพระองค์ และจะมีประชาชาติใดบ้างที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีกฎเกณฑ์และคำบัญชาอันชอบธรรมทัดเทียมกับกฎบัญญัติทุกข้อที่เราวางไว้ต่อหน้าพวกท่านในวันนี้

จงระวังเถิด ระวังชีวิตของท่านให้ดี มิฉะนั้นท่านจะลืมสิ่งที่ท่านเห็นด้วยตาของท่าน และมันจะเหินห่างจากใจท่านไปจนชั่วชีวิต จงบอกเรื่องราวนี้ต่อๆ กันไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน 10 ถึงวันที่ท่านได้ยืนอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านที่ภูเขาโฮเรบ[c] พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘จงพาประชาชนมาหาเรา เพื่อให้เขาได้ยินคำพูดของเรา เขาจะได้รู้จักเกรงกลัวเราตลอดชีวิตของเขาในโลก และให้เขาสอนลูกหลานของเขาด้วยเช่นกัน’ 11 แล้วพวกท่านก็เข้าไปใกล้ ยืนกันอยู่ที่เชิงเขา ขณะนั้นภูเขาลุกเป็นไฟ เปลวเพลิงพลุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในความมืด เมฆทึบ อีกทั้งมีความมืดมน 12 ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับพวกท่านจากกลางเพลิง ท่านก็ได้ยินเสียงพูดแต่ไม่เห็นรูปลักษณ์ของพระองค์ มีเพียงแต่เสียงเท่านั้น 13 พระองค์ประกาศพันธสัญญาแก่ท่าน และให้ท่านปฏิบัติตามคือบัญญัติสิบประการ แล้วพระองค์เขียนไว้บนศิลา 2 แผ่น 14 ในครั้งนั้นพระผู้เป็นเจ้าบัญชาให้เราสอนกฎเกณฑ์และคำสั่งแก่พวกท่าน เพื่อให้ท่านปฏิบัติตามในแผ่นดินที่พวกท่านกำลังข้ามไปยึดครอง

ห้ามบูชารูปเคารพ

15 ดังนั้น พวกท่านจงระวังชีวิตของท่านเองให้ดี ในเมื่อท่านไม่เห็นรูปลักษณ์ใดในวันที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับพวกท่านที่ภูเขาโฮเรบจากกลางเพลิง 16 จงระวังไว้ มิฉะนั้นพวกท่านจะประพฤติอย่างเสื่อมทรามด้วยการสร้างรูปเคารพให้แก่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นในรูปใด ในลักษณะของชายหรือหญิงก็ตาม 17 จะเป็นสัตว์บกในโลก หรือเป็นนกบินได้ในอากาศ 18 เป็นเหมือนสิ่งที่เลื้อยคลานบนดิน หรือเหมือนปลาที่แหวกว่ายในน้ำใต้แผ่นดิน 19 และจงระวังเถิด มิฉะนั้นเวลาที่ท่านเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และสิ่งทั้งปวงที่อยู่บนท้องฟ้า แล้วพวกท่านอาจจะถูกชักจูงให้หันไปก้มกราบและบูชาสิ่งเหล่านั้น อันเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้แก่ชนชาติทั้งปวงที่อยู่ใต้ฟ้าทั่วทั้งโลก 20 แต่พระผู้เป็นเจ้าได้พาท่านไป และนำท่านออกจากประเทศอียิปต์ที่เป็นเสมือนเตาผิงเหล็ก เพื่อให้เป็นชนชาติซึ่งเป็นมรดกสำหรับพระองค์เอง อย่างที่ท่านเป็นอยู่ทุกวันนี้ 21 พระผู้เป็นเจ้าโกรธกริ้วเรา[d]ก็เพราะพวกท่าน พระองค์ปฏิญาณว่าเราจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน เราจะไม่ได้ก้าวเข้าไปยังแผ่นดินอันอุดมที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านให้ท่านได้รับเป็นมรดก 22 เพราะเราจะต้องตายในดินแดนนี้ เราจะต้องไม่ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป แต่ท่านจะเป็นผู้ข้าม และยึดครองแผ่นดินอันอุดมนั้น 23 พวกท่านจงระวังเถิด มิฉะนั้นท่านจะลืมพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ที่พระองค์ได้ทำไว้กับท่าน ท่านอาจจะสร้างรูปเคารพในรูปลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้ห้ามไว้แล้ว 24 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นดั่งไฟเผาผลาญ[e] พระองค์เป็นพระเจ้าผู้หวงแหน

25 เมื่อพวกท่านมีลูกหลานและอาศัยอยู่ในแผ่นดินจนแก่เฒ่า หากว่าท่านประพฤติอย่างเสื่อมทรามโดยการสร้างรูปเคารพในรูปลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด และกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ซึ่งเป็นการยั่วโทสะของพระองค์ 26 เราขอให้ทั้งฟ้าและดินเป็นพยานกล่าวโทษท่านในวันนี้ว่า ท่านจะตายสาบสูญไปจากดินแดนที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครอง ท่านจะอยู่ที่นั่นไม่ได้นาน และจะถูกฆ่าล้างจนไม่เหลือแม้แต่ซาก 27 พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางบรรดาชนชาติ จะมีเหลืออยู่ก็เพียงไม่กี่คนที่พระองค์ขับไล่ให้ไปอยู่กับบรรดาประชาชาติ 28 และท่านจะบูชาเทพเจ้าที่สลักจากไม้และหิน ทำด้วยมือมนุษย์ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็น ได้ยิน กิน หรือดมกลิ่น 29 แต่ท่านจะแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจากสถานที่นั้น ท่านก็จะพบพระองค์ หากว่าท่านแสวงหาพระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิตของท่าน 30 ยามที่ท่านตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก และสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่านในวันข้างหน้า ท่านจะกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระองค์ 31 เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้าผู้มีเมตตา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งและไม่กำจัดท่าน หรือลืมพันธสัญญาที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่าน

พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า

32 จงถามดูเถิดว่า วันที่ล่วงมาในสมัยดึกดำบรรพ์ นับจากวันที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ในโลก และจงถามจากสุดฟากฟ้าด้านหนึ่งจนถึงอีกด้านหนึ่งเถิดว่า เคยมีสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นบ้างไหม หรือเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้บ้างหรือไม่ 33 มีชาติใดที่เคยได้ยินเสียงเทพเจ้าเอ่ยจากเพลิงไฟดังที่ท่านได้ยิน และยังมีชีวิตอยู่ได้ 34 หรือมีเทพเจ้าใดที่พยายามนำประชาชาติหนึ่งที่อยู่ภายใต้การนำของอีกประชาชาติหนึ่งออกมาให้เป็นของเทพเจ้าเอง โดยใช้วิธีทดสอบโดยปรากฏการณ์อัศจรรย์ สิ่งมหัศจรรย์ โดยการสงคราม โดยอานุภาพและพลานุภาพ และโดยเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว เหมือนกับที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกระทำเพื่อท่านในอียิปต์ ให้เห็นต่อหน้าต่อตาพวกท่าน 35 สิ่งเหล่านี้ปรากฏให้พวกท่านเห็น เพื่อให้ท่านทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้ใดอีกนอกจากพระองค์ 36 พระองค์ให้ท่านได้ยินพระองค์จากสวรรค์ เพื่อสอนท่านให้รู้จักวินัย ให้ท่านเห็นเพลิงไฟบนแผ่นดินโลก และให้ท่านได้ยินเสียงพระองค์กล่าวจากใจกลางเพลิงนั้น 37 เพราะพระองค์รักบรรพบุรุษของท่าน และได้เลือกบรรดาผู้สืบเชื้อสายต่อมา พระองค์นำพวกท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เองและด้วยพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 38 พระองค์ขับไล่บรรดาประชาชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่าพวกท่านเอง เพื่อนำท่านเข้าไป และให้แผ่นดินแก่ท่านเป็นมรดกอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 39 จงรู้ไว้เสียในวันนี้เถิด และจารึกไว้ในใจของท่านว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าในสวรรค์เบื้องบนและในโลกเบื้องล่าง ไม่มีผู้ใดอื่นอีกแล้ว 40 ฉะนั้นท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญัติของพระองค์ตามที่เราสั่งท่านในวันนี้ เพื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับท่านและลูกหลานของท่าน และท่านจะได้มีชีวิตยืนยาวในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ไว้ตลอดกาล”

เมืองลี้ภัย

41 แล้วโมเสสเลือกเมืองที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 3 เมือง 42 เพื่อให้คนไปหลบซ่อนอยู่ได้ในกรณีฆ่าคนโดยไม่มีเจตนา เพราะไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน เขาจะหนีไปอยู่ที่เมืองใดเมืองหนึ่งเพื่อเอาชีวิตรอด 43 เมืองเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดารบนที่ราบสูงสำหรับคนจากเผ่ารูเบน เมืองราโมทในแคว้นกิเลอาดสำหรับคนจากเผ่ากาด เมืองโกลานในแคว้นบาชานสำหรับคนจากเผ่ามนัสเสห์

กฎบัญญัติที่ภูเขาซีนาย

44 ต่อไปนี้เป็นกฎบัญญัติที่โมเสสวางไว้สำหรับชาวอิสราเอล 45 นี่คือพันธสัญญา คำสั่ง และกฎเกณฑ์ที่โมเสสกล่าวกับชาวอิสราเอลในยามที่พวกเขาออกจากประเทศอียิปต์ 46 อีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดนที่หุบเขาตรงข้ามกับเมืองเบธเปโอร์ ในแผ่นดินของสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์ผู้อาศัยอยู่ที่เมืองเฮชโบน แต่โมเสสและชาวอิสราเอลรบชนะพวกเขาครั้งที่ออกจากอียิปต์ 47 พวกเขายึดแผ่นดินของกษัตริย์สิโหนและของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน ทั้งสองเป็นกษัตริย์ของชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 48 นับจากเมืองอาโรเออร์ซึ่งอยู่ที่ชายลุ่มน้ำอาร์โนนจนจรดภูเขาสีรีออน (คือเฮอร์โมน) 49 รวมทั้งที่ราบอาราบาห์ทั้งหมดทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนจรดทะเลอาราบาห์[f] ทางตะวันออกจรดเชิงเขาปิสกาห์

สดุดี 86-87

โปรดสดับคำอธิษฐาน และสอนวิถีทางของพระองค์

คำอธิษฐานของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเงี่ยหูของพระองค์ และตอบข้าพเจ้าเถิด
    เพราะข้าพเจ้าขัดสนและยากไร้
ปกป้องชีวิตข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้ามีใจภักดี
    ช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ที่ไว้วางใจในพระองค์ให้รอดพ้นเถิด พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าส่งเสียงร้องต่อพระองค์ตลอดวันเวลา
ให้จิตวิญญาณผู้รับใช้ของพระองค์ยินดีเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า
    จิตวิญญาณข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐ และให้อภัยเสมอ
    อุดมด้วยความรักอันมั่นคงต่อทุกคนที่ร้องเรียกถึงพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดสดับคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    และฟังคำอ้อนวอนขอความเมตตาของข้าพเจ้า
เวลาข้าพเจ้าทุกข์ยาก ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
    เพราะพระองค์ตอบข้าพเจ้า

โอ พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีผู้ใดในปวงเทพเจ้าที่เป็นเหมือนพระองค์
    และไม่มีกิจการใดๆ เหมือนของพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า ประชาชาติทั้งปวงที่พระองค์สร้างจะมา
    และก้มลงกราบ ณ เบื้องหน้าพระองค์
    และพวกเขาจะยกย่องพระนามของพระองค์
10 พระองค์ยิ่งใหญ่และกระทำสิ่งอัศจรรย์
    พระองค์เป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดสอนวิถีทางของพระองค์แก่ข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะได้เดินในความสัตย์จริงของพระองค์
    ให้ข้าพเจ้ายำเกรงพระนามของพระองค์โดยไม่เขวไป
12 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอบคุณพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
    และข้าพเจ้ายกย่องพระนามของพระองค์ไปตลอดกาล
13 เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อข้าพเจ้านั้นใหญ่ยิ่งนัก
    พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากส่วนลึกสุดของแดนคนตาย

14 โอ พระเจ้า พวกที่หยิ่งยโสลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า
    คนโหดเหี้ยมตามล่าเอาชีวิตข้าพเจ้า
    คนพวกนี้ไม่คิดถึงพระองค์เลย
15 พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์เป็นพระเจ้าแห่งความสงสารและเมตตา
    ไม่โกรธง่าย แต่อุดมด้วยความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริง
16 โปรดหันมาและมีเมตตาต่อข้าพเจ้า
    ให้พละกำลังของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์
    และช่วยบุตรของหญิงผู้รับใช้ของพระองค์ให้รอดพ้นเถิด
17 โปรดให้ข้าพเจ้าเห็นปรากฏการณ์อันแสดงว่าพระองค์โปรดปรานข้าพเจ้า
    เพื่อพวกที่เกลียดชังข้าพเจ้าจะได้เห็นและอับอาย
    โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ได้ช่วยเหลือและปลอบใจข้าพเจ้า

ศิโยน แหล่งกำเนิดของประชาชาติ

ของตระกูลโคราห์ เพลงสดุดี บทเพลง

พระองค์ตั้งฐานรากไว้บนเทือกเขาอันบริสุทธิ์
พระผู้เป็นเจ้ารักประตูของศิโยน
    มากกว่าที่อาศัยทุกแห่งของยาโคบ
โอ เมืองของพระเจ้าเอ๋ย
    เจ้าเป็นที่กล่าวขวัญอย่างน่าสรรเสริญ เซล่าห์

“เราจะประกาศว่า ราหับ[a]และบาบิโลนอยู่ในกลุ่มผู้ที่รู้จักเรา
    แม้แต่ฟีลิสเตีย ไทระ และคูชด้วย
    แล้วจะพูดว่า ‘คนนี้เกิดที่นั่น’”
และจะพูดถึงศิโยนว่า
    “ทุกคนเกิดที่นั่น”
    เพราะองค์ผู้สูงสุดจะเป็นผู้สร้างเมืองนั้น
พระผู้เป็นเจ้าบันทึกในทะเบียนของบรรดาชนชาติว่า
    “คนนี้เกิดที่นั่น” เซล่าห์

บรรดานักร้องและนักร่ายรำต่างพูดกันว่า
    “น้ำพุทั้งหมดของเราอยู่ในศิโยน”

อิสยาห์ 32

กษัตริย์ผู้ปกครองด้วยความชอบธรรม

32 ดูเถิด กษัตริย์ท่านหนึ่งจะปกครองด้วยความชอบธรรม
    และบรรดาผู้นำจะปกครองด้วยความยุติธรรม
แต่ละท่านจะเป็นเหมือนที่หลบซ่อนจากกระแสลม
    เหมือนที่กำบังจากพายุ
เหมือนธารน้ำในที่แห้งแล้ง
    เหมือนร่มเงาจากหินก้อนมหึมาบนแผ่นดินที่แห้งผาก
แล้วตาของบรรดาผู้มองเห็นจะไม่ปิด
    และหูของบรรดาผู้ได้ยินก็จะฟัง
จิตใจของผู้รีบเร่งจะเข้าใจและทราบ
    และลิ้นของบรรดาผู้ที่พูดตะกุกตะกักก็พร้อมที่จะพูดได้อย่างคล่องแคล่ว
จะไม่มีใครเรียกคนโง่เขลาว่า ผู้สูงศักดิ์
    และจะไม่มีใครเรียกคนไร้ค่าว่า ผู้มีเกียรติ อีกต่อไป
เพราะคนโง่เขลาพูดถึงความเขลา
    และใจของเขาคิดถึงความชั่ว
เพื่อกระทำสิ่งที่ไร้คุณธรรม
    เขาพูดถึงพระผู้เป็นเจ้าในทางไม่ดี
เขาไม่ยอมให้ผู้อดอยากได้รับประทานอาหาร
    และปฏิเสธที่จะให้น้ำเขาดื่ม
วิธีการของคนไร้ค่านั้นชั่วร้าย
    เขาวางแผนการที่เลวร้าย
และทำให้ผู้ขัดสนเสียหายด้วยคำเท็จ
    และใส่ร้ายผู้ยากไร้ในที่ว่าความ
แต่ผู้สูงศักดิ์มีแผนการที่สูงส่ง
    เขายึดมั่นในสิ่งอันสูงส่งนั้น

ผู้หญิงที่ไม่ทุกข์ร้อนใจต้องระวัง

บรรดาผู้หญิงที่ไม่ทุกข์ร้อนใจเอ๋ย
    จงลุกขึ้นและฟังเสียงของข้าพเจ้า
บรรดาบุตรหญิงที่มั่นใจ
    จงเงี่ยหูฟังคำพูดของข้าพเจ้า
10 บรรดาผู้หญิงที่มั่นใจเอ๋ย
    ในอีกปีกว่าๆ ท่านก็จะสั่นเทา
เพราะพืชผลจากไร่องุ่นจะล่ม
    จะไม่มีผลองุ่นให้ท่านเก็บ
11 บรรดาผู้หญิงที่ไม่ทุกข์ร้อนใจเอ๋ย
    จงสั่นสะท้าน พวกท่านที่มั่นใจจงสั่นเทา
จงถอดเสื้อผ้าออก และไม่ต้องสวมใส่อะไร
    แล้วก็ใช้ผ้ากระสอบคาดที่เอว
12 จงตีอกชกหัวของท่านให้กับไร่นา
    ให้กับเถาองุ่นอุดมผล
13 ให้กับพื้นดินของชนชาติของข้าพเจ้า
    ซึ่งมีต้นหนามและพุ่มไม้หนามงอกโต
ใช่แล้ว ให้กับบ้านทั้งหลายที่แสนจะรื่นเริง
    ในเมืองแสนสุข
14 ให้กับป้อมปราการที่ถูกทอดทิ้ง
    เมืองที่มีผู้คนหนาแน่นถูกทิ้งเป็นที่ร้าง
เนินเขาและหอคอยจะกลายเป็นถ้ำ
    ตลอดไป
จะนำความสำราญมาให้แก่พวกลาป่า
    เป็นทุ่งหญ้าของฝูงแพะแกะ
15 จนกว่าพระวิญญาณจะหลั่งลงสู่พวกเราจากเบื้องบน
    และถิ่นทุรกันดารจะกลายเป็นไร่นาอันอุดม
    และไร่นาอันอุดมก็จะถือเสมือนว่าเป็นป่าดงดิบ
16 และความยุติธรรมจะอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
    ความชอบธรรมอยู่ในไร่นาอันอุดม
17 ผลสะท้อนของความชอบธรรมก็คือสันติสุข
    และผลที่ได้จากความชอบธรรมคือความสงบเงียบและความปลอดภัยตลอดกาล
18 ชนชาติของข้าพเจ้าจะอาศัยอยู่ในหลักแหล่งอันสันติสุข
    ในที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย
    และในสถานที่พักอันสงบเงียบ
19 ลูกเห็บจะตกเมื่อป่าดงดิบพังทลายลง
    และเมืองจะถูกทำให้ตกต่ำลง
20 พวกท่านที่หว่านอยู่ข้างแหล่งน้ำ
และปล่อยให้เท้าโคและเท้าลาก้าวย่างไปอย่างมีอิสระ
    ก็จะเป็นสุข

วิวรณ์ 2

ถึงคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส

จงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า องค์ผู้ถือดาว 7 ดวงในมือขวา ผู้เดินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดกล่าวดังนี้ว่า

‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้า รู้ถึงงานที่เจ้าตรากตรำและความบากบั่นของเจ้า เรารู้ว่าเจ้าไม่สามารถอดกลั้นต่อคนชั่ว เจ้าได้ทดสอบพวกที่อ้างตนว่าเป็นอัครทูตแต่ไม่ได้เป็น ซึ่งเจ้าก็พบแล้วว่า เขาพูดเท็จ เจ้าบากบั่นและอดทนเพื่อนามของเรา อีกทั้งยังไม่ได้อ่อนล้าไป แต่เรามีสิ่งที่จะตำหนิเจ้าคือ เจ้าได้ละทิ้งรักแรกที่เจ้าเคยมี ฉะนั้นจงระลึกว่าเจ้าได้ตกลงมาจากที่ใด เจ้าจงกลับใจ และกระทำสิ่งที่เจ้าเคยทำมาแต่ต้น มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และย้ายคันประทีปของเจ้าออกไปจากที่เดิม นอกเสียจากว่า เจ้าจะกลับใจ แต่สิ่งดีที่เจ้ามีก็คือ เจ้าเกลียดชังการกระทำของพรรคนิโคเลาส์ ซึ่งเราก็เกลียดชังเช่นกัน ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย เราจะให้ผู้ที่มีชัยชนะได้กินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้า’

ถึงคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นา

และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า พระองค์ผู้เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลายผู้ได้สิ้นชีวิตและฟื้นคืนชีวิตแล้ว กล่าวว่า

‘เรารู้เรื่องความยากลำบากและความยากจนของเจ้า แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี เรารู้ถึงการใส่ร้ายของพวกที่อ้างว่าตนเป็นชาวยิวทั้งที่ไม่ได้เป็น แต่กลับเป็นศาลาที่ประชุมของซาตาน[a] 10 อย่ากลัวความทุกข์ทรมานที่เจ้ากำลังจะได้รับ ดูเถิด พญามารจะเป็นเหตุให้บางคนในพวกเจ้าถูกจำคุก เพื่อทดสอบใจ และเจ้าทั้งหลายจะประสบกับความยากลำบากถึง 10 วัน เจ้าจงรักษาความภักดีไว้ตราบวันตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า 11 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ที่มีชัยชนะจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สอง’

ถึงคริสตจักรที่เมืองเปอร์กามัม

12 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองเปอร์กามัมว่า พระองค์ผู้มีดาบสองคมอันคมกริบกล่าวว่า

13 ‘เรารู้ว่าเจ้าอยู่ในที่ซึ่งซาตานครองบัลลังก์ แต่เจ้าก็ยังยึดนามของเราไว้อย่างมั่นคง ไม่ได้ปฏิเสธความเชื่อของเจ้าที่มีในเรา แม้ในเวลาที่อันทีพาสพยานผู้ซื่อสัตย์ของเราถูกฆ่าท่ามกลางพวกเจ้า ณ ที่ซึ่งซาตานพำนัก 14 แต่เรามีสองสามสิ่งที่จะตำหนิเจ้า ด้วยว่ามีบางคนในพวกเจ้าที่เชื่อถือตามคำสั่งสอนของบาลาอัม เขาคอยเสี้ยมสอนบาลาคให้ก่อเหตุ เพื่อยั่วยุให้ชาวอิสราเอลทำบาป ให้กินสิ่งที่ได้บูชาแก่รูปเคารพแล้ว และให้ประพฤติผิดทางเพศ 15 และมีบางคนในพวกเจ้าที่เชื่อถือตามคำสั่งสอนของพรรคนิโคเลาส์ด้วยเช่นกัน 16 ฉะนั้นเจ้าจงกลับใจ มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้าในไม่ช้า และเราจะต่อสู้พวกเขาด้วยดาบจากปากของเรา 17 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ที่มีชัยชนะ เราก็จะให้มานาที่ซ่อนไว้แก่เขา และเราจะให้หินขาวก้อนหนึ่งแก่เขา ที่หินมีชื่อใหม่จารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบเลยนอกจากผู้ที่รับเท่านั้น’

ถึงคริสตจักรที่เมืองธิยาทิรา

18 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองธิยาทิราว่า พระบุตรของพระเจ้าผู้มีดวงตาประกายกล้าดุจเปลวไฟ และเท้าของพระองค์เป็นเหมือนทองสัมฤทธิ์อันมันปลาบกล่าวว่า

19 ‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้า ความรักและความเชื่อของเจ้า การรับใช้และความบากบั่น และในเวลานี้ การกระทำของเจ้ายิ่งใหญ่กว่าการกระทำในตอนแรกๆ 20 แต่เรามีสิ่งที่จะตำหนิเจ้าคือ เจ้าปล่อยให้เยเซเบลผู้หญิงที่เรียกตนเองว่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ไปสั่งสอนและนำบรรดาผู้รับใช้ของเราให้หลงผิด จนพวกเขาประพฤติผิดทางเพศ และกินสิ่งที่บูชาแก่รูปเคารพแล้ว 21 เราให้โอกาสหญิงนั้นกลับใจ แต่นางก็ไม่ยอมกลับใจจากการประพฤติผิดทางเพศของนาง 22 ดูเถิด เราจะทำให้นางล้มป่วย และพวกที่ผิดประเวณีด้วยกับนางจะได้รับความยากลำบาก นอกเสียจากว่า พวกเขาจะสารภาพการประพฤติผิดที่มีกับนาง 23 เราจะฆ่าพวกลูกๆ ของนางให้ตาย และคริสตจักรทุกแห่งจะได้รู้ว่า เราเป็นผู้หยั่งรู้ถึงความคิดและจิตใจ และเราจะสนองตอบพวกเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของตน 24 แต่เราขอบอกพวกเจ้าซึ่งเหลืออยู่ที่เมืองธิยาทิรา พวกเจ้าที่ไม่ถือตามคำสั่งสอนของนาง และไม่เคยเรียนรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่าความลึกล้ำของซาตาน เราจะไม่ให้เจ้าแบกภาระอื่นอีก 25 เพียงแต่เจ้ายึดสิ่งที่มีอยู่ไว้แล้วให้มั่นจนกว่าเราจะมา 26 ผู้ที่มีชัยชนะ และทำตามความตั้งใจของเราจนถึงที่สุด เราก็จะให้ผู้นั้นมีสิทธิอำนาจเหนือบรรดาประชาชาติ 27 “และผู้นั้นจะปกครองพวกเขาด้วยคทาเหล็ก ซึ่งจะทำให้พวกเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับภาชนะดินเผา”[b] ตามที่เราได้รับสิทธิอำนาจจากพระบิดาของเรา 28 และเราจะมอบดาวประจำรุ่งให้แก่เขาด้วย 29 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย’

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation