Old/New Testament
การกดขี่ข่มเหง
4 แล้วเราก็ได้หันไปดูการกดขี่ข่มเหงทั้งหลายที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกครั้ง
ดูสิ น้ำตาของคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง แต่ไม่มีใครปลอบโยน อำนาจอยู่ในเงื้อมมือของผู้กดขี่ ไม่มีใครปลอบโยนพวกเขาเลย
2 ดังนั้นเราจึงถือว่าคนตายไปแล้วก็โชคดีกว่าคนที่ยังเป็นอยู่
3 แต่ที่โชคดีกว่าคนตายและคนเป็น คือคนที่ไม่เคยมีชีวิตมาก่อนเพราะเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งชั่วร้ายที่มนุษย์ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
จะทำงานหนักไปทำไมกัน
4 เราเห็นว่า งานหนักและความสำเร็จทุกอย่าง เกิดมาจากการที่คนแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนวิ่งไล่ตามลม
5 แต่พวกคนโง่งอมืองอเท้า แล้วต้องกินเนื้อตัวเอง
6 คนที่หามาได้หนึ่งกำมือเต็ม แล้วได้พักผ่อน ก็ยังดีกว่าคนที่ได้มาสองกำมือ แต่ต้องทำงานหนักและวิ่งไล่ตามลม
7 แล้วเราก็เห็นสิ่งไม่เที่ยงภายใต้ดวงอาทิตย์อีกอย่างหนึ่ง คือ
8 มีชายคนหนึ่ง อยู่ตัวคนเดียวไม่มีแม้แต่ลูก หรือพี่น้อง เขาทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อน และในเรื่องความร่ำรวยนั้น ตาของเขาก็ไม่รู้จักพอ เขาไม่เคยหยุดเพื่อถามตัวเองเลยว่า จะทำงานหนักไปเพื่อใคร และที่ไม่ยอมหาความสุขใส่ตัวนี้ มันเพื่อใครกัน นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน และเป็นการหมกมุ่นอย่างร้ายกาจ
พวกเพื่อนๆและครอบครัวให้กำลังใจ
9 สองคนย่อมจะดีกว่าคนเดียว เพราะพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าจากงานหนักที่ทำ
10 แล้วถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งก็จะได้ช่วยเพื่อนให้ลุกขึ้น แต่คนที่อยู่ตัวคนเดียวจะลำบาก เพราะเมื่อเขาล้มลง ก็ไม่มีใครมาช่วยให้ลุกขึ้น
11 ยิ่งกว่านั้น ถ้าคนสองคนนอนอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็อบอุ่น ส่วนคนที่อยู่คนเดียว เขาจะอบอุ่นได้อย่างไร
12 คนที่อยู่คนเดียวอาจจะถูกรังแก แต่ถ้าอยู่ด้วยกันสองคนก็สามารถป้องกันตัวเองได้ เชือกสามเส้นที่มัดเป็นเกลียวเข้าด้วยกันนั้นไม่สามารถดึงให้ขาดจากกันได้ง่ายๆหรอก
การเมือง
13 คนหนุ่มที่ยากจนแต่ฉลาด ย่อมดีกว่ากษัตริย์แก่โง่เขลาที่ไม่ยอมฟังคำเตือนแล้ว 14 เพราะคนหนุ่มนั้นได้ออกจากคุก แล้วได้กลายมาเป็นกษัตริย์ ในขณะที่อีกคนหนึ่งซึ่งเกิดมาในวัง แต่กลับกลายเป็นคนยากจนในที่สุด 15 เราได้เห็นคนทั้งหลายผู้ซึ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไปติดตามคนหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทนคนหนุ่มคนแรกนั้น 16 แต่ถึงแม้คนหนุ่มคนหลังนี้จะมีผู้ติดตามจนนับไม่ถ้วนก็ตาม แต่คนรุ่นต่อไปจะไม่นิยมชมชอบเขา นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนวิ่งไล่ตามลม
การเข้าเฝ้าพระเจ้า
5 ระวังสิ่งที่เจ้าทำให้ดีเมื่อเข้าไปในวิหารของพระเจ้า พระเจ้ายอมรับคนที่เชื่อฟังและทำตามพระองค์ มากกว่าคนโง่ๆที่แค่นำเครื่องบูชามาถวายเท่านั้น เพราะพวกคนโง่นั้นไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ากำลังทำชั่วอยู่
2 อย่าเป็นคนปากไว ใจร้อน พูดอะไรโพล่งๆออกไปต่อหน้าพระเจ้า เจียมตัวเสียบ้างเพราะพระเจ้าอยู่บนสวรรค์ แต่เจ้าอยู่บนโลก เพราะฉะนั้นเจ้าควรจะพูดให้น้อยๆเข้าไว้ 3 ยิ่งหมกมุ่นเท่าไหร่ก็ยิ่งเพ้อฝันมากเท่านั้น ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่อให้เห็นว่าโง่มากเท่านั้น
4 เมื่อเจ้าได้บนบานไว้กับพระเจ้า ก็อย่าได้รีรอที่จะแก้บนนั้น เพราะพระองค์ไม่ชอบคนโง่ เจ้าบนอะไรไว้ก็ให้แก้เสีย
5 ไม่บนบานเสียเลยย่อมดีกว่าบนบานแล้วไม่แก้ 6 เพราะเหตุนี้ อย่าปล่อยให้ปากเป็นเหตุทำให้คุณทำบาป และอย่าพูดกับตัวแทนของพระเจ้าว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจพูดอย่างนั้น” ทำไมจะต้องทำให้พระเจ้าโกรธเพราะคำพูดของคุณ แล้วทำให้พระองค์ทำลายงานที่คุณได้ทำมากับมือ 7 คนเราชอบฝัน ชอบคิดเรื่องไร้สาระและชอบพูด แต่ให้ยำเกรงพระเจ้าดีกว่า
เหนือผู้นำยังมีผู้นำ
8 ถ้าคุณเห็นคนยากจนถูกกดขี่ข่มเหงในหมู่บ้านของคุณ หรือถูกปล้นสิทธิหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะเหนือเจ้านายคนนั้น ก็ยังมีเจ้านายของเขาเฝ้ามองอยู่ และเหนือเจ้านายทั้งสองคนนี้ ก็ยังมีเจ้านายของพวกเขาอีกทีหนึ่ง 9 แม้แต่กษัตริย์ก็ยังได้ส่วนแบ่งจากการเพาะปลูกในแผ่นดิน พวกเขาก็ได้แบ่งผลประโยชน์ของแผ่นดินกันไป
เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้
10 คนรักเงินก็ไม่เคยมีเงินพอ และคนรักความร่ำรวยก็ไม่เคยพอใจกับรายได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน
11 เมื่อมีข้าวของเงินทองเพิ่มขึ้น ก็จะมีคนมาช่วยผลาญมากขึ้น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้าของ นอกจากจะได้แค่ชมเป็นขวัญตาเท่านั้น 12 กรรมกรมีความสุขนอนหลับสบาย ไม่ว่าเขาจะได้กินน้อยหรือมาก แต่ความเหลือเฟือของคนร่ำรวยทำให้เขานอนไม่หลับ
13 เราได้เห็นเรื่องเลวร้ายอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ คือคนที่สะสมความร่ำรวยไว้ให้กับตัวเอง และสุดท้ายก็ทำให้เขาต้องทุกข์ใจ
14 คือการที่เขาต้องสูญเสียความร่ำรวยไปหมดกับการลงทุนเสี่ยงภัย เขามีลูกชายหนึ่งคน แต่ก็ไม่มีอะไรเหลือในมือเพื่อให้กับลูกชายแล้ว
15 เขาออกมาจากท้องแม่ตัวเปล่า เขาก็ย่อมจะจากไปตัวเปล่าเหมือนเดิม ไม่ได้อะไรติดมือไปเลย จากงานหนักที่เขาได้ตรากตรำทำมา
16 ใช่แล้ว นี่แหละคือเรื่องเลวร้ายที่ทำให้รู้สึกแย่มาก
เขามาอย่างไร เขาก็จะไปอย่างนั้น แล้วเขาจะได้ประโยชน์อะไรที่ต้องทำงานหนักเพื่อได้มาแต่สิ่งลมๆแล้งๆ
17 ความจริงแล้ว ตลอดวันเวลาของเขานั้น เขาก็กินอยู่ในความมืด เต็มไปด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านใจ เจ็บไข้ได้ป่วย และโกรธแค้น
ให้มีความสุขกับการทำงาน
18 เราเห็นว่าสิ่งนี้ดีและเหมาะสม คือในช่วงชีวิตสั้นๆที่พระเจ้าประทานให้นี้ ให้แต่ละคนกินและดื่ม และมีความสุขกับงานหนักทั้งหมดที่ทำภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะสิ่งเหล่านั้นแหละเป็นรางวัลที่เขาได้รับ
19 นอกจากนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่พระเจ้าทำให้คนหนึ่งคนใดร่ำรวย ให้เขามีความสุขกับทรัพย์สมบัติและได้รับส่วนแบ่งของเขา และมีความสุขกับงานหนักที่ทำ ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้า
20 เขาไม่ควรจะไปคิดมากเกี่ยวกับเรื่องในอดีตหรือเรื่องในอนาคต เพราะพระเจ้าทำให้เขาสาละวนอยู่กับสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข
ความร่ำรวยไม่ได้นำความสุขมาให้
6 มีเรื่องเลวร้ายอีกเรื่องหนึ่งที่เราได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ และมันก็หนักหนาสาหัสสำหรับมนุษย์ 2 คือมีคนซึ่งพระเจ้ามอบความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ และชื่อเสียงเกียรติยศให้ จนเขาไม่ขาดอะไรเลยที่อยากได้ แต่พระเจ้าไม่ได้ให้เขาเสพสุขจากสิ่งเหล่านั้น แต่ให้คนอื่นมาเสพสุขแทน นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง และเลวร้ายทำให้หดหู่ยิ่งนัก
3 ถ้าชายคนหนึ่งมีลูกสักร้อยคน และมีอายุยืนยาว แต่เขากลับบ่นเกี่ยวกับชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา และบ่นว่าไม่ได้รับความสุขจากสิ่งดีๆที่มี และบ่นว่าไม่มีที่ฝังศพ เราขอบอกว่าเด็กที่ตายในท้องก็ยังดีกว่าเขาเสียอีก 4 เพราะการเกิดมาของเด็กคนนั้นก็ไม่เที่ยง และเขาก็เข้าสู่ความมืด และชื่อของเขาก็ถูกความมืดปกคลุมไป
5 ถึงแม้เด็กน้อยนั้นจะยังไม่ทันได้เห็นดวงอาทิตย์ และยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เด็กนั้นก็ยังมีความสงบสุขมากกว่าชายชราคนนี้เสียอีก
6 ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะมีอายุยืนหนึ่งพันปีถึงสองครั้ง แต่ไม่พบความสุข แล้วจะมีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องไปอยู่ในจุดเดียวกันไม่ใช่หรือ
7 คนเราทำงานหนักก็เพื่อปากท้อง แต่ก็ไม่เคยเติมเต็มความอยากของตัวเองอยู่ดี
8 ถ้าอย่างนั้นคนฉลาดได้เปรียบคนโง่ตรงไหนหรือ
แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่คนจนเรียนรู้เพื่อที่จะจัดการกับชีวิต
9 ความพอใจกับสิ่งที่ตาได้เห็น ก็ยังดีกว่าความอยากที่ไม่รู้จบ นี่ก็เป็นสิ่งไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนไล่ตามลม
10 ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาล้วนถูกกำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น พระเจ้ารู้จักเส้นทางซึ่งพระองค์ได้กำหนดไว้ให้กับมนุษย์นั้น และพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงกับพระเจ้าผู้ซึ่งมีกำลังกว่าได้
11 อันที่จริงแล้ว ยิ่งโต้เถียงมากเท่าไร ก็ยิ่งไร้สาระเท่านั้น มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการโต้เถียงนี้บ้าง
12 ใครจะไปรู้ว่า สิ่งไหนจะดีสำหรับมนุษย์ในช่วงเวลาแสนสั้นที่เขามีชีวิตอยู่ คือชีวิตอันไร้สาระ ที่ผ่านไปเหมือนเงา เพราะใครจะบอกได้บ้างว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขาภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
สิ่งต่างๆที่องค์เจ้าชีวิตเปิดเผยให้เปาโลรู้
12 ผมจะต้องโอ้อวดต่อไป ถึงแม้จะไม่มีประโยชน์อะไร แต่ผมก็จะโอ้อวดต่อไปในเรื่องของนิมิต และสิ่งที่องค์เจ้าชีวิตเปิดเผยให้รู้ 2 ผมรู้จักกับชายคนหนึ่ง[a] ที่ไว้วางใจในพระคริสต์ และเมื่อสิบสี่ปีก่อน พระเจ้ายกเขาขึ้นไปบน “สวรรค์ชั้นที่สาม” (ไปในร่างนี้หรือนอกร่างนี้ผมก็ไม่รู้หรอก มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้) 3 ผมรู้ว่าคนคนนี้ถูกรับขึ้นไปในสวนสวรรค์[b] (ไปในร่างนี้หรือนอกร่างนี้ ผมก็ไม่รู้หรอก มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้) 4 เขาได้ยินคำพูดที่ไม่สามารถพูดได้ (เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงด้วย) 5 ผมจะอวดถึงคนคนนี้ แต่จะไม่อวดถึงตัวผมเองหรอก แต่ถ้าผมต้องโอ้อวด ก็จะโอ้อวดแต่เรื่องที่แสดงว่าผมอ่อนแอเท่านั้น 6 ถ้าผมอยากจะอวดตัว ผมก็ไม่ใช่คนโง่ เพราะสิ่งที่ผมจะอวดนั้นเป็นความจริง แต่ผมจะไม่ทำอย่างนั้นหรอก เพราะผมไม่อยากให้คนคิดกับผมเกินกว่าที่เขาเห็นผมทำหรือพูด
7 พระเจ้าได้เปิดเผยให้ผมได้เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติ แต่เพื่อไม่ให้ผมหลงระเริง ผมได้รับหนามอยู่ในร่างกาย[c] หนามนั้นคือทูตของซาตานที่มาคอยทรมานผม 8 ผมก็วิงวอนต่อองค์เจ้าชีวิตถึงสามครั้งให้ช่วยเอาหนามนี้ออกไปจากผมที 9 แต่พระองค์ก็บอกว่า “ความเมตตากรุณาของเรามีเพียงพอแล้วสำหรับเจ้า เมื่อเจ้าอ่อนแอฤทธิ์อำนาจของเราก็ทำงานได้อย่างเต็มที่” ดังนั้นผมจึงยินดีที่จะโอ้อวดถึงความอ่อนแอของผม เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในผม 10 ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมอ่อนแอ ถูกดูหมิ่น เจอกับความทุกข์ยาก ถูกข่มเหงและเจอกับความยุ่งยากต่างๆเพื่อพระคริสต์ ผมก็ยินดี เพราะผมอ่อนแอเมื่อไหร่ เมื่อนั้นผมก็กลับเข้มแข็ง
เปาโลรักชาวคริสต์ในเมืองโครินธ์มาก
11 ผมพูดโอ้อวดอย่างกับคนโง่ แต่ก็เพราะพวกคุณบังคับให้ผมพูดอย่างนั้น ความจริงแล้วคุณน่าจะชมเชยผม เพราะผมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า “อภิมหาศิษย์เอก” พวกนั้นที่พวกคุณยกย่องหรอกนะ ถึงแม้ผมจะไม่มีดีอะไรเลยก็ตาม 12 อย่างน้อยตอนที่อยู่กับพวกคุณ ผมก็ได้อดทนพิสูจน์ตัวเองว่าผมเป็นศิษย์เอกจริง คือได้ทำหมายสำคัญ การอัศจรรย์และปาฏิหาริย์ให้ดูแล้ว 13 ไหนบอกมาสิว่า เราทำให้พวกคุณด้อยกว่าหมู่ประชุมอื่นๆของพระเจ้าตรงไหน อ๋อ รู้แล้ว ก็มีอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น คือที่ผมไม่ได้เป็นภาระให้กับพวกคุณ เรื่องนี้ผมผิดเองโปรดอภัยให้ผมด้วยที่ช่างไม่ยุติธรรมกับคุณเลย
14 นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผมจะมาเยี่ยมคุณ และผมจะไม่มาเป็นภาระให้กับคุณหรอก ผมไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของคุณ แต่อยากได้ตัวคุณ เพราะลูกๆไม่ต้องจัดหาอะไรให้กับพ่อแม่ แต่พ่อแม่ต่างหากที่ต้องจัดหาให้กับลูกๆ 15 ส่วนตัวผมเองก็ยินดีที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีรวมทั้งตัวผมเองให้กับพวกคุณ ถ้าผมรักคุณมากขึ้น คุณจะรักผมน้อยลงหรือ
เปาโลเล่าถึงความทุกข์ของตน
16 ใครๆก็รู้ว่าผมไม่ได้เป็นภาระให้กับพวกคุณเลย แต่ก็มีบางคนพูดว่าผมเป็นคนเหลี่ยมจัด และได้ใช้กลอุบายจับพวกคุณไว้ 17 คนที่ผมส่งมาเยี่ยมคุณนั้นผมใช้คนไหนโกงคุณแล้วหรือยัง 18 ผมขอให้ทิตัสมาเยี่ยมคุณ และส่งพี่น้องอีกคนมากับเขาด้วย ทิตัสไม่ได้โกงอะไรคุณใช่ไหมล่ะ คุณก็รู้ว่าทิตัสกับผมเดินตามพระวิญญาณองค์เดียวกันและเดินตามรอยเท้าเดียวกันด้วย
19 ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ คุณคิดว่าเราพยายามแก้ตัวให้กับตัวเองหรืออย่างไร แต่ความจริงแล้ว พี่น้องที่รัก ในฐานะคนที่มีส่วนในพระคริสต์ และต่อหน้าพระเจ้าด้วย จะบอกให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูดมานี้ก็เพื่อเสริมสร้างคุณ 20 ผมกลัวว่าเมื่อผมมา คุณจะไม่เป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น และผมก็จะไม่เป็นอย่างที่คุณอยากให้ผมเป็นเหมือนกัน กลัวว่าจะเห็นพวกคุณทะเลาะวิวาทกัน อิจฉาริษยากัน ระเบิดโทสะใส่กัน ชิงดีชิงเด่นกัน ใส่ร้ายกัน นินทากัน อวดดีกัน และมีแต่ความวุ่นวายต่างๆ 21 ผมกลัวว่า เมื่อผมมาเยี่ยมพวกคุณอีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าของผมจะทำให้ผมต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าพวกคุณ และทำให้ผมเศร้าโศกเสียใจกับคนพวกนั้นที่ทำบาปมาแต่ก่อนและยังไม่ยอมกลับตัวกลับใจจากความโสโครก การทำผิดทางเพศ และความลุ่มหลงในกามที่พวกเขาทำกันอยู่
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International