Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 2

เดินท่องเที่ยวไปในถิ่นทุรกันดาร

ครั้นแล้วพวกเราก็หวนกลับและมุ่งหน้าไปทางถิ่นทุรกันดารตามทิศที่ไปสู่ทะเลแดง ดังที่พระผู้เป็นเจ้าบอกเรา พวกเราเดินไปในแถบภูเขาเสอีร์อยู่หลายวัน แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘พวกเจ้าเดินไปในแถบภูเขานี้นานพอแล้ว จงออกเดินทางโดยมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ และสั่งประชาชนตามคำนี้คือ “พวกเจ้ากำลังจะผ่านเข้าไปในอาณาเขตของหมู่พี่น้องของเจ้าคือ ลูกหลานของเอซาวที่อาศัยอยู่ในเสอีร์ คนพวกนั้นจะกลัวพวกเจ้า แต่จงระวังตัวให้ดี อย่าไปสู้รบกับเขา เพราะเราจะไม่ให้แผ่นดินของพวกเขาแก่เจ้า ไม่ให้แม้เพียงผืนเท่าฝ่าเท้าของเจ้าก้าวไป เพราะเราได้ให้ภูเขาเสอีร์เป็นกรรมสิทธิ์แก่เอซาว[a] เจ้าจงใช้เงินซื้ออาหารและน้ำเพื่อดื่มกินกัน”’ เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้อวยพรท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำ พระองค์ทราบว่า ท่านผ่านเข้าไปในถิ่นทุรกันดารอันกว้างใหญ่นี้ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอยู่กับท่านเสมอมาเป็นเวลา 40 ปี พวกท่านจึงไม่ขัดสนในสิ่งใดเลย พวกเราจึงเดินทางต่อไป ห่างไกลจากพี่น้องของเราคือบรรดาบุตรของเอซาวที่อาศัยอยู่ในเสอีร์ ไปไกลจากเส้นทางอาราบาห์ จากเอลัทและจากเอซีโอนเกเบอร์

แล้วเรามุ่งหน้าไปทางทิศที่ไปสู่ถิ่นทุรกันดารของโมอับ และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘อย่าไปก่อกวนโมอับหรือก่อเรื่องสู้รบกับพวกเขา เพราะเราจะไม่ให้แผ่นดินของพวกเขาตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่เจ้า เพราะเราได้ให้เมืองอาร์เป็นกรรมสิทธิ์แก่ลูกหลานของโลท’[b] 10 (ชาวเอมร่างกายกำยำและมีจำนวนไม่น้อย เคยอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาสูงใหญ่พอๆ กับพวกอานาค 11 เขาเหล่านั้นมีอีกชื่อว่า เรฟา[c] ซึ่งเหมือนกับชาวอานาค แต่ชาวโมอับเรียกพวกเขาว่า เอม 12 พวกโฮรีเคยอาศัยอยู่ที่เสอีร์ แต่ลูกหลานของเอซาวขับไล่พวกเขาออกไป และกำจัดชาวโฮรีจนสูญสิ้น แล้วอาศัยอยู่ที่นั่นเสียเอง เหมือนอย่างที่ชาวอิสราเอลได้ขับไล่ศัตรูของเขาออกจากแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้ามอบให้แก่พวกเขา) 13 ‘บัดนี้พวกเจ้าจงลุกขึ้น ข้ามลุ่มน้ำเศเรดไป’ ดังนั้นพวกเราจึงข้ามลุ่มน้ำเศเรดไป 14 เวลาผ่านไป 38 ปีนับจากเวลาที่เราออกจากคาเดชบาร์เนียมาจนถึงเวลาที่เราข้ามลุ่มน้ำเศเรด ในเวลานั้นนักรบรุ่นเดียวกันก็ตายไปจากค่ายหมดแล้ว ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิญาณไว้กับพวกเขา 15 มือของพระผู้เป็นเจ้าต่อต้านและทำลายพวกเขาไปจากค่าย จนตายกันหมดทุกคนด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่

16 ดังนั้น เมื่อนักรบทุกคนได้ตายไปจากพวกพ้องของเขาแล้ว 17 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า 18 ‘วันนี้เจ้าจงข้ามเขตแดนโมอับที่เมืองอาร์ 19 เมื่อเจ้าเข้าไปใกล้พรมแดนของลูกหลานชาวอัมโมนก็อย่าก่อกวนหรือก่อเรื่องสู้รบกับพวกเขา เพราะเราจะไม่ให้แผ่นดินของพวกเขาตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่เจ้า เพราะเราได้ให้แก่ลูกหลานของโลทเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว’[d] 20 (ที่นั่นเคยเป็นดินแดนของชาวเรฟา พวกเขาเคยอาศัยอยู่ที่นั่น แต่ชาวอัมโมนเรียกพวกเขาว่า ศัมซุม 21 ชนเหล่านั้นร่างกายกำยำและมีจำนวนไม่น้อย พวกเขาสูงใหญ่พอๆ กับพวกอานาค แต่พระผู้เป็นเจ้ากำจัดพวกเขาจนสูญสิ้น ชาวอัมโมนขับไล่พวกเขาออกไป และอาศัยอยู่ที่นั่นเสียเอง 22 พระองค์กระทำเช่นเดียวกันให้แก่ลูกหลานของเอซาวที่อาศัยอยู่ในเสอีร์ เมื่อพระองค์กำจัดชาวโฮรี พวกเขาขับไล่ชาวโฮรีออกไปและอาศัยอยู่ที่นั่นเสียเองมาจนถึงทุกวันนี้ 23 ชาวคัฟโทร์ซึ่งมาจากคัฟโทร์ได้กำจัดชาวอัฟวาที่อาศัยอยู่ในชนบทจนถึงเขตแดนกาซา และยึดครองที่อาศัยของพวกเขาเสีย) 24 ‘จงเตรียมตัวออกเดินทาง ข้ามลุ่มน้ำอาร์โนน ดูเถิด เรามอบสิโหนชาวอาโมร์ผู้เป็นกษัตริย์แห่งเฮชโบนและแผ่นดินของเขาไว้ในมือของเจ้าแล้ว จงเริ่มยึดแผ่นดินไว้และสู้รบกับเขา 25 วันนี้เราจะเริ่มทำให้ชนชาติทั้งโลกหวาดหวั่นพรั่นกลัวเจ้า เขาจะตัวสั่นเมื่อได้ยินเรื่องของเจ้า และเจ็บปวดรวดร้าวเพราะเจ้า’

26 ฉะนั้น เราให้ผู้ส่งข่าวจากถิ่นทุรกันดารเคเดโมทไปหาสิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบนด้วยข้อเสนออันสันติว่า 27 ‘ให้เราผ่านเข้าไปในดินแดนของท่านเถิด เราจะไปเฉพาะเส้นทางสายหลักเท่านั้น จะไม่เลียบซ้ายหรือขวา 28 อาหารและน้ำที่เราจะดื่มกิน เราจะใช้เงินซื้อจากท่าน ขอแต่เพียงท่านให้เราเดินผ่านเข้าไปเท่านั้น 29 เหมือนกับที่ลูกหลานของเอซาวที่อาศัยอยู่ที่เสอีร์ และชาวโมอับที่อาศัยอยู่ที่อาร์ได้ให้เราผ่าน จนกว่าเราจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยังดินแดนที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรามอบแก่พวกเรา’ 30 แต่สิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบนไม่ยอมให้เราผ่านเข้าไป เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านทำให้วิญญาณของสิโหนแข็งกระด้าง และทำให้ใจแข็ง เพื่อให้สิโหนตกอยู่ในมือของพวกท่านอย่างที่พระองค์กระทำแล้วในวันนี้ 31 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘ดูเถิด เราได้มอบสิโหนและดินแดนของเขาให้แก่พวกเจ้าแล้ว เจ้าจงเริ่มยึดครองดินแดนไว้เป็นเจ้าของ’ 32 เมื่อสิโหนกับคนของท่านออกมาสู้รบกับพวกเราที่ยาฮาส 33 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราก็มอบตัวท่านให้แก่พวกเรา เราจึงกำจัดสิโหนรวมทั้งบรรดาบุตรและคนของท่านทุกคนด้วย 34 เรายึดเมืองทั้งหมดที่เป็นของท่านในเวลานั้นได้ และทำลายทุกๆ เมืองจนราบคาบ ทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก ไม่มีใครเหลือรอดมาได้สักคน 35 ยกเว้นแต่สัตว์เลี้ยงและสิ่งมีค่าในเมืองที่เรายึดได้เท่านั้นที่ริบไว้ใช้เอง 36 จากเมืองอาโรเออร์ซึ่งอยู่ที่ริมลุ่มน้ำอาร์โนน และจากเมืองที่แถบลุ่มน้ำนั้นจนถึงแคว้นกิเลอาด ไม่มีเมืองใดสูงและแกร่งเกินกำลังของพวกเรา พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราได้มอบทุกเมืองไว้ในมือของพวกเรา 37 ยกเว้นดินแดนของลูกหลานชาวอัมโมนที่พวกท่านไม่ได้เข้าไปใกล้คือ แถบฝั่งแม่น้ำยับบอกและเมืองต่างๆ ในแถบภูเขา และพื้นที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราห้ามไม่ให้เข้าไป

สดุดี 83-84

คำอธิษฐานให้ศัตรูถูกลงโทษ บทเพลง

เพลงสดุดีของอาสาฟ

โอ พระเจ้า โปรดอย่านิ่งเฉย
    อย่าเงียบงัน
    โอ พระเจ้า โปรดอย่าเฉยเมย
ดูเถิด พวกศัตรูของพระองค์เกิดโกลาหล
    และพวกที่เกลียดชังพระองค์ชูคอขัดขืน
พวกเขาวางแผนทำร้ายชนชาติของพระองค์
    เขาร่วมกันเตรียมต่อต้านบรรดาผู้ที่พระองค์ทะนุถนอม
พวกเขาพูดว่า “มาเถิด มาทำลายประชาชาติของเขา
    และชื่ออิสราเอลจะไม่เป็นที่นึกถึงอีกต่อไป”
เพราะพวกเขารวมหัวกันคบคิด
    และสัญญาว่าจะต่อต้านพระองค์
คือกระโจมของเอโดมและชาวอิชมาเอล
    ชาวโมอับและฮาการ์
เกบาล อัมโมน และอามาเลข
    ฟีลิสเตีย กับผู้อยู่อาศัยของไทระ
อัสซีเรียก็ร่วมกับพวกเขาด้วย
    พวกนี้กลับมาเป็นกำลังให้ลูกหลานของโลท เซล่าห์

ขอพระองค์กระทำต่อคนพวกนี้อย่างที่ได้ทำต่อชาวมีเดียน
    อย่างที่ทำต่อสิเส-ราและยาบินที่แม่น้ำคีโชน
10 คนพวกนี้ถูกฆ่าที่เอนโดร์
    และกลายเป็นธุลีดิน
11 ขอพระองค์ตอบแทนบรรดาเจ้าขุนมูลนายของเขา
    เหมือนที่ได้ทำกับโอเรบและเศเอบ
และตอบแทนบรรดาเจ้าชาย
    เหมือนที่ได้ทำกับเศบาห์และศัลมุนนา
12 พวกเขาพูดว่า “เรามายึดเอาทุ่งหญ้าของพระเจ้า
    และเอามาเป็นของเราเถิด”

13 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนว่าเขาเป็นธุลีดินที่ปลิวว่อน
    ดั่งแกลบที่ถูกพัดไปกับกระแสลม
14 ดั่งเพลิงที่เผาผลาญป่าไม้
    ดั่งเปลวไฟที่ก่อให้ภูเขาลุกโพลงขึ้น
15 ไล่ตามพวกเขาไปด้วยลมอันแรงกล้า
    และทำให้เขาตระหนกด้วยลมพายุของพระองค์
16 ให้พวกเขาขายหน้า โอ พระผู้เป็นเจ้า
    เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระนามของพระองค์
17 ปล่อยให้พวกเขาอับอายและอกสั่นขวัญหายเรื่อยไป
    ขอให้เขาสิ้นชีพลงด้วยความอัปยศอดสู
18 และให้พวกเขารู้ว่าพระนามของพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์ผู้เดียวเป็นองค์ผู้สูงสุดของทั่วทั้งแผ่นดินโลก

ชีวิตอันแสนสุขเมื่ออยู่กับพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองกิททิธ ของตระกูลโคราห์ เพลงสดุดี

พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    กระโจมที่พำนักของพระองค์ช่างงดงามอะไรเช่นนี้
จิตวิญญาณข้าพเจ้าปรารถนาด้วยใจจดจ่อ
    และใฝ่ฝันถึงลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
ทั้งกายและใจข้าพเจ้าร้องเพลงถึง
    พระเจ้าผู้ดำรงอยู่
แม้แต่นกกระจอกก็ยังหารังได้
    แม่นกนางแอ่นหารังสำหรับตัวเอง
    เพื่อให้ลูกน้อยได้อยู่ใกล้กับแท่นบูชาของพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา กษัตริย์ของข้าพเจ้า
    และพระเจ้าของข้าพเจ้า
บรรดาผู้อยู่ในพระตำหนักของพระองค์จะเป็นสุข
    และสรรเสริญพระองค์เรื่อยไป เซล่าห์

บรรดาผู้ได้รับกำลังจากพระองค์ก็เป็นสุข
    เป็นผู้มีใจมุ่งมั่นจะขึ้นไปยังศิโยน
บรรดาผู้เดินทางผ่านหุบเขาบาคา
    จะทำสถานที่ให้เป็นแหล่งน้ำ
    และยิ่งกว่านั้นฝนต้นฤดูจะเป็นพระพรแก่ทุกแห่งหน
ขณะก้าวไป พวกเขาก็เข้มแข็งขึ้น
    และจะปรากฏ ณ เบื้องหน้าพระเจ้าในศิโยน

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    โปรดเงี่ยหูฟัง โอ พระเจ้าของยาโคบ เซล่าห์
ดูเถิด พระเจ้า โล่ป้องกันของพวกเรา
    และมองดูหน้าผู้ได้รับการเจิมของพระองค์

10 วันเดียวในลานพระตำหนักของพระองค์
    ดีกว่า 1,000 วันในสถานที่อื่นๆ
ข้าพเจ้าอยากเป็นคนเฝ้าประตูที่พระตำหนักของพระเจ้า
    มากกว่าอยู่ในกระโจมของคนชั่ว
11 เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าเป็นดวงอาทิตย์และโล่ป้องกัน
    พระผู้เป็นเจ้ามอบพระคุณและเกียรติ
ไม่มีสิ่งดีใดๆ ที่พระองค์จะยับยั้งไว้
    จากบรรดาผู้มีสัจจะ
12 โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    คนที่ไว้วางใจในพระองค์ก็เป็นสุข

อิสยาห์ 30

ห้ามลงไปยังอียิปต์

30 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
    “วิบัติจงเกิดแก่ลูกๆ ที่ดื้อรั้น
พวกที่ทำตามแผนการที่ไม่ใช่ของเรา
และสร้างสัมพันธภาพซึ่งไม่ได้เกิดจากฝ่ายวิญญาณของเรา
    พวกเขาจึงเพิ่มพูนบาปยิ่งขึ้น
พวกเขาเดินทางลงไปยังอียิปต์
    โดยไม่ได้ปรึกษาเรา
แต่อาศัยการคุ้มครองของฟาโรห์
    และหลบอยู่ภายใต้ร่มเงาของอียิปต์
แต่การคุ้มครองของฟาโรห์
    กลับนำความอับอายมาให้เจ้า
และการหลบภายใต้ร่มเงาของอียิปต์
    กลับนำความอัปยศมาให้เจ้า
ถึงแม้ว่าพวกเขามีบรรดาผู้นำที่โศอัน
    และพวกส่งสาสน์ได้ไปถึงฮาเนส
ทุกคนจะอับอาย
    เนื่องจากไม่มีใครที่จะเป็นประโยชน์ต่อเขา
ไม่ให้ทั้งความช่วยเหลือและผลประโยชน์
    มีแต่ความอับอายและความอัปยศ”

คำพยากรณ์เรื่องสัตว์ป่าแห่งเนเกบ

เดินทางผ่านดินแดนที่แสนจะลำบากและทำให้เจ็บปวดรวดร้าว
    เป็นที่มีสิงโตทั้งตัวเมียและตัวผู้
    มีงูพิษและงูพิษร้ายซึ่งพุ่งฉกอย่างร้อนรน
พวกเขาบรรทุกสมบัติของตนบนหลังลา
    และทรัพย์สินที่มีบนโหนกอูฐ
    เพื่อพากันไปยังชนชาติที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา
ความช่วยเหลือของอียิปต์ไร้ค่าและเปล่าประโยชน์
    ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงเรียกอียิปต์ว่า
    “ราหับที่นั่งนิ่ง”

ชนชาติที่ดื้อดึง

และบัดนี้ จงไปเถิด จงเขียนบนแผ่นหินต่อหน้าพวกเขา
    และจารึกลงในหนังสือม้วน
เพื่อในวันข้างหน้าจะได้เป็น
    หลักฐานจนชั่วนิรันดร์กาล
เพราะพวกเขาเป็นชนชาติที่ดื้อดึง
    เป็นลูกหลานที่โป้ปด
    ไม่ยอมฟังคำสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้า
10 เป็นบรรดาผู้ที่พูดกับผู้รู้ว่า
    “หยุดเห็นภาพนิมิตได้แล้ว”
และพูดกับบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า
    “อย่าเผยคำกล่าวของพระเจ้าให้แก่พวกเราในสิ่งที่ควรทำ
แต่พูดกับพวกเราถึงสิ่งที่รื่นหู
    ทำนายเรื่องที่ไม่เป็นจริงเถิด
11 ไปเสียจากทางนั้น หันกลับไปจากวิถีทางนั้น
    อย่าให้พวกเราได้ยินเรื่ององค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลอีกเลย”

12 ฉะนั้น องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า

“เพราะพวกเจ้าไม่ยอมรับคำกล่าว
    และวางใจในเรื่องการบีบบังคับและการบิดเบือน
    เจ้าจึงได้พึ่งสิ่งเหล่านั้น
13 ฉะนั้น บาปนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเจ้า
    เหมือนกำแพงสูงที่มีช่องโหว่ และกำลังจะล้มลง
    และจะทลายลงทันที โดยฉับพลัน
14 กำแพงที่พังจะเป็นเหมือนภาชนะของช่างปั้นหม้อ
    ที่ถูกทุบอย่างไม่ปรานี
จะหาเศษกระเบื้องแตกชิ้นใหญ่พอที่
    จะใช้ตักถ่านคุจากพื้นเตาผิง
    หรือตักน้ำออกจากบ่อเก็บน้ำก็ไม่ได้”

15 เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า

“ถ้าจะกลับใจโดยหันเข้าหาเราและหยุดพัก พวกเจ้าก็จะรอดปลอดภัย
    การอยู่อย่างสงบนิ่งและด้วยการวางใจ พวกเจ้าก็จะมีพละกำลัง”
แต่ท่านไม่ยอม 16 และท่านพูดว่า
“ไม่เอา พวกเราจะขี่ม้าหนีไป”
    ฉะนั้นพวกท่านจะหนีไป
และ “พวกเราจะขี่ม้าฝีเท้าเร็ว”
    ฉะนั้นพวกที่ไล่ตามพวกท่านนั่นแหละที่จะมีฝีเท้าเร็ว
17 เพียงคนเดียวที่จะไล่พวกท่าน 1,000 คนให้เตลิดไป
    และเพียง 5 คนจะทำให้พวกท่านหนีไป
จนกว่าพวกท่านจะยืนยงอยู่ได้
    ก็เป็นแค่เสาธงบนยอดเขา
    เหมือนกับธงชัยบนเนินเขา

พระผู้เป็นเจ้าจะกรุณา

18 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าปรารถนาจะมีความกรุณาต่อพวกท่าน
    พระองค์จึงลุกขึ้นแสดงความเมตตาต่อท่าน
เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม
    ทุกคนที่รอคอยพระองค์จะเป็นสุข

19 โอ ประชาชนในศิโยน ผู้อยู่อาศัยในเยรูซาเล็ม พวกท่านจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป พระองค์จะมีความกรุณาต่อพวกท่านอย่างแน่นอนเมื่อพวกท่านส่งเสียงร้อง ทันทีที่พระองค์ได้ยินเสียงร้อง พระองค์ก็ตอบพวกท่าน 20 และถึงแม้ว่า พระผู้เป็นเจ้าให้อาหารแห่งความคับขัน และให้น้ำแห่งความทุกข์ทรมานแก่พวกท่าน ถึงกระนั้นผู้สอนของท่านจะไม่ถูกซ่อนอีกต่อไป แต่ตาของท่านจะเห็นผู้สอนของท่าน 21 เมื่อท่านเดินหันขวาหรือหันซ้ายก็ตาม หูของท่านจะได้ยินเสียงที่มาจากเบื้องหลังท่านพูดว่า “นี่คือหนทาง จงเดินในทางนั้น” 22 แล้วท่านจะทำลายรูปเคารพสลักหุ้มด้วยเงิน และรูปบูชาหล่อชุบด้วยทองคำ ท่านจะโยนสิ่งเหล่านั้นทิ้งราวกับสิ่งที่เป็นมลทิน ท่านจะพูดกับมันว่า “ไปให้พ้น”

23 และพระองค์จะหลั่งฝนลงมาให้กับเมล็ดที่ท่านหว่านบนดิน และอาหารที่ได้จากแผ่นดินก็จะมีคุณภาพดีและอุดมสมบูรณ์ ในวันนั้นสัตว์เลี้ยงของท่านจะเล็มหญ้าในทุ่งอันกว้างใหญ่ 24 โคกระบือและลาที่ทำนาจะกินฟางที่มีรสชาติ ซึ่งเลือกสรรฝัดร่อนด้วยพลั่วและส้อม 25 จะมีน้ำไหลในลำธารหลายแห่งบนภูเขาสูงทุกลูกและเนินเขาทุกแห่ง ในวันแห่งการสังหารครั้งยิ่งใหญ่เมื่อหอคอยล้ม 26 ยิ่งกว่านั้น แสงจันทร์จะเป็นเหมือนแสงตะวัน และแสงตะวันจะสว่างขึ้นเป็น 7 เท่า คือวันหนึ่งมีแสงแรงเท่ากับ 7 วัน ในวันที่พระผู้เป็นเจ้าสมานความแตกสลายให้คนของพระองค์ และรักษาบาดแผลที่ถูกเฆี่ยน

27 ดูเถิด พระนามของพระผู้เป็นเจ้ามาจากที่ไกล
    ความโกรธของพระองค์คุกรุ่นและเป็นกลุ่มควันมืดที่ลอยขึ้น
ริมฝีปากของพระองค์แสดงให้เห็นความโกรธอันร้อนแรง
    และลิ้นของพระองค์เหมือนไฟที่เผาไหม้
28 ลมหายใจของพระองค์เหมือนลำธารที่เปี่ยมล้นและสูงถึงคอ
เพื่อจะเขย่าบรรดาประชาชาติด้วยตะแกรงแห่งความพินาศ
    และใส่บังเหียนเพื่อบังคับขากรรไกรของบรรดาชนชาติให้หลงผิด

29 เพลงของพวกท่านจะเป็นดุจเสียงในยามค่ำเมื่อมีการเลี้ยงฉลอง ใจของพวกท่านจะชื่นบานเหมือนบรรดาผู้ที่เดินไปกับเสียงขลุ่ย ขึ้นไปบนภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า ไปยังศิลาของอิสราเอล 30 และพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ผู้คนได้ยินเสียงอันกอปรด้วยมหิทธานุภาพของพระองค์ และให้เห็นอานุภาพของพระองค์ที่กระหน่ำลงมา ด้วยความเกรี้ยวโกรธและด้วยเปลวไฟที่เผาผลาญ ด้วยเมฆ พายุ และลูกเห็บ 31 บรรดาชาวอัสซีเรียจะหวาดกลัวกับเสียงของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระองค์ฟาดด้วยไม้ตะบองของพระองค์ 32 และไม้เท้าที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดให้ฟาดบนพวกเขาทุกครั้ง จะเกิดขึ้นพร้อมกับเสียงรำมะนาและพิณเล็ก พระองค์จะต่อสู้กับพวกเขาด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ 33 เพราะโทเฟท[a]ได้ถูกเตรียมไว้นานแล้ว พร้อมแล้วสำหรับกษัตริย์ เป็นหลุมที่ทั้งลึกและกว้าง พร้อมด้วยไฟและไม้มากมาย ลมหายใจของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นเหมือนสายธารกำมะถัน ก็จะจุดไฟให้ลุกโชน

ยูดา

คำทักทายของยูดา

ข้าพเจ้ายูดาผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ และเป็นน้องของยากอบ

เรียน บรรดาผู้ที่พระเจ้าเรียกและให้ได้รับความรักจากพระองค์ ผู้เป็นพระบิดา และคุ้มครองรักษาไว้โดยพระเยซูคริสต์

ขอพระเมตตา สันติสุข และความรักจงทวีแก่ท่าน

บาปและความพินาศของผู้ไร้คุณธรรม

ท่านที่รักทั้งหลาย ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าอยากจะเขียนถึงท่านเป็นอย่างมากในเรื่องความรอดพ้นที่พวกเรามีอยู่ร่วมกัน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าต้องเขียนและขอให้ท่านต่อสู้ เพื่อความเชื่อที่พระเจ้าได้ให้แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระองค์ครั้งเดียวเป็นพอ เพราะมีบางคนซึ่งเป็นผู้ที่ไร้คุณธรรมแอบแฝงเข้ามา โทษที่คนพวกนี้จะได้รับก็มีบันทึกไว้นานมาแล้ว เขาใช้พระคุณของพระเจ้าของเราเป็นข้ออ้าง เพื่อจะได้ทำตามราคะตัณหา และปฏิเสธพระเยซูคริสต์ผู้สูงสุดและผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียวของพวกเรา

แม้ว่าท่านทราบเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอดแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยังอยากจะตักเตือนท่านว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ปลดปล่อยให้ชนชาติของพระองค์พ้นจากประเทศอียิปต์ และภายหลังก็ได้ทำลายบรรดาคนที่ไม่เชื่อ และบรรดาทูตสวรรค์ที่ไม่พอใจกับสิทธิอำนาจของตน แต่กลับทิ้งถิ่นฐานไป พวกนี้แหละที่พระองค์ล่ามโซ่ขังไว้ในความมืดชั่วนิรันดร์ จนถึงวันพิพากษาอันยิ่งใหญ่นั้น เช่นเดียวกับประชาชนในเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ และเมืองรอบๆ นั้นที่ได้ประพฤติผิดทางเพศและกามวิตถาร จนกลายเป็นตัวอย่างของพวกที่รับโทษด้วยทุกข์ทรมานจากไฟที่ลุกชั่วนิรันดร์

ในวิธีเดียวกันคือ พวกเพ้อฝันเหล่านี้ทำให้ตัวมีมลทิน ไม่ยอมรับผู้มีหน้าที่เหนือกว่า และพูดหมิ่นประมาทชาวสวรรค์ แม้แต่ทูตสวรรค์ชั้นเอกชื่อมีคาเอล เมื่อท่านโต้เถียงกับพญามารเรื่องร่างของโมเสส ท่านยังมิอาจกล้ากล่าวดูหมิ่นพญามารเลย เพียงแต่กล่าวว่า “ให้พระผู้เป็นเจ้าห้ามเจ้าเถิด” 10 แต่คนเหล่านี้ยังพูดจาหมิ่นประมาทสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ และสิ่งที่เขารู้ตามสัญชาตญาณ เป็นเหมือนสัตว์ที่ไร้เหตุผล สิ่งเหล่านี้เองที่ทำลายล้างพวกเขา 11 วิบัติจงเกิดแก่เขาเหล่านั้น เพราะเขาได้ประพฤติตามอย่างคาอินและหุนหันเอาแต่ได้ ตามอย่างที่บาลาอัมผิดพลาดไป และพินาศตามอย่างการกบฏของโคราห์ 12 คนเหล่านี้เป็นเหมือนหินโสโครก[a]ในงานเลี้ยงแห่งความรักของท่าน[b] เขาร่วมรับประทานกับท่านโดยไม่กลัวเกรง เขาเป็นเหมือนคนเลี้ยงแกะที่เลี้ยงดูแต่ตัวเอง เป็นเหมือนเมฆซึ่งปราศจากน้ำที่ถูกลมพัดไป เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ไร้ผลในฤดูออกผล และตายไป 2 หนแล้วเพราะรากโค่น 13 เขาเป็นเหมือนคลื่นแรงในทะเลที่ซัดฟองอันน่าบัดสีขึ้นมา และเป็นเหมือนดวงดาวที่พลัดออกจากวงโคจรไปสู่ความมืดมิดที่รอรับไว้ตลอดกาล

14 เอโนคเป็นคนชั่วอายุที่เจ็ดของอาดัม ได้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเกี่ยวกับคนเหล่านี้ว่า “ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากำลังมาพร้อมกับผู้บริสุทธิ์ของพระองค์นับพันนับหมื่น 15 เพื่อพิพากษาทุกคน และให้คนที่ไร้คุณธรรมทุกคนสำนึกตัวในการกระทำที่ไร้คุณธรรม และคำพูดหยาบช้าที่คนบาปไร้คุณธรรมได้กล่าวค้านพระองค์” 16 คนเหล่านี้ช่างบ่นและช่างติ ประพฤติตามกิเลสตามใจชอบ คุยโอ้อวดและจะยกยอผู้อื่นก็เพื่อหวังผลประโยชน์ของตน

17 แต่ท่านที่รักจงระลึกถึงคำซึ่งเหล่าอัครทูตของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้กล่าวล่วงหน้าไว้กับท่านเถิด 18 เหล่าอัครทูตกล่าวกับท่านว่า “ในวาระสุดท้ายจะมีคนเยาะเย้ยที่ทำตามกิเลสอันไร้คุณธรรมของเขา” 19 คนเหล่านี้ทำให้ท่านแตกแยกกัน พวกเขาประพฤติตามสัญชาตญาณเท่านั้น และเป็นผู้ปราศจากพระวิญญาณ 20 แต่ท่านที่รักทั้งหลาย จงเสริมสร้างกันในความเชื่ออันบริสุทธิ์ของท่าน และจงให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำในการอธิษฐาน 21 ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในความรักของพระเจ้า ขณะที่ท่านรอให้พระเมตตาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานำท่านสู่ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ 22 จงมีเมตตาต่อคนที่ยังมีความสงสัยอยู่ 23 จงช่วยฉุดคนอื่นๆ ให้หลุดรอดออกจากไฟ จงมีเมตตาต่อผู้อื่น แต่ก็ต้องระวังตัว และเกลียดชังแม้แต่เสื้อผ้าที่แปดเปื้อนจากร่างกายที่เป็นมลทิน

คำลงท้าย

24 แด่พระองค์ผู้สามารถคุ้มครองรักษาท่านไม่ให้พลาดพลั้ง และให้ท่านยืนเบื้องหน้าพระบารมีของพระองค์โดยปราศจากตำหนิและมีความยินดียิ่งนัก 25 ขอพระบารมี ความยิ่งใหญ่ อานุภาพ และสิทธิอำนาจซึ่งอยู่ก่อนกาลใดๆ ในปัจจุบันกาล และตลอดกาล จงมีแด่พระเจ้าแต่พระองค์เดียว พระองค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเราโดยผ่านพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา อาเมน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation