M’Cheyne Bible Reading Plan
คำพยากรณ์แรกของบาลาอัม
23 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “โปรดสร้างแท่นบูชาให้แก่ข้าพเจ้า 7 แท่นที่นี่ และเตรียมโคตัวผู้ 7 ตัวกับแกะตัวผู้ 7 ตัวให้ข้าพเจ้าที่นี่” 2 บาลาคก็กระทำตามที่บาลาอัมพูด และท่านทั้งสองถวายโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 1 ตัวที่แท่นบูชาแต่ละแท่น 3 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “จงยืนที่ข้างสัตว์ที่เผาเป็นของถวายของท่าน แล้วข้าพเจ้าก็จะไป พระผู้เป็นเจ้าอาจจะมาพบกับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะบอกท่านว่าพระองค์แจ้งอะไรแก่ข้าพเจ้าบ้าง” และเขาก็ไปยังบริเวณที่สูงอันแห้งแล้ง 4 พระเจ้าพบกับบาลาอัม บาลาอัมพูดกับพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าได้เตรียมแท่นบูชา 7 แท่น และได้ถวายโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 1 ตัวที่แท่นบูชาแต่ละแท่น” 5 และพระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้บาลาอัมพร้อมที่จะพูด และกล่าวว่า “จงกลับไปหาบาลาค แล้วเจ้าจงพูดไปตามสิ่งที่เราบอก” 6 เขากลับไปหาบาลาค และพบว่าบาลาคและบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของชาวโมอับยังยืนอยู่ที่ข้างสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย
7 แล้วบาลาอัมก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า
“บาลาคได้เรียกข้าพเจ้าให้มาจากอารัม[a]
กษัตริย์แห่งโมอับนำข้าพเจ้ามาจากเทือกเขาทางตะวันออก
ท่านกล่าวว่า ‘มาเถิด มาสาปแช่งยาโคบให้เรา
และมาเถิด มาประณามอิสราเอล’
8 ข้าพเจ้าจะสาปแช่งผู้ที่
พระเจ้าไม่ได้สาปแช่งได้อย่างไร
ข้าพเจ้าจะประณามผู้ที่
พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ประณามได้อย่างไร
9 ข้าพเจ้าเห็นพวกเขาจากยอดเขา
และข้าพเจ้ามองดูพวกเขาจากเนินเขา
ดูเถิด ชนชาติซึ่งอาศัยอยู่ตามลำพัง
และไม่ได้นับตนเองเข้าในบรรดาประชาชาติ
10 ใครจะนับผงธุลีของยาโคบได้
หรือนับหนึ่งในสี่ของอิสราเอลได้
ให้ข้าพเจ้าตายอย่างบรรดาผู้มีความชอบธรรมตายเถิด
และให้จุดจบของข้าพเจ้าเป็นเช่นเดียวกับของพวกเขา”
11 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “ท่านทำความเสียหายให้กับเรา เราส่งคนไปตามตัวท่านมาเพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา ดูเถิด ท่านไม่ได้ทำอะไรให้เราเลย แต่กลับอวยพรพวกเขา” 12 เขาตอบว่า “จะไม่ให้ข้าพเจ้าพูดไปตามคำที่พระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้ข้าพเจ้าพูดหรือ”
คำพยากรณ์ครั้งที่สองของบาลาอัม
13 บาลาคพูดกับเขาว่า “ไปกับเรา ไปอีกที่แห่งหนึ่งที่ท่านสามารถมองเห็นพวกเขา ท่านจะไม่เห็นทุกคน แต่จะเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น และจากที่นั่นท่านจงสาปแช่งพวกเขาให้เราด้วย” 14 ดังนั้นบาลาคจึงพาบาลาอัมไปยังทุ่งของโศฟิมที่ยอดภูเขาปิสกาห์ และสร้างแท่นบูชา 7 แท่น ถวายโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 1 ตัวที่แท่นบูชาแต่ละแท่น 15 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “จงยืนที่ข้างสัตว์ที่เผาเป็นของถวายของท่าน ขณะที่ข้าพเจ้าไปพบพระองค์ที่โน่น” 16 พระผู้เป็นเจ้าพบกับบาลาอัม พระองค์บันดาลให้บาลาอัมพร้อมที่จะพูด และกล่าวว่า “จงกลับไปหาบาลาค แล้วเจ้าจงพูดไปตามคำที่เราบอก” 17 เขากลับไปหาบาลาคและพบว่า บาลาคและบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของโมอับยังยืนอยู่ที่ข้างสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย บาลาคถามเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่าอย่างไร”
18 แล้วเขาก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า
“บาลาค จงลุกขึ้นและฟังเถิด
บุตรของศิปโปร์ จงฟังข้าพเจ้าเถิด
19 พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์ พระองค์ไม่กล่าวเท็จ
และไม่ใช่บุตรของมนุษย์ พระองค์ไม่เปลี่ยนใจ
เมื่อพระองค์กล่าว แล้วจะไม่กระทำหรือ
เมื่อพระองค์สัญญา แล้วจะไม่ลุล่วงหรือ
20 ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้อวยพร
พระองค์อวยพรให้แล้ว ข้าพเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
21 จะไม่มีเรื่องราวร้ายๆ เกิดขึ้นกับยาโคบ
ไม่มีความทุกข์ปรากฏในอิสราเอล
พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขาสถิตกับเขา
ความปิติยินดีของกษัตริย์อยู่ท่ามกลางพวกเขา
22 พระเจ้าพาพวกเขาออกมาจากอียิปต์
พวกเขามีกำลังดั่งกระทิง
23 ไม่มีเวทมนตร์คาถาสาปแช่งยาโคบ
ไม่มีการทำนายคัดค้านอิสราเอล
บัดนี้ไป จะมีการกล่าวถึงยาโคบ
และอิสราเอลว่า ‘ดูเถิดว่า พระเจ้าได้กระทำอะไรบ้าง’
24 ชนชาตินั้นผุดลุกเยี่ยงสิงโตตัวเมีย
และผงาดขึ้นเยี่ยงสิงโต
ซึ่งจะไม่มีวันหมอบลงพักจนกว่าจะได้ขม้ำเหยื่อ
และดื่มเลือดของเหยื่อที่ล่าได้เสียก่อน”
25 ครั้นแล้วบาลาคก็ได้พูดกับบาลาอัมว่า “ท่านไม่ต้องสาปแช่งและไม่ต้องอวยพรพวกเขาเลย” 26 บาลาอัมตอบว่า “ข้าพเจ้าได้บอกท่านแล้วมิใช่หรือว่า ข้าพเจ้าต้องกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าว” 27 แล้วบาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “มาเถิด ให้เราพาท่านไปอีกที่แห่งหนึ่ง เผื่อว่าพระเจ้าจะโปรดปรานก็ได้ หากว่าท่านสาปแช่งพวกเขาให้เราจากที่นั่น” 28 บาลาคจึงพาบาลาอัมขึ้นไปยังยอดเขาเปโอร์ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เหนือที่ร้างอันแร้นแค้น 29 บาลาอัมพูดว่า “จงสร้างแท่นบูชา 7 แท่นให้ข้าพเจ้าที่นี่ เตรียมโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 7 ตัวให้เรา” 30 บาลาคกระทำตามที่บาลาอัมบอก และถวายโคตัวผู้และแกะตัวผู้อย่างละ 1 ตัวที่แท่นบูชาแต่ละแท่น
คำอธิษฐานขอความคุ้มครอง
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด
1 โอ พระเจ้า โปรดฟังคำรำพันของข้าพเจ้า
โปรดไว้ชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากลัวพวกศัตรู
2 โปรดปกป้องข้าพเจ้าให้พ้นจากแผนการร้ายของคนชั่ว
จากกลอุบายของคนที่ทำสิ่งเลวร้าย
3 พวกเขาลับลิ้นตนเองราวกับลับดาบ
และเล็งคำโหดร้ายราวกับเล็งลูกธนู
4 ซุ่มยิงคนไร้ความผิด
เขายิงอย่างทันควันโดยไม่กลัวเกรง
5 ทั้งยังสนับสนุนแผนการร้ายให้กันและกัน
พวกเขาพูดถึงการแอบวางกับดักโดยคิดว่า
“ใครจะมองเห็นได้
6 ใครจะสืบสวนหาความผิดของเราได้
ในเมื่อพวกเราคิดแผนลวงอย่างรอบคอบแล้ว”
ด้วยว่า ความคิดและจิตใจของมนุษย์ช่างลึกล้ำ
7 แต่พระเจ้าจะยิงลูกธนูของพระองค์ไปยังพวกเขา
และทำให้เขาบาดเจ็บทันที
8 พวกเขาจะวอดวายไป
ก็เพราะลิ้นของตัวเอง
ทุกคนที่เห็นเขาก็จะพากันส่ายหัว
9 แล้วคนทั้งปวงจะเกิดความกลัว
พวกเขาจะป่าวประกาศว่า พระเจ้าได้สำแดงอะไร
และจะคำนึงถึงสิ่งที่พระองค์กระทำ
10 ให้บรรดาผู้มีความชอบธรรมชื่นชมยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
และพึ่งพิงในพระองค์
ให้คนที่มีความชอบธรรมในจิตใจสรรเสริญพระองค์
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระพร
ถึงหัวหน้าวงดนตรี บทเพลง เพลงสดุดีของดาวิด
1 โอ พระเจ้า คำสรรเสริญเป็นของพระองค์ในศิโยน
และพวกเราจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพระองค์
2 โอ พระองค์ได้ยินคำอธิษฐาน
มนุษย์ทั้งปวงจะหันเข้าหาพระองค์
3 เวลาพวกเรามีบาปจนท่วมท้น
พระองค์ก็ให้อภัยการกระทำที่ขัดขืนต่อพระองค์
4 คนเป็นสุขคือคนที่พระองค์เลือกและให้เข้ามาใกล้ๆ
เพื่ออยู่ในลานพระตำหนักของพระองค์
พวกเราจะอิ่มใจกับสิ่งดีๆ ของพระตำหนัก
และพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
5 พระองค์ตอบพวกเราด้วยการกระทำอันน่าเกรงขามในความชอบธรรม
โอ พระเจ้าแห่งความรอดพ้นของเรา
พระองค์เป็นความหวังของทุกมุมโลก
และของสุดปลายโพ้นทะเลทั้งปวง
6 พระองค์ปั้นเทือกเขาด้วยพลานุภาพของพระองค์
และพระองค์พรั่งพร้อมด้วยอานุภาพ
7 พระองค์ทำให้เสียงทะเล
เสียงคลื่นซัด
และเสียงชุลมุนของบรรดาชนชาติสงบเงียบลง
8 บรรดาผู้อาศัยอยู่ทุกแห่งหนบนโลกเกรงกลัวปรากฏการณ์ต่างๆ ที่พระองค์กระทำ
พระองค์ทำให้ยามรุ่งอรุณและยามสายัณห์
เบิกร้องด้วยความยินดี
9 พระองค์เอาใจใส่พื้นแผ่นดินและรดน้ำให้
พระองค์ทำให้ดินสมบูรณ์
แม่น้ำของพระเจ้าเปี่ยมด้วยน้ำ
พระองค์จัดหาธัญพืชให้
นี่คือการที่พระองค์เตรียมให้ไว้
10 พระองค์รดน้ำในไร่นาซึ่งพรวนและหว่านเมล็ดแล้ว
ให้หน้าดินเรียบ ให้ดินร่วนด้วยฝน
และโปรดให้พรให้พืชเติบโต
11 พระองค์มอบความอุดมสมบูรณ์ในปีอันยอดเยี่ยม
ทิศทางใดที่พระองค์ผ่านไป ที่นั่นก็มีแต่ความเจริญงอกงาม
12 ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มชุ่มชื่นใจ
เนินเขาสุขสำราญใจในความยินดี
13 ที่ราบโล่งเต็มไปด้วยแพะแกะ
หุบเขาประดับด้วยต้นข้าว
ทุกสิ่งโห่ร้องด้วยความยินดี
ตัดสินโทษบาบิโลน
13 คำพยากรณ์เกี่ยวกับบาบิโลน ซึ่งอิสยาห์บุตรอามอสเห็น
2 “จงยกธงชัยขึ้นบนภูเขาที่โล่งเตียน
จงตะโกนร้องเรียกพวกเขา
โบกมือให้พวกเขาเข้าไป
ทางประตูของบรรดาผู้สูงศักดิ์
3 เราคือผู้บัญชาบรรดาผู้ที่ถูกทำให้บริสุทธิ์ทางประตู
และได้เรียกบรรดานักรบของเราให้ปฏิบัติสนองตามความกริ้วของเรา
บรรดาผู้ที่ยินดีในชัยชนะของเรา”
4 มีเสียงชุลมุนอยู่บนเทือกเขา
เหมือนเสียงฝูงชนจำนวนมาก
เสียงลุกฮือของอาณาจักรทั้งหลาย
ของบรรดาประชาชาติที่รวมตัวเข้าด้วยกัน
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากำลังรวบรวมกองทัพ
เพื่อทำสงคราม
5 เขาเหล่านั้นมาจากแดนไกล
จากสุดมุมโลก
พระผู้เป็นเจ้าและเครื่องมือแห่งความกริ้วของพระองค์มา
เพื่อจะทำให้แผ่นดินโลกพินาศสิ้น
6 จงคร่ำครวญเถิด เพราะวันของพระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว
วันนั้นจะมาเหมือนกับความพินาศจากองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
7 ฉะนั้น ทุกๆ มือจะอ่อนเปลี้ย
และใจของทุกคนจะละลายไปเพราะความกลัว
8 พวกเขาจะตกใจ
จะเจ็บปวดและทรมาน
พวกเขาจะเจ็บปวดแสนสาหัสดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
ต่างก็จะมองหน้ากันด้วยความกลัว
ใบหน้าของพวกเขาแดงราวกับไฟที่กำลังลุกอยู่
9 ดูเถิด วันของพระผู้เป็นเจ้าจะมาซึ่งจะเป็นเวลาที่โหดร้าย
มาพร้อมกับการลงโทษและความโกรธกริ้วอย่างร้อนแรง
จะทำให้แผ่นดินเป็นที่ร้าง
และจะทำลายพวกคนบาปให้สูญไปจากแผ่นดิน
10 เพราะบรรดาดวงดาวบนท้องฟ้าและกลุ่มดาวจะไม่ส่องแสง
ขณะดวงอาทิตย์ขึ้นก็จะกลับมืดลง
และดวงจันทร์จะสิ้นความสว่าง
11 “เราจะลงโทษโลกเพราะความชั่วร้าย
และลงโทษคนชั่วเพราะบาปของพวกเขา
เราจะทำให้ความยโสของคนที่เย่อหยิ่งยุติลง และทำให้ความภูมิใจอันสูงส่ง
ของคนโหดร้ายลดลง
12 เราจะทำให้คนที่เหลืออยู่นั้นหาได้น้อยยิ่งกว่าทองนพคุณ
และมนุษย์จะหาได้ยากยิ่งกว่าทองคำของโอฟีร์
13 ฉะนั้น เราจะทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน
และแผ่นดินโลกจะสั่นไหวและเคลื่อนจากที่ของมัน
ในเวลาแห่งการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
ในวันแห่งความโกรธกริ้วอย่างร้อนแรงของพระองค์”
14 และเป็นอย่างละองละมั่งที่ถูกล่า
หรือแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยงดู
แต่ละคนจะกลับไปยังชนชาติของตน
และแต่ละคนจะหนีไปยังแผ่นดินของตน
15 ใครก็ตามที่ถูกพบตัวจะถูกแทงทะลุ
และใครก็ตามที่ถูกจับตัวไปได้จะตายด้วยคมดาบ
16 พวกเด็กทารกของพวกเขาจะถูกทำร้าย
ต่อหน้าอย่างเหี้ยมโหด
บ้านจะถูกปล้น
และภรรยาของพวกเขาก็ถูกข่มขืน
17 “ดูเถิด เรากำลังกระตุ้นชาวมีเดียให้มาโจมตีพวกเขา
แม้พวกเขาจะไม่สนใจเงิน
และไม่อยากได้ทองคำ
18 คันธนูของพวกเขาจะฆ่าบรรดาชายหนุ่ม
พวกเขาจะไม่มีเมตตาต่อทารกในครรภ์
และสายตาของเขาจะไม่ไว้ชีวิตเด็กๆ”
19 บาบิโลนเป็นดั่งอัญมณีของอาณาจักรทั้งหลาย
ความยิ่งใหญ่และความยโสของชาวเคลเดีย
จะถูกพระเจ้าทำให้พินาศดั่งเช่นเมืองโสโดม
และเมืองโกโมราห์
20 จะไม่มีผู้ใดตั้งถิ่นฐาน
หรือไปอาศัยตลอดทุกยุค
ชาวอาหรับจะไม่ตั้งกระโจมที่นั่น
บรรดาคนเลี้ยงดูฝูงแกะจะไม่พาฝูงสัตว์ไปนอนลงที่นั่น
21 แต่สัตว์ในทะเลทรายจะนอนที่นั่น
และบ้านเรือนของพวกเขาจะเต็มไปด้วยหมาใน
พวกนกกระจอกเทศจะอาศัยอยู่
และที่นั่นจะมีแพะป่าวิ่งกันพลุกพล่าน
22 สุนัขป่าจะร้องเสียงกังวานในป้อมปราการ
และหมาในอยู่ในวังที่หรูหรา
ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
และจะไม่ต่อเวลาให้นานออกไป
การทักทายของเปโตร
1 ข้าพเจ้าเปโตรอัครทูตของพระเยซูคริสต์
เรียน ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนต่างแดนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ ซึ่งได้กระจัดกระจายไปอยู่ทั่วแคว้นปอนทัส แคว้นกาลาเทีย แคว้นคัปปาโดเซีย แคว้นเอเชีย และแคว้นบิธีเนีย 2 ท่านได้รับเลือกตามที่พระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาทราบดีมาแต่แรก และโดยการชำระให้บริสุทธิ์ของพระวิญญาณ เพื่อจะได้เชื่อฟังพระเยซูคริสต์ และรับการประพรมด้วยโลหิตของพระองค์
ขอพระคุณและสันติสุขจงมีแก่ท่านอย่างเต็มเปี่ยมเถิด
ความหวังอันดำรงอยู่
3 สรรเสริญพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระองค์จึงโปรดให้เราได้บังเกิดใหม่เพื่อเข้าสู่ความหวังแห่งชีวิต โดยผ่านการฟื้นคืนชีวิตจากความตายของพระเยซูคริสต์ 4 และให้ได้รับมรดกซึ่งไม่มีวันสูญสิ้น ปราศจากมลทินและไม่ร่วงโรย ซึ่งได้เก็บรักษาไว้ให้ท่านในสวรรค์แล้ว 5 ท่านผู้มีความเชื่อก็จะได้รับการคุ้มครองโดยอานุภาพของพระเจ้า จนกระทั่งถึงวันแห่งความรอดพ้น ซึ่งจะได้เผยให้ทราบในวาระสุดท้าย 6 ท่านควรชื่นชมยินดีอย่างยิ่งในสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้ว่า ในขณะนี้ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานนานัปการชั่วขณะหนึ่ง 7 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อพิสูจน์ความถ่องแท้ของความเชื่อของท่าน แม้แต่ทองคำซึ่งถูกทำลายได้เมื่อถูกทดสอบด้วยไฟ ฉะนั้นความเชื่อของท่านมีค่ามากกว่าทองคำก็ต้องถูกทดสอบด้วย และผลที่จะได้รับคือคำสรรเสริญ บารมี และเกียรติในเวลาที่พระเยซูคริสต์มาปรากฏ 8 แม้ว่าท่านยังไม่เคยเห็นพระองค์ ท่านก็ยังรักพระองค์ และแม้ว่าท่านไม่เห็นพระองค์ในขณะนี้ ท่านก็ยังเชื่อพระองค์ ท่านร่าเริงด้วยความยินดีเป็นล้นพ้นเกินที่จะกล่าวได้ 9 เพราะท่านกำลังรับผลของความเชื่อของท่าน คือความรอดพ้นของจิตวิญญาณ
10 บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้เผยความถึงพระคุณซึ่งจะบังเกิดแก่ท่าน พวกเขาได้สืบเสาะและสอบถามอย่างระมัดระวังเรื่องความรอดพ้นนี้ 11 พระวิญญาณของพระคริสต์สถิตกับพวกเขา และพระวิญญาณได้พยากรณ์ถึงการทนทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และหลังจากการทรมานนั้นแล้ว พระองค์จะได้รับพระบารมี พวกเขาพยายามสืบหาว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และเกิดกับผู้ใด 12 พระเจ้าเปิดเผยให้พวกเขาทราบว่า เขาไม่ได้กระทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แต่เพื่อพวกท่าน สิ่งใดก็ตามที่เขากล่าวไว้ พวกท่านก็ได้รับรู้แล้วโดยบรรดาผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งได้รับการดลใจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์จากสวรรค์ให้ประกาศแก่ท่านในเวลานี้ แม้เหล่าทูตสวรรค์ก็ปรารถนาจะได้ทราบสิ่งเหล่านี้
จงเป็นผู้บริสุทธิ์
13 ดังนั้น พวกท่านจงเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม จงควบคุมตนเอง และตั้งความหวังทั้งหมดที่มีไว้ในพระคุณ ซึ่งจะให้แก่ท่านเวลาพระเยซูคริสต์มาปรากฏ 14 ตามอย่างบุตรที่เชื่อฟัง อย่าทำตัวตามกิเลสเหมือนครั้งที่ท่านยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 15 แต่เป็นไปตามพระองค์ผู้บริสุทธิ์ที่ได้เรียกท่าน ท่านก็จงกระทำทุกสิ่งด้วยความบริสุทธิ์ 16 ดังที่มีบันทึกไว้ว่า “จงเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์”[a] 17 ถ้าท่านร้องเรียกพระนามของพระบิดาผู้พิพากษาการกระทำของทุกคนโดยปราศจากความลำเอียง ท่านก็จงดำเนินชีวิตดั่งเป็นคนแปลกถิ่นด้วยความยำเกรง 18 เพราะท่านทราบว่าพระองค์ได้ไถ่ท่านจากวิถีชีวิตอันว่างเปล่าอันตกทอดจากบรรพบุรุษมาสู่ท่าน ด้วยสิ่งที่ไม่อาจเสื่อมสลายได้ดังเช่นเงินและทอง 19 แต่ไถ่ด้วยโลหิตอันล้ำค่าของพระคริสต์ เหมือนลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่าง 20 พระเจ้าได้กำหนดพระคริสต์ก่อนสร้างโลก แต่ให้พระองค์ปรากฏในวาระสุดท้ายนี้เพื่อท่านทั้งหลาย 21 เพราะพระคริสต์ ท่านจึงเชื่อในพระเจ้าที่โปรดให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย และมอบพระบารมีแก่พระองค์ ดังนั้นความเชื่อและความหวังของท่านจึงอยู่ในพระเจ้า
22 ในเมื่อท่านทั้งหลายได้ชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์แล้วโดยการเชื่อฟังความจริง เพื่อรักกันฉันพี่น้องอย่างแท้จริง ท่านจงรักกันอย่างลึกซึ้งด้วยใจจริงเถิด 23 เพราะท่านบังเกิดใหม่แล้วจากเมล็ดที่มีชีวิต ไม่ใช่จากเมล็ดที่ฝ่อ คือด้วยคำกล่าวของพระเจ้าซึ่งมีชีวิตและดำรงอยู่ 24 ด้วยว่า
“มนุษย์ทุกคนเป็นเสมือนต้นหญ้า
และบารมีของเขาเป็นเสมือนดอกหญ้า
ต้นหญ้านั้นเหี่ยวแห้ง และดอกร่วงโรย
25 แต่คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ายั่งยืนอยู่ตลอดกาล”[b]
นี่คือคำกล่าวซึ่งได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลายแล้ว
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation