Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 5

พระบัญญัติสิบประการ

โมเสสเรียกประชุมชาวอิสราเอลทั้งหมดและกล่าวว่า “ชาวอิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด กฎเกณฑ์และคำบัญชาที่เราบอกท่านในวันนี้ ท่านจงเรียนรู้ไว้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราทั้งหลายทำพันธสัญญาไว้กับเราที่ภูเขาโฮเรบ พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทำพันธสัญญากับบรรพบุรุษของเรา แต่ทำกับพวกเราซึ่งเป็นพวกเราทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในวันนี้ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับพวกท่านต่อหน้าที่ภูเขานั้นจากท่ามกลางเพลิง ขณะที่เรายืนอยู่ระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับพวกท่านในเวลานั้น เพื่อประกาศสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าว เนื่องจากพวกท่านกลัวเพลิงไฟและไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา พระองค์กล่าวว่า

‘เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า คือผู้ที่นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ จากบ้านเรือนแห่งความเป็นทาส

นอกจากเราแล้ว เจ้าจงอย่านมัสการเทพเจ้าใดๆ

อย่าสร้างรูปเคารพหรือสิ่งใดที่มีลักษณะเหมือนสิ่งที่อยู่ในสวรรค์เบื้องบน หรืออยู่ในโลกเบื้องล่าง หรืออยู่ในน้ำใต้โลกให้แก่ตนเอง อย่าก้มกราบหรือบูชาสิ่งเหล่านั้น เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า พระเจ้าผู้หวงแหน เราจะทำให้บาปของบิดาตกทอดถึงบุตรของเขาต่อเนื่องไปจน 3 และ 4 ชั่วอายุของผู้ที่เกลียดชังเรา 10 แต่เราจะแสดงความรักอันมั่นคงนับพันๆ ชั่วอายุของผู้ที่รักเราและปฏิบัติตามบัญญัติของเรา

11 อย่าใช้ชื่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าในทางที่ผิด เพราะพระองค์จะถือโทษต่อคนที่นำชื่อของพระองค์ไปใช้ในทางที่ผิด

12 จงปฏิบัติตนในวันสะบาโตโดยนับว่าเป็นวันบริสุทธิ์ ตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าบัญชาไว้ 13 เจ้าจะลงแรงทำงานทั้งสิ้นของเจ้า 6 วัน 14 แต่วันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโตสำหรับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า เจ้าอย่าทำงานใดๆ ในวันนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเจ้า บุตรชายบุตรหญิง ผู้รับใช้ชายและหญิง โค ลา หรือสัตว์เลี้ยงของเจ้า และผู้อาศัยที่อยู่ในเมือง เพื่อให้ผู้รับใช้ของเจ้าได้หยุดพักเหมือนกับเจ้า 15 จงจำไว้ว่าเจ้าเป็นทาสรับใช้ในแผ่นดินอียิปต์ และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้านำเจ้าออกจากที่นั่นด้วยอานุภาพและพลานุภาพ ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าบัญชาให้เจ้าปฏิบัติตนในวันสะบาโต

16 จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้าตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าบัญชาไว้ เพื่อเจ้าจะได้มีชีวิตยืนยาว และทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้ามอบให้แก่เจ้า

17 อย่าฆ่าคน

18 อย่าผิดประเวณี

19 อย่าขโมย

20 อย่าเป็นพยานเท็จกล่าวหาเพื่อนบ้านของเจ้า[a]

21 อย่าโลภ[b]อยากได้ภรรยาของเพื่อนบ้านเจ้า หรือโลภอยากได้บ้านเรือนของเพื่อนบ้าน หรือไร่นา ผู้รับใช้ชายและหญิงของเขา โคหรือลาของเขา หรืออะไรก็ตามที่เป็นของเพื่อนบ้านของเจ้า’

22 นี่คือพระบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าประกาศด้วยเสียงอันดังแก่ที่ประชุมทั้งหมดที่ภูเขา จากใจกลางเพลิง หมอกเมฆและความมืดมิด พระองค์ไม่ได้กล่าวยิ่งไปกว่านั้น แล้วพระองค์เขียนไว้บนศิลา 2 แผ่นมอบให้กับเรา 23 เมื่อท่านได้ยินเสียงจากความมืด และภูเขาก็ลุกเป็นไฟ ท่านและบรรดาหัวหน้าประจำเผ่าและหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของท่านจึงเข้ามาใกล้เรา 24 แล้วพวกท่านพูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราได้ให้พวกเราเห็นพระบารมีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว และเราก็ได้ยินเสียงพระองค์จากใจกลางเพลิง วันนี้เราเห็นพระเจ้ากล่าวกับมนุษย์และมนุษย์ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ 25 ในเวลานี้ทำไมพวกเราจะต้องเสี่ยงกับความตายเล่า เพลิงไฟขนาดใหญ่เช่นนี้จะทำให้พวกเราไม่รอดแน่ ถ้าหากว่าเราได้ยินเสียงพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราอีก เราจะต้องตายอย่างแน่นอน 26 มีมนุษย์ใดบ้างที่ได้ยินเสียงของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่พูดจากเพลิงไฟอย่างที่พวกเราได้ยินและยังมีชีวิตอยู่ได้ 27 ขอให้ท่านเป็นผู้ไปใกล้ๆ เถิด ฟังทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราจะกล่าว แล้วท่านมาบอกให้พวกเราฟังสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราบอกกับท่านในทุกเรื่อง พวกเราจะฟังและปฏิบัติตาม’

28 พระผู้เป็นเจ้าได้ยินสิ่งที่ท่านพูดกับเรา พระองค์จึงกล่าวกับเราว่า ‘เราได้ยินสิ่งที่ประชาชนพวกนี้พูดกับเจ้า ทุกสิ่งที่พวกเขาพูดมานั้นถูกต้องทีเดียว 29 ถ้าใจของพวกเขาเป็นเช่นนั้นได้เสมอไปก็ดีนะ เกรงกลัวเราและรักษาบัญญัติของเราทุกข้อ เพื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับพวกเขาและลูกหลานของเขาไปตลอดกาล 30 เจ้าจงไปบอกพวกเขาให้กลับไปยังกระโจมของตน 31 แต่เจ้าจงยืนอยู่ที่นี่กับเรา แล้วเราจะบอกเจ้าเรื่องบัญญัติ กฎเกณฑ์ และคำบัญชาทั้งสิ้นที่เจ้าควรจะสอนพวกเขา เพื่อให้เขาปฏิบัติตามในแผ่นดินที่เรามอบให้เขาเพื่อยึดครอง’ 32 ฉะนั้นพวกท่านจงระมัดระวังปฏิบัติตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านบัญชาให้ท่านกระทำ อย่าหันเหไปจากการปฏิบัติตามกฎบัญญัติ 33 ท่านควรปฏิบัติตามวิถีทางที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้บัญชาไว้ เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ และทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับท่าน และจะมีอายุยืนอยู่ในแผ่นดินที่ท่านจะยึดครอง

สดุดี 88

ร้องขอความช่วยเหลือในนาทีวิกฤตของชีวิต

บทเพลง เพลงสดุดีของตระกูลโคราห์ ถึงหัวหน้าวงดนตรีตามเสียงปี่เศร้าโศกา เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของเฮมาน ชาวเอศราค

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งความรอดพ้นของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือทุกวี่วัน และปรากฏตัวต่อหน้าพระองค์ทุกค่ำคืน
ให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้ามาอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์
    โปรดเงี่ยหูฟังเสียงร้องของข้าพเจ้า

เพราะจิตวิญญาณของข้าพเจ้าท่วมท้นด้วยความทุกข์
    และชีวิตข้าพเจ้าอยู่ใกล้แดนคนตาย
ข้าพเจ้าถูกนับอยู่ในพวกที่ลงไปในหลุมลึก
    เป็นเหมือนชายที่ไร้กำลัง
เหมือนคนที่ถูกทอดทิ้งไว้กับพวกที่ลงไปยังหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
    เหมือนคนถูกแทงที่กำลังนอนอยู่ในหลุมศพ
ซึ่งพระองค์ไม่ระลึกถึงอีกแล้ว
    และถูกตัดขาดจากการดูแลของพระองค์
พระองค์ให้ข้าพเจ้าไปอยู่ที่ก้นหลุมลึก
    ในที่อันมืดมิด ในห้วงน้ำลึก
ข้าพเจ้ารู้สึกว่าพระองค์โกรธเกรี้ยวข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าตั้งตัวไม่ติดเนื่องจากความโกรธของพระองค์ที่เป็นดั่งคลื่นหลายลูก เซล่าห์

พระองค์ทำให้บรรดาเพื่อนสนิทห่างเหินไปจากข้าพเจ้า
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเป็นที่น่าขยะแขยงต่อพวกเขา
ข้าพเจ้าถูกกักขังและไม่อาจหลบหนีไปได้
    นัยน์ตาข้าพเจ้าพร่าไปด้วยความเศร้า
โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์ทุกวี่ทุกวัน
    ข้าพเจ้าชูมือขึ้นถึงพระองค์
10 พระองค์แสดงสิ่งอัศจรรย์เพื่อคนตายหรือ
    แล้วพวกเขาลุกขึ้นสรรเสริญพระองค์ได้หรือ เซล่าห์
11 ความรักอันมั่นคงของพระองค์ถูกประกาศไว้ในหลุมศพหรือ
    และความสัตย์จริงของพระองค์ในความวิบัติหรือ
12 สิ่งอัศจรรย์ของพระองค์เป็นที่รู้จักในความมืดมิดหรือ
    และความชอบธรรมของพระองค์ในดินแดนที่ถูกลืมหรือ

13 โอ พระผู้เป็นเจ้า สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    ในยามเช้า คำอธิษฐานของข้าพเจ้าอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์
14 โอ พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์จึงทอดทิ้งข้าพเจ้า
    ทำไมพระองค์จึงซ่อนหน้าไปเสียจากข้าพเจ้า
15 นับแต่ครั้งยังเยาว์ ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เจียนตาย
    ข้าพเจ้ารับโทษอันน่ากลัวจากพระองค์จนสิ้นหวัง
16 ความโกรธเกรี้ยวอันร้อนแรงของพระองค์โถมเข้าใส่ข้าพเจ้า
    การกระทำอันน่าสะพรึงกลัวของพระองค์ได้ทำลายข้าพเจ้า
17 ดั่งมีน้ำอยู่ล้อมรอบตัวข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
    มันท่วมเสียจนมิดหัวข้าพเจ้า
18 พระองค์ทำให้มิตรสหายและคนรักห่างเหินไปจากข้าพเจ้า
    เพื่อนสนิทข้าพเจ้าคือความมืด

อิสยาห์ 33

ขอพระผู้เป็นเจ้ากรุณาต่อพวกเรา

33 วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ผู้สังหาร
    ซึ่งยังไม่ถูกสังหาร
ท่านผู้ทรยศ
    ซึ่งไม่มีใครเคยทรยศท่าน
เมื่อท่านหยุดสังหารแล้ว
    ท่านจะถูกสังหาร
และเมื่อท่านหยุดทรยศ
    พวกเขาจะทรยศท่าน

โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์กรุณาต่อพวกเรา
    พวกเรารอคอยพระองค์
ขอพระองค์เป็นกำลังของเราทุกเช้า
    ให้พวกเราได้รับความรอดพ้นในยามทุกข์ด้วย
บรรดาชนชาติเผ่นหนีเมื่อได้ยินเสียงคำราม
    เมื่อพระองค์ลุกขึ้น บรรดาประชาชาติก็กระเจิดกระเจิงไป
ของที่พวกท่านริบมาได้ก็ถูกกวาดไปเหมือนกับที่ตัวบุ้งกัดกิน
    มันถูกตะครุบเหมือนพวกตั๊กแตนกระโดดตะครุบ

พระผู้เป็นเจ้าได้รับการยกย่อง เพราะพระองค์พำนักอยู่เบื้องบน
    พระองค์จะให้ศิโยนอิ่มเอิบด้วยความเป็นธรรมและความชอบธรรม
และพระองค์จะเป็นความมั่นคงแห่งช่วงเวลาของท่าน
    อุดมด้วยความรอดพ้น สติปัญญา และความรู้
    ความเกรงกลัวในพระผู้เป็นเจ้าเป็นสมบัติอันมีค่าของศิโยน

ดูเถิด บรรดาวีรบุรุษของพวกเขาร้องไห้อยู่ที่ถนน
    บรรดาผู้ส่งสาสน์แห่งสันติร่ำไห้อย่างขมขื่น
ถนนหนทางตกอยู่ในสภาพร้าง
    ผู้คนหยุดเดินทาง
ไม่รักษาพันธสัญญา
    ดูหมิ่นเมืองทั้งหลาย
    ไร้ความนับถือต่อเพื่อนมนุษย์
แผ่นดินเศร้าโศกและทรุดโทรม
    เลบานอนอับอายและเหี่ยวเฉา
ชาโรนเป็นเหมือนอาราบาห์
    บาชานและคาร์เมลสลัดใบ

10 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “บัดนี้ เราจะลุกขึ้น
    บัดนี้ เราจะแสดงอานุภาพของเรา
    บัดนี้ เราจะได้รับการยกย่อง
11 ความคิดของพวกเจ้าเป็นเพียงแกลบ
    และพวกเจ้าผลิตได้ก็เพียงฟาง
    ลมหายใจของเจ้าเป็นไฟที่จะเผาไหม้ตัวเจ้าเอง
12 และบรรดาชนชาติก็จะเหมือนถูกเผาจนเป็นปูน
    เหมือนพุ่มไม้หนามที่ถูกตัดทิ้ง แล้วถูกไฟเผา

13 พวกเจ้าที่อยู่ห่างไกล จงฟังว่า เราได้ทำอะไร
    และพวกเจ้าที่อยู่ใกล้ จงเรียนรู้ถึงอานุภาพของเรา”
14 พวกคนบาปในศิโยนกลัว
    คนที่ไร้คุณธรรมสั่นสะท้านยิ่งนัก
“ใครในพวกเราที่สามารถอยู่กับไฟที่เผาผลาญได้
    ใครในพวกเราที่สามารถอยู่กับไฟที่เผาไหม้อยู่ตลอดกาล”
15 ผู้ที่ดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรม
    และพูดตามความถูกต้อง
ผู้ที่ดูแคลนผลประโยชน์ที่ได้จากการกดขี่ข่มเหง
    ผู้ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการรับสินบน
ผู้ที่ไม่ยินยอมรับฟังเรื่องการฆ่าฟัน
    และปิดตาไม่เห็นด้วยกับสิ่งชั่วร้าย
16 เขาจะอยู่ในที่สูง
    ป้อมปราการหินจะเป็นที่ป้องกันของเขา
เขาจะได้รับอาหาร
    และน้ำที่เตรียมพร้อมไว้ให้แล้ว

17 ดวงตาของท่านจะเห็นความงามขององค์กษัตริย์
    เขาทั้งหลายจะเห็นแผ่นดินที่แผ่กว้างออกไปไกล
18 จิตใจของท่านจะหวนกลับไปใคร่ครวญเรื่องน่ากลัว
    “คนนับอยู่ที่ไหน
คนชั่งของกำนัลอยู่ที่ไหน
    คนนับจำนวนหอคอยอยู่ที่ไหน”
19 ท่านจะไม่เห็นชนชาติยโสอีกต่อไป
    ชนชาติที่พูดภาษาไม่ชัดเจน
    ลิ้นของเขาตะกุกตะกักทำให้ท่านไม่เข้าใจ
20 ดูเถิด ศิโยน เมืองแห่งการฉลองเทศกาลต่างๆ
    ดวงตาของท่านจะเห็นเยรูซาเล็ม
    ที่อยู่อาศัยซึ่งไร้ความยากลำบาก กระโจมที่ไม่ถูกขยับเขยื้อน
ไม่มีวันที่ใครจะถอนหมุดออกได้
    เชือกโยงกระโจมก็จะไม่ขาด
21 แต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะอยู่ที่นั่นเพื่อพวกเรา
    เป็นที่ซึ่งมีแม่น้ำลำธารกว้างใหญ่
ไม่มีเรือแจวจะล่องไปได้
    หรือเรือขนาดใหญ่จะผ่านได้
22 เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้พิพากษาของพวกเรา
    พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ตั้งกฎ
พระผู้เป็นเจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกเรา
    พระองค์จะช่วยพวกเราให้รอดพ้น

23 เชือกโยงของท่านผูกไม่แน่น
    ทำให้เสากระโดงโอนเอน
    และกางใบไม่ได้
ครั้นแล้วพวกเขาก็จะแบ่งปันของที่ริบมาได้มากมาย
    แม้คนง่อยเปลี้ยก็จะได้รับส่วนแบ่งนั้นด้วย
24 และไม่มีผู้อยู่อาศัยคนใดจะพูดว่า “ฉันป่วย”
    ชนชาติที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับอภัยความผิดบาป

วิวรณ์ 3

ถึงคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิส

และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิสว่า พระองค์ผู้มีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้าและดาว 7 ดวงกล่าวว่า

‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้า ผู้คนคิดว่าเจ้ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าตายแล้ว จงตื่นขึ้นเถิด ให้คุณสมบัติที่ยังมีอยู่บ้างซึ่งจวนจะสูญไปหมดแล้วให้มีกำลังขึ้นมาอีก เพราะเราไม่เห็นว่าการกระทำต่างๆ ของเจ้าดีพร้อมบริบูรณ์ในสายตาของพระเจ้าของเรา ฉะนั้นจงระลึกว่า อะไรที่เจ้าได้รับและได้ยินก็จงเชื่อฟัง และกลับใจ แต่ถ้าเจ้าไม่ตื่นขึ้น เราก็จะมาประดุจขโมยมา เจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าเวลาใด แต่ก็มีพวกเจ้าเพียงไม่กี่คนที่เมืองซาร์ดิส ที่ไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าของตนเปื้อน และเขาจะนุ่งห่มด้วยผ้าสีขาวเดินไปกับเรา เพราะเขามีค่าควรได้รับสิ่งนั้น ผู้ที่มีชัยชนะจะนุ่งห่มด้วยผ้าสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อของเขาออกจากหนังสือแห่งชีวิต แต่เราจะยอมรับชื่อของเขาต่อหน้าพระบิดาของเรา และต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์ ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย’

ถึงคริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟีย

และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟียว่า องค์ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริงผู้ถือกุญแจของดาวิด ผู้เปิดและไม่มีใครจะปิดได้ ผู้ปิดและไม่มีใครเปิดได้ กล่าวว่า

‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้า ดูเถิด เราได้ให้ประตูที่เปิดไว้แล้วอยู่ที่ตรงหน้าเจ้าซึ่งไม่มีใครปิดได้ เรารู้ว่าเจ้ามีกำลังน้อย แต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของเรา และไม่ได้ปฏิเสธนามของเรา ดูเถิด คนที่เป็นพวกเดียวกันกับศาลาที่ประชุมของซาตาน ซึ่งอ้างว่าตนเป็นชาวยิวทั้งที่ไม่ได้เป็น แต่กลับโกหก เราจะทำให้พวกเขามาหมอบลงที่แทบเท้าของเจ้า และเขาจะได้รู้ว่าเรารักพวกเจ้า 10 เพราะเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของเรา ในเรื่องความมานะอดทน เราจะพิทักษ์รักษาเจ้าให้พ้นจากเวลาแห่งการทดสอบ ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อทดสอบคนทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก 11 เราจะมาในไม่ช้า จงยึดสิ่งที่เจ้ามีไว้ เพื่อจะได้ไม่มีใครชิงมงกุฎของเจ้าไปได้ 12 เราจะให้ผู้ที่มีชัยชนะเป็นเสาหลักในพระวิหารของพระเจ้าของเรา และเขาจะไม่ออกไปจากพระวิหารอีกเลย และเราจะจารึกชื่อพระเจ้าของเราที่ตัวผู้นั้น และชื่อเมืองของพระเจ้าของเราคือเมืองเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้าของเรา และเราจะจารึกชื่อใหม่ของเราไว้ที่ตัวเขาด้วย 13 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย’

ถึงคริสตจักรที่เมืองเลาดีเซีย

14 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองเลาดีเซียว่า ผู้เป็นองค์อาเมนเป็นพยานที่รักษาคำมั่นสัญญาและมีความสัตย์จริง เป็นแหล่งกำเนิดของการสร้างสรรพสิ่งของพระเจ้า กล่าวว่า

15 ‘เรารู้เรื่องการกระทำต่างๆ ของเจ้าว่า เจ้าไม่เย็นและไม่ร้อน เราปรารถนาให้เจ้าจะเย็นหรือร้อนอย่างใดอย่างหนึ่ง 16 ดังนั้น เมื่อเจ้าเป็นครึ่งๆ กลางๆ คือไม่ร้อนและไม่เย็น[a] เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา 17 เพราะเจ้าพูดว่า “เรามั่งมีและบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ และไม่ขัดสนในสิ่งใดเลย” และเจ้าไม่รู้ว่าเจ้ามีความทุกข์ทรมาน น่าสมเพช ขัดสน ตาบอด และมีร่างกายเปลือยเปล่า 18 เราขอแนะให้เจ้าซื้อทองคำที่หลอมบริสุทธิ์แล้วจากเรา เจ้าจะได้มั่งมี และซื้อเสื้อผ้าสีขาว เจ้าจะได้นุ่งห่มเพื่อปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าอันน่าละอาย และซื้อยาหยอดตาของเจ้าเพื่อเจ้าจะได้มองเห็น 19 เราตักเตือนและฝึกฝนคนที่เรารักให้มีวินัย ฉะนั้นจงเอาจริงเอาจังและกลับใจเสีย 20 ดูเถิด เรายืนเคาะประตูอยู่ ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราก็จะเข้าไปหาเขา และจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา 21 ผู้ที่มีชัยชนะ เราก็จะให้เขานั่งกับเราบนบัลลังก์ของเรา เช่นเดียวกับเราที่มีชัยชนะ และได้นั่งกับพระบิดาของเราบนบัลลังก์ของพระองค์ 22 ผู้ใดมีหูก็จงฟังสิ่งที่พระวิญญาณกล่าวแก่คริสตจักรทั้งหลาย’”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation