Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กันดารวิถี 21

ชาวคานาอันพ่ายแพ้

21 เมื่อกษัตริย์ชาวคานาอันแห่งอาราดผู้อาศัยอยู่ในเนเกบทราบว่าอิสราเอลกำลังออกเดินทางมาทางอาธาริม จึงเข้าต่อสู้กับชาวอิสราเอลและจับบางคนไว้เป็นเชลย ครั้นแล้วอิสราเอลก็สาบานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า “ถ้าพระองค์มอบชนชาตินี้ไว้ในมือข้าพเจ้าจริงๆ ข้าพเจ้าจะทำลายบ้านเมืองของพวกเขาจนราบคาบ” พระผู้เป็นเจ้าฟังคำขอของอิสราเอลและมอบชาวคานาอันให้ อิสราเอลจึงทำลายประชาชนและบ้านเมืองจนราบคาบ และเรียกชื่อสถานที่นั้นว่า โฮร์มาห์[a]

งูทองสัมฤทธิ์

เขาทั้งหลายย้ายจากภูเขาโฮร์ไปทางทะเลแดง เพื่ออ้อมดินแดนเอโดม แต่ในระหว่างทางประชาชนสิ้นความอดทน พวกเขาจึงต่อว่าพระเจ้าและโมเสสว่า “ทำไมท่านจึงพาพวกเราออกจากอียิปต์เพื่อมาตายในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีทั้งอาหารและน้ำ และเราก็เกลียดอาหารที่ไร้ค่านี้” พระผู้เป็นเจ้าจึงส่งงูพิษมาในหมู่ประชาชนและกัดพวกเขา ชาวอิสราเอลหลายคนถูกงูกัดตาย ประชาชนมาพูดกับโมเสสว่า “พวกเราได้กระทำบาปเพราะเราต่อว่าพระผู้เป็นเจ้าและท่าน ขอท่านอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าให้เอางูไปจากพวกเราเถิด” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานให้ประชาชน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงหล่องูพิษตัวหนึ่งและติดไว้บนเสา เมื่อผู้ใดถูกงูกัด และมองดูงูที่อยู่บนเสา เขาก็จะมีชีวิตอยู่” และโมเสสหล่องูทองสัมฤทธิ์ขึ้นมาตัวหนึ่งและติดไว้ที่เสา เมื่อผู้ใดถูกงูกัด เขาก็จะมองดูงูสัมฤทธิ์ตัวนั้น และจะไม่ตาย[b]

การเดินทางไปโมอับ

10 ชาวอิสราเอลออกเดินทางและไปตั้งค่ายอยู่ที่โอโบท 11 จากโอโบทพวกเขาออกเดินทางไป และไปตั้งค่ายอยู่ที่อิเยอาบาริมในถิ่นทุรกันดารที่อยู่ตรงข้ามโมอับทางทิศตะวันออก 12 ต่อจากนั้นพวกเขาออกเดินทางไป และไปตั้งค่ายอยู่ที่ลุ่มน้ำเศเรด 13 จากนั้นพวกเขาได้ออกเดินทางต่อไป และไปตั้งค่ายอยู่ที่อีกฟากของอาร์โนนซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดารที่ยื่นออกมาจากชายแดนของชาวอาโมร์ เพราะอาร์โนนเป็นชายแดนโมอับที่อยู่ระหว่างโมอับกับชาวอาโมร์ 14 ดังนั้นจึงปรากฏข้อความในหนังสือสงครามของพระผู้เป็นเจ้าว่า

“วาเฮบในสุฟาห์ ในหุบเขาอาร์โนน
15 และเนินในหุบเขาที่ยื่นล้ำเข้าไปในเมืองอาร์
    และพาดยาวไปจรดชายแดนโมอับ”

16 และจากนั้นพวกเขาก็ไปยังเบเออร์ซึ่งเป็นบ่อน้ำที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงรวบรวมประชาชนให้อยู่รวมกันไว้ แล้วเราจะให้น้ำแก่พวกเขา” 17 แล้วอิสราเอลก็ได้ร้องเพลงนี้

“บ่อน้ำเอ๋ย จงมีน้ำพุขึ้น
    จงร้องเพลงในเรื่องนี้
18 เรื่องบ่อน้ำที่บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ขุดขึ้น
    ที่บรรดาผู้นำของประชาชนเจาะ
    ด้วยคทาและไม้เท้าของพวกเขา”

และพวกเขาออกเดินทางจากถิ่นทุรกันดารไปยังมัทธานาห์ 19 จากมัทธานาห์ไปยังนาหะลีเอล และจากนาหะลีเอลก็ไปสู่บาโมท 20 และจากบาโมทไปยังหุบเขาที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตโมอับที่มียอดเขาปิสกาห์ตั้งตระหง่านอยู่เหนือที่ร้างอันแร้นแค้น

สิโหนและโอกพ่ายแพ้

21 แล้วอิสราเอลได้ให้พวกผู้ส่งข่าวบอกสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์ว่า 22 “ให้เราผ่านเข้าไปในดินแดนของท่านเถิด เราจะไม่เลี้ยวไปทางไร่นาหรือสวนองุ่น เราจะไม่ดื่มน้ำจากบ่อ เราจะมุ่งหน้าไปตามถนนหลวงจนกว่าจะผ่านเข้าไปในพรมแดนของท่าน” 23 แต่สิโหนไม่ยอมให้อิสราเอลผ่านเข้าไปในพรมแดนของท่าน และรวบรวมคนออกไปสู้รบกับอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร เมื่อถึงยาฮาสก็ได้ต่อสู้กับอิสราเอล 24 อิสราเอลใช้ดาบกำจัดพวกเขา และยึดดินแดนจากอาร์โนนจนถึงยับบอก ไกลออกไปจนถึงเขตแดนของชาวอัมโมนเพราะที่ชายแดนมีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง 25 อิสราเอลยึดเมืองเหล่านั้นไว้ได้ อิสราเอลได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ในทุกเมืองที่เป็นของชาวอาโมร์ รวมถึงเมืองเฮชโบนและทุกหมู่บ้านโดยรอบ 26 เฮชโบนเป็นเมืองของสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์ผู้ที่เคยต่อสู้กับกษัตริย์ท่านก่อนแห่งโมอับและได้ยึดดินแดนทั้งหมดไปจนถึงอาร์โนนไปจากท่าน

27 ฉะนั้นบรรดานักขับโคลงกลอนจึงกล่าวไว้ว่า

“มาที่เฮชโบนเถิด มาสร้างเมืองขึ้นใหม่
    ให้เมืองของสิโหนได้รับการฟื้นฟู

28 ด้วยว่า มีไฟลุกจากเฮชโบน
    เปลวไฟจากเมืองของสิโหน
เผาผลาญเมืองอาร์ของโมอับ
    พลเมืองของที่สูงแห่งอาร์โนน
29 วิบัติจงเกิดแก่เจ้า โมอับ
    ประชาชนของเทพเจ้าเคโมชเอ๋ย เจ้าต้องพินาศไป
เทพเจ้าเคโมชได้ทำให้บรรดาบุตรชายของตนเป็นผู้ลี้ภัย
    และบุตรหญิงของตนเป็นนักโทษ
    ของสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์

30 พวกเราได้โค่นพวกเขาเหล่านั้นลงแล้ว
    เฮชโบนพินาศจนถึงดีโบน
เราล้มล้างพวกเขาถึงโนฟาห์
    ซึ่งขยายกว้างไปจนถึงเมเดบา”

31 ฉะนั้น อิสราเอลจึงได้ตั้งรกรากอยู่ในแผ่นดินของชาวอาโมร์ 32 เมื่อโมเสสให้พวกสอดแนมไปยังเมืองยาเซอร์ และชาวอิสราเอลยึดนิคมโดยรอบไว้และขับไล่ชาวอาโมร์ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นออกไป 33 จากนั้นพวกเขาเลี้ยวขึ้นไปตามทางที่จะไปสู่แคว้นบาชาน และโอกกษัตริย์แห่งบาชานและกองทหารของท่านทั้งหมดเข้าปะทะในสงครามกับพวกเขาที่เอเดรอี 34 แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “อย่าไปกลัวเขาเลย เพราะเราได้มอบเขาไว้ในมือของเจ้าแล้ว รวมทั้งผู้คนและดินแดนของเขาด้วย เจ้าจงกระทำต่อเขาเช่นเดียวกับที่เจ้ากระทำต่อสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์ผู้อาศัยอยู่ในเฮชโบน” 35 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงฆ่าโอกและบรรดาบุตรของท่านและประชาชนทั้งปวง ไม่มีใครรอดชีวิตมาได้ แล้วเขาทั้งหลายก็เข้ายึดดินแดนนั้นไว้

สดุดี 60-61

คำอธิษฐานขอให้รอดพ้น

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนอง “พลับพลึงแห่งพันธสัญญา” มิคทามของดาวิด สำหรับการสั่งสอนในครั้งที่ท่านต่อสู้กับอารัมนาหะราอิมและอารัมโซบาห์ และเมื่อโยอาบฆ่าชาวเอโดมจำนวน 12,000 คนระหว่างเดินทางกลับในหุบเขาเกลือ[a]

โอ พระเจ้า พระองค์ทอดทิ้งพวกเราและทำให้เรากระจัดกระจายไป
    พระองค์โกรธ โปรดกลับมาช่วยพวกเราเถิด
พระองค์ทำให้แผ่นดินสั่นไหวและแยกออก
    โปรดประสานรอยแตกเพราะมันกำลังจะพังทลาย
พระองค์ทำให้ผู้คนของพระองค์ทนทุกข์ทรมานต่อความยากลำบาก
    พระองค์ได้ให้เราดื่มเหล้าองุ่น ทำให้เราเดินตุปัดตุเป๋
พระองค์ตั้งธงชัยไว้สำหรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์
    เพื่อให้หนีไปให้พ้นจากความวอดวาย เซล่าห์

โปรดให้เราได้ชัยชนะด้วยมือขวาของพระองค์ และตอบคำอธิษฐานของพวกเรา
    เพื่อว่าบรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์จะได้รับความรอดพ้น
พระเจ้าได้กล่าวในสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์ว่า
    “ด้วยชัยชนะเราจะแบ่งเมืองเชเคม
    และแบ่งหุบเขาสุคคท
กิเลอาดเป็นของเรา และมนัสเสห์เป็นของเรา
    เอฟราอิมเป็นหมวกเหล็กของเรา
    ยูดาห์เป็นคทาของเรา
โมอับเป็นอ่างชำระล้างของเรา
    และเราจะเหวี่ยงรองเท้าของเราลงบนเอโดม
    เรากู่ร้องด้วยความมีชัยต่อฟีลิสเตีย”

ใครจะพาข้าพเจ้าไปยังเมืองที่แข็งแกร่ง
    ใครจะนำข้าพเจ้าไปยังเอโดม
10 โอ พระเจ้า ไม่ใช่พระองค์หรอกหรือที่ไม่ยอมรับพวกเรา
    และไม่ออกไปกับกองทัพของพวกเราอีกแล้ว
11 โปรดช่วยพวกเราต่อต้านข้าศึก
    เพราะความช่วยเหลือจากพวกมนุษย์นั้นไร้ประโยชน์
12 พวกเรามีพระเจ้าอยู่ด้วย เราจะมีชัยชนะ
    พระองค์จะทำให้พวกศัตรูทลายราบเป็นหน้ากลอง

คำอธิษฐานขอความคุ้มครอง

ถึงหัวหน้าวงดนตรีด้วยเครื่องสาย ของดาวิด

โอ พระเจ้า โปรดฟังเสียงร้องของข้าพเจ้า
    ฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์จากสุดมุมโลก
    ในขณะที่ใจของข้าพเจ้าอ่อนล้า
    โปรดนำข้าพเจ้าไปยังศิลาซึ่งอยู่สูงกว่าข้าพเจ้า
ด้วยว่า พระองค์เป็นที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
    เป็นหอคอยแข็งแกร่งเพื่อต่อต้านข้าศึก

โปรดให้ข้าพเจ้าพำนักอยู่ในกระโจมของพระองค์ตลอดกาล
    และให้ปลอดภัยในอ้อมปีกของพระองค์ เซล่าห์
โอ พระเจ้า เพราะพระองค์ได้ยินคำสาบานของข้าพเจ้า
    พระองค์จึงมอบมรดกของผู้ที่ยำเกรงพระนามของพระองค์แก่ข้าพเจ้า

โปรดให้ชีวิตของกษัตริย์ยืนยาวต่อไป
    ขอให้ชีวิตท่านยั่งยืนหลายปีหลายชั่วอายุคน
ขอให้ท่านครองบัลลังก์ ณ เบื้องหน้าพระเจ้าตลอดกาล
    โปรดให้ความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์คุ้มครองท่านเถิด

แล้วข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์เสมอไป
    ขณะที่ข้าพเจ้าทำตามคำสัญญาอยู่ทุกวัน

อิสยาห์ 10:5-34

การลงโทษความยโสของอัสซีเรีย

“วิบัติแก่อัสซีเรีย ผู้เป็นไม้ตะบองแห่งความกริ้วของเรา
    ไม้เรียวในมือของพวกเขาเป็นความฉุนเฉียวของเราเอง
เราส่งอัสซีเรียไปต่อสู้ประชาชาติที่ไร้พระเจ้า
    และเราบัญชาเขาให้ไปต่อสู้ชนชาติที่เรากริ้ว
เพื่อริบและยึดของที่ปล้นมา
    และเหยียบย่ำพวกเขาอย่างย่ำเลนตมบนถนน
แต่อัสซีเรียไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น
    ใจของเขาไม่คิดเช่นนั้น
แต่ใจของเขาต้องการทำลาย
    และห้ำหั่นประชาชาติจำนวนมาก
เพราะเขาพูดว่า ‘บรรดาผู้นำของเราทั้งหมดเป็นกษัตริย์มิใช่หรือ
เมืองคาลโนเหมือนเมืองคาร์เคมิชมิใช่หรือ
    เมืองฮามัทเหมือนเมืองอาร์ปัดมิใช่หรือ
    เมืองสะมาเรียเหมือนเมืองดามัสกัสมิใช่หรือ
10 ตามที่มือของเราได้เอื้อมถึงบรรดาอาณาจักรของรูปเคารพทั้งปวง
    ซึ่งเป็นรูปสลักที่เชื่อกันว่ายิ่งใหญ่กว่ารูปเคารพของเยรูซาเล็มและสะมาเรีย
11 แล้วเราจะไม่กระทำต่อเยรูซาเล็มและรูปเคารพในเมือง
    อย่างที่เราได้กระทำต่อสะมาเรียและรูปเคารพของเมืองนั้นหรือ’”

12 เมื่อพระผู้เป็นเจ้ากระทำทุกสิ่งต่อภูเขาศิโยนและเยรูซาเล็มเสร็จสิ้นแล้ว พระองค์จะลงโทษคำพูดที่ออกจากใจอันยโสของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย และสายตาที่โอ้อวดของเขา 13 เพราะเขาพูดว่า

“เรากระทำด้วยพลังจากมือของเราเอง
    และด้วยสติปัญญาของเรา เพราะเรามีความเข้าใจ
เราลบเขตแดนของบรรดาชนชาติ
    และปล้นสมบัติของพวกเขา
    เราล่มบรรดาผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ลงได้อย่างล้มกระทิง
14 มือของเราเอื้อมถึงความมั่งมีของบรรดาชนชาติ
    ประหนึ่งมือที่เอื้อมถึงรังนก
เรารวบดินแดนทั้งปวงได้
    ประหนึ่งคนที่รวบเก็บไข่นกที่ถูกทอดทิ้ง
ไม่มีสักตัวที่ขยับปีก
    หรือเปิดปากหรือร้องเจี๊ยบจ๊าบ”

15 ขวานจะยกยอว่าตนเองเหนือกว่าผู้ที่ใช้มันหรือ
    เลื่อยจะยกยอตนเองว่าเลิศกว่าผู้ที่ใช้มันหรือ
อย่างกับว่าไม้ตะบองจะบังคับผู้ที่ถือมัน
    และอย่างกับว่าไม้เท้าจะยกผู้ที่ไม่ได้เป็นไม้
16 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
    จะให้บรรดานักรบฉกรรจ์เกิดโรคที่รักษาไม่หาย
และจะจุดไต้ที่ใต้บารมีของเขา
    จนไฟลุกโพลง
17 แสงสว่างของอิสราเอลจะเป็นดั่งไฟ
    และองค์ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เป็นดั่งเปลวไฟ
ที่จะไหม้และเผาผลาญ
    ต้นหนามกับพุ่มไม้หนามในวันเดียว
18 ความรุ่งโรจน์ที่เป็นของเขาในป่าไม้และแผ่นดินอันอุดมนั้น
    พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้จิตใจและร่างกายพินาศ
    จนอัสซีเรียจะเป็นเหมือนคนป่วยที่ซูบตายไป
19 ต้นไม้ในป่าไม้ของเขาก็จะเหลือเพียงไม่กี่ต้น
    ซึ่งแม้แต่เด็กก็จะนับจำนวนต้นไม้ที่เหลือได้

คนอิสราเอลที่เหลืออยู่จะกลับมา

20 ในวันนั้น คนอิสราเอลที่มีชีวิตเหลืออยู่และพงศ์พันธุ์ยาโคบที่มีชีวิตรอด จะไม่พึ่งพิงคนที่ฆ่าพวกเขาอีกต่อไป แต่จะพึ่งพิงพระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลด้วยใจจริง 21 คนที่มีชีวิตเหลืออยู่จะกลับมา คือคนของยาโคบที่มีชีวิตเหลืออยู่จะมายังพระเจ้าผู้มีอานุภาพ 22 โอ อิสราเอลเอ๋ย ถึงแม้ว่าชนชาติของท่านมากมายราวกับเม็ดทรายในทะเล แต่จะมีผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่จะกลับมา และความพินาศก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ซึ่งเป็นไปด้วยความชอบธรรม 23 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่จะดำเนินการอย่างบริบูรณ์ตามที่กำหนดไว้ ในท่ามกลางแผ่นดินโลก[a]

24 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ “โอ ชนชาติของเราที่อาศัยอยู่ในศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวพวกอัสซีเรียเลย เมื่อพวกเขาห้ำหั่นด้วยไม้ตะบองและหยิบยกไม้เท้าคัดค้านเจ้า อย่างที่พวกอียิปต์กระทำ 25 แต่อีกไม่นาน ความขัดเคืองของเราที่มีต่อเจ้าจะยุติลง และความกริ้วของเราจะกลับไปทำให้พวกเขาพินาศย่อยยับ 26 และพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาจะบังคับพวกเขาด้วยแส้ เหมือนกับเวลาที่พระองค์ตีพวกมีเดียนให้พ่ายไปที่หินโอเรบ[b] และไม้เท้าของพระองค์จะเหยียดออกไปเหนือทะเล และพระองค์จะยกมันขึ้นอย่างที่ได้กระทำต่ออียิปต์[c] 27 และในวันนั้น ภาระของพวกเขาจะหลุดไปจากบ่าของเจ้า และแอกจะหลุดจากคอของเจ้า และแอกนั้นจะหักก็เพราะความอ้วน”

28 เขามาถึงอัยยาทแล้ว
    และได้ผ่านเข้าไปในมิโกรน
    เก็บสัมภาระไว้ที่มิคมาช
29 พวกเขาได้ข้ามทางที่เนินเขา
    และพักแรมที่เก-บา
รามาห์สั่นสะท้าน
    กิเบอาห์ของซาอูลหนีไปแล้ว
30 โอ ธิดาแห่งกัลลิมเอ๋ย[d] ส่งเสียงร้องให้ดังเถิด
    โอ ไลชาห์เอ๋ย จงฟังให้ดีเถิด
    โอ อานาโธทที่น่าสังเวช
31 มัดเมนาห์เตลิดหนีไป
    บรรดาผู้อยู่อาศัยของเกบิมหาที่หลบภัย
32 ในวันนั้นเอง พวกเขาจะหยุดอยู่ที่เมืองโนบ
    เขาจะยกกำปั้นใส่ภูเขาของธิดาแห่งศิโยน
    เนินเขาแห่งเยรูซาเล็ม

33 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
    จะโค่นกิ่งด้วยอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัว
ต้นที่สูงมากจะถูกตัดลง
    และต้นที่สูงตระหง่านจะถูกทำให้เตี้ยลง
34 พระองค์จะใช้ขวานจามพุ่มไม้ทึบในป่า
    และเลบานอนจะล้มลงต่อหน้าองค์ผู้มีอานุภาพ

ยากอบ 4

เชื่อฟังพระเจ้า

อะไรเป็นเหตุให้พวกท่านสู้รบและทะเลาะวิวาทกัน เหตุนั้นไม่ได้มาจากความต้องการอันเร่าร้อนในตัวท่านหรือ ท่านอยากได้เหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้ ท่านจึงฆ่า ท่านโลภอยากได้ แต่ก็ไม่ได้มาเป็นของตน ท่านจึงทะเลาะวิวาทและสู้รบกัน ท่านไม่มี เพราะท่านไม่ได้อธิษฐานขอ ท่านขอ และไม่ได้รับ เพราะท่านขอด้วยแรงจูงใจที่ผิด ท่านหวังจะได้ใช้เพื่อความสำราญของตน พวกท่านที่ไม่ภักดี ท่านไม่รู้หรือว่าการเป็นมิตรกับโลกเป็นศัตรูกับพระเจ้า ฉะนั้นผู้ใดก็ตามที่ปรารถนาจะเป็นเพื่อนกับโลก ก็ทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า ท่านคิดว่าพระคัมภีร์ระบุอย่างไม่มีเหตุผลหรือ ที่ว่า “พระเจ้าหวงแหนวิญญาณที่พระองค์มอบให้อยู่ในตัวเรามาก” แต่พระองค์มอบพระคุณให้เรามากยิ่งขึ้น พระคัมภีร์จึงระบุว่า “พระเจ้าต่อต้านผู้หยิ่งยโส แต่แสดงพระคุณแก่คนที่ถ่อมตน”[a] ฉะนั้นจงเชื่อฟังพระเจ้า และต่อต้านพญามาร แล้วมันจะหนีจากท่านไป จงโน้มใจเข้าหาพระเจ้า และพระองค์ก็จะโน้มใจเข้าหาท่าน ท่านที่เป็นคนบาป จงชำระมือของท่านเถิด และท่านที่เป็นคนสองใจก็จงทำใจให้บริสุทธิ์เถิด จงเป็นทุกข์ คร่ำครวญ และร้องไห้ ให้การหัวเราะกลับกลายเป็นการร้องคร่ำครวญ และความยินดีของท่านกลายเป็นความโศกสลด 10 จงถ่อมตัว ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะยกย่องท่าน

11 พี่น้องเอ๋ย อย่าพูดว่าร้ายต่อกันเลย คนที่พูดว่าร้ายหรือตำหนิพี่น้องของตน ผู้นั้นก็คัดค้านกฎบัญญัติและตำหนิกฎบัญญัติ แต่ถ้าท่านกล่าวโทษกฎบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติตามกฎบัญญัติ แต่กลับเป็นผู้กล่าวโทษ 12 มีผู้ตั้งกฎและผู้กล่าวโทษอยู่เพียงผู้เดียว คือผู้ที่สามารถช่วยให้รอดพ้นและทำลายได้ แต่ท่านเป็นใครที่กล่าวโทษเพื่อนบ้านของท่าน

โอ้อวดถึงอนาคต

13 จงฟังให้ดี ท่านที่พูดว่า “วันนี้ หรือพรุ่งนี้ เราจะไปยังเมืองนั้นเมืองนี้ เพื่อจะไปอยู่ที่นั่น 1 ปีทำธุรกิจและหากำไร” 14 แต่ท่านยังไม่ทราบว่าชีวิตของท่านจะเป็นอย่างไรในวันพรุ่งนี้ ท่านเป็นเหมือนไอน้ำที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งแล้วจางหายไป 15 ท่านควรจะพูดเช่นนี้ต่างหาก “ถ้าเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เราจะมีชีวิตอยู่อีกเพื่อทำสิ่งนี้สิ่งนั้น” 16 แต่เท่าที่เป็นอยู่ ท่านโอ้อวดตามความยโส การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นสิ่งชั่วร้าย 17 ฉะนั้นผู้ที่ทราบว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรกระทำแต่ไม่กระทำ ก็นับว่าเป็นผู้ทำบาป

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation