Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กันดารวิถี 17-18

ไม้เท้าของอาโรนงอก

17 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงพูดกับชาวอิสราเอลและนำไม้เท้า 12 อันจากพวกเขามา สำหรับบรรพบุรุษของแต่ละเผ่า จากหัวหน้าทุกคนตามตระกูลของเขา จงเขียนชื่อบนไม้เท้าของเขาแต่ละคน และเขียนชื่ออาโรนบนไม้เท้าของชาวเลวี เพราะจะมีไม้เท้าเดียวสำหรับผู้นำตามตระกูลของเขา และเจ้าจงเก็บไม้เท้าเหล่านั้นไว้ในกระโจมที่นัดหมาย ตรงหน้าหีบพันธสัญญาที่เราพบกับเจ้า ไม้เท้าของคนที่เราเลือกก็จะงอก เราจะทำให้ชาวอิสราเอลหยุดบ่นพึมพำต่อว่าเจ้า” แล้วโมเสสก็พูดกับชาวอิสราเอล หัวหน้าแต่ละคนจาก 12 เผ่าจึงมอบไม้เท้าแก่ท่าน เผ่าละ 1 อันจากหัวหน้าตระกูล ไม้เท้าของอาโรนก็รวมอยู่กับไม้เท้าของพวกเขา โมเสสได้เก็บไม้เท้าไว้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในกระโจมแห่งพันธสัญญา

วันรุ่งขึ้นโมเสสเข้าไปในกระโจมแห่งพันธสัญญา ดูเถิด ไม้เท้าของอาโรนที่เป็นของเผ่าเลวีงอกและผลิใบ อีกทั้งออกดอกด้วย และเกิดผลเป็นอัลมอนด์สุก แล้วโมเสสก็ได้นำไม้เท้าทั้งหมดออกจากเบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้ามาให้ชาวอิสราเอลทั้งปวง ทุกคนก็เห็นด้วยตาตนเอง แต่ละคนได้มาหยิบไม้เท้าของตนไป 10 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงวางไม้เท้าของอาโรนคืนที่เบื้องหน้าหีบพันธสัญญา เป็นหมายสำคัญเพื่อเก็บไว้เตือนใจพวกที่ขัดขืน เขาจะได้หยุดบ่นพึมพำต่อว่าเรา พวกเขาจะได้ไม่ตาย” 11 โมเสสกระทำตามนั้น ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาท่าน

12 ชาวอิสราเอลพูดกับโมเสสว่า “ดูเถิด พวกเราจะตายแน่ เราต้องย่อยยับ เราต้องย่อยยับแน่ 13 ใครก็ตามที่เข้าใกล้ เข้าไปใกล้กระโจมที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้าจะต้องตาย พวกเราทุกคนจะตายกันไหม”

หน้าที่ของปุโรหิตและชาวเลวี

18 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอาโรนว่า “ทั้งตัวเจ้า บุตรชายทั้งหลายของเจ้าและคนในตระกูลของเจ้าจะต้องรับผิดชอบเรื่องที่กระทำผิดต่อที่พำนัก เจ้าและบุตรของเจ้าจะต้องรับผิดชอบเรื่องที่กระทำผิดต่อหน้าที่ของปุโรหิต เจ้าจงนำเผ่าเลวีคือ เชื้อสายจากบิดาของเจ้าซึ่งเป็นพี่น้องของเจ้ามาด้วย ให้พวกเขามาช่วยกันในเวลาที่เจ้าและบุตรชายของเจ้ารับใช้ ณ เบื้องหน้ากระโจมแห่งพันธสัญญา พวกเขาจะคอยช่วยเจ้า และรับผิดชอบหน้าที่ทุกอย่างในกระโจม แต่พวกเขาจะต้องไม่เข้ามาใกล้ภาชนะของสถานที่บริสุทธิ์หรือแท่นบูชา มิฉะนั้นพวกเขาและเจ้าจะตาย พวกเขาจะต้องมาด้วยกันกับเจ้า และรับผิดชอบเรื่องกระโจมที่นัดหมายเพื่อทำงานรับใช้ทุกอย่างของกระโจม แต่อย่าให้ผู้ไม่มีหน้าที่เข้าใกล้ตัวเจ้า เจ้าจงรับผิดชอบเรื่องสถานที่บริสุทธิ์และแท่นบูชา เพื่อมิให้ความเกรี้ยวโกรธตกอยู่กับชาวอิสราเอลอีก ดูเถิด เราได้เลือกชาวเลวีซึ่งเป็นพี่น้องของเจ้าจากท่ามกลางชาวอิสราเอลให้เป็นของประทานแก่เจ้า และถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเพื่อปฏิบัติงานของกระโจมที่นัดหมาย เจ้าและบรรดาบุตรของเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ของปุโรหิต งานต่างๆ ที่เกี่ยวกับแท่นบูชาหรือสิ่งที่อยู่ภายในม่านกั้น เราให้ตำแหน่งปุโรหิตเป็นของประทานแก่เจ้า แต่ถ้าผู้อื่นเข้ามาใกล้จะต้องรับโทษถึงตาย”

ของถวายสำหรับปุโรหิตและชาวเลวี

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอาโรนว่า “ดูเถิด เราได้ให้เจ้าดูแลของถวายที่นำมามอบให้แก่เรา เช่นของถวายอันบริสุทธิ์ทั้งหมดที่ชาวอิสราเอลมอบให้แก่เรา เราให้เจ้าและบรรดาบุตรของเจ้ารับไว้เหมือนเป็นส่วนแบ่ง และให้รับไว้ตลอดไป ส่วนที่เป็นของเจ้าคือ สิ่งบริสุทธิ์ที่สุดที่ได้จากการถวายด้วยไฟ ของถวายทุกสิ่งที่คนทั้งหลายนำมาให้เรา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องธัญญบูชา เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป หรือของถวายเพื่อไถ่โทษล้วนเป็นของเจ้าและบุตรของเจ้า 10 เจ้าจงรับประทานสิ่งบริสุทธิ์ที่สุดเหล่านี้ ชายทุกคนรับประทานได้ และให้นับว่าเป็นสิ่งบริสุทธิ์ 11 สิ่งอื่นที่เป็นของเจ้าคือ ของถวายจากเครื่องโบกทุกชิ้นที่ชาวอิสราเอลมอบให้เป็นของถวาย เราก็ได้ให้เจ้าและบุตรชายบุตรหญิงรับไว้ตลอดไป ทุกคนในครอบครัวของเจ้าที่สะอาดตามพิธีกรรมรับประทานได้ 12 ทั้งน้ำมัน เหล้าองุ่น และธัญพืชชนิดดีที่สุดอันเป็นผลแรกของสิ่งที่พวกเขามอบให้แด่พระผู้เป็นเจ้า เราก็ให้แก่พวกเจ้า 13 ผลไม้แรกสุกทุกชนิดในแผ่นดินที่พวกเขานำมามอบแด่พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นของพวกเจ้า ทุกคนในครอบครัวของเจ้าที่สะอาดตามพิธีกรรมรับประทานได้ 14 ทุกสิ่งที่ถูกมอบแล้วในอิสราเอลจะเป็นของเจ้า 15 ทุกชีวิตแรกในครรภ์ทั้งมนุษย์และสัตว์ที่ถูกนำมาให้พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นของเจ้า แต่เจ้าจงไถ่บุตรชายหัวปีและสัตว์ตัวผู้ตัวแรกทุกตัวที่มีมลทิน 16 ราคาค่าไถ่เมื่อมีอายุ 1 เดือนเจ้าต้องไถ่โดยกำหนดเป็นเงิน 5 เชเขล ตามมาตราเชเขลของสถานที่บริสุทธิ์คือ แต่ละเชเขลหนัก 20 เก-ราห์ 17 แต่อย่าไถ่โคตัวแรก แกะตัวแรก หรือแพะตัวแรก เพราะเป็นสิ่งบริสุทธิ์ เจ้าจงสาดเลือดรอบๆ แท่น และเผาไขมันเป็นของถวายด้วยไฟ ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจสำหรับพระผู้เป็นเจ้า 18 และเนื้อสัตว์จะเป็นของเจ้า เช่นเดียวกับส่วนอกที่เป็นเครื่องโบก ต้นขาจะเป็นของเจ้า 19 ของถวายทั้งปวงที่บริสุทธิ์ที่ชาวอิสราเอลมอบแด่พระผู้เป็นเจ้าเรายกให้แก่เจ้า แก่บรรดาบุตรชายบุตรหญิงของเจ้าตลอดไป เป็นเกลือ[a]แห่งพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าสำหรับเจ้าและบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า” 20 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอาโรนว่า “เจ้าจะไม่ได้รับมรดกในแผ่นดินของพวกเขา และจะไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆ ในท่ามกลางพวกเขา เราเป็นส่วนแบ่งของเจ้าและเป็นมรดกของเจ้าท่ามกลางชาวอิสราเอล

21 เราได้ยกหนึ่งในสิบของทุกสิ่งในอิสราเอลให้แก่ชาวเลวีเป็นมรดก เป็นค่าตอบแทนการงานของพวกเขา ที่รับใช้ในกระโจมที่นัดหมาย 22 และจากนี้ไปชาวอิสราเอลจะต้องไม่มาใกล้กระโจมที่นัดหมาย มิฉะนั้นเขาจะรับโทษบาปของตนถึงแก่ความตาย 23 แต่ชาวเลวีจะต้องรับใช้งานของกระโจมที่นัดหมาย และต้องรับผิดชอบการกระทำผิดต่อสถานที่ และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล และพวกเขาจะไม่ได้รับมรดกท่ามกลางชาวอิสราเอล 24 ด้วยว่า เราได้ยกหนึ่งในสิบที่เป็นของชาวอิสราเอลซึ่งพวกเขานำมาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้เป็นมรดกแก่ชาวเลวีแล้ว ฉะนั้นเราจึงบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะไม่ได้รับมรดกท่ามกลางชาวอิสราเอล”

25 พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวกับโมเสสว่า 26 “ยิ่งกว่านั้น เจ้าจงบอกชาวเลวีว่า ‘เมื่อเจ้ารับหนึ่งในสิบที่เราได้ให้แก่เจ้าจากชาวอิสราเอลเป็นมรดก เจ้าก็จงถวายหนึ่งในสิบของหนึ่งในสิบที่ได้รับแด่พระผู้เป็นเจ้า 27 และของถวายของเจ้าจะนับว่าเป็นเสมือนธัญพืชจากลานนวดข้าว และเหล้าองุ่นจากเครื่องสกัด 28 ดังนั้นเจ้าจะต้องมอบหนึ่งในสิบแด่พระผู้เป็นเจ้า เช่นเดียวกับที่ประชาชนชาวอิสราเอลมอบให้ คือเมื่อเจ้าได้รับหนึ่งในสิบที่ประชาชนชาวอิสราเอลมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า เจ้าก็จะมอบหนึ่งในสิบจากส่วนที่เจ้าได้รับนั้นแก่อาโรนปุโรหิต 29 เจ้าจงมอบส่วนที่ดีที่สุด บริสุทธิ์ที่สุดของทุกๆ สิ่งที่เจ้าได้รับแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นของถวาย’ 30 ฉะนั้นเจ้าจงบอกพวกเขาว่า ‘เมื่อเจ้าถวายส่วนที่ดีที่สุด ก็จะนับว่าส่วนที่เหลือเป็นเสมือนผลผลิตจากลานนวดข้าวและผลจากเครื่องสกัดสำหรับชาวเลวี 31 และพวกเจ้ากับครอบครัวจะรับประทานที่ไหนก็ได้ ถือเป็นเครื่องตอบแทนสำหรับงานรับใช้ในกระโจมที่นัดหมาย 32 พวกเจ้าจะไม่มีความผิดในเรื่องนี้ หากมอบส่วนที่ดีที่สุด แล้วพวกเจ้าก็จะไม่ทำให้ของถวายอันบริสุทธิ์ของชาวอิสราเอลเป็นมลทิน เจ้าก็จะไม่ตาย’”

สดุดี 55

คำอธิษฐานของผู้ที่ถูกเพื่อนหักหลัง

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องสาย เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของดาวิด

โอ พระเจ้า โปรดสดับคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    และอย่าเมินเฉยต่อคำอ้อนวอนของข้าพเจ้าเลย
โปรดฟังและตอบข้าพเจ้าด้วย
    ข้าพเจ้าบอบช้ำจากความทุกข์ยาก
ข้าพเจ้าพะวักพะวนกับเสียงของศัตรู
    และการข่มขู่ของคนชั่ว
พวกเขานำความลำบากมาให้ข้าพเจ้า
    และเขาเคียดแค้นข้าพเจ้าด้วยความโกรธ

ข้าพเจ้าหวั่นหวาดในทรวงอก
    และความกลัวตายครอบครองจิตใจข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเกิดรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
    และหวาดกลัวยิ่งนัก
และข้าพเจ้าพูดได้เลยว่า “ข้าพเจ้าใคร่จะมีปีกอย่างนกพิราบ
    ข้าพเจ้าจะได้บินหนีไปหาความสงบ
ข้าพเจ้าจะบินไปไกลๆ
    และพักแรมอยู่ในถิ่นทุรกันดาร เซล่าห์
ข้าพเจ้าจะรีบไปยังที่หลบภัยของข้าพเจ้า
    เพื่อให้พ้นจากลมอันแรงกล้าและลมพายุ”

ทำให้แผนของเขาล้มเหลวเถิด พระผู้เป็นเจ้า ทำให้คำพูดของเขาสับสนเถิด
    ด้วยว่า ข้าพเจ้าเห็นความรุนแรงและการทะเลาะวิวาทที่ตัวเมือง
10 พวกเขาล้อมรอบกำแพงเมืองตลอดทั้งวันทั้งคืน
    ภายในนั้นก็มีทั้งความชั่วร้ายและความยุ่งยาก
11     ความพินาศอยู่ ณ ที่นั้น
การกดขี่ข่มเหงและความหลอกลวง
    ไม่เคยห่างไปจากสาธารณชน

12 หากว่าเป็นศัตรูที่เหยียดหยามข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าย่อมทนได้
หากว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามที่โอ้อวดข่มข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าก็ซ่อนตัวเสียให้พ้นหน้าเขา
13 แต่เป็นท่านเอง เป็นคนที่ใจตรงกันกับข้าพเจ้า
    เพื่อนคู่หู เพื่อนสนิทของข้าพเจ้า
14 เราเคยร่วมสังสรรค์กันอย่างดี
    และเราดำเนินร่วมกันในพระตำหนักของพระเจ้า
15 ให้พวกเขาเผชิญกับความตายเถิด
    ให้เขาดำดิ่งลงสู่แดนคนตายทั้งเป็น
    เพราะว่าความชั่วอยู่ติดตัวติดใจพวกเขา

16 แต่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระเจ้า
    และพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
17 ข้าพเจ้าพร่ำเพ้อและคร่ำครวญ
    ทั้งในยามเช้า เที่ยงวัน และยามค่ำ
    และพระองค์จะได้ยินเสียงของข้าพเจ้า
18 พระองค์จะช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้ปลอดภัย
    จากสงครามที่ข้าพเจ้าต่อสู้
    แม้จะมีหลายคนต่อต้านข้าพเจ้าอยู่
19 พระเจ้าผู้ครองบัลลังก์ตั้งแต่ครั้งกาลก่อน
    จะฟังและทำให้พวกเขาศิโรราบดั่งหน้ากลอง
เพราะเขาไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
    และไม่เกรงกลัวพระเจ้า เซล่าห์

20 เพื่อนสนิทคนนั้นเข้าทำร้ายพวกเพื่อนฝูงของเขาเอง
    เขาผิดสัญญา
21 ถ้อยคำของเขานุ่มนวลยิ่งกว่าเนย
    แต่ความเกลียดครอบครองใจเขา
คำพูดของเขาไหลลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน
    แต่เป็นเหมือนดาบคมที่ถูกชักออก

22 จงมอบความกังวลไว้กับพระผู้เป็นเจ้า
    และพระองค์จะทำให้ท่านยืนยงอยู่ได้
    พระองค์จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้มีความชอบธรรมล้มเหลว
23 โอ พระเจ้า แต่พระองค์จะโยนพวกคนชั่วลง
    ในหลุมแห่งแดนคนตาย
พวกคนกระหายเลือดและหลอกลวง
    จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งของชั่วอายุคน

ส่วนข้าพเจ้าจะวางใจในพระองค์

อิสยาห์ 7

อิสยาห์พบกษัตริย์อาหัส

ในสมัยที่อาหัสบุตรของโยธาม[a]ซึ่งเป็นบุตรของอุสซียาห์เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ เรซีนกษัตริย์แห่งอารัม[b] และเปคาห์บุตรของเรมาลิยาห์กษัตริย์แห่งอิสราเอล ร่วมมือกันขึ้นไปโจมตีเยรูซาเล็ม แต่ไม่สามารถรบชนะได้ เมื่อมีคนมาแจ้งพงศ์พันธุ์ของดาวิดว่า “อารัมร่วมเป็นพันธมิตรกับเอฟราอิม” อาหัสและประชาชนต่างก็หวั่นไหวดั่งหมู่ไม้ในป่าที่ไหวลู่ไปกับลม

และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอิสยาห์ดังนี้ “เจ้าจงออกไป ให้เชอาร์ยาชูบ[c]บุตรชายของเจ้าไปด้วย จงไปพบกับอาหัสที่ถนนหลวงข้างร่องน้ำที่สระบน ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งซักผ้า และเตือนเขาให้ระวังตัว ใจเย็นไว้ อย่ากลัว และอย่าใจเสียเพียงเพราะไม้ 2 ตอที่คุอยู่ เพราะเรซีน อารัม และบุตรของเรมาลิยาห์กำลังโกรธมาก เพราะอารัมกับเอฟราอิมและบุตรของเรมาลิยาห์ได้วางแผนร้ายต่อเจ้า พวกเขาพูดว่า ‘พวกเราขึ้นไปโจมตียูดาห์กันเถิด ทำให้พวกเขาตกใจ และตีให้พังพินาศเพื่อพวกเราเอง แล้วแต่งตั้งบุตรของทาเบเอลให้เป็นกษัตริย์ที่นั่น’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้

“มันจะไม่เป็นเช่นนั้น
    และมันจะไม่เกิดขึ้น
เพราะดามัสกัสเป็นเมืองสำคัญของอารัม
    และเรซีนเป็นผู้นำของดามัสกัส
และภายใน 65 ปี
    เอฟราอิมจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนไม่อาจเป็นชนชาติได้อีก
สะมาเรียเป็นเมืองสำคัญของเอฟราอิม
    และบุตรของเรมาลิยาห์เป็นผู้นำของสะมาเรีย
ถ้าเจ้าไม่ยืนหยัดในความเชื่อ
    เจ้าก็จะไม่มั่นคงเลย”

สัญลักษณ์ของอิมมานูเอล

10 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอาหัสอีกว่า 11 “จงขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า เพื่อบ่งบอกเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เจ้าเห็น ไม่ว่าจะเป็นจากที่ลึกถึงแดนคนตาย หรือสูงถึงฟ้าสวรรค์” 12 แต่อาหัสตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ถาม และข้าพเจ้าจะไม่ทดสอบพระผู้เป็นเจ้า 13 และอิสยาห์พูดว่า “โอ พงศ์พันธุ์ของดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด พวกท่านทำให้คนรำคาญใจไม่พอหรือ จึงกระทำให้พระเจ้าของข้าพเจ้ารำคาญใจไปด้วย 14 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้บ่งบอกเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ท่านเห็น ดูเถิด พรหมจาริณีผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายผู้หนึ่ง และจะตั้งชื่อบุตรว่า อิมมานูเอล[d] 15 ท่านจะรับประทานโยเกิร์ตและน้ำผึ้งในเวลาที่ท่านรู้จักปฏิเสธความชั่ว และเลือกความดี 16 เพราะก่อนที่เด็กน้อยจะรู้จักปฏิเสธความชั่ว และเลือกความดี แผ่นดินของกษัตริย์ทั้งสองที่ท่านหวั่นกลัวจะกลายเป็นที่รกร้าง 17 พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกท่าน ชนชาติของท่าน และตระกูลของท่านประสบกับเวลาที่จะเผชิญกับกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย เลวร้ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่วันที่เอฟราอิมแยกไปจากยูดาห์”[e]

18 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะส่งเสียงผิวปากเรียกฝูงเหลือบที่อยู่ปลายสุดธารของอียิปต์ และเรียกฝูงผึ้งที่อยู่ในแผ่นดินของอัสซีเรีย 19 พวกมันทั้งหมดจะมาทำรังอาศัยอยู่ที่หน้าผาชัน ที่ซอกหิน ที่พันธุ์ไม้มีหนาม และตามทุ่งหญ้า

20 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะใช้กษัตริย์แห่งอัสซีเรียเหมือนใช้มีดโกนที่ถูกว่าจ้างบนฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส ให้โกนศีรษะและขา และแม้แต่หนวดเคราก็จะถูกโกนจนเกลี้ยง

21 ในวันนั้น แต่ละคนจะสามารถเก็บได้เพียงแม่โคสาว 1 ตัว และแกะ 2 ตัว 22 และเป็นเพราะสัตว์เหล่านี้ให้นมได้มากมาย เขาจะรับประทานโยเกิร์ต ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในแผ่นดินจะรับประทานโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง

23 ในวันนั้น ทุกแห่งที่เคยมีเถาองุ่น 1,000 เถา มีค่าเป็นเงิน 1,000 เชเขล[f] ก็จะกลายเป็นพุ่มไม้หนามและต้นหนาม 24 จะมีคนมาล่าสัตว์ด้วยคันธนูและลูกธนูที่นั่น เพราะทั่วทั้งแผ่นดินจะมีพุ่มไม้หนามและต้นหนาม 25 ส่วนเนินเขาที่เคยเป็นที่พรวนดิน ท่านก็จะไม่ไปที่นั่นเพราะกลัวพุ่มไม้หนามและหนาม แต่มันจะกลายเป็นที่สำหรับฝูงโค และเป็นที่ให้ฝูงแกะเหยียบย่ำ

ยากอบ 1

การทักทายของยากอบ

ข้าพเจ้ายากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้า และของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า

ขอส่งความคิดถึงมายัง 12 เผ่าที่กระจัดกระจายไปในต่างแดน

ทดสอบความเชื่อ

พี่น้องเอ๋ย เมื่อท่านประสบกับความลำบากต่างๆ ก็จงนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เพราะท่านทราบว่า การทดสอบความเชื่อของท่านทำให้เกิดความบากบั่น ให้ความบากบั่นเป็นที่ปรากฏอย่างสม่ำเสมอ เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีเพียบพร้อมทุกประการ และมีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเลย

ถ้าคนใดในพวกท่านขาดปัญญา ก็ให้เขาขอจากพระเจ้า แล้วเขาก็จะได้รับ เพราะพระองค์มอบให้แก่ทุกคนด้วยความเอื้อเฟื้อและด้วยความยินดี แต่เวลาเขาขอจากพระองค์ เขาต้องมีใจเชื่อโดยไม่สงสัย เพราะคนที่สงสัยเป็นเสมือนคลื่นในทะเลที่ถูกกระแสลมพัดให้ซัดม้วนไปมา คนนั้นไม่ควรคิดว่า เขาจะได้รับสิ่งใดจากพระผู้เป็นเจ้าเลย เขาเป็นคนสองจิตสองใจ ไม่มั่นคงในสิ่งใดๆ ที่ตนกระทำ

ให้พี่น้องผู้ต่ำต้อยยินดีเมื่อได้รับการยกย่อง 10 และคนมั่งมีถ่อมตัวเมื่อตกต่ำลง เพราะเขาจะล่วงลับไปเหมือนดอกหญ้า 11 เพราะดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับความร้อนที่แผดเผา และทำให้พืชเหี่ยวเฉา ดอกร่วงโรยและความงามก็หมดสิ้นไป ในทำนองเดียวกันคือ คนมั่งมีจะล่วงลับไป แม้จะเป็นเวลาที่เขาทำหน้าที่การงานอยู่

12 คนที่บากบั่นฟันฝ่าความยากลำบากก็เป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดสอบแล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตที่พระเจ้าได้สัญญาไว้กับบรรดาผู้ที่รักพระองค์ 13 เวลาผู้ใดถูกยั่วยุก็อย่าพูดว่า “พระเจ้ากำลังยั่วยุข้าพเจ้า” เพราะความชั่วจะยั่วยุพระเจ้าไม่ได้ และพระเจ้าไม่ยั่วยุผู้ใดเช่นกัน 14 ทว่า แต่ละคนถูกยั่วยุได้ ในเวลาที่เขาติดกับดักแรงกิเลสของตัวเอง 15 เมื่อกิเลสเกิดขึ้นแล้ว บาปก็เกิดตามไปด้วย เมื่อบาปเติบใหญ่เต็มที่แล้ว ก็นำไปสู่ความตาย

ปฏิบัติตามคำกล่าว

16 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านเลย 17 สิ่งดีและเพียบพร้อมทุกประการมาจากเบื้องบน ลงมาจากพระบิดาผู้สร้างความสว่างทั้งหลายในท้องฟ้า พระองค์ไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงาที่เคลื่อนไปได้ 18 พระองค์มีความประสงค์ จึงได้ให้เราบังเกิดโดยคำกล่าวที่เป็นความจริง เพื่อว่าเราจะได้เป็นเสมือนผลแรก[a]ของสิ่งทั้งปวงที่พระองค์สร้างขึ้น

19 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย จงทราบข้อนี้ว่า ทุกคนควรว่องไวในการฟัง ไม่ต้องรีบพูดหรือรีบโกรธ 20 ด้วยว่า ความโกรธของมนุษย์ไม่ช่วยให้เขามีชีวิตที่ชอบธรรมตามที่พระเจ้าประสงค์ 21 ดังนั้นจงกำจัดความโสมมทั้งปวงและความชั่วที่มีอยู่มากมาย และจงถ่อมตัวรับคำกล่าวที่ปลูกฝังอยู่ในตัวท่าน ซึ่งสามารถช่วยให้ท่านรอดพ้นได้

22 อย่าเป็นเพียงผู้ฟังคำกล่าวเท่านั้น เพราะเป็นการหลอกลวงตนเอง แต่จงทำตามคำที่กล่าวไว้ 23 ใครก็ตามที่เพียงแต่ได้ยินคำกล่าวแล้วไม่ทำตาม ก็เป็นเสมือนคนที่มองหน้าตนเองในกระจกเงา 24 และหลังจากมองดูตนเองแล้วก็เดินจากไป และลืมในทันทีว่าตัวเองเป็นอย่างไร 25 แต่คนที่พิจารณาดูกฎบัญญัติอันเพียบพร้อมทุกประการซึ่งนำไปสู่อิสรภาพ และบากบั่นต่อไป เขาไม่เป็นคนที่ฟังแล้วหลงลืม แต่เป็นผู้ปฏิบัติตาม แล้วเขาก็จะได้รับพระพรในสิ่งที่เขากระทำ

26 ถ้าผู้ใดคิดว่าตนเคร่งในศาสนา แต่ควบคุมลิ้นไว้ไม่ได้ ก็นับว่าหลอกตนเอง ศาสนาของเขาก็ไร้ค่า 27 ศาสนาที่พระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรานับว่าบริสุทธิ์และปราศจากมลทิน คือการดูแลพวกเด็กกำพร้าและหญิงม่ายซึ่งตกทุกข์ และการรักษาตัวเองให้พ้นจากราคีของโลก

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation