M’Cheyne Bible Reading Plan
17 อย่าใช้โคหรือแกะที่มีตำหนิหรือมีจุดด่างเป็นเครื่องสักการะสำหรับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เพราะเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
2 ถ้าในเมืองซึ่งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้นั้น ปรากฏว่ามีชายหรือหญิงในหมู่พวกท่านกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน คือละเมิดพันธสัญญาของพระองค์ 3 และไปบูชาและนมัสการบรรดาเทพเจ้า ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือสิ่งทั้งปวงที่อยู่บนท้องฟ้าที่เราไม่ได้บัญชาไว้ 4 หากว่ามีคนมาบอกให้ท่านฟัง ท่านก็จงไต่ถามให้แน่ชัด และถ้าเป็นความจริงและแน่ใจว่าสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ได้เกิดขึ้นในอิสราเอล 5 ท่านจงพาชายหรือหญิงผู้กระทำสิ่งชั่วร้ายนั้นมาที่ประตูเมือง และใช้ก้อนหินขว้างเขาให้ตาย 6 ในกรณีที่มีพยานสองหรือสามปาก คนที่จะรับโทษต้องมีโทษถึงตาย แต่ถ้ามีพยานเพียงคนเดียวเขาจะไม่ได้รับโทษถึงตาย[a] 7 พยานทุกคนจะเป็นคนแรกที่ใช้ก้อนหินขว้างเขาให้ตาย และหลังจากนั้นคนอื่นๆ ก็จะลงมือ ท่านจงกำจัดคนชั่วร้ายเหล่านั้นออกไปจากพวกท่านเถิด
8 ถ้าในกรณีขึ้นศาลในเมืองของท่านเป็นกรณียากเกินกว่าที่ท่านจะพิพากษา ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่าคน คดีความ หรือคดีทำร้ายร่างกาย ท่านจงขึ้นไปยังสถานที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลือก 9 จงไปหาบรรดาปุโรหิตซึ่งเป็นชาวเลวี และไปหาผู้ตัดสินความที่ประจำการในเวลานั้น และปรึกษากับเขาเหล่านั้น เขาจะบอกคำตัดสินให้ท่านทราบ 10 ท่านจงทำตามที่เขาตัดสินในสถานที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าเลือก และท่านจงทำตามที่พวกเขาบอกทุกประการ 11 ตามกฎบัญญัติที่พวกเขาสั่งสอนท่าน และตามการตัดสินที่เขาประกาศแก่ท่าน ท่านจงปฏิบัติตาม และอย่าหันเหไปจากสิ่งที่เขาบอก 12 ผู้ใดเกิดความยโสไม่เชื่อฟังปุโรหิตซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน หรือผู้ตัดสินความ ผู้นั้นจะต้องตาย ท่านจงกำจัดคนชั่วร้ายเหล่านั้นออกไปจากอิสราเอลเถิด 13 และทุกคนที่ได้ยินก็จะเกรงกลัว และไม่กล้าบังอาจอีก
บรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล
14 เมื่อท่านก้าวเข้ามายังแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ท่านยึดเป็นเจ้าของและอาศัยอยู่ และท่านพูดว่า ‘เราจะให้มีการเลือกกษัตริย์ปกครองเหนือเรา เหมือนกับประชาชาติทั้งปวงที่อยู่รอบข้างเรา’ 15 ท่านจงแน่ใจว่าผู้ที่ท่านจะแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ปกครองเหนือท่านจะเป็นผู้ที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลือกไว้ เป็นผู้มาจากกลุ่มของพวกท่านเองซึ่งท่านจะแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ปกครองท่าน ท่านอย่าให้คนต่างด้าวซึ่งไม่ใช่พี่น้องของท่านเป็นใหญ่เหนือท่าน 16 ขอเพียงอย่าให้กษัตริย์มีม้าศึกจำนวนมากเป็นของตนเอง[b] หรือเป็นเหตุให้ประชาชนกลับไปยังประเทศอียิปต์เพื่อหาม้าศึกเพิ่มขึ้น ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวกับท่านไว้ว่า ‘เจ้าอย่าหันกลับไปทางนั้นอีก’ 17 และกษัตริย์อย่ามีภรรยามาก[c] เกรงว่าเขาจะถูกชักจูงออกห่างไป เขาอย่าสะสมเงินทองส่วนของตนให้งอกเงยมากเกินไปนัก[d]
18 และเมื่อเขาครองบัลลังก์ในอาณาจักร เขาจงคัดลอกกฎบัญญัตินี้ลงในหนังสือม้วนสำหรับตนเอง โดยคัดมาจากปุโรหิตซึ่งเป็นชาวเลวี 19 กฎบัญญัติจะอยู่กับเขา เขาจะอ่านทุกวันตราบชั่วชีวิต เพื่อให้เขารู้จักเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขา โดยรักษาทุกสิ่งในกฎบัญญัตินี้และกฎเกณฑ์เหล่านี้ และปฏิบัติตาม 20 เพื่อใจของเขาจะไม่ฮึกเหิมและนึกไปว่าเขาวิเศษกว่าพี่น้องของตน เพื่อเขาจะได้ไม่หันเหไปจากการปฏิบัติตามกฎบัญญัติ เพื่อให้ตัวเขาและผู้สืบเชื้อสายต่อๆ ไปครองราชย์ในอาณาจักรได้ยาวนาน
สรรเสริญพระเจ้าผู้สร้างสิ่งทั้งปวง
1 โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่นัก
พระองค์ทรงเครื่องด้วยความเรืองรองและความยิ่งใหญ่
2 รัศมีสว่างเรืองรองอยู่โดยรอบดั่งเสื้อคลุมของพระองค์
พระองค์คลี่ฟ้าสวรรค์ให้กว้างออกดั่งม่าน
3 พระองค์ตั้งคานสำหรับที่พำนักของพระองค์ไว้บนน้ำที่อยู่เบื้องบน
ใช้หมู่เมฆเป็นรถศึกของพระองค์
พระองค์ดำเนินไปกับสายลม
4 พระองค์บันดาลให้ผู้ส่งข่าวของพระองค์เป็นดุจลม
และให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นดุจเปลวไฟ[a]
5 พระองค์ตั้งแผ่นดินโลกบนฐานรากของมันเอง
เพื่อไม่ให้เคลื่อนที่ได้จนชั่วกัปชั่วกัลป์
6 แล้วพระองค์ครอบคลุมมันด้วยน้ำลึกเสมือนเครื่องนุ่งห่ม
และน้ำท่วมเทือกเขา
7 เมื่อพระองค์บอกห้าม น้ำก็ไหลพล่าน
เมื่อเปล่งเป็นเสียงฟ้าร้อง มันก็เคลื่อนที่หนีไปโดยฉับพลัน
8 มันไหลท่วมเทือกเขา
แล้วลดลงสู่หุบเขา
อันเป็นที่ซึ่งพระองค์กำหนดให้มันอยู่
9 พระองค์จำกัดขอบเขตเพื่อไม่ให้มันผ่านไป
มันจึงท่วมโลกอีกไม่ได้
10 พระองค์ปล่อยให้น้ำพุพลุ่งในหุบเขา
มันไหลไปในระหว่างเนินเขา
11 เป็นน้ำดื่มสำหรับสัตว์ป่าในทุ่ง
แก้กระหายแก่พวกลาป่า
12 นกในอากาศมีที่อาศัยได้ก็ด้วยน้ำพุ
มันพากันส่งเสียงร้องอยู่ตามกิ่งไม้
13 พระองค์รดน้ำบนภูเขาจากที่พำนักเบื้องสูงของพระองค์
แผ่นดินโลกชุ่มฉ่ำจากผลงานของพระองค์
14 พระองค์ให้ต้นหญ้างอกเพื่อฝูงสัตว์
และให้มนุษย์ดูแลพืช
เพื่อใช้เป็นอาหารจากแผ่นดินโลก
15 และให้เหล้าองุ่นเพื่อให้มนุษย์มีใจยินดี
ให้น้ำมันเพื่อให้ใบหน้าแจ่มใส
และให้ข้าวเพื่อเป็นกำลังใจแก่มนุษย์
16 บรรดาต้นไม้ของพระผู้เป็นเจ้าได้น้ำรดอย่างชุ่มฉ่ำ
คือต้นซีดาร์แห่งเลบานอน[b]ที่พระองค์ได้ปลูกไว้
17 ซึ่งพวกนกก็สร้างรังของมันไว้ที่ใต้ร่มไม้
นกกระสาอาศัยอยู่ที่ต้นสน
18 ภูเขาสูงเป็นที่สำหรับแพะป่า
โขดหินเป็นที่พักพิงของตัวแบดเจอร์
19 พระองค์สร้างดวงจันทร์ไว้สำหรับกำหนดเวลาของเดือน
ดวงอาทิตย์รู้เวลาตกของมัน
20 พระองค์ให้ความมืดเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นเวลากลางคืน
ให้สัตว์ป่าคืบคลานออกมา
21 สิงโตหนุ่มคำรามหาเหยื่อของมัน
แสวงหาอาหารจากพระเจ้า
22 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น
พวกมันก็กลับไปนอนในที่ของมัน
23 มนุษย์ออกไปทำงาน
ออกแรงทำงานกระทั่งเย็น
24 โอ พระผู้เป็นเจ้า งานของพระองค์มากมายอย่างยิ่ง
พระองค์สร้างสิ่งทั้งปวงด้วยพระปัญญา
แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยสิ่งที่พระองค์สร้าง
25 โน่นก็ทะเล ทั้งกว้างและใหญ่
มีสิ่งต่างๆ แหวกว่ายอยู่นับไม่ถ้วนคือ
สิ่งมีชีวิตทั้งเล็กและใหญ่
26 เรือแล่นอยู่ที่นั่น
และตัวเหราที่พระองค์สร้างก็แหวกว่ายอยู่ในนั้น
27 สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับพระองค์
เพื่อให้อาหารมันตามกาลเวลา
28 พระองค์ให้อาหาร
ต่างก็เก็บกินกันไป
พระองค์ยื่นมือออก
พวกมันก็ได้รับสิ่งดีๆ อย่างอุดมสมบูรณ์
29 เมื่อพระองค์เมินหน้าไปจากพวกมัน
มันก็ตกใจ
เวลาพระองค์เอาลมหายใจของพวกมันไป
มันก็ตายและกลับไปเป็นดิน
30 เมื่อพระองค์ระบายลมหายใจของพระองค์ออก
พวกมันก็ถูกสร้างขึ้น
พระองค์ทำให้พื้นแผ่นดินกลับดีขึ้นใหม่
31 ขอพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่ตลอดกาล
ขอพระผู้เป็นเจ้ายินดีในสิ่งที่พระองค์สร้าง
32 พระองค์เพียงมองดูแผ่นดินโลก มันก็สะท้านไหว
พระองค์จับต้องภูเขา มันก็พ่นควัน
33 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าไปชั่วชีวิต
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระเจ้าของข้าพเจ้าตราบที่มีชีวิตอยู่
34 ขอให้การใคร่ครวญของข้าพเจ้าเป็นที่พอใจของพระองค์
เพราะข้าพเจ้ายินดีในพระผู้เป็นเจ้า
35 ให้พวกคนบาปถูกกำจัดไปเสียจากแผ่นดินโลก
และอย่าให้มีพวกคนชั่วอีกเลย
โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าเลือกอิสราเอล
44 บัดนี้ โอ ยาโคบผู้รับใช้ของเรา จงฟังเถิด
อิสราเอล ผู้ที่เราได้เลือกไว้
2 พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างเจ้าขึ้นมา
องค์ผู้สร้างเจ้าจากครรภ์
และจะช่วยเหลือเจ้า กล่าวดังนี้ว่า
อย่ากลัวเลย โอ ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
เยชูรูนผู้ที่เราได้เลือกไว้
3 เพราะเราจะหลั่งน้ำลงบนแผ่นดินแห้งผาก
และให้เกิดลำธารบนพื้นดินแห้ง
เราจะหลั่งวิญญาณของเราสู่ทายาทของเจ้า
และพรของเราสู่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า
4 พวกเขาจะผุดขึ้นท่ามกลางหญ้า
อย่างต้นหลิวที่ข้างลำธารน้ำไหล
5 คนหนึ่งจะพูดว่า ‘เราเป็นของพระผู้เป็นเจ้า’
อีกคนหนึ่งจะร้องเรียกนามของยาโคบ
และอีกคนจะเขียนบนมือของเขาว่า ‘เป็นของพระผู้เป็นเจ้า’
และตั้งชื่ออิสราเอลเป็นชื่อตนเอง”
6 พระผู้เป็นเจ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอล และผู้ไถ่ของเขา
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้
“เราเป็นเบื้องต้น และเราเป็นเบื้องปลาย
และไม่มีพระเจ้านอกจากเรา
7 ใครบ้างที่เป็นเหมือนเรา ให้เขาป่าวประกาศ
ให้เขาประกาศและชี้แจงให้เห็น ณ เบื้องหน้าเราว่า
ได้เกิดอะไรขึ้นตั้งแต่เราได้สถาปนาชนชาติโบราณ
และอะไรที่จะมาถึง
และให้พวกเขาบอกล่วงหน้าว่า อะไรจะเกิดขึ้น
8 อย่ากลัวหรือหวาดหวั่นเลย
เราเคยบอกเจ้าตั้งแต่กาลก่อน และประกาศเรื่องนี้แล้วมิใช่หรือ
พวกเจ้าเป็นพยานของเรา
มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเราหรือ
ไม่มีศิลาอื่นใด เรารู้ว่าไม่มีเลย”
ความเขลาของรูปเคารพ
9 ทุกคนที่ปั้นรูปเคารพไม่สามารถทำสิ่งใดได้ และสิ่งที่พวกเขาเทิดทูนก็ไร้ประโยชน์ บรรดาผู้ที่เป็นพยานเพื่อพวกเขาไม่สามารถมองเห็นหรือรู้อะไร พวกเขาจะเผชิญกับความอับอาย 10 ใครจะปั้นเทพเจ้า หรือหล่อรูปเคารพโดยไม่ได้ผลกำไร 11 ดูเถิด ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือเป็นเพียงมนุษย์ ปล่อยให้พวกเขามาชุมนุมร่วมกัน ให้พวกเขายืนกราน พวกเขาจะต้องตกตะลึง จะต้องอับอายไปด้วยกัน
12 ช่างตีเหล็กใช้เครื่องมือรมถ่านให้ร้อน เขาใช้แขนที่แข็งแรงขึ้นรูปด้วยค้อน เมื่อเขารู้สึกหิว กำลังของเขาก็ถอยลง และเขาจะเป็นลมถ้าไม่ได้ดื่มน้ำ 13 ช่างไม้ใช้ไม้วัดและใช้ดินสอขีดเครื่องหมาย เขาใช้กบไสไม้ให้เป็นรูปร่างขึ้นมา และขีดเครื่องหมายด้วยวงเวียน เขาสลักให้เป็นรูปร่างมนุษย์คนหนึ่ง ตามความงามของมนุษย์ เพื่อให้อยู่ในบ้าน 14 เขาตัดต้นซีดาร์ เขาเลือกต้นสนไซเปร็สหรือต้นโอ๊กซึ่งเจริญงอกงามได้เองในหมู่ต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นซีดาร์ และฝนช่วยทำให้มันโตขึ้น 15 แล้วมนุษย์ใช้ต้นไม้เป็นเชื้อเพลิง เขาตัดส่วนหนึ่งมาใช้เพื่อให้ความอบอุ่น เขาติดไฟและอบขนมปัง เขาเอาไม้มาทำเป็นเทพเจ้าและนมัสการ เขาทำเป็นรูปเคารพและก้มกราบ 16 ไม้อีกครึ่งหนึ่งเขาใช้ก่อไฟ เพื่อย่างเนื้อสัตว์ และรับประทานจนอิ่มหนำ เขาได้รับความอบอุ่นและพูดว่า “โอ ฉันอุ่นสบาย ฉันเห็นเปลวไฟแล้ว” 17 เขาใช้ไม้ที่ยังเหลืออยู่ทำเป็นรูปเทพเจ้า คือรูปเคารพของเขา และก้มกราบและนมัสการ เขาอธิษฐานต่อรูปเคารพว่า “ช่วยข้าพเจ้าให้รอดเถิด เพราะท่านเป็นเทพเจ้าของข้าพเจ้า”
18 พวกเขาไม่รู้และไม่เห็นแจ้ง เพราะเขาปิดตา จึงทำให้มองไม่เห็น และปิดใจ จึงทำให้ไม่เข้าใจ 19 ไม่มีใครนึกถึง หรือมีความรู้ หรือเห็นแจ้งที่จะพูดว่า “ฉันใช้เผาไฟครึ่งหนึ่ง ฉันใช้อบขนมปังบนถ่านร้อน ฉันย่างเนื้อกินแล้ว และฉันควรจะใช้ไม้ที่เหลือทำสิ่งที่น่ารังเกียจหรือ ฉันควรจะก้มให้กับท่อนไม้หรือ” 20 เขากินขี้เถ้า ใจที่หลงผิดทำให้เขาถูกหลอกลวง และเขาช่วยตัวเองให้รอดไม่ได้ หรือแม้จะพูดว่า “สิ่งที่ฉันถือในมือขวานี้เป็นสิ่งหลอกลวงหรือเปล่า”
พระผู้เป็นเจ้าไถ่อิสราเอล
21 “โอ ยาโคบเอ๋ย จงจดจำสิ่งเหล่านี้ไว้
โอ อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราปั้นเจ้าขึ้นมา เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า
22 เราได้กำจัดการล่วงละเมิดของเจ้าเหมือนกำจัดก้อนเมฆ
และกำจัดบาปของเจ้าเหมือนกำจัดหมอก
จงกลับมาหาเรา
เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว”
23 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลง เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งนี้
โอ โลกเบื้องล่างเอ๋ย จงส่งเสียงร้อง
โอ เทือกเขา ป่าไม้และต้นไม้ทุกต้นเอ๋ย
จงโห่ร้องด้วยเสียงเพลง
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ไถ่ยาโคบแล้ว
และพระองค์จะสำแดงพระบารมีของพระองค์ในอิสราเอล
24 พระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้ไถ่ของเจ้า
ผู้สร้างเจ้านับตั้งแต่อยู่ในครรภ์กล่าวดังนี้
“เราคือพระผู้เป็นเจ้า
ผู้สร้างสรรพสิ่ง
ผู้เดียวที่สร้างฟ้าสวรรค์ให้แผ่กว้างออกไป
ผู้กางแผ่นดินโลกด้วยตัวเราเอง
25 เราทำให้เห็นว่า การอัศจรรย์ของพวกคุยโวโอ้อวดไม่เป็นความจริง
ทำให้บรรดาผู้ทำนายกลายเป็นคนโง่
เราทำให้ผู้เรืองปัญญาให้คำปรึกษาผิดๆ
ทำให้เห็นว่าความรู้ของพวกเขาไร้สาระ
26 เรายืนยันคำพูดของผู้รับใช้ของพระองค์
และทำให้คำของบรรดาผู้ประกาศของพระองค์สัมฤทธิผล
เราเป็นผู้กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีคนอาศัยอยู่’
และกล่าวถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น
และเราจะสถาปนาสิ่งที่ปรักหักพังขึ้นใหม่’
27 เราเป็นผู้กล่าวกับห้วงน้ำลึกว่า ‘จงแห้งเสีย
เราจะทำให้แม่น้ำของเจ้าแห้งเหือด’
28 เรากล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของเรา
และเขาจะทำให้จุดมุ่งหมายทั้งสิ้นของเราสัมฤทธิผล’[a]
และกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น’
และกล่าวถึงพระวิหารว่า ‘ฐานรากจะถูกวาง’”
ลูกแกะกับ 144,000 คน
14 ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นลูกแกะกำลังยืนอยู่บนภูเขาศิโยน มีคนจำนวน 144,000 คนอยู่กับพระองค์ เป็นบรรดาผู้ที่มีชื่อของพระองค์ และชื่อของพระบิดาของพระองค์เขียนไว้ที่หน้าผากของพวกเขา 2 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์ดังกึกก้องประดุจเสียงน้ำตก และเหมือนเสียงฟ้าคำรามดังสนั่น เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินนั้นเหมือนกับเสียงของบรรดานักดีดพิณที่กำลังดีดพิณอยู่ 3 เขาเหล่านั้นได้ร้องเพลงบทใหม่อยู่ที่หน้าบัลลังก์ ตรงหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และบรรดาผู้ใหญ่ ไม่มีผู้ใดสามารถเรียนรู้เพลงนั้นได้ยกเว้น 144,000 คนที่ได้รับการไถ่จากแผ่นดินโลก 4 คนเหล่านั้นเป็นบรรดาพรหมจรรย์ เพราะปราศจากมลทินจากสตรี ไม่ว่าลูกแกะไปทางไหนคนเหล่านั้นก็ติดตามไปด้วย พระองค์ได้ไถ่พวกเขาจากมวลมนุษย์เสมือนผลแรก[a]ที่ถวายแด่พระเจ้าและแด่ลูกแกะ 5 พวกเขาไม่เคยพูดปดเลย คือเป็นคนที่ไม่ถูกตำหนิ
ทูตสวรรค์ 3 องค์
6 และข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งกำลังเหาะอยู่ในอากาศ มีข่าวประเสริฐอันเป็นนิรันดร์ที่จะประกาศแก่พวกที่อยู่บนแผ่นดินโลก แก่ทุกประเทศ ทุกเผ่า ทุกภาษา และทุกชนชาติ 7 ท่านประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “จงเกรงกลัวพระเจ้าและถวายพระบารมีแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะพิพากษาแล้ว จงนมัสการพระองค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ทะเลและบ่อน้ำพุทั้งหลาย”
8 ทูตสวรรค์อีกองค์ที่เป็นองค์ที่สองซึ่งตามไป ได้พูดว่า “บาบิโลนเมืองอันยิ่งใหญ่ถล่มลงแล้ว ถล่มลงแล้ว เมืองที่ทำให้ประเทศทั้งหลายดื่มเหล้าองุ่นแห่งความใคร่ในการประพฤติผิดทางเพศของนาง”
9 ทูตสวรรค์อีกองค์ที่เป็นองค์ที่สามซึ่งตาม 2 องค์นั้นไป พลางพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ถ้าผู้ใดนมัสการอสุรกายและรูปจำลองของตัวมัน และได้รับเครื่องหมายที่หน้าผากหรือที่มือของเขา 10 ผู้นั้นจะดื่มเหล้าองุ่นแห่งการลงโทษของพระเจ้าอย่างเข้มข้น ที่เทลงในถ้วยแห่งความกริ้วของพระองค์ และเขาจะถูกทรมานด้วยไฟและกำมะถัน ต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และต่อหน้าลูกแกะ 11 ควันแห่งการทรมานของเขาเหล่านั้นลอยขึ้นชั่วนิรันดร์กาล พวกที่นมัสการอสุรกายและรูปจำลองของตัวมัน และผู้ที่ได้รับเครื่องหมายอันเป็นชื่อของมัน จะไม่มีวันได้รับความบรรเทาทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน”
12 นี่คือความมานะอดทนของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ที่ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และมีความภักดีต่อพระเยซู
13 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดจากสวรรค์ว่า “จงเขียนว่า ‘ตั้งแต่นี้ไป คนที่ตายในพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสุข’” พระวิญญาณกล่าวว่า “ใช่แล้ว เขาเหล่านั้นจะได้เว้นว่างจากการตรากตรำงานของเขา เพราะผลที่ได้จากการรับใช้ของพวกเขาจะปรากฏ”
เก็บเกี่ยวบนแผ่นดิน
14 ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นเมฆสีขาว และผู้หนึ่งที่นั่งอยู่บนเมฆดูเหมือนบุตรมนุษย์ มีมงกุฎทองคำสวมบนศีรษะ และถือเคียวอันคมกริบอยู่ในมือของพระองค์ 15 ครั้นแล้วทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหาร ร้องบอกแก่องค์ที่นั่งอยู่บนเมฆด้วยเสียงอันดังว่า “เชิญใช้เคียวเกี่ยวไปเถิด เพราะผลที่จะเก็บเกี่ยวบนแผ่นดินโลกสุกดีแล้ว และถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว” 16 องค์ที่นั่งบนเมฆก็ตวัดเคียวบนแผ่นดินโลก แล้วแผ่นดินโลกก็ถูกเก็บเกี่ยว
17 ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ออกมาจากพระวิหารในสวรรค์ ถือเคียวอันคมกริบเช่นกัน 18 ทูตสวรรค์อีกองค์ที่มีสิทธิอำนาจควบคุมไฟก็ออกมาจากแท่นบูชา ร้องเสียงดังเพื่อบอกแก่ทูตสวรรค์ที่ถือเคียวคมว่า “จงใช้เคียวคมของท่านเกี่ยวไปเถิด และเก็บรวบรวมพวงองุ่นจากเถาของแผ่นดินโลก เพราะลูกองุ่นสุกดีแล้ว” 19 ทูตสวรรค์ก็ตวัดเคียวของท่านบนแผ่นดินโลก รวบรวมพวงองุ่นจากเถาของแผ่นดินโลก แล้วโยนลงในเครื่องสกัดเหล้าองุ่นแห่งการลงโทษขนาดใหญ่ของพระเจ้า 20 ลูกองุ่นถูกบดขยี้ในเครื่องสกัดที่อยู่ภายนอกเมือง มีโลหิตไหลออกมาจากเครื่องสกัดเหล้าองุ่นที่มีขนาดสูงถึงบังเหียนม้า ไหลไปเป็นระยะทางถึง 1,600 สตาเดีย[b]
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation