M’Cheyne Bible Reading Plan
บัญชาให้ออกไปจากโฮเรบ
1 นี่คือสิ่งที่โมเสสกล่าวแก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงที่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในถิ่นทุรกันดาร ในอาราบาห์ตรงข้ามกับสูฟ ระหว่างปารานและโทเฟล ลาบาน ฮาเซโรท และดีซาหับ 2 การเดินทางจากโฮเรบโดยผ่านทางภูเขาเสอีร์ไปจนถึงคาเดชบาร์เนียใช้เวลา 11 วัน 3 ในวันที่หนึ่ง เดือนสิบเอ็ด ปีที่สี่สิบ โมเสสกล่าวแก่ชาวอิสราเอลตามคำที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาให้กล่าวทุกประการ 4 อันเป็นเวลาหลังจากที่ท่านได้ชัยชนะสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเฮชโบน และโอกกษัตริย์แห่งบาชานซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองอัชทาโรทและเอเดรอีแล้ว 5 โมเสสตั้งต้นเฉลยกฎบัญญัตินี้ ณ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในแผ่นดินโมอับว่า 6 “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรากล่าวกับเราที่โฮเรบว่า ‘พวกเจ้าอยู่ที่ภูเขานี้นานพอแล้ว 7 จงเดินทางมุ่งหน้าไปยังแถบภูเขาของชาวอาโมร์ ไปยังดินแดนเพื่อนบ้านในอาราบาห์ ทั้งในแถบภูเขาและที่ลุ่ม และในเนเกบ และชายฝั่งทะเล แผ่นดินของชาวคานาอัน และที่เลบานอน จนถึงแม่น้ำใหญ่คือแม่น้ำยูเฟรติส 8 ดูนั่นสิ เราได้วางแผ่นดินนั้นไว้ให้เพียงแค่เอื้อมของพวกเจ้าแล้ว เจ้าจงเข้าไปและยึดครองแผ่นดินซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิญาณว่าจะมอบให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าคือ อับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และแก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายต่อจากพวกเขา’
แต่งตั้งหัวหน้า
9 ในครั้งโน้นเราบอกพวกท่านว่า ‘เราไม่สามารถทนต่อพวกท่านได้คนเดียว 10 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านได้เพิ่มจำนวนทายาทพวกท่านมากขึ้น ก็ดูสิ ในขณะนี้จำนวนของพวกท่านมีมากมายดุจดวงดาวบนท้องฟ้า 11 ขอให้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทำให้ท่านมีจำนวนมากขึ้นอีกนับพันเท่า และอวยพรท่านตามที่พระองค์ได้สัญญากับพวกท่านไว้ 12 เราจะแบกภาระและปัญหาอันหนักหน่วงในเรื่องการโต้แย้งของพวกท่านคนเดียวได้อย่างไร 13 ท่านจงเลือกคนจากแต่ละเผ่าของพวกท่าน ขอให้เป็นผู้เรืองปัญญา เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และเป็นที่น่านับถือ แล้วเราจะตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าของท่าน’ 14 และท่านตอบเราว่า ‘สิ่งที่ท่านเสนอมานั้นดี เหมาะที่เราจะทำ’ 15 ดังนั้น เราจึงเลือกหัวหน้าประจำเผ่าของท่าน ซึ่งเรืองปัญญาและเป็นที่น่านับถือ และตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าเหนือท่าน เพื่อดูแลคนกลุ่มละพันคน ร้อยคน ห้าสิบคน สิบคน และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ประจำเผ่าของพวกท่าน 16 และเรากำชับบรรดาผู้ตัดสินความของท่านในครั้งโน้นว่า ท่านจงพิจารณาคดีระหว่างพวกพ้องของท่าน และตัดสินด้วยความยุติธรรมระหว่างคนในชาติเดียวกันหรือกับคนต่างด้าว 17 อย่ามีความลำเอียงในการตัดสิน ท่านจงฟังทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ให้เสมอกัน อย่ากลัวมนุษย์หน้าไหน เพราะการตัดสินเป็นของพระเจ้า คดีใดที่ยากเกินความสามารถของท่าน ก็จงนำมาให้เราพิจารณา 18 ในครั้งโน้น เราได้กำชับท่านแล้วถึงทุกสิ่งที่ท่านควรกระทำ
ส่งสายสืบออกไป
19 แล้วพวกเราออกเดินทางไปจากโฮเรบ ผ่านเข้าไปในถิ่นทุรกันดารอันกว้างใหญ่ไพศาลและน่ากลัว ซึ่งท่านก็เห็นมาแล้ว ในระหว่างทางในแถบภูเขาของชาวอาโมร์ตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราบัญชาพวกเราไว้ และเราก็มาถึงคาเดชบาร์เนีย 20 เราพูดกับท่านว่า ‘พวกท่านมาถึงแถบภูเขาของชาวอาโมร์ซึ่งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรายกให้เราแล้ว 21 ดูนั่นสิ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้วางแผ่นดินนั้นไว้ให้เพียงแค่เอื้อมของท่าน จงขึ้นไปและยึดครองแผ่นดินตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านบอกท่านไว้แล้ว อย่ากลัวหรือท้อใจเลย’ 22 พวกท่านทุกคนก็มาหาเรา แล้วบอกว่า ‘ให้พวกผู้ชายล่วงหน้าเราไปก่อนเถิด เขาจะได้ไปสอดแนมดูสถานที่ให้พวกเรา แล้วให้เขากลับมารายงานว่าพวกเราควรขึ้นไปทางไหนและไปยังเมืองใด’ 23 เราเห็นว่าเป็นความคิดดีจึงได้เลือกชาย 12 คน มาจากเผ่าละ 1 คน 24 พวกเขาก็ขึ้นไปยังแถบภูเขาแล้วลงไปยังลุ่มน้ำเอชโคล์สอดแนมอยู่ที่นั่น 25 เขาเอาผลไม้จากดินแดนนั้นติดตัวลงมาให้พวกเราด้วย พร้อมกับรายงานว่า ‘เป็นแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรามอบให้แก่พวกเรา’
ลองดีกับพระผู้เป็นเจ้า
26 ถึงกระนั้นพวกท่านยังไม่ยอมขึ้นไป แต่กลับขัดขืนต่อคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 27 แล้วก็บ่นพึมพำอยู่ในกระโจมว่า ‘เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าเกลียดชังพวกเรา พระองค์จึงได้นำเราออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อให้เราตกอยู่ในมือของชาวอาโมร์ พวกเขาจะได้กำจัดเรา 28 พวกเราจะหนีไปไหนได้ ผู้สอดแนมทำให้เราใจเสียจากคำพูดที่ว่า “ชาวเมืองสูงใหญ่และกำยำกว่าพวกเรา เมืองเหล่านั้นก็ใหญ่ มีกำแพงสูงเทียมฟ้า และยิ่งกว่านั้น พวกเราเห็นลูกหลานพวกอานาค[a]ที่นั่นด้วย”’ 29 แล้วเราก็บอกท่านว่า ‘อย่าตกใจหรือกลัวพวกเขาเลย 30 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน พระองค์ได้ล่วงหน้าท่านไปแล้ว และจะเป็นผู้ช่วยในการต่อสู้ เหมือนกับที่ท่านเห็นพระองค์กระทำเพื่อท่านในอียิปต์ 31 และท่านเห็นแล้วว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอุ้มชูพวกท่านอย่างไรในถิ่นทุรกันดาร เปรียบดังพ่ออุ้มลูกของตน และท่านก็ผ่านมาได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงที่นี่’ 32 แม้เราจะบอกท่านแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนท่านก็ยังไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน 33 เวลาท่านเดินทาง พระองค์ก็ล่วงหน้าไปก่อนท่านเพื่อหาสถานที่ให้ท่านตั้งกระโจมในลักษณะของเพลิงไฟในตอนกลางคืน และในลักษณะของเมฆในตอนกลางวันเพื่อชี้ให้ท่านเห็นว่าควรจะไปทางไหน
34 เมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ยินพวกท่านพูด พระองค์ก็โกรธและปฏิญาณว่า 35 ‘ไม่มีใครสักคนในยุคอันชั่วร้ายนี้ที่จะได้เห็นแผ่นดินอันอุดมที่เราได้ปฏิญาณว่าจะมอบให้แก่บรรพบุรุษของพวกเจ้า 36 ยกเว้นคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ เขาจะได้เห็นแผ่นดิน และเราจะมอบแผ่นดินที่เขาเหยียบให้แก่เขาและลูกหลานของเขา เพราะเขาทำตามพระผู้เป็นเจ้าด้วยใจจริง’ 37 เป็นเพราะท่าน พระผู้เป็นเจ้าจึงโกรธเราด้วย และพระองค์กล่าวว่า ‘เจ้าเองจะไม่ได้เข้าไปที่นั่นด้วยเช่นกัน 38 แต่ผู้ช่วยของพวกเจ้าคือโยชูวาบุตรของนูนจะได้เข้าไป จงให้กำลังใจเขา เพราะเขาจะเป็นผู้นำชาวอิสราเอลให้ยึดครองแผ่นดิน 39 และพวกเด็กเล็กของเจ้าที่เจ้าบอกว่าจะตกเป็นเหยื่อ และลูกๆ ที่ยังไม่ทราบว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่วนั่นแหละจะก้าวเข้าไปยังแผ่นดินซึ่งเราจะให้แก่พวกเขา และเขาจะรับมาครอบครอง 40 สำหรับเจ้า จงเดินทางโดยมุ่งหน้าไปทางถิ่นทุรกันดารตามทิศที่ไปสู่ทะเลแดง’
41 แล้วพวกท่านตอบเราว่า ‘เราได้กระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า เราจะขึ้นไปต่อสู้ตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราบัญชาไว้’ ดังนั้นท่านทุกคนเตรียมตัวพร้อมอาวุธสงคราม ด้วยคิดว่าการขึ้นไปที่แถบภูเขานั้นง่าย 42 แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘บอกพวกเขาว่า “อย่าขึ้นไปต่อสู้ เพราะเราจะไม่อยู่กับพวกเจ้า มิฉะนั้นพวกเจ้าจะตายต่อหน้าศัตรู”’ 43 เราจึงบอกพวกท่าน แต่ท่านไม่ฟังและยังขัดขืนต่อคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ท่านบังอาจขึ้นไปที่แถบภูเขานั้น 44 พวกชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ในแถบภูเขาดังกล่าวจึงออกมาต่อต้านพวกท่าน ไล่พวกท่านเตลิดเปิดเปิงไป เหมือนไล่ด้วยฝูงผึ้ง และตีจนท่านพ่ายแพ้ที่เสอีร์จนถึงโฮร์มาห์ 45 แล้วพวกท่านก็กลับมาร้องไห้กับพระผู้เป็นเจ้า แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ฟังเสียงท่านและไม่สนใจฟัง 46 พวกท่านจึงอยู่ที่คาเดชเป็นเวลานานทีเดียว
คำสัญญาของพระเจ้าสำหรับผู้เชื่อฟัง
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองกิททิธ ของอาสาฟ
1 จงส่งเสียงร้องเพลงถวายแด่พระเจ้าผู้เป็นพละกำลังของเรา
ส่งเสียงร้องด้วยความยินดีแด่พระเจ้าของยาโคบ
2 เริ่มเล่นเพลง สะบัดรำมะนาใบเล็ก
เล่นพิณเล็กประกอบกับพิณสิบสายให้ไพเราะ
3 จงเป่าแตรงอน[a]ในยามข้างขึ้น
ตอนเดือนหงายในวันเทศกาลของเรา
4 เพราะเป็นกฎเกณฑ์สำหรับอิสราเอล
เป็นคำบัญชาของพระเจ้าของยาโคบ
5 พระองค์ให้ยึดถือเป็นคำสั่งสำหรับโยเซฟ
ในเวลาที่พระองค์ไปโจมตีดินแดนของอียิปต์
ข้าพเจ้าได้ยินภาษาซึ่งไม่เคยรู้จักกล่าวว่า
6 “เรารับภาระจากบ่าของเจ้าไป
ให้เจ้าเป็นอิสระจากงานหนัก
7 เวลาเจ้าตกทุกข์ได้ยาก เจ้าร้องเรียกเรา เราก็ช่วยให้พ้นทุกข์
เราตอบเจ้าจากที่ลึกลับและมากับเสียงฟ้าร้อง
เราทดสอบเจ้าที่แหล่งน้ำเมรีบาห์[b] เซล่าห์
8 ชนชาติของเราเอ๋ย จงฟังในยามที่เราเตือนเจ้า
โอ อิสราเอลเอ๋ย ถ้าเจ้าเพียงแต่ฟังเราเท่านั้น
9 อย่ามีเทพเจ้าต่างชาติท่ามกลางพวกเจ้า
และอย่าก้มลงกราบเทพเจ้าต่างแดน
10 เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
คือผู้ที่นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์
จงอ้าปากของเจ้าให้กว้าง แล้วเราจะป้อนเจ้าจนอิ่ม
11 แต่ชนชาติของเราไม่ยอมฟังเสียงเรา
อิสราเอลไม่ยอมรับรู้อะไรจากเราเลย
12 ฉะนั้น เราปล่อยพวกเขาให้เป็นไปตามใจอันดื้อด้านของเขา
และให้กระทำตามสิ่งที่เขาพอใจจะทำ
13 ถ้าชนชาติของเราเพียงแต่ฟังเรา
หากว่าอิสราเอลจะเดินตามวิถีทางของเรา
14 เราก็จะทำให้ศัตรูของพวกเขาพ่ายแพ้ไป
และเราจะปะทะกับข้าศึกของเขา
15 พวกที่เกลียดชังพระผู้เป็นเจ้าจะยอมสยบต่อหน้าพระองค์
และโทษของพวกเขาจะยืนยาวไปตลอดกาล
16 แต่เราจะเลี้ยงดูเจ้าด้วยข้าวสาลีชั้นเยี่ยม
และเราจะทำให้เจ้าพอใจด้วยน้ำผึ้งที่ไหลออกจากหิน”
พระเจ้าเป็นผู้ตัดสินแผ่นดินโลก
เพลงสดุดีของอาสาฟ
1 พระเจ้ายืนอยู่ในที่ประชุมของพระองค์
พระองค์ตัดสินอยู่ท่ามกลางบรรดาเทพเจ้า
2 “พวกเจ้าจะตัดสินอย่างไร้ความยุติธรรม
และเข้าข้างคนชั่วนานเพียงไร เซล่าห์
3 จงให้ความยุติธรรมแก่คนสิ้นไร้ไม้ตอกและผู้ที่กำพร้า
รักษาสิทธิของผู้ขัดสนและคนเป็นทุกข์
4 ช่วยคนสิ้นไร้ไม้ตอกและผู้ยากไร้ให้พ้นภัย
ช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของคนชั่ว”
5 พวกเขาไม่รู้และไม่เข้าใจ
เขาเดินอยู่ในความมืด
ฐานรากของแผ่นดินโลกสั่นคลอน
6 เราได้กล่าวว่า “พวกเจ้าคือบรรดาเทพเจ้า[c]
และบรรดาบุตรขององค์ผู้สูงสุด พวกเจ้าทุกคนนั่นแหละ
7 แต่เจ้าจะตายอย่างมนุษย์
และล้มลงอย่างผู้นำคนใดคนหนึ่ง”
8 โอ พระเจ้า ลุกขึ้นตัดสินแผ่นดินโลกเถิด
เพราะประชาชาติทั้งปวงเป็นของพระองค์
เยรูซาเล็มถูกยึด
29 “วิบัติจงเกิดแก่อารีเอล[a] แก่อารีเอล
คือเมืองที่ดาวิดตั้งค่ายอยู่
จงให้มีงานเทศกาลของพวกเจ้า
ปีแล้วปีเล่า
2 เราจะทำให้อารีเอลเป็นทุกข์
จะมีการเศร้าโศกและคร่ำครวญ
และเมืองนี้จะเป็นเหมือนอารีเอลสำหรับเรา
3 เราจะตั้งค่ายต่อสู้กับเจ้าโดยรอบข้าง
และเราจะล้อมเจ้าด้วยหอคอย
และเราจะตั้งเชิงเทินล้อมเจ้า
4 และเจ้าจะถูกทำให้ทรุดต่ำลง เจ้าจะพูดจากพื้นดิน
คำพูดของเจ้าจะแผ่วเบาจากฝุ่น
เสียงของเจ้าจะมาจากพื้นดินเหมือนเสียงวิญญาณจากแดนคนตาย
และคำพูดของเจ้าจะกระซิบจากฝุ่น”
5 แต่ศัตรูต่างชาติของท่านจำนวนมากจะเป็นเหมือนผงคลี
และคนโหดร้ายจำนวนมากจะเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัด
และในทันทีทันใดนั้น
6 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาจะมาเยือน
ด้วยเสียงฟ้าร้อง แผ่นดินไหว และเสียงดังสนั่น
พายุหมุน และพายุอันแรงกล้า และเพลิงไฟที่เผาผลาญ
7 และบรรดาประชาชาติทั้งปวงที่ต่อสู้กับอารีเอล
ที่โจมตีอารีเอลและหลักยึดอันมั่นคง และทำให้เมืองนี้เป็นทุกข์
ก็จะเป็นเหมือนความฝัน
เป็นภาพนิมิตในเวลากลางคืน
8 เมื่อคนหิวฝันว่าเขากำลังรับประทานอยู่
แต่เมื่อตื่นขึ้น เขาก็ไม่หายหิว
เมื่อคนกระหายน้ำฝันว่า เขากำลังดื่มน้ำ
แต่เมื่อตื่นขึ้น เขาก็อ่อนกำลัง และยังกระหายน้ำอยู่
และจะเป็นเช่นนั้นกับประชาชาติทั้งปวง
ที่ต่อสู้กับภูเขาศิโยน
9 จงประหลาดใจและอัศจรรย์ใจ
ทำตัวเองให้มืดบอด และมองไม่เห็น
ท่านจะเมา แต่ไม่ใช่ด้วยเหล้าองุ่น
ท่านจะเดินโซซัดโซเซ แต่ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์สุรา
10 เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้หลั่งวิญญาณ
ที่นอนหลับสนิทให้แก่ท่าน
และทำให้พวกท่านตามืดบอด
(ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเป็นเสมือนตา)
และปกคลุมศีรษะของพวกท่าน
(ผู้รู้เป็นเสมือนศีรษะ)
11 และภาพนิมิตดังกล่าวนี้เป็นเสมือนคำพูดในหนังสือม้วนที่ถูกผนึก เมื่อมีคนมอบหนังสือนี้ให้แก่คนที่อ่านออก และบอกว่า “อ่านสิ” เขาจะตอบว่า “ข้าพเจ้าอ่านไม่ได้ เพราะมันถูกผนึกไว้” 12 เมื่อมีคนมอบหนังสือม้วนนี้ให้แก่คนที่อ่านไม่ออก และบอกว่า “อ่านสิ” เขาจะตอบว่า “ข้าพเจ้าอ่านไม่ออก”
13 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
“เพราะคนเหล่านี้พูดด้วยปากว่า เขาอยู่ใกล้เรา
และให้เกียรติเราเพียงแค่ปาก
แต่ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา
ความเกรงกลัวของพวกเขาที่มีต่อเรา
ก็มาจากกฎเกณฑ์ที่มนุษย์สั่งสอน[b]
14 ฉะนั้น ดูเถิด เราจะกระทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย
กับคนเหล่านี้อีก
และสติปัญญาของผู้เรืองปัญญาจะดับสูญไป
และความฉลาดของผู้เรืองปัญญาจะถูกปิดบังไว้”[c]
15 วิบัติจงเกิดแก่คนที่ซ่อนแผนการ
จากพระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งการกระทำของเขาอยู่ในความมืด
และเขาพูดว่า “ใครจะรู้เรื่องเรา”
16 พวกท่านกลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
ควรหรือที่จะถือว่าช่างปั้นหม้อเป็นเหมือนกับดินเหนียว
และสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นควรพูดถึงผู้สร้างว่า
“เขาไม่ได้สร้างฉัน” อย่างนั้นหรือ
สิ่งที่ถูกปั้นขึ้นจะพูดถึงผู้ปั้นของมันว่า
“เขาไม่มีความเข้าใจ” อย่างนั้นหรือ
17 อีกไม่นานมิใช่หรือ
ที่เลบานอนจะกลับกลายเป็นไร่นาอันอุดม
และไร่นาซึ่งอุดมสมบูรณ์ก็จะถือเสมือนว่าเป็นป่าดงดิบ
18 ในวันนั้น คนหูหนวกจะได้ยิน
คำกล่าวของหนังสือม้วน
และคนตาบอดจะมองเห็นจาก
ความมืดมนและความมืด
19 ผู้มีใจอ่อนน้อมจะได้รับความยินดีจากพระผู้เป็นเจ้า
และคนยากไร้ในหมู่มนุษย์จะรื่นเริงใจในองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
20 เพราะคนโหดร้ายจะสูญหายไป
คนเย้ยหยันจะหายจากไป
และทุกคนที่เจตนาทำชั่วจะถูกตัดขาด
21 ผู้ใส่ร้ายให้คนมีความผิด
และวางกับดักผู้คุ้มครองที่ประตูเมือง
และให้การเท็จทำให้คนไร้ความผิดไม่ได้รับความเป็นธรรม
22 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ไถ่อับราฮัม กล่าวถึงพงศ์พันธุ์ยาโคบดังนี้ว่า
“ยาโคบจะไม่อับอายอีกต่อไป
ใบหน้าของเขาจะไม่ซีดลงอีกต่อไป
23 เพราะเมื่อเขาเห็นลูกหลานของเขา
ซึ่งเป็นผลงานจากฝีมือของเราท่ามกลางเขา
พวกเขาจะเคารพสักการะชื่อของเรา
พวกเขาจะเคารพสักการะองค์ผู้บริสุทธิ์ของยาโคบ
และจะยืนด้วยความเกรงกลัวพระเจ้าของอิสราเอล
24 และบรรดาผู้ที่หลงผิดจะกลับมาเข้าใจ
และพวกที่พร่ำบ่นจะยินดีรับคำสั่งสอน”
การทักทายของยอห์น
1 ข้าพเจ้าผู้ปกครอง
เรียน ท่านกายอัสที่รัก ซึ่งเป็นผู้ที่ข้าพเจ้ารักในความจริง[a]
2 ท่านที่รัก ข้าพเจ้าอธิษฐานให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง และทุกสิ่งดำเนินไปด้วยดี เช่นเดียวกับจิตวิญญาณของท่านที่เป็นไปด้วยดี 3 ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่ง เพราะมีพวกพี่น้องมาบอกกล่าวถึงความจริงในชีวิตของท่าน ซึ่งก็เป็นไปตามที่ท่านกำลังดำเนินอยู่ในความจริง 4 ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ข้าพเจ้ามีความยินดีมากกว่านี้ นั่นคือเมื่อได้ทราบว่า ลูกๆ ของข้าพเจ้าดำเนินชีวิตในความจริง
ช่วยเหลือผู้ทำงานของพระเจ้า
5 ท่านที่รัก ท่านลงมือช่วยเหลือพี่น้องอย่างสัตย์ซื่อในทุกสิ่ง แม้ว่าเขาจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม 6 พวกพี่น้องเหล่านั้นได้เล่าถึงความรักของท่านให้คริสตจักรฟัง ถ้าท่านจะส่งเขาเหล่านั้นให้เดินทางกันออกไปอย่างเป็นที่พอใจของพระเจ้าได้ก็จะดียิ่ง 7 พวกเขาเดินทางกันออกไปก็เพื่อพระนาม และไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนนอกเลย 8 ฉะนั้นเราจึงควรช่วยเหลือคนเหล่านี้ เพื่อว่าเราจะได้ทำงานเพื่อความจริงร่วมกัน
9 ข้าพเจ้าได้เขียนบางสิ่งบางอย่างถึงคริสตจักร แต่ดิโอเตรเฟสอยากจะเป็นผู้นำเสียเอง จึงไม่ยอมรับพวกเรา 10 ฉะนั้นถ้าข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าจะเตือนถึงสิ่งที่เขากระทำ เช่นการนินทาว่าร้ายพวกเรา เท่านั้นยังไม่พอ เขาไม่ยอมรับพี่น้อง ซ้ำยังห้ามคนที่ต้องการจะต้อนรับพวกเขา และยังไล่พวกเขาออกไปจากคริสตจักรด้วย
11 ท่านที่รัก อย่าทำตามสิ่งที่ชั่ว แต่ทำตามสิ่งที่ดี ผู้กระทำความดีก็คือคนของพระเจ้า ผู้กระทำความชั่วแสดงว่าไม่เคยเห็นพระเจ้า 12 ทุกคนกล่าวถึงความดีของเดเมตริอัส ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริงด้วยความจริงนั่นเอง เราก็กล่าวถึงความดีของเขาด้วย และท่านทราบว่าคำยืนยันของเราเป็นความจริง
คำลงท้าย
13 ข้าพเจ้ามีอีกหลายเรื่องที่จะเขียนถึงท่าน แต่ไม่อยากจะเขียนถึงด้วยปากกาและน้ำหมึก 14 ข้าพเจ้าหวังว่าจะพบท่านในเร็วๆ นี้ และเราจะได้พูดกันต่อหน้า
15 ขอสันติสุขจงมีแก่ท่าน บรรดาเพื่อนๆ ที่นี่ฝากความระลึกถึงมายังท่าน ช่วยฝากความระลึกถึงมายังเพื่อนๆ แต่ละคนด้วย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation