Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
โยชูวา 2

ราหับและสายสืบ

โยชูวาบุตรของนูนได้ส่งชาย 2 คนจากค่ายชิทธีมไปเป็นสายสืบอย่างลับๆ โดยกล่าวว่า “จงไปสืบความในแผ่นดินโน้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองเยรีโค” เขาทั้งสองก็ไป เมื่อมาถึงบ้านของหญิงแพศยาคนหนึ่งชื่อราหับ เขาก็ค้างแรมที่นั่น มีคนไปบอกให้กษัตริย์แห่งเยรีโคทราบว่า “ดูเถิด คืนนี้มีชาวอิสราเอลเข้ามาถึงที่นี่เพื่อสืบความลับในแผ่นดิน” แล้วกษัตริย์เมืองเยรีโคให้คนไปบอกราหับว่า “จงพาตัวชายที่มาหาเจ้า และก็ได้เข้าไปในบ้านเจ้าออกมา เพราะพวกเขามาเพื่อสอดแนมทั่วทั้งแผ่นดิน” แต่หญิงผู้นั้นซ่อนตัวชายทั้งสองไว้ และนางตอบว่า “เป็นความจริงที่ชายทั้งสองมาหาข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเขามาจากไหน เมื่อใกล้เวลาปิดประตูเมืองตอนพลบค่ำ พวกเขาก็จากไปแล้ว ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเขาไปไหน รีบตามไปเถิด ท่านอาจจะตามตัวพวกเขาทัน” แต่นางพาพวกเขาขึ้นไปที่หลังคาก่อนหน้านั้นแล้ว และซ่อนตัวพวกเขาไว้ใต้ป่านกลีบที่นางวางเรียงบนหลังคา ดังนั้นชายพวกนั้นจึงรีบไล่ตามสายสืบไป ตามทางไปแม่น้ำจอร์แดน ไกลถึงลำน้ำที่ลุยข้ามได้ ทันทีที่ผู้ไล่ตามออกไป ประตูเมืองก็ปิด

ก่อนที่ชายทั้งสองจะเอนกายลง นางก็ขึ้นไปที่หลังคา และพูดกับเขาว่า “เราทราบแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้าได้มอบแผ่นดินนี้ให้แก่พวกท่าน ซึ่งทำให้พวกเราหวาดกลัวท่านนัก และทำให้ผู้อยู่อาศัยทุกคนในแผ่นดินตกใจกลัวต่อหน้าท่าน 10 พวกเราได้ยินมาว่าพระผู้เป็นเจ้าทำให้น้ำในทะเลแดงแห้งเหือดต่อหน้าท่านอย่างไรเมื่อท่านออกจากประเทศอียิปต์ และสิ่งที่ท่านกระทำต่อสิโหนและโอกกษัตริย์ทั้งสองของชาวอาโมร์ที่โพ้นแม่น้ำจอร์แดน คือท่านได้ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำลายล้างทุกชีวิตของพวกเขา 11 ทันทีที่พวกเราได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น เราก็ตกใจกลัว และเป็นเพราะท่าน ความกล้าของพวกเราทุกคนจึงหายไปสิ้น เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน พระองค์เป็นพระเจ้าของฟ้าสวรรค์เบื้องบนและบนโลกเบื้องล่าง 12 ฉะนั้นบัดนี้ โปรดสาบานต่อข้าพเจ้าในพระนามพระผู้เป็นเจ้าว่า ท่านจะแสดงความกรุณาต่อตระกูลของข้าพเจ้า อย่างที่ข้าพเจ้าได้แสดงความกรุณาต่อท่าน และข้าพเจ้าขอหลักประกันที่แน่ชัดว่า 13 พวกท่านจะไว้ชีวิตบิดามารดา พี่น้องชายหญิงของข้าพเจ้า และทุกคนที่เกี่ยวดองกับพวกเขา และพวกท่านจะช่วยเราทั้งหลายให้พ้นจากความตาย” 14 และชายทั้งสองพูดกับนางว่า “ชีวิตของเราเพื่อชีวิตของเจ้า แม้จะถึงแก่ความตาย ถ้าเจ้าไม่บอกเรื่องของเราให้ใครฟัง เมื่อพระผู้เป็นเจ้ามอบแผ่นดินนี้ให้แก่พวกเรา เราจะแสดงความกรุณาและความสัตย์ต่อเจ้า”

15 ดังนั้น นางจึงเอาเชือกหย่อนเขาทั้งสองลงทางหน้าต่าง ด้วยว่า บ้านที่นางอาศัยอยู่นั้นเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมือง ฉะนั้นนางอาศัยอยู่ในกำแพง 16 นางบอกชาย 2 คนว่า “ไปที่แถบภูเขา เพื่อผู้ไล่ตามจะหาท่านไม่พบ ซ่อนตัวอยู่ที่นั่น 3 วัน จนกว่าพวกเขาจะกลับ แล้วท่านจึงจะเดินทางต่อไปได้” 17 ชายทั้งสองพูดกับนางว่า “คำสาบานที่เจ้าให้เราสาบานไว้ จะผูกมัดเราไม่ได้ 18 นอกจากว่า เจ้าจะทำตามนี้คือเวลาพวกเราเข้ามาในดินแดนนี้ เจ้าจะต้องมีเชือกสีแดงสดผูกไว้ที่หน้าต่างบานเดียวกับที่เจ้าให้เราปีนลงไป และเจ้าต้องพาพ่อแม่ พี่น้องชายหญิง และทุกคนในตระกูลของเจ้ามาอยู่รวมกันในบ้านเจ้า 19 ถ้าผู้ใดออกจากบ้านไปที่ถนน เขาจะต้องรับผิดชอบการตายของเขาเอง เราไม่รับผิดชอบ แต่ถ้าผู้ที่แม้จะอยู่กับเจ้าในบ้านแต่ยังได้รับอันตราย พวกเราก็จะรับผิดชอบการตายของเขา 20 แต่ถ้าเจ้าบอกเรื่องของเรากับผู้ใด เราก็จะพ้นจากคำสาบานที่เจ้าให้เราสาบานไว้” 21 นางตอบว่า “ตกลง ขอให้เป็นไปตามนั้น” แล้วนางให้เขาทั้งสองไป เขาก็จากไป และนางผูกเชือกสีแดงสดไว้ที่หน้าต่าง

22 ชาย 2 คนจากไปและขึ้นเขาไป เขาอยู่ที่นั่น 3 วันจนกระทั่งผู้ตามล่ากลับไปแล้ว บรรดาผู้ตามล่าค้นหาตลอดทางก็ไม่พบสิ่งใด 23 ชาย 2 คนจึงกลับไป เขาลงมาจากเขาและข้ามน้ำกลับไปหาโยชูวาบุตรของนูน และเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ท่านฟัง 24 เขาทั้งสองพูดกับโยชูวาว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้มอบแผ่นดินทั้งหมดไว้ในมือพวกเราอย่างแน่นอน นอกจากนั้นผู้อยู่อาศัยทั้งปวงก็กำลังใจเสียเพราะเรา”

สดุดี 123-125

คำอธิษฐานขอความเมตตา

บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา

ข้าพเจ้าทอดสายตาไปทางพระองค์
    ผู้สถิตบนบัลลังก์ในฟ้าสวรรค์
ดูเถิด นัยน์ตาของบรรดาผู้รับใช้
    แลจับอยู่ที่มือเจ้านายของเขา
และนัยน์ตาของสาวรับใช้
    ที่จับจ้องมือนายหญิงของนางฉันใด
สายตาของเราก็ทอดไปทางพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราฉันนั้น
    จนกว่าพระองค์จะเมตตาเรา

โปรดเมตตาพวกเราเถิด พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาพวกเราด้วย
    เพราะเราถูกดูหมิ่นมามากพอแล้ว
ชีวิตพวกเราอดทนต่อการเยาะเย้ยของพวกไม่เคยลำบาก
    และการดูหมิ่นของคนยโสมามากแล้ว

พระเจ้าเป็นผู้คุ้มครองชนชาติของพระองค์

บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา ของดาวิด

ถ้าหากว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้อยู่ฝ่ายเรา
    ชาวอิสราเอลจงกล่าวต่อไปเถิด
ถ้าหากว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้อยู่ฝ่ายเรา
    เวลาคนโจมตีเรา
เขาคงได้กลืนกินพวกเราไปแล้วทั้งเป็น
    ยามที่ความกริ้วพลุ่งเข้าใส่พวกเรา
น้ำคงพัดพาเราไหลไป
    กระแสน้ำคงซัดเอาตัวเราจนมิดไปแล้ว
กระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
    คงซัดเราจนมิดไปแล้ว

สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์ไม่ได้ให้เราตกเป็นเหยื่อในปากใคร
พวกเราหนีรอดพ้นมาได้ดั่งนก
    หลีกหนีจากกับดักของนายพราน
เมื่อกับดักหักไป
    เราก็หนีรอดพ้นมาได้
ความช่วยเหลือที่พวกเราได้รับอยู่ภายใต้พระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก

คนของพระเจ้าไม่หวั่นไหว

บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา

บรรดาผู้ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนภูเขาศิโยน
    ที่ไม่ขยับเขยื้อน แต่ตั้งมั่นอยู่ตลอดกาล
ภูเขาโอบล้อมอยู่รอบเยรูซาเล็มฉันใด
    พระผู้เป็นเจ้าก็จะโอบล้อมคนของพระองค์ฉันนั้น
    นับแต่บัดนี้ไปตลอดกาล

อำนาจของผู้ปกครองที่ชั่วร้ายจะไม่คงอยู่ในแผ่นดินที่ถูกมอบให้เป็นของบรรดาผู้มีความชอบธรรม
    เพื่อไม่ให้ผู้มีความชอบธรรมปฏิบัติชั่ว

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดมอบสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่คนดี
    รวมถึงบรรดาผู้มีความชอบธรรมในจิตใจเถิด
ส่วนพวกที่หันเข้าหาทางเคี้ยวคดของตน
    พระผู้เป็นเจ้าจะให้พวกเขาจบชีวิตลงพร้อมๆ กับพวกที่ทำความชั่ว
    ขอให้อิสราเอลมีสันติสุขเถิด

อิสยาห์ 62

ความรอดพ้นของศิโยน

62 เพื่อเห็นแก่ศิโยน ข้าพเจ้าจะไม่นิ่งเงียบ
    และเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าจะไม่นิ่งเฉย
จนกว่าความชอบธรรมของเมืองจะก้าวออกไปดุจความสว่าง
    และความรอดพ้นของเมืองจะเป็นดุจคบไฟที่ลุกอยู่
บรรดาประชาชาติจะเห็นความชอบธรรมของเจ้า
    และกษัตริย์ทั้งปวงจะเห็นความสุกสว่างของเจ้า
และเจ้าจะได้รับเรียกด้วยชื่อใหม่
    ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้ให้จากปากของพระองค์
เจ้าจะเป็นมงกุฎแห่งความงามในมือของพระผู้เป็นเจ้า
    และราชมงกุฎในมือของพระเจ้าของเจ้า
เจ้าจะไม่ถูกเรียกว่าเป็น “ผู้ถูกทอดทิ้ง” อีกต่อไป
    และแผ่นดินของเจ้าจะไม่ถูกเรียกว่าเป็น “ที่รกร้าง”
แต่เจ้าจะได้รับเรียกว่า “เฮฟซีบาห์”[a]
    และแผ่นดินของเจ้าจะได้รับเรียกว่า “เบอูลาห์”[b]
เพราะพระผู้เป็นเจ้าชื่นชอบในตัวเจ้า
    และแผ่นดินของเจ้าจะได้สมรส
ด้วยว่า เท่าที่ชายหนุ่มแต่งงานกับหญิงสาวเช่นไร
    บรรดาบุตรชายของเจ้า[c]จะแต่งงานกับเจ้าเช่นนั้น
และเท่าที่เจ้าบ่าวชื่นชมยินดีในตัวเจ้าสาวเช่นไร
    พระเจ้าของเจ้าก็จะชื่นชมยินดีในตัวเจ้าเช่นนั้น

โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย เราได้วางยามไว้บนกำแพงเมืองของเจ้าแล้ว
    พวกเขาจะไม่เงียบงันอีกเลยตลอดทั้งวันและคืน
พวกเจ้าที่ระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า
    จงอย่าพักผ่อน
และไม่ยอมให้พระองค์พักผ่อน
    จนกว่าพระองค์สถาปนาเยรูซาเล็ม
    และทำให้เยรูซาเล็มเป็นที่สรรเสริญในโลก
พระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิญาณด้วยมือขวา
    และด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ว่า
“เราจะไม่ให้พวกศัตรูของเจ้าได้รับธัญพืช
    ของเจ้าเป็นอาหารอีกแล้ว
และชาวต่างชาติจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นของเจ้า
    ซึ่งเจ้าได้ออกแรงสกัดเอง
แต่บรรดาผู้เก็บเกี่ยวจะเป็นผู้รับประทาน
    และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
และบรรดาผู้เก็บรวบรวมผลจะดื่ม
    ในลานของสถานที่บริสุทธิ์ของเรา”

10 จงผ่านเข้าไป จงผ่านเข้าประตูเมือง
    จงเตรียมทางให้ประชาชน
จงสร้าง จงสร้างถนนใหญ่
    อย่าให้มีก้อนศิลาขวางทาง
จงยกธงชัยให้บรรดาชนชาติเห็น
11 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าได้ประกาศ
    ถึงสุดมุมโลก
จงบอกธิดาแห่งศิโยนว่า
    “ดูเถิด ความรอดพ้นของเจ้ามาแล้ว[d]
ดูเถิด รางวัลของพระองค์อยู่กับพระองค์
    และพระองค์จะตอบสนอง”
12 และพวกเขาจะได้รับเรียกว่า “ประชาชนที่บริสุทธิ์
    ผู้ที่ได้รับการไถ่ของพระผู้เป็นเจ้า
และเจ้าจะได้รับเรียกว่า “เป็นที่ปรารถนา
    เมืองที่ไม่ถูกทอดทิ้ง”

มัทธิว 10

พระเยซูให้โอวาทแก่สาวก 12 คนก่อนออกไปประกาศ

10 พระเยซูเรียกสาวกทั้งสิบสองของพระองค์มา แล้วก็ได้ให้สิทธิอำนาจในการขับพวกวิญญาณร้ายออก และรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดได้ อัครทูตทั้งสิบสองมีชื่อดังนี้ คนแรกชื่อซีโมนมีอีกชื่อหนึ่งว่า เปโตร กับอันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบบุตรของเศเบดี ยอห์นน้องชายของยากอบ ฟีลิป บาร์โธโลมิว โธมัส มัทธิวคนเก็บภาษี ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ธัดเดอัส ซีโมนผู้เป็นพรรคชาตินิยม และยูดาสอิสคาริโอทผู้ทรยศพระองค์

ก่อนที่พระเยซูจะส่งสาวกเหล่านี้ทั้งสิบสองคนออกไป พระองค์สั่งพวกเขาว่า “อย่าไปในเขตแดนของบรรดาคนนอก และอย่าเข้าไปในเมืองของชาวสะมาเรีย[a] แต่ควรไปยังชนชาติอิสราเอลซึ่งเสมือนฝูงแกะที่หลงหาย เมื่อพวกเจ้าไป จงประกาศว่า ‘อาณาจักรแห่งสวรรค์ใกล้จะมาถึงแล้ว’ จงรักษาคนป่วยไข้ สั่งให้คนตายฟื้นคืนชีวิต รักษาคนโรคเรื้อน ขับพวกมาร[b] ในเมื่อเจ้าได้รับมาโดยเปล่า เจ้าก็จงให้โดยเปล่า อย่านำทองคำ เงิน หรือทองแดงใส่กระเป๋าติดตัวไป 10 หรือนำย่ามไปในการเดินทาง แม้แต่เสื้อสำรองตัวใน รองเท้า หรือไม้เท้า เพราะคนงานสมควรได้รับค่าจ้าง 11 และเมื่อเจ้าเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองใดก็ตาม จงสืบหาถึงคนดี และอยู่ที่นั่นจนกว่าเจ้าจะจากไป 12 เมื่อเจ้าเข้าไปในบ้าน ก็จงกล่าวคำทักทาย 13 และถ้าบ้านนั้นยินดีต้อนรับ ก็จงให้คำทักทายแห่งสันติสุขของเจ้ามาสู่บ้านนั้น แต่ถ้าไม่ยินดีต้อนรับ ก็ให้คำทักทายแห่งสันติสุขกลับมาสู่เจ้า 14 ใครก็ตามที่ไม่ต้อนรับหรือฟังคำของเจ้า ก็จงสลัดฝุ่นออกจากเท้าของเจ้าเวลาออกไปจากบ้านหรือเมืองนั้น 15 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์[c]จะทนได้มากกว่าเมืองนั้นในวันพิพากษา

16 เราส่งพวกเจ้าออกไปเช่นบรรดาแกะท่ามกลางเหล่าสุนัขป่า ฉะนั้นจงเฉลียวฉลาดเหมือนงูและไม่มีภัยเหมือนนกพิราบ 17 แต่จงระวังพวกมนุษย์ เพราะเขาจะมอบตัวเจ้าให้ศาลต่างๆ แล้วเฆี่ยนพวกเจ้าตามศาลาที่ประชุมของเขา 18 พวกเจ้าจะถูกพาตัวไปยืนต่อหน้าเหล่าผู้ว่าราชการและบรรดากษัตริย์ก็เพราะเรา เพื่อเป็นพยานแก่เขาและบรรดาคนนอก 19 เมื่อพวกเขามอบตัวเจ้าไปก็อย่ากังวลว่าเจ้าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร เพราะเจ้าจะได้รับคำที่เจ้าจะพูดในเวลานั้น 20 เพราะว่าไม่ใช่ตัวเจ้าเองที่พูด แต่พระวิญญาณของพระบิดาของเจ้าเป็นผู้กล่าวผ่านเจ้า 21 บรรดาพี่น้องต่างคนก็ต่างจะส่งตัวกันและกันไปประหาร พ่อมอบลูก และบรรดาลูกๆ จะต่อต้านพ่อแม่ และเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 22 คนทั้งปวงจะเกลียดชังเจ้า เหตุเพราะชื่อของเรา แต่คนที่ยืนหยัดได้จนถึงที่สุดจะได้รับชีวิตที่รอดพ้น 23 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขากดขี่ข่มเหงพวกเจ้าในเมืองนี้ จงหนีไปยังเมืองอื่น เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เจ้าจะไปไม่ได้ทั่วทุกเมืองในอิสราเอลก่อนบุตรมนุษย์จะมา

24 ศิษย์จะไม่เหนือไปกว่าอาจารย์ และทาสรับใช้ไม่เหนือไปกว่านาย 25 อย่างมากศิษย์ก็จะเป็นดังเช่นอาจารย์ และทาสรับใช้ดังเช่นนายเท่านั้น ถ้าคนเรียกเจ้าบ้านว่า เบเอลเซบูล เขาจะเรียกลูกบ้านแย่กว่านั้นอีกเพียงไร

26 ฉะนั้น อย่ากลัวพวกเขาเลย เพราะไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้แล้วจะไม่ถูกเปิดเผยออก และที่ซ่อนไว้แล้วจะไม่แสดงให้เป็นที่รับรู้ 27 อะไรที่เราบอกเจ้าในที่มืด เจ้าต้องพูดในที่แจ้ง และอะไรที่เจ้าได้ยินกระซิบในหู เจ้าต้องประกาศจากดาดฟ้าหลังคาบ้าน 28 อย่ากลัวพวกที่ฆ่าได้แต่เพียงร่างกายแต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณได้ จงกลัวพระองค์ผู้สามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและร่างกายในนรกได้ 29 นกกระจอก 2 ตัวขายได้ในราคาเพียง 1 บาทมิใช่หรือ ถึงกระนั้น ไม่มีนกสักตัวเดียวจะตกลงพื้นได้ โดยที่พระบิดาของเจ้าไม่อนุญาต 30 แม้แต่ผมบนศีรษะของเจ้า พระเจ้าก็นับไว้แล้ว 31 ฉะนั้นอย่ากลัวเลย เจ้ามีค่ายิ่งกว่านกกระจอกหลายตัว 32 ดังนั้นทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะยอมรับเขาต่อหน้าพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์ด้วย 33 แต่ใครก็ตามที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่ยอมรับเขาต่อหน้าพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์เช่นกัน

34 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติสุขมาสู่โลก เราไม่ได้มาเพื่อนำสันติสุขแต่นำดาบมา 35 เรามาเพื่อทำให้ ‘ลูกชายต่อต้านพ่อของเขา ลูกสาวต่อต้านแม่ และลูกสะใภ้ต่อต้านแม่สามี 36 และสมาชิกของคนในครอบครัวจะเป็นศัตรูของเขาเอง’[d]

37 ผู้ที่รักพ่อแม่มากกว่ารักเรา และรักลูกชายลูกสาวมากกว่ารักเรา ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นสาวกของเรา 38 ผู้ที่ไม่แบกไม้กางเขนของตนและติดตามเราไป ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นสาวกของเรา 39 ผู้ที่พบชีวิตของตนจะสูญเสียชีวิตนั้นไป และผู้ที่สูญเสียชีวิตของตนเพื่อเราจะรักษาชีวิตไว้ได้

40 ผู้ที่รับพวกเจ้าก็รับเรา และผู้ที่รับเราก็รับพระองค์ผู้ส่งเรามา 41 ผู้ที่รับผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเพราะเป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ก็จะได้รับรางวัลอย่างที่ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าพึงได้รับ และผู้ที่รับผู้มีความชอบธรรมเพราะเขามีความชอบธรรม ก็จะได้รับรางวัลอย่างผู้มีความชอบธรรมพึงได้รับ 42 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ใครก็ตามที่ให้เพียงน้ำเย็น 1 แก้วแก่ผู้หนึ่งในบรรดาผู้น้อยเหล่านี้ เพราะเขาเป็นสาวกของเรา ผู้นั้นจะไม่สูญเสียรางวัลของเขา”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation