Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สุภาษิต 3-5

ชีวิตที่พระเจ้าพอใจจะยืนยาว

ลูกเอ๋ย อย่าลืมคำสั่งสอนของเรา
    ให้ใจของเจ้าเก็บรักษาคำสั่งต่างๆของเราไว้
เพราะสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มพูนจำนวนวันและปีของชีวิตเจ้า
    แถมจะทำให้เจ้าอยู่เย็นเป็นสุขด้วย
อย่าให้ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ละทิ้งเจ้าไป
    ผูกมันไว้รอบคอของเจ้าเหมือนกับสร้อยคอ
    เขียนมันลงไปบนแผ่นใจของเจ้า
แล้วเจ้าจะเป็นที่ยอมรับและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง
    ในสายตาของพระเจ้าและผู้คนทั่วไป

ให้ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า
    และอย่าได้พึ่งความเข้าใจของตัวเจ้าเอง
ให้เชื่อฟังพระองค์ในทุกหนทางของเจ้า
    แล้วพระองค์จะทำให้เส้นทางของเจ้าราบรื่น
อย่าได้คิดว่าตัวเองฉลาด
    แต่ให้ยำเกรงพระยาห์เวห์และหันไปจากสิ่งชั่วร้าย
เมื่อเจ้าทำอย่างนี้ มันจะช่วยเยียวยารักษาสุขภาพของเจ้า
    และทำให้กระดูกของเจ้าสดชื่น

ให้ถวายเกียรติกับพระยาห์เวห์ด้วยทรัพย์สมบัติของเจ้า
    และด้วยผลผลิตแรกจากพืชผลทุกชนิดที่เจ้าปลูกไว้
10 แล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยเมล็ดข้าว
    และถังเหล้าองุ่นของเจ้าก็จะเต็มล้นไปด้วยเหล้าองุ่นใหม่

11 ลูกเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสอนของพระยาห์เวห์
    และอย่าได้ขุ่นเคืองเมื่อพระองค์ตักเตือน
12 เพราะพระยาห์เวห์จะตักเตือนคนที่พระองค์รัก
    เหมือนกับพ่อที่เตือนลูกที่เขาภาคภูมิใจ

คุณค่าของสติปัญญา

13 คนที่ค้นพบสติปัญญา มีเกียรติจริงๆ
    คนที่มีความเข้าใจก็มีเกียรติจริงๆ
14 กำไรที่เกิดจากสติปัญญานั้น มีค่ายิ่งกว่าเงิน
    รายได้ที่เกิดจากเธอ มีค่ายิ่งกว่าทองคำ
15 สติปัญญานั้นมีค่ายิ่งกว่าทับทิม
    สิ่งทั้งหลายที่เจ้าอยากได้ไม่อาจจะเทียบได้กับสติปัญญา
16 ชีวิตที่ยืนยาวก็อยู่ในมือขวาของเธอ
    ความมั่งคั่งและเกียรติยศก็อยู่ในมือซ้ายของเธอ
17 ทางเดินของสติปัญญานั้นนำความสุขมาให้
    และหนทางทั้งหมดของเธอคือสันติสุข
18 สติปัญญาคือต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่สวมกอดเธอไว้
    ผู้ที่ยึดเธอไว้ ถือว่ามีเกียรติจริงๆ
19 พระยาห์เวห์ใช้สติปัญญาในการวางรากฐานของโลกนี้
    พระองค์ใช้ความเข้าใจในการจัดวางฟ้าสวรรค์ในที่ของมัน
20 ด้วยความรู้ของพระองค์ ก็มีน้ำพุ่งขึ้นจากใต้ดิน
    และหมู่เมฆก็โปรยปรายฝนลงมา

สติปัญญาจะสอนให้ยุติธรรม

21 ลูกเอ๋ย เฝ้าระวังวิธีการแก้ปัญหาและความสุขุมรอบคอบของเจ้าไว้
    อย่าปล่อยให้สองสิ่งนี้ หลุดรอดสายตาของเจ้าไปได้
22 แล้วสองสิ่งนี้จะให้ชีวิตกับเจ้า
    และเป็นเครื่องประดับอยู่บนคอของเจ้า
23 เจ้าจะเดินตามทางของเจ้าอย่างปลอดภัย
    เท้าของเจ้าจะไม่มีวันสะดุดล้ม
24 ถ้าเจ้านอนลง เจ้าก็จะไม่ต้องหวาดกลัว
    เมื่อเจ้าล้มตัวลงนอน เจ้าจะหลับอย่างมีความสุข
25 อย่าไปกลัวความหายนะที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
    หรือกลัวเมื่อลมพายุโถมกระหน่ำเข้าใส่คนชั่ว
26 เพราะพระยาห์เวห์จะเป็นความเชื่อมั่นของเจ้า
    และจะดูแลรักษาเท้าของเจ้าให้พ้นจากกับดัก

27 อย่าได้หวงของดีๆจากคนที่มีสิทธิ์จะได้มัน
    เมื่อเจ้าสามารถที่จะให้กับเขา
28 อย่าได้บอกกับเพื่อนบ้านว่า
    “ไปก่อน ค่อยมาใหม่ พรุ่งนี้ถึงจะให้”
    เมื่อเจ้ามีจะให้อยู่แล้ว
29 อย่าได้วางแผนทำร้ายเพื่อนบ้าน
    ที่อยู่ใกล้ๆและไว้วางใจในตัวเจ้า
30 อย่าได้ดำเนินคดีกับใครโดยไม่มีสาเหตุ
    เมื่อคนๆนั้นไม่ได้ทำร้ายอะไรเจ้าเลย
31 อย่าอิจฉาคนที่ชอบความรุนแรง
    อย่าไปเลือกทำตามอย่างเขา
32 เพราะพระยาห์เวห์ขยะแขยงคนคดโกงเหล่านั้น
    แต่พระองค์จะเป็นเพื่อนกับคนสัตย์ซื่อ
33 คำสาปแช่งของพระยาห์เวห์จะตกอยู่ในเรือนคนชั่ว
    แต่พระองค์จะอวยพรบ้านของคนที่ทำตามใจพระเจ้า
34 พระองค์เยาะเย้ยคนที่ชอบเยาะเย้ย
    แต่พระองค์เมตตาปรานีกับคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน
35 คนฉลาดจะได้รับเกียรติ
    แต่คนโง่ดื้อรั้นจะอับอายขายหน้า

คำแนะนำของพ่อเกี่ยวกับสติปัญญา

ลูกๆเอ๋ย ฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้าเถิด
    และเอาใจใส่ให้ดี เพื่อเจ้าจะได้รับความรู้ความเข้าใจ
เพราะเราได้ให้คำแนะนำที่ดีกับเจ้า
    ดังนั้นอย่าได้ลืมคำสอนของเรา
สมัยที่เรายังเป็นเด็กอยู่ในบ้านของพ่อ
    เป็นลูกเพียงคนเดียวของแม่ ที่แม่ทะนุถนอม
พ่อเริ่มสอนเราและพูดกับเราว่า
    “ขอให้ใจของเจ้ายึดมั่นในคำพูดต่างๆของพ่อ
    ให้รักษาคำสั่งต่างๆของพ่อไว้ แล้วชีวิตเจ้าจะยั่งยืน
ให้เอาสติปัญญาและความรู้ความเข้าใจเถิด
    อย่าได้ลืมคำพูดเหล่านี้ที่ออกจากปากของพ่อและอย่าหันหนีไปจากมันเลย
อย่าได้หันหลังให้กับสติปัญญา แล้วเธอจะเฝ้ารักษาเจ้า
    รักเธอ แล้วเธอจะปกป้องเจ้า
ก้าวแรกที่จะเป็นคนฉลาด ก็คือ การรับเอาคำสอนที่เฉลียวฉลาด
    แม้ว่าจะต้องเสียทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ก็ตาม ก็ให้รับเอาความเข้าใจเถิด
ให้เห็นคุณค่าของสติปัญญาเถิด แล้วเธอจะยกย่องเจ้า
    เธอจะให้เกียรติกับเจ้า เมื่อเจ้าสวมกอดเธอไว้
สติปัญญาจะสวมมงกุฎดอกไม้อันงดงามไว้บนหัวของเจ้า
    เธอจะมอบมงกุฎอันแสนวิเศษแก่เจ้า”

เลือกหนทางแห่งสติปัญญา

10 ฟังเถิด ลูกเอ๋ย ให้ยอมรับคำพูดทั้งหลายของเรา
    แล้วเดือนปีแห่งชีวิตของเจ้าจะยืนยาว
11 เราสอนเจ้าในทางแห่งสติปัญญา
    เรานำเจ้าสู่หนทางที่ถูกต้องทั้งปวง
12 เมื่อเจ้าเดิน ย่างก้าวของเจ้าจะไม่ถูกกีดขวาง
    ถ้าเจ้าวิ่ง เจ้าก็จะไม่สะดุดล้ม
13 ให้ยึดคำสั่งสอนไว้ อย่าปล่อยให้หลุดไป
    เฝ้าดูแลรักษาสติปัญญาไว้ เพราะเธอคือชีวิตของเจ้า
14 อย่าเข้าไปในทางของคนชั่ว
    อย่าเดินตามทางของพวกคนชั่วช้า
15 หลีกเลี่ยงมันเสีย อย่าตามมันไปเลย
    หันไปจากมันและเดินไปทางอื่น
16 เพราะถ้าคนชั่วพวกนั้นไม่ได้ทำชั่ว พวกมันก็จะนอนไม่หลับ
    ถ้าพวกมันยังไม่ได้ทำให้คนหนึ่งคนใดสะดุดล้มลง เวลานอนของพวกมันก็จะถูกขโมยไป
17 พวกมันกินขนมปังแห่งความชั่วร้าย
    และดื่มเหล้าองุ่นแห่งความรุนแรง
18 แต่ทางเดินของคนที่ทำตามใจพระเจ้าก็เปรียบเหมือนแสงอรุณรุ่ง
    ที่ส่องสว่างมากขึ้นเรื่อยๆจนสว่างเต็มที่ของวันนั้น
19 หนทางของคนชั่วเปรียบเหมือนความมืดมิด
    พวกมันไม่รู้ว่าตัวเองสะดุดอะไรล้ม

ให้เดินในทางที่ถูก

20 ลูกเอ๋ย ตั้งใจฟังคำพูดทั้งหลายของเราเถิด
    เอียงหูมาฟังสิ่งที่เราพูดให้ดี
21 อย่าปล่อยให้คำพูดเหล่านี้เล็ดรอดไปจากสายตาเจ้า
    เก็บรักษาพวกมันไว้ในใจ
22 เพราะคำสอนเหล่านี้ นำชีวิตมาให้กับคนที่ค้นพบพวกมัน
    มันจะเยียวยารักษาทั้งกายและใจของคนที่พบพวกมัน
23 ยิ่งกว่าสิ่งใด ให้เฝ้าระวังใจ
    เพราะใจเป็นแหล่งชีวิต
24 ให้เอาคำพูดที่คดโกงห่างจากปากของเจ้าเถอะ
    ให้เอาคำพูดที่หลอกลวงห่างไปจากริมฝีปากเจ้า
25 ขอให้ตาของเจ้ามองตรงไปข้างหน้า
    ให้ดูหนทางที่กำลังก้าวไป
26 ให้สนใจทางที่เจ้าจะก้าวไป
    แล้วเจ้าจะปลอดภัยในทุกหนทางที่เจ้าไป
27 อย่าได้ออกนอกลู่นอกทางไปทางขวาหรือทางซ้าย
    ให้ยั้งเท้าของเจ้าไว้จากความชั่ว

สติปัญญาจะพาให้พ้นการผิดประเวณี

ลูกเอ๋ย ให้สนใจสติปัญญาของเรา
    เงี่ยหูฟังความรู้ความเข้าใจของเราให้ดี
แล้วเจ้าจะได้คิดรอบคอบ
    และริมฝีปากของเจ้าจะพูดด้วยความรู้แท้จริง
เพราะริมฝีปากของเมียคนอื่นนั้น[a] หยาดเยิ้มด้วยน้ำผึ้ง
    และคำพูดของเธอก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมันมะกอก
แต่สุดท้ายแล้วเธอจะขมเหมือนกับบอระเพ็ด
    และเจ็บปวดเหมือนดาบสองคม
เท้าของเธอนั้นเดินไปสู่ความตาย
    ทุกย่างก้าวของเธอตรงดิ่งไปยังแดนคนตาย
เธอไม่ยอมเดินตรงไปยังหนทางที่นำไปสู่ชีวิต
    หนทางของเธอนั้นคดเคี้ยว แต่เธอก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้น ลูกๆเอ๋ย ฟังเราให้ดี
    และอย่าได้หันเหไปจากคำพูดทั้งหลายของเรา
อยู่ให้ห่างไกลจากผู้หญิงอย่างนั้น
    และอย่าเข้าไปใกล้ประตูบ้านของเธอ
ไม่อย่างนั้น ชื่อเสียงเกียรติยศของเจ้าก็จะตกไปเป็นของคนอื่น
    และเจ้าจะสูญเสียเดือนปีของเจ้าให้กับคนที่โหดร้าย
10 พวกคนแปลกหน้าจะฮุบทรัพย์สมบัติของเจ้าจนอิ่มหนำ
    ทรัพย์สมบัติที่เจ้าหามาได้ด้วยความยากลำบากก็จะตกไปอยู่ในบ้านของคนอื่น
11 ในที่สุดเจ้าจะร้องครวญคราง
    เมื่อเนื้อหนังและร่างกายของเจ้าถูกทำลาย
12 แล้วเจ้าจะพูดว่า “ข้าเคยเกลียดชังคำสั่งสอน
    และใจข้าก็เหยียดหยามการว่ากล่าวตักเตือน
13 ข้าไม่เชื่อฟังพวกครูข้า
    และไม่ยอมเงี่ยหูฟังครูผู้แนะนำข้า
14 ข้าก็เลยเจอกับปัญหาร้อยแปดอย่างรวดเร็ว
    แล้วต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าที่ชุมนุมชน”
15 ดังนั้นให้ดื่มน้ำ[b]จากบ่อเก็บน้ำของเจ้าเอง
    เป็นน้ำใสบริสุทธิ์จากบ่อของเจ้าเอง
16 ไม่อย่างนั้น ตาน้ำของเจ้าอาจจะไหลนองไปตามท้องถนน
    และสายน้ำของเจ้าอาจจะไหลนองไปในที่ลานเมือง
17 ให้สายน้ำนั้นเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
    อย่าแบ่งปันกับคนอื่น
18 ขอให้ตาน้ำของเจ้าได้รับพร
    ขอให้เสพสุขกับภรรยาที่เจ้าแต่งตอนเป็นหนุ่ม
19 เธอเป็นเหมือนกวางเพศเมียที่เย้ายวนใจ หรือเลียงผาที่สง่างาม
    ขอให้เต้าของเธอนั้นดับกระหายเจ้าเสมอ
    ขอให้เมามันกับการร่วมรักกับนางอยู่สม่ำเสมอ
20 ลูกพ่อ ทำไมจะต้องไปเมามันกับหญิงอื่น
    และโอบกอดสองเต้าของหญิงชู้เล่า
21 เพราะวิถีทางของแต่ละคน หนีไม่พ้นสายตาของพระยาห์เวห์หรอก
    พระองค์ตรวจสอบทุกย่างก้าวของเขา
22 ความชั่วที่เขาทำเป็นกับดักสำหรับตัวเขาเอง
    เขาติดอยู่กับตาข่ายแห่งความบาปของตัวเขาเอง
23 เขาตายไปเพราะขาดการควบคุมตนเอง
    และหลงทางไปเพราะความงี่เง่าของตนเอง

2 โครินธ์ 1

จากเปาโลผู้ที่พระเจ้าเลือกให้เป็นศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ และจากทิโมธีน้องของเรา

ถึงหมู่ประชุมของพระเจ้าในเมืองโครินธ์ รวมถึงคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคนทั่วแคว้นอาคายา

ขอพระเจ้าพระบิดาของเราและพระเยซูคริสต์เจ้า ให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับพวกคุณด้วยเถิด

เปาโลขอบคุณพระเจ้า

สรรเสริญพระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระบิดาผู้เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา พระเจ้าผู้ที่ปลอบโยนเราในทุกเรื่อง เมื่อเรามีความทุกข์ พระองค์ปลอบโยนเรา เพื่อว่าเมื่อคนอื่นมีความทุกข์ เราจะได้ปลอบโยนเขาเหมือนกับที่พระเจ้าทำกับเรา ยิ่งเราร่วมทุกข์กับพระคริสต์มากเท่าไร พระเจ้าก็จะปลอบโยนเรามากขึ้นเท่านั้น โดยผ่านทางพระคริสต์ ถ้าเราได้รับความทุกข์ทรมาน ก็เพื่อพวกคุณจะได้รับการปลอบโยนและได้รับความรอด ถ้าเราได้รับการปลอบโยน ก็เพื่อพวกคุณจะได้รับการปลอบโยนด้วย ซึ่งมีผลทำให้คุณมีความทรหดอดทนต่อความทุกข์แบบเดียวกับที่เราได้รับ เรามีความมั่นใจในตัวพวกคุณมาก เพราะคุณได้ร่วมทุกข์และร่วมการปลอบโยนกับเรา

พี่น้องครับ เราอยากให้พวกคุณรู้ถึงความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่เราเจอในแคว้นเอเชีย ซึ่งหนักเกินกว่าที่เราจะทนได้ เราหมดหวังจนคิดว่าคงไม่รอดแล้ว เราคิดอยู่ในใจเหมือนว่าเราถูกตัดสินให้ประหารชีวิตแล้ว แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นก็เพื่อเราจะได้ไม่พึ่งตนเอง แต่พึ่งพระเจ้าผู้ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมา 10 พระเจ้าช่วยให้เราพ้นจากอันตรายอันใหญ่หลวงและพระองค์ก็จะช่วยชีวิตเราต่อไป เรามีความหวังในพระองค์ว่า พระองค์จะช่วยชีวิตเราต่อไปในอนาคต 11 พวกคุณก็ช่วยเราได้ด้วยการอธิษฐาน แล้วคนจำนวนมากก็จะขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ได้ช่วยชีวิตเรา ตามที่คุณอธิษฐานนั้น

เปาโลเปลี่ยนแผน

12 เราภูมิใจที่ใจของเราบอกว่าทุกสิ่งที่เราทำในโลกนี้โดยเฉพาะสายสัมพันธ์กับพวกคุณนั้น เราได้ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความจริงใจที่มาจากพระเจ้า เราทำสิ่งเหล่านี้ก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า ไม่ได้ทำตามความเฉลียวฉลาดของโลกนี้ 13 แน่นอน ทุกอย่างที่เขียนมานี้ เราไม่ได้ปิดบังอะไรเลย เป็นสิ่งที่คุณอ่านเข้าใจได้ทั้งนั้น และผมหวังว่าคุณจะเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง 14 เหมือนกับที่คุณเข้าใจเราอยู่บ้างแล้ว ดังนั้นในวันที่พระเยซูเจ้ากลับมาพวกคุณจะได้ภูมิใจในตัวเรา เหมือนกับที่เราภูมิใจในตัวคุณด้วย

15 ผมมั่นใจว่าคุณคิดอย่างนี้ ผมก็เลยตัดสินใจมาเยี่ยมคุณก่อน เพื่อคุณจะได้ประโยชน์สองต่อ 16 คือผมกะว่าจะมาแวะเยี่ยมคุณทั้งตอนขาไป และตอนขากลับจากแคว้นมาซิโดเนีย หลังจากนั้นคุณจะได้ช่วยสนับสนุนผมเดินทางต่อไปที่แคว้นยูเดีย 17 คุณคิดว่าตอนที่ผมวางแผนนี้ ผมรวนเรเอาแน่เอานอนไม่ได้หรือ ผมวางแผนอย่างที่คนในโลกนี้เขาทำกันหรือ ที่เดี๋ยวก็บอกว่า “ได้” เดี๋ยวก็บอกว่า “ไม่ได้”

18 พระเจ้านั้นซื่อสัตย์ พระองค์เป็นพยานให้กับเราได้ว่า สิ่งที่เราบอกกับคุณนั้นไม่เคย “ได้” และ “ไม่ได้” พร้อมๆกันเลย 19 เพราะพระบุตรของพระเจ้าคือพระเยซูคริสต์ที่สิลวานัส ทิโมธี และผมได้ประกาศไปท่ามกลางพวกคุณนั้นไม่ได้เป็นทั้ง “ได้” และ “ไม่ได้” ในเวลาเดียวกัน แต่ตรงกันข้าม ในพระองค์นั้นมีแต่คำว่า “ได้” เท่านั้น 20 เพราะไม่ว่าพระเจ้าจะสัญญาไว้มากมายขนาดไหนก็ตาม สัญญาก็ได้อย่างนั้นทุกข้อในพระคริสต์ เพราะอย่างนี้นี่เองเราถึงได้พูดคำว่า “อาเมน” ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติยศ 21 พระเจ้านี่แหละทำให้ทั้งเราและคุณตั้งมั่นคงอยู่ในพระคริสต์และพระองค์ก็ได้เจิมเรา[a] 22 พระองค์ได้ประทับตราว่าพระองค์เป็นเจ้าของเราด้วย และพระองค์ก็ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ อยู่ในใจเราไว้เป็นมัดจำงวดแรกของทุกสิ่งที่พระองค์สัญญาว่าจะให้กับเรา

23 พระเจ้าเป็นพยานได้ ที่ผมไม่แวะมาที่เมืองโครินธ์ตอนขากลับนั้น ก็เพราะไม่อยากจะมาลงโทษพวกคุณ 24 นี่ไม่ได้หมายความว่าเราอยากจะเป็นเจ้านายเหนือความเชื่อของคุณหรอก เพราะพวกคุณมีความเชื่อที่มั่นคงดีอยู่แล้ว แต่เราเป็นเพื่อนร่วมงานกับคุณเพื่อสร้างความสุขให้กับคุณ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International