Old/New Testament
เยรูซาเล็มเป็นหม้อที่เต็มไปด้วยเนื้อ
24 ในวันที่สิบเดือนสิบของปีที่เก้า[a]
คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้จดวันที่วันนี้ไว้ เพราะในวันนี้ กษัตริย์ของเมืองบาบิโลนได้มาปิดล้อมเมืองเยรูซาเล็มไว้
3 ให้เล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้กับครอบครัวขี้กบฏฟัง บอกพวกเขาว่า
‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
ให้ตั้งหม้อทำอาหารไว้บนไฟ ตั้งไว้และเทน้ำใส่ลงไป
4 ให้ใส่เนื้อเป็นชิ้นๆลงไป
เอาเนื้อชิ้นที่ดีๆทั้งหมด ทั้งส่วนสะโพกและส่วนขาหน้า
แล้วใส่กระดูกที่ดีที่สุดลงไป
5 ให้เอาสัตว์ที่ดีที่สุดจากฝูงแพะแกะมาตัวหนึ่ง
เอาไม้ฟืนมาสุมไว้ใต้หม้อเพื่อต้มชิ้นเนื้อต่างๆ
และต้มกระดูกในหม้อนั้นไปด้วย’”
6 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“เมืองแห่งการฆ่าฟันกันนี้ น่าละอายจริงๆ
ในหม้อใบนี้มีสิ่งสกปรกติดเกรอะกรังไปหมด
ขี้เกรอะพวกนี้ล้างไม่ออก
ให้หยิบเนื้อในหม้อออกมาทีละชิ้นทีละชิ้น โดยไม่ต้องจับสลากเลือกว่าจะหยิบชิ้นไหนก่อน
7 เพราะว่าเลือดที่นางเยรูซาเล็มทำให้ไหลนองนั้น
ยังอยู่ในท่ามกลางตัวนาง
นางเทเลือดออกมาไว้บนหิน
นางไม่ได้เทลงบนดินที่ฝุ่นจะกลบปกปิดมันได้
8 เราวางเลือดที่นางได้ทำให้ตกนั้นไว้บนก้อนหิน
เพื่อมันจะได้ไม่ถูกกลบ[b] จะได้ปลุกเร้าความโกรธของเราที่จะแก้แค้น”
9 ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“เมืองแห่งการฆ่าฟันกันนี้ น่าละอายจริงๆ
เราจะสุมกองไม้ไว้ให้สูง
10 ให้สุมกองไม้ไว้
และจุดไฟ
ต้มเนื้อให้สุก
ผสมเครื่องเทศลงไป[c]
และปล่อยให้กระดูกถูกเผาไป
11 แล้วตั้งหม้อเปล่าไว้บนกองถ่าน
จนมันร้อนและทองแดงเริ่มระอุ
เพื่อความสกปรกของมันจะละลายออกมา
และขี้เกรอะของมันจะถูกเผาไหม้ไปหมด
12 แต่เราก็ลงมือลงแรงเหนื่อยเปล่า
เพราะขี้เกรอะอันหนาของมันก็ไม่หลุดออก
แม้แต่ไฟก็ไม่สามารถเผาให้มันหลุดได้
13 ขี้เกรอะนั้นก็คือการร่านสวาทของเจ้า
เราพยายามชำระล้างเจ้าแล้ว
แต่ขี้เกรอะของเจ้าก็ไม่ยอมออก
เจ้าจะไม่มีวันสะอาดได้อีก
จนกว่าเราจะระบายความเดือดดาลของเราใส่เจ้าจนหมดสิ้น
14 เรา ยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไปแล้ว เวลาที่เราจะลงมือได้มาถึงแล้ว เราจะไม่ยับยั้งไว้อีก เราจะไม่สงสารและจะไม่เปลี่ยนใจ เราจะตัดสินโทษเจ้าตามวิธีการและการกระทำของเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
เมียเอเสเคียลตาย
15 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 16 “เจ้าลูกมนุษย์ ในช่วงเวลาอันสั้น เราจะเอาแก้วตาดวงใจ[d]ของเจ้าไปอย่างกระทันหัน อย่าเศร้าโศกหรือร้องไห้หรือให้น้ำตาตกเลย 17 ครวญครางอย่างเงียบๆอย่าไว้ทุกข์ให้กับคนตาย ให้โพกผ้าที่หัว และใส่รองเท้าสานไว้ตามปกติ อย่าเอาผ้าปิดใต้จมูกลงมา[e] หรือกินอาหารตามประเพณีของคนไว้ทุกข์”
18 ดังนั้น ในตอนเช้าผมก็พูดกับประชาชนเหมือนเคย พอตกเย็นเมียของผมก็ตาย วันรุ่งขึ้น ผมก็ทำตามที่ได้รับคำสั่งมา 19 แล้วประชาชนก็ถามผมว่า
“ที่ท่านทำอย่างนี้ ท่านจะไม่บอกพวกเราหรือ ว่ามันหมายถึงอะไร”
20 ผมจึงพูดกับพวกเขาว่า “คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 21 ‘ให้บอกกับครอบครัวชาวอิสราเอลว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เรากำลังจะทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมไป คือป้อมปราการที่เจ้าภาคภูมิใจนั้น มันเป็นแก้วตาดวงใจของเจ้าและเป็นสิ่งที่เจ้าหลงรัก ส่วนพวกลูกชายลูกสาวของเจ้าที่เจ้าไม่ได้เอามาด้วย จะถูกฆ่าฟันด้วยดาบ
22 แล้วในเวลานั้น พวกเจ้าก็จะทำเหมือนกับที่เอเสเคียลทำ พวกเจ้าจะไม่เอาผ้าปิดใต้จมูกลงมา และจะไม่กินอาหารตามประเพณีของคนไว้ทุกข์
23 เจ้าจะโพกผ้าไว้บนหัว และสวมรองเท้าสานไว้ตามปกติ เจ้าจะไม่ไว้ทุกข์หรือร้องไห้ แต่เจ้าจะเหี่ยวแห้งร่วงโรยไปเพราะบาปต่างๆของเจ้า และเจ้าจะคร่ำครวญอยู่ในหมู่ของพวกเจ้ากันเอง 24 เอเสเคียลจะเป็นตัวอย่างให้แก่พวกเจ้า พวกเจ้าจะทำอย่างที่เขาทำ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต”’”
25 “และเจ้าลูกมนุษย์ ในวันที่เราทำลายป้อมปราการของพวกเขา ที่เป็นความชื่นบานและความภาคภูมิใจของพวกเขา มันเป็นแก้วตาดวงใจของพวกเขา และความปรารถนาของหัวใจพวกเขา และเราจะเอาลูกชายลูกสาวของพวกเขาไปด้วย 26 ในวันนั้นผู้รอดชีวิตคนหนึ่งจากเยรูซาเล็มจะมาบอกข่าวนี้กับเจ้า 27 ในเวลานั้นปากของเจ้าจะเปิดออก เจ้าจะพูดกับเขาและจะไม่เป็นใบ้อีก ดังนั้นเจ้าจะเป็นตัวอย่างให้แก่ประชาชน แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
ชาวอัมโมนจะถูกลงโทษ
25 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าไปที่ชาวอัมโมนและพูดแทนเราต่อต้านพวกเขา 3 ให้บอกพวกเขาว่า ‘ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตให้ดี นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “พวกเจ้าร้องไชโย ตอนที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกทำให้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป ตอนที่แผ่นดินอิสราเอลถูกทิ้งร้างและตอนที่ชาวยูดาห์ถูกเนรเทศไป” 4 ดังนั้นเราจะมอบพวกเจ้าให้เป็นสมบัติของพวกคนทางตะวันออก พวกเขาจะตั้งค่ายและปักเต็นท์ไว้ท่ามกลางพวกเจ้า พวกเขาจะกินผลไม้และดื่มนมของพวกเจ้า
5 เราจะเปลี่ยนเมืองรับบาห์ให้เป็นทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงอูฐ และเปลี่ยนเมืองอัมโมนให้เป็นสถานที่พักผ่อนของแกะ แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์’” 6 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “พวกเจ้าตบมือและกระทืบเท้าด้วยความรื่นเริงยินดี ด้วยจิตใจที่มุ่งร้ายต่อแผ่นดินอิสราเอล 7 ดังนั้นเราจะยื่นมือของเราออกลงโทษพวกเจ้า และมอบพวกเจ้าให้กับชนชาติต่างๆ เป็นของที่ปล้นมาได้ เราจะตัดเจ้าออกจากชนชาติทั้งหลาย และจะทำลายพวกเจ้าให้หมดไปจากประเทศต่างๆ เราจะทำลายพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
ชาวโมอับและชาวเสอีร์จะถูกลงโทษ
8 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “โมอับและเสอีร์ได้พูดว่า ‘ดูสิ ครอบครัวของชาวยูดาห์ก็เหมือนกับชนชาติอื่นๆ’ 9 ดังนั้นเราจะทำให้เมืองหน้าด่านทางปีกขวาของโมอับล้มลง คือ เมืองเบธเยชิโมท เมืองบาอัลเมโอน และเมืองคิริยาธาอิม ที่เป็นศักดิ์ศรีของแผ่นดินนี้ 10 เราจะมอบโมอับพร้อมกับชาวอัมโมนให้เป็นสมบัติแก่ประชาชนทางตะวันออก เพื่อผู้คนจะได้ลืมไปเลยว่าพวกเขาเคยเป็นชนชาติมาก่อน 11 และเราจะลงโทษโมอับ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
ชาวเอโดมจะถูกลงโทษ
12 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เอโดมได้แก้แค้นอย่างโหดเหี้ยมต่อครอบครัวชาวยูดาห์ พวกเขาจึงมีความผิดอย่างร้ายแรง” 13 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราจะยื่นมือของเราออกมาลงโทษเอโดม เราจะฆ่าทั้งคนและสัตว์ในประเทศนั้น เราจะทิ้งมันให้รกร้าง ผู้คนจะล้มตายลงด้วยดาบ ตั้งแต่เมืองเทมานไปจนถึงเมืองเดดาน 14 เราจะแก้แค้นเอโดมด้วยมือของชาวอิสราเอล และพวกเขาจะลงโทษเอโดมตามความโกรธและความเดือดดาลของเรา แล้วชาวเอโดมจะได้รู้ว่าเป็นเราเองที่แก้แค้นพวกเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
ชาวฟีลิสเตียจะถูกลงโทษ
15 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ชาวฟีลิสเตียทำตัวเป็นศัตรูกับยูดาห์มาตลอดตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และได้ทำการแก้แค้นอย่างโหดเหี้ยม ด้วยจิตใจที่มุ่งร้ายหมายทำลาย” 16 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราจะยื่นมือของเราออกลงโทษชาวฟีลิสเตีย เราจะตัดชาวเคเรธีออก และทำลายพวกที่ยังหลงเหลืออยู่ตามชายฝั่งทะเล 17 เราจะทำการแก้แค้นอันยิ่งใหญ่ต่อพวกเขา และจะลงโทษพวกเขาด้วยความเดือดดาลของเราและเมื่อเราแก้แค้นพวกเขา พวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”
เมืองไทระจะถูกลงโทษ
26 ในปีที่สิบเอ็ด[f] วันที่หนึ่งของเดือน
คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ เมืองไทระได้ร้องไชโยใส่เมืองเยรูซาเล็ม และยังพูดอีกว่า ‘เมืองที่เป็นประตูไปสู่ชนชาติต่างๆได้ถูกทำลายลงแล้ว และมันได้ถูกมอบให้กับข้าแล้ว เนื่องจากเมืองนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง ความอยากของข้าก็ได้สมใจแล้ว’”
3 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เมืองไทระ เราคือศัตรูของเจ้า เราจะทำให้ชนชาติมากมายถาโถมใส่เจ้า อย่างทะเลทำให้คลื่นของมันถาโถมใส่ฝั่ง
4 พวกเขาจะทำลายกำแพงเมืองไทระ และจะพังพวกหอคอยในเมืองลง เราจะขูดทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองนี้ออกจนหมดเกลี้ยง กลายเป็นหินโล่งเตียน 5 เมืองไทระจะกลายเป็นเกาะสำหรับตากอวน เราได้ลั่นคำพูดไปแล้ว”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เมืองนี้จะกลายเป็นของที่ปล้นมาสำหรับชาติต่างๆ 6 และหมู่บ้านทั้งหลายที่ขึ้นกับมัน ที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ จะถูกทำลายล้างด้วยดาบ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์จะโจมตีไทระ
7 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะให้เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์ของเมืองบาบิโลน ซึ่งเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย มาโจมตีเมืองไทระจากทางทิศเหนือ เขาจะมาพร้อมกับม้าและรถรบ ทหารม้าและกองทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร 8 เขาจะทำลายหมู่บ้านทั้งหลายที่ขึ้นกับมัน บนแผ่นดินใหญ่ด้วยดาบ เขาจะตั้งป้อมต่อสู้กับเจ้า และสร้างเนินดินขึ้นถึงยอดกำแพงเจ้า และเขาจะยกพวกโล่ขึ้นบังจากการตอบโต้ของเจ้า 9 เขาจะเอาท่อนซุงทะลวงกำแพงเมือง และเอาขวานของเขาฟันหอคอยต่างๆของเจ้าลง 10 ม้าของเขามีมากเสียจนฝุ่นฟุ้งตลบเจ้าไปหมด กำแพงของเจ้าจะสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงดังกึกก้องของทหารม้า รถลาก และรถรบ เมื่อเขาผ่านเข้าไปตามประตูเมืองของเจ้า อย่างกับคนที่เข้าเมืองตอนที่กำแพงแตก 11 กีบม้าทั้งหลายของเขาจะเหยียบย่ำถนนทุกสายของเจ้า เขาจะฆ่าประชาชนของเจ้าด้วยดาบ และเสาหลักอันแข็งแกร่งทั้งหลายของเจ้าจะล้มลงกับดิน 12 พวกเขาจะปล้นทรัพย์สมบัติของเจ้าและแย่งชิงสินค้าของเจ้า พวกเขาจะพังกำแพงของเจ้าและทุบบ้านเรือนที่สวยงามทั้งหลายของเจ้าทิ้ง และพวกเขาจะโยนก้อนหิน ท่อนไม้ และซากอิฐ ลงทะเล 13 เราจะทำให้เสียงเพลงของเจ้าที่ดังกึกก้องอยู่นั้นสิ้นสุดลง และจะไม่มีใครได้ยินเสียงพิณของเจ้าอีกต่อไป 14 เราจะทำให้เจ้าเป็นหินโล่งเตียน กลายเป็นที่สำหรับตากอวน เจ้าจะไม่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกแล้ว เพราะเรา ยาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดไว้แล้ว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
ชนชาติอื่นๆจะร้องไห้ให้กับเมืองไทระ
15 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับเมืองไทระ “แผ่นดินตามชายฝั่งทะเลจะต้องสั่นสะเทือนด้วยเสียงล่มสลายของเจ้า ตอนที่ผู้บาดเจ็บร้องคร่ำครวญ ตอนที่ผู้คนถูกฆ่าฟันในเมืองของเจ้า 16 แล้วเจ้าชายทั้งหลายของเมืองตามชายฝั่งทะเลนั้น จะก้าวลงจากบัลลังก์ของพวกเขา และถอดเสื้อคลุมยาวกับเสื้อผ้าที่เย็บปักถักร้อยอย่างสวยงามออก พวกเขาจะเอาความกลัวมานุ่งห่มแทนและนั่งอยู่บนพื้นดิน เขาจะตัวสั่นเทาตลอดเวลา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้านี้ 17 แล้วพวกเขาจะร้องเพลงไว้อาลัยที่เกี่ยวกับเจ้าและพูดกับเจ้าว่า
‘เมืองที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเอ๋ย
เจ้าสูญหายไปแล้ว
เจ้าถูกกวาดไปจากทะเล
เจ้าเคยเป็นเมืองมหาอำนาจบนท้องทะเล
เจ้ากับพลเมืองของเจ้า
เคยทำให้ทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินใหญ่นั้นหวาดกลัว
18 เดี๋ยวนี้ แผ่นดินตามชายฝั่งทะเลต่างสั่นเทิ้มด้วยความกลัวในวันที่เจ้าล้มลง
หมู่เกาะทั้งหลายต่างตกใจกลัวกับการล่มสลายของเจ้า’”
19 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เมื่อเราทำให้เจ้ากลายเป็นเมืองร้าง เหมือนกับเมืองที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ เมื่อเรานำความลึกของมหาสมุทรเข้ามาไว้บนเจ้า และน้ำของมันได้ไหลทะลักเข้าท่วมเจ้าแล้ว 20 เราจะกดเจ้าให้จมดิ่งลงไปอยู่กับพวกที่อยู่ในหลุมลึก จะให้ไปอยู่กับพวกคนที่ตายไปนานแล้ว เราจะทำให้เจ้าอาศัยอยู่ในโลกเบื้องล่าง เหมือนซากปรักหักพังของสมัยดึกดำบรรพ์ พร้อมกับพวกที่อยู่ในหลุมลึก จะไม่มีใครอาศัยอยู่ในเจ้าอีก เจ้าจะไม่มีศักดิ์ศรีในแดนของคนเป็น 21 เราจะนำเจ้าไปสู่จุดจบที่น่าสะพรึงกลัว และจะไม่มีเจ้าอีกต่อไป ถึงจะมีคนหา ก็จะไม่พบเจ้าอีกแล้ว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
พระเยซูเป็นหินที่มีชีวิต
2 ดังนั้น ให้กำจัดสิ่งต่างๆต่อไปนี้ให้หมดไปจากตัวคุณ เช่นการปองร้ายทุกอย่าง การหลอกลวงทุกอย่าง ความหน้าซื่อใจคด ความอิจฉาริษยา และการใส่ร้ายป้ายสีทุกอย่าง 2 แต่ให้เป็นเหมือนเด็กทารกแรกเกิดที่หิวกระหายน้ำนมบริสุทธิ์ซึ่งคือถ้อยคำของพระเจ้า เพื่อคุณจะได้เติบโตขึ้น แล้วได้รับความรอด 3 เพราะตอนนี้คุณก็ได้ลิ้มรสแล้วว่าองค์เจ้าชีวิตนั้นดีขนาดไหน
4 ให้เข้ามาใกล้พระเยซูคริสต์ผู้เป็นหินที่มีชีวิตอยู่ คนในโลกนี้ไม่ยอมรับหินก้อนนี้ แต่พระองค์เป็นหินที่มีเกียรติมากสำหรับพระเจ้าผู้ที่เลือกพระองค์มา 5 พวกคุณก็เหมือนกัน พวกคุณเป็นเหมือนหินที่มีชีวิตอยู่ ที่กำลังถูกสร้างขึ้นเป็นวิหารสำหรับพระวิญญาณ พวกคุณเป็นคนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นนักบวชที่ทำหน้าที่ถวายเครื่องบูชาฝ่ายพระวิญญาณ พระเจ้าชอบใจกับเครื่องบูชาแบบนี้ก็เพราะถวายผ่านทางพระเยซูคริสต์ 6 เหมือนกับที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“ดูสิ เราวางหินก้อนหนึ่งไว้ในเมืองศิโยน
เป็นหินที่สำคัญที่สุด[a] มีเกียรติและได้รับการคัดเลือกมาแล้ว
และคนที่ไว้วางใจในหินก้อนนั้นจะไม่มีวันอับอายขายหน้าเลย”[b]
7 ดังนั้น พวกคุณที่ไว้วางใจ มีส่วนร่วมในเกียรติของหินก้อนนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่ไว้วางใจ มันก็เป็นไปตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า
“หินก้อนนี้ ที่คนก่อสร้างได้โยนทิ้งไป
กลับกลายมาเป็นหินที่สำคัญที่สุด”[c]
8 และ
“เป็นหินที่ทำให้คนเดินสะดุด
และเป็นก้อนหินที่ทำให้คนหกล้ม”[d]
พวกเขาสะดุดล้มก็เพราะไม่ยอมเชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้า เรื่องนี้เป็นไปตามที่พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้ว
9 แต่คุณเป็นผู้ที่พระเจ้าคัดเลือกมา เป็นนักบวชของพระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ เป็นชนชาติที่ได้อุทิศไว้กับพระเจ้า และเป็นคนของพระเจ้าโดยเฉพาะ พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อคุณจะได้ไปป่าวประกาศถึงการกระทำอันยอดเยี่ยมทั้งหลายของพระองค์ พระองค์ได้เรียกคุณออกมาจากความมืด ให้เข้ามาหาความสว่างที่สุดแสนจะวิเศษของพระองค์
10 แต่ก่อนนั้นคุณไม่มีชนชาติ
แต่เดี๋ยวนี้คุณเป็นชนชาติของพระเจ้าแล้ว
แต่ก่อนนั้นพระเจ้าไม่ได้เมตตาคุณ
แต่เดี๋ยวนี้พระองค์ได้เมตตาคุณแล้ว[e]
อยู่เพื่อพระเจ้า
11 เพื่อนรัก ให้อยู่อย่างคนต่างด้าวและคนแปลกถิ่นในสังคมนี้ ผมขอร้องว่าอย่าไปยอมแพ้กับกิเลสตัณหาของสันดานที่ต่อสู้กับใจของคุณ 12 ถึงแม้คนที่ไม่ไว้วางใจพระเจ้าพวกนั้นจะพูดใส่ร้ายว่าพวกคุณทำผิด ก็ขอให้ทำตัวให้ดีในหมู่พวกเขา เขาจะได้เห็นความดีของคุณ แล้วจะได้ยกย่องพระเจ้าในวันที่พระองค์กลับมา
ยอมเชื่อฟังผู้มีอำนาจ
13 ให้คุณยอมอยู่ใต้อำนาจต่างๆที่มนุษย์ตั้งขึ้น[f] เพื่อเห็นแก่องค์เจ้าชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอำนาจของจักรพรรดิผู้มีอำนาจสูงสุด 14 หรือเจ้าเมืองต่างๆที่จักรพรรดินั้นส่งมา เพื่อลงโทษคนทำผิดและยกย่องคนที่ทำดี 15 เพราะพระเจ้าต้องการให้ชีวิตที่ดีงามของพวกคุณไปหุบปากคนโง่ที่พูดจาไร้สาระ 16 ขอให้พวกคุณใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่อย่าใช้ความเป็นอิสระนั้นมาเป็นข้ออ้างบังหน้าเพื่อจะทำชั่ว แต่ให้ใช้ชีวิตสมกับที่เป็นทาสของพระเจ้าดีกว่า 17 ให้เกียรติกับทุกๆคน ให้รักพี่น้องในพระคริสต์ ให้เกรงกลัวพระเจ้า และให้เกียรติกับกษัตริย์ด้วย
18 พวกคุณที่เป็นทาส ให้ยอมเชื่อฟังเจ้านายของตนด้วยความเคารพอย่างสูง ไม่ใช่ยอมเชื่อฟังเจ้านายที่ดีและมีน้ำใจเท่านั้น แต่ให้ยอมเชื่อฟังเจ้านายที่โหดร้ายด้วย 19 คนที่ยอมทนต่อความเจ็บปวดที่ไม่ยุติธรรม เพราะต้องการทำตามใจพระเจ้านั้น เป็นคนที่น่ายกย่องจริงๆ 20 การที่คุณอดทนต่อการถูกเฆี่ยนตีเพราะทำผิด มันน่ายกย่องตรงไหน แต่การที่คุณต้องอดทนต่อความทุกข์ยากเพราะทำดี อย่างนี้สิถึงจะน่ายกย่องในสายตาพระเจ้า 21 พระเจ้าเรียกให้คุณมาทนทุกข์อย่างนี้ เหมือนกับที่พระคริสต์ยอมทนทุกข์เพื่อคุณ พระองค์ได้วางตัวอย่างให้คุณ เพื่อคุณจะได้เดินตามรอยเท้าของพระองค์
22 “พระองค์ไม่ได้ทำบาป
และไม่ได้โกหกด้วย”[g]
23 เมื่อเขาด่าว่าพระองค์ พระองค์ก็ไม่ได้โต้ตอบ เมื่อพระองค์ทนทุกข์ พระองค์ก็ไม่ได้ขู่อาฆาต พระองค์ได้มอบเรื่องของพระองค์ไว้กับพระเจ้าผู้ตัดสินอย่างยุติธรรม 24 ตัวพระองค์เองได้แบกบาปของเราไว้ในตัวของพระองค์บนไม้กางเขนนั้น เพื่อเราจะได้ตายต่อบาปและใช้ชีวิตตามใจพระเจ้า พวกคุณได้รับการรักษาให้หายก็เพราะบาดแผลของพระองค์ 25 แต่ก่อนนั้นพวกคุณเคยหลงทางไปเหมือนแกะ แต่ตอนนี้ได้กลับมาหาผู้เลี้ยงและผู้ดูแลรักษาชีวิตของคุณแล้ว
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International