M’Cheyne Bible Reading Plan
กษัตริย์เฮเซคียาห์ปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 18:1-3)
29 เฮเซคียาห์มีอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มยี่สิบเก้าปี แม่ของเขาชื่อว่าอาบียาห์เป็นลูกสาวของเศคาริยาห์ 2 เขาทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์เหมือนกับที่ดาวิดบรรพบุรุษของเขาทำ
3 ในเดือนที่หนึ่งของปีแรกที่เฮเซคียาห์ขึ้นครองบัลลังก์ เขาเปิดประตูทั้งหลายของวิหารของพระยาห์เวห์ และซ่อมแซมประตูเหล่านั้น 4 เขาเรียกพวกนักบวชและชาวเลวีให้มาชุมนุมกันที่ลานด้านตะวันออก 5 และพูดว่า
“ชาวเลวี ฟังทางนี้ เตรียมตัวท่านและวิหารนี้ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษท่านให้พร้อมสำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ ให้ย้ายพวกของที่เสื่อมเสียทั้งหมดออกไปจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 6 บรรพบุรุษของพวกเราไม่ซื่อสัตย์ พวกเขาทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา และละทิ้งพระองค์ พวกเขาหันหน้าหนีไปจากสถานที่อยู่อาศัยของพระยาห์เวห์[a] และหันหลังให้กับพระองค์ 7 พวกเขายังปิดประตูทุกบานที่ระเบียงทางเดินและดับตะเกียงเหล่านั้นลง พวกเขาไม่ยอมเผาเครื่องหอมหรือถวายเครื่องเผาบูชา ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระเจ้าของอิสราเอล 8 ดังนั้นความโกรธของพระยาห์เวห์จึงตกอยู่บนชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม พระองค์ทำให้พวกเขากลายเป็นสิ่งที่น่ากลัว น่าสยดสยอง และน่าเยาะเย้ย เหมือนกับที่พวกท่านเห็นแล้วด้วยตาของพวกท่านเอง 9 นี่ก็เป็นเหตุที่บรรพบุรุษของพวกเรา ถึงได้ล้มตายลงด้วยดาบ และลูกชายลูกสาวและเมียของพวกเราถึงได้ถูกจับตัวไป 10 ตอนนี้ เราตั้งใจที่จะทำสัญญากับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล เพื่อความโกรธอันดุเดือดของพระองค์จะได้หันเหไปจากพวกเรา 11 ลูกๆเอ๋ย อย่าได้เสียเวลาอีกเลย เพราะพระยาห์เวห์ได้เลือกพวกท่านให้มายืนอยู่ต่อหน้าพระองค์และรับใช้พระองค์ คอยทำพิธีและเผาเครื่องหอมให้กับพระองค์”
12 แล้วชาวเลวีเหล่านี้ก็เริ่มทำงาน
พวกที่มาจากชาวโคฮาทคือ มาฮาทลูกชายของอามาสัย และโยเอลลูกชายของอาซาริยาห์
พวกที่มาจากชาวเมรารีคือ คีชลูกชายของอับดี และอาซาริยาห์ลูกชายของเยฮาลเลเลล
พวกที่มาจากชาวเกอร์โชนคือ โยอาห์ลูกชายของศิมมาห์ และเอเดนลูกชายของโยอาห์
13 พวกที่เป็นลูกหลานของเอลีซาฟานคือ ชิมรีและเยอูเอล
พวกที่เป็นลูกหลานของอาสาฟคือเศคาริยาห์และมัทธานิยาห์
14 พวกที่เป็นลูกหลานของเฮมานคือเยฮีเอลและชิเมอี
พวกที่เป็นลูกหลานของเยดูธูนคือเชไมอาห์และอุสซีเอล
15 เมื่อพวกเขาเรียกชุมนุมพวกพี่น้องของเขา และได้เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาจึงเข้าไปชำระวิหารของพระยาห์เวห์ให้บริสุทธิ์ตามที่กษัตริย์ได้สั่งไว้ ตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ 16 พวกนักบวชได้เข้าไปข้างในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์เพื่อชำระให้มันบริสุทธิ์ พวกเขานำของทุกอย่างที่เป็นมลทินที่พวกเขาพบในวิหารของพระยาห์เวห์ออกไปไว้ที่ลานของวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพวกชาวเลวีได้ขนของเหล่านี้ไปที่หุบเขาขิดโรน 17 พวกเลวีก็เริ่มเตรียมวิหารของพระยาห์เวห์สำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง พอวันที่แปดของเดือนเดียวกัน พวกเลวีก็เตรียมมาจนถึงที่ระเบียงทางเดินของพระยาห์เวห์ และภายในอีกแปดวัน พวกเขาก็เตรียมวิหารของพระยาห์เวห์สำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ จนทุกอย่างเสร็จสิ้นลงในวันที่สิบหกของเดือนที่หนึ่ง
18 แล้วพวกเขาก็ไปเข้าพบกษัตริย์เฮเซคียาห์และรายงานว่า “พวกเราได้ทำให้วิหาร ของพระยาห์เวห์ทั้งหมดบริสุทธิ์แล้ว ทั้งแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชากับเครื่องใช้ทั้งหมด รวมทั้งโต๊ะสำหรับวางขนมปังศักดิ์สิทธิ์ กับเครื่องใช้ทั้งหมดของมัน 19 พวกเราได้จัดเตรียมและทำให้เครื่องใช้ทั้งหมดพร้อมสำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ เครื่องใช้เหล่านี้ กษัตริย์อาหัสได้ย้ายออกไป เพราะความไม่ซื่อสัตย์ของเขาต่อพระยาห์เวห์ในขณะที่เขาเป็นกษัตริย์อยู่นั้น ตอนนี้พวกเราได้เอาของเหล่านั้นกลับมาวางไว้ต่อหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์แล้ว”
20 เช้าตรู่ของวันต่อมา กษัตริย์เฮเซคียาห์รวบรวมเจ้าหน้าที่ในเมือง แล้วพากันขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ 21 พวกเขานำวัวตัวผู้เจ็ดตัว แกะตัวผู้เจ็ดตัว ลูกแกะตัวผู้เจ็ดตัวและแพะตัวผู้เจ็ดตัวไปเป็นเครื่องบูชาชำระล้างสำหรับราชวงศ์นี้ สำหรับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสำหรับชาวยูดาห์ กษัตริย์สั่งพวกนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรนให้บูชาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ 22 ดังนั้นพวกเขาจึงฆ่าวัวตัวผู้เหล่านั้น แล้วพวกนักบวชก็เอาเลือดของพวกมันมาสาดใส่แท่นบูชา ต่อจากนั้น พวกเขาก็ฆ่าแกะตัวผู้ทั้งหมด และสาดเลือดของพวกมันใส่แท่นบูชา แล้วพวกเขาก็ฆ่าลูกแกะตัวผู้แล้วสาดเลือดของพวกมันใส่แท่นบูชา 23 ส่วนพวกแพะตัวผู้ที่เป็นเครื่องบูชาชำระล้างถูกนำไปไว้ต่อหน้ากษัตริย์และคนในที่ชุมนุม แล้วพวกเขาก็วางมือลงบนตัวพวกมัน 24 แล้วพวกนักบวชก็ฆ่าแพะเหล่านั้น และถวายเลือดของพวกมันบนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แทนประชาชนอิสราเอลทั้งหมด เพราะกษัตริย์ได้สั่งให้มีการเผาเครื่องบูชาและถวายเครื่องบูชาชำระล้างสำหรับชาวอิสราเอลทั้งหมด
25 เฮเซคียาห์ได้ให้ชาวเลวีอยู่ประจำในวิหารของพระยาห์เวห์ โดยให้ถือฉาบ พิณใหญ่และพิณเล็ก อย่างที่กษัตริย์ดาวิด กาดที่เป็นคนของกษัตริย์ที่เห็นนิมิตได้ และนาธันผู้พูดแทนพระเจ้า ได้กำหนดไว้ คำสั่งนี้มาจากพระยาห์เวห์ที่สั่งผ่านทางผู้พูดแทนพระเจ้าทั้งหลายของพระองค์ 26 ดังนั้นพวกชาวเลวีจึงยืนอยู่พร้อมด้วยพวกเครื่องดนตรีของดาวิด และพวกนักบวชก็ถือแตรอยู่ 27 เฮเซคียาห์ออกคำสั่งให้ถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชา เมื่อเริ่มเผา ก็เริ่มร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์ไปด้วย พร้อมๆกับการเป่าแตร และเล่นเครื่องดนตรีของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล 28 คนในที่ชุมนุมทั้งหมด ก็ก้มลงกราบนมัสการ ในขณะที่พวกนักร้องร้องเพลง และพวกคนเป่าแตรก็เป่าแตรไป ทุกอย่างนี้ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งการเผาเครื่องเผาบูชาสิ้นสุดลง
29 เมื่อการบูชาเสร็จสิ้นลงแล้ว กษัตริย์และทุกๆคนก็คุกเข่าลงและนมัสการ 30 กษัตริย์เฮเซคียาห์กับพวกเจ้าหน้าที่ของเขาสั่งให้ชาวเลวีสรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วยบทเพลงที่ดาวิดและอาสาฟผู้ที่เห็นนิมิตได้เขียนไว้ พวกเขาก็ร้องเพลงสรรเสริญด้วยความดีใจและก้มหัวลงนมัสการ 31 แล้วเฮเซคียาห์พูดว่า “ตอนนี้พวกเจ้าได้อุทิศตัวให้กับพระยาห์เวห์แล้ว ให้นำพวกเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบคุณ มาที่วิหารของพระยาห์เวห์กันเถิด” ดังนั้นคนในที่ชุมนุมจึงได้ถวายเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบคุณ และทุกๆคนต่างก็ถวายเครื่องเผาบูชาด้วยความเต็มใจ 32 เครื่องเผาบูชาที่คนในที่ชุมนุมนำมานั้น มีวัวตัวผู้เจ็ดสิบตัว แกะตัวผู้หนึ่งร้อยตัว และลูกแกะตัวผู้สองร้อยตัว ของเหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ 33 พวกสัตว์ที่ได้อุทิศให้เป็นเครื่องสัตวบูชารวมแล้วมีวัวตัวผู้หกร้อยตัว แกะกับแพะสามพันตัว 34 แต่มีนักบวชไม่เพียงพอที่จะมาช่วยกันถลกหนังของพวกเครื่องเผาบูชา ดังนั้น พวกญาติๆเลวีที่เป็นผู้ชายจึงมาช่วยพวกเขาจนเสร็จงาน และจนกว่านักบวชคนอื่นๆจะชำระตัวเอง เพราะในการชำระตัวชาวเลวีจริงจังยิ่งกว่าพวกนักบวช 35 มีเครื่องเผาบูชาอย่างล้นเหลือ และพวกไขมันของเครื่องสังสรรค์บูชา และเครื่องดื่มบูชาที่มากับเครื่องเผาบูชาด้วย ดังนั้นงานรับใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์จึงได้รับการฟื้นฟูกลับขึ้นมาอีกครั้ง 36 เฮเซคียาห์กับประชาชนทั้งหมดต่างก็ดีใจมาก กับสิ่งที่พระเจ้าได้ทำให้กับประชาชนของพระองค์ เพราะมันสำเร็จลงอย่างรวดเร็ว
ทูตสวรรค์เจ็ดองค์และภัยพิบัติเจ็ดอย่าง
15 หลังจากนั้นผมเห็นสัญญาณอันลึกลับในสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ คือมีทูตสวรรค์เจ็ดองค์ถือภัยพิบัติมาเจ็ดอย่าง อันเป็นภัยพิบัติครั้งสุดท้าย เพราะความโกรธของพระเจ้าจะสิ้นสุดลงเมื่อภัยพิบัติเหล่านี้สิ้นสุดลง
2 ผมเห็นสิ่งที่ดูเหมือนทะเลแก้วปนไฟ แล้วผมเห็นพวกคนที่ชนะสัตว์ร้าย ชนะรูปปั้นของมัน และชนะตัวเลขที่แทนชื่อของมัน คนพวกนี้ยืนอยู่บนทะเลแก้ว และถือพิณที่พระเจ้าได้ให้กับพวกเขาไว้ 3 พวกเขาร้องเพลงของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า และเพลงของลูกแกะ เขาร้องว่า
“องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
สิ่งที่พระองค์ทำนั้นยิ่งใหญ่และวิเศษยิ่งนัก
หนทางต่างๆของพระองค์นั้นถูกต้องและยุติธรรมยิ่งนัก
พระองค์เป็นกษัตริย์ของทุกชนชาติ
4 พระองค์เจ้าข้า ใครกันจะไม่เกรงกลัวพระองค์
ใครกันจะไม่ให้เกียรติกับชื่อของพระองค์
เพราะมีแต่พระองค์เท่านั้นที่บริสุทธิ์
ทุกชนชาติจะมาและกราบไหว้อยู่ต่อหน้าพระองค์
เพราะทุกๆคนได้เห็นการกระทำที่ยุติธรรมของพระองค์”
5 หลังจากนั้น ผมเห็นวิหารบนสวรรค์ ซึ่งเป็นเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์เปิดออก 6 พวกทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ถือภัยพิบัติทั้งเจ็ดนั้นออกมาจากวิหาร พวกท่านแต่งกายด้วยผ้าลินินที่สะอาดเป็นประกาย และคาดสายสะพายสีทองไว้รอบอก 7 ต่อจากนั้นสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งในสี่ตนนั้นมอบขันทองเจ็ดใบให้กับทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดองค์ ขันทองนั้นใส่ความโกรธของพระเจ้าผู้มีชีวิตตลอดไปเอาไว้ 8 วิหารเต็มไปด้วยควันจากรัศมีและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า จึงไม่มีใครสามารถเข้าไปในวิหารนั้นได้ จนกว่าภัยพิบัติทั้งเจ็ดของทูตสวรรค์เจ็ดองค์นั้นจะสิ้นสุดลง
พระเจ้าจะลงโทษชนชาติอื่นๆ
11 เลบานอน เปิดพวกประตูของเจ้า
เพื่อไฟจะได้เผาผลาญพวกสนซีดาร์[a] ของเจ้า
2 ต้นสนจูนิเปอร์ ร้องโหยหวนซะ
เพราะต้นสนซีดาร์ได้ล้มลงแล้ว
เพราะพวกต้นไม้ที่โอ่อ่าสูงใหญ่ถูกทำลายลงแล้ว
พวกต้นโอ๊กของบาชานร้องโหยหวนซะเพราะป่าดงดิบถูกโค่นลงแล้ว
3 ฟังเสียงร้องไห้คร่ำครวญของพวกผู้เลี้ยงสิ
เพราะทุ่งหญ้าอันรุ่งโรจน์ทั้งหลายของพวกเขาถูกทำลายไปแล้ว
ฟังเสียงร้องคำรามของพวกสิงโตสิ
เพราะพุ่มไม้หนาของแม่น้ำจอร์แดนถูกทำลายไปแล้ว
ผู้เลี้ยงที่เลวกับผู้เลี้ยงที่ดี
4 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราพูด คือ “ให้เลี้ยงดูแกะที่จะเอาไปฆ่านั้นให้ดี 5 คนที่ซื้อพวกเขาไปก็ฆ่าพวกเขาโดยไม่รู้สึกเสียใจ ส่วนคนที่ขายพวกแกะก็พูดว่า ‘สรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะข้าพเจ้าร่ำรวยแล้ว’ และพวกคนที่เลี้ยงแกะนั้นก็ไม่รู้สึกสงสารแกะที่พวกเขาเลี้ยงมา[b] 6 ดังนั้นเราจะไม่สงสารคนพวกนั้นที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินยูดาห์อีกต่อไป เราจะหันประชาชนทั้งหมดให้ต่อต้านกันเอง แล้วจะมอบพวกเขาไว้ใต้อำนาจของพวกผู้ครอบครองเขา พวกผู้ครอบครองนี้จะบดขยี้แผ่นดินนี้ และเราจะไม่ช่วยให้ใครรอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกนั้นเลย” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
7 แกะที่จะเอาไปฆ่านั้น ผมได้เลี้ยงพวกเขาแทนพวกพ่อค้าแกะ ผมเอาไม้เท้ามาสองอัน เรียกอันหนึ่งว่า “ความเมตตาปรานี” และเรียกอีกอันว่า “ความเป็นหนึ่งเดียว” และผมได้เลี้ยงดูแกะเหล่านั้นด้วยไม้เท้าทั้งสองนี้ 8 ผมกำจัดผู้เลี้ยงไปสามคนในเดือนเดียว ผมเริ่มหมดความอดทนต่อแกะ และพวกเขาก็ดูหมิ่นผมด้วย 9 แล้วผมพูดว่า “เราจะไม่เลี้ยงดูพวกเจ้าอีกแล้ว ปล่อยให้แกะที่กำลังจะตาย ตายไปซะ และปล่อยตัวที่กำลังจะถูกทำลาย ถูกทำลายไปซะ และให้ตัวที่ยังเหลืออยู่นั้นกินเนื้อของกันและกัน” 10 แล้วผมก็เอาไม้เท้าอันที่มีชื่อว่า “ความเมตตาปรานี” และหักมันเป็นสองท่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรายกเลิกข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับประชาชนทั้งหมด 11 ดังนั้นข้อตกลงจึงถูกยกเลิกในวันนั้น และพวกพ่อค้าสัตว์ที่กำลังมองผมอยู่ ก็รู้ว่า นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์
12 ผมพูดกับพวกเขาว่า “ถ้าพวกเจ้าอยากจ่ายค่าแรงให้กับผม ก็จ่ายมา แต่ถ้าไม่อยากจ่ายก็ไม่ต้องจ่าย” แล้วพวกเขาก็จ่ายค่าแรงให้กับผมเป็นเงินสามสิบแผ่น 13 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “โยนเงินนั้นลงไปในกล่องถวายซะ เพราะนั่นแหละเป็นค่าตัวที่เขาตีให้กับเรา มันแสนจะมากมายเสียเหลือเกิน”[c] ผมจึงเอาเงินสามสิบแผ่นนั้นไปโยนลงในกล่องถวายในวิหารของพระยาห์เวห์ 14 จากนั้นผมได้หักไม้เท้าอันที่สองที่มีชื่อว่า “ความเป็นหนึ่งเดียว” เพื่อให้เห็นว่าผมได้ทำลายความเป็นพี่น้องกันระหว่างชาวยูดาห์กับชาวอิสราเอลแล้ว
15 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “ให้เอาเครื่องมือของผู้เลี้ยงที่โง่เขลามา 16 เพราะเรากำลังจะแต่งตั้งผู้เลี้ยงแกะคนใหม่ในแผ่นดินนี้ ผู้เลี้ยงคนใหม่นี้จะไม่สนใจพวกแกะที่กำลังจะตาย จะไม่ไปตามหาตัวที่หลงหาย จะไม่เยียวยารักษาตัวที่บาดเจ็บ จะไม่เลี้ยงดูตัวที่แข็งแรง แต่จะกินเนื้อของตัวที่อ้วนพีเหล่านั้น และฉีกกินแม้แต่กีบเท้าของแกะพวกนั้น”
17 เฮ้ย เจ้าผู้เลี้ยงแกะที่ไร้ค่า
ผู้ที่ทอดทิ้งฝูงแกะ
ขอให้ดาบตีแขนของเจ้า
แทงตาข้างขวาของเจ้า
ขอให้แขนของเจ้าลีบไปอย่างสิ้นเชิง
ขอให้ตาข้างขวาของเจ้าบอดสนิท
พระเยซูปลอบเหล่าศิษย์
14 “อย่ากลุ้มใจไปเลย ขอให้วางใจพระเจ้าและวางใจเราด้วย 2 ในบ้านของพระบิดาของเรามีห้องหลายห้อง ถ้าหากไม่มีเราก็คงไม่บอกคุณหรอกว่า เรากำลังไปเตรียมที่ไว้ให้ 3 พอเราเตรียมเสร็จแล้ว ก็จะกลับมารับคุณไปอยู่กับเรา 4 คุณก็รู้จักทางนั้นแล้วนี่ ทางที่จะนำไปถึงที่ที่เรากำลังจะไป”
5 โธมัสบอกว่า “อาจารย์ครับ พวกเรายังไม่รู้เลยว่าอาจารย์จะไปไหน แล้วพวกเราจะไปรู้จักทางนั้นได้ยังไง”
6 พระเยซูบอกว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครไปถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา 7 ถ้าพวกคุณรู้จักเรา คุณก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย และนับตั้งแต่นี้ไปคุณก็เป็นคนที่รู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์แล้ว”
8 ฟีลิปพูดว่า “อาจารย์ ขอให้พวกเราได้เห็นพระบิดาหน่อยสิครับ แค่นี้พวกเราก็พอใจแล้ว” 9 พระเยซูจึงพูดว่า “ฟีลิป คุณน่าจะรู้จักเราแล้วนะ เพราะเราได้อยู่กับคุณมาตั้งนานแล้ว ใครก็ตามที่เห็นเราก็เห็นพระบิดาด้วย แล้วทำไมคุณยังพูดว่า ‘ขอให้พวกเราได้เห็นพระบิดา’ 10 คุณไม่เชื่อใช่ไหม ว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาก็อยู่ในตัวเรา สิ่งที่เราสอนพวกคุณ เราไม่ได้คิดเองพูดเอง แต่พระบิดาที่อยู่ในตัวเรากำลังทำงานของพระองค์ผ่านทางเรา 11 เชื่อเราสิ เมื่อเราบอกว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาก็อยู่ในตัวเรา หรือไม่งั้นก็ให้เชื่อในสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่เราได้ทำไป 12 เราจะบอกให้รู้ว่า คนที่วางใจเราก็จะทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้เหมือนกับที่เราทำ และเขาจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก เพราะว่าเรากำลังจะไปหาพระบิดา 13 ดังนั้นไม่ว่าคุณจะขออะไรก็ตามในฐานะเป็นคนของเรา เราก็จะทำสิ่งนั้นให้ เพื่อที่พระบุตรจะได้แสดงความยิ่งใหญ่ของพระบิดาให้เห็น 14 เราจะทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่คุณขอ เพราะคุณเป็นคนของเรา”
พระเยซูจะส่งพระวิญญาณมาให้
15 “ถ้าพวกคุณรักเรา คุณก็จะทำตามคำสั่งของเรา 16 แล้วเราจะขอพระบิดาและพระองค์ก็จะส่งผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งมาให้พวกคุณ ผู้ช่วยนี้จะอยู่กับคุณตลอดไป 17 ผู้ช่วยองค์นี้คือพระวิญญาณแห่งความจริง โลกนี้ไม่สามารถได้รับพระองค์ เพราะโลกนี้มองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ แต่พวกคุณรู้จักพระองค์เพราะเดี๋ยวนี้พระองค์ได้อยู่กับพวกคุณแล้ว และจะอยู่ในตัวพวกคุณในอนาคตด้วย
18 เราจะไม่ปล่อยให้พวกคุณเป็นเหมือนเด็กกำพร้า เราจะกลับมาหาคุณ 19 ในเร็วๆนี้โลกจะไม่เห็นเราอีกต่อไปแล้ว แต่พวกคุณจะเห็นเราเพราะเรามีชีวิตอยู่ และพวกคุณก็จะมีชีวิตอยู่ด้วย 20 ในวันนั้นที่จะมาถึง คุณจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดา คุณอยู่ในตัวเรา และเราอยู่ในตัวคุณ 21 คนที่รู้จักคำสั่งสอนของเราและทำตามก็เป็นคนที่รักเรา พระบิดาจะรักคนที่รักเราด้วย เราก็จะรักพวกเขาและจะปรากฏตัวให้พวกเขาเห็น”
22 ยูดาส (ไม่ใช่ ยูดาส อิสคาริโอท) จึงถามว่า “อาจารย์ครับ ทำไมอาจารย์ถึงจะปรากฏตัวให้พวกเราเห็น แต่ไม่ปรากฏตัวให้โลกเห็นละครับ”
23 พระเยซูตอบว่า “ถ้าใครรักเรา เขาก็จะทำตามคำสั่งสอนของเรา พระบิดาของเราก็จะรักเขา แล้วพระบิดากับตัวเราก็จะมาปรากฏตัวให้เขาเห็น และอยู่กับเขา 24 คนไหนไม่รักเราก็จะไม่ทำตามคำสั่งสอนของเรา คำสั่งสอนที่พวกคุณได้ยินนี้ ไม่ใช่เป็นคำสั่งสอนของเรา แต่เป็นคำสั่งสอนของพระบิดาผู้ที่ส่งเรามา
25 เราได้เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้พวกคุณฟังตอนที่เรายังอยู่กับคุณ 26 เมื่อพระบิดาได้ส่งผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์มาแทนเราแล้ว พระวิญญาณนี้จะสอนคุณทุกอย่าง และจะทำให้คุณจำทุกอย่างที่เราเล่าให้ฟังได้
27 เราได้ให้สันติสุขไว้กับคุณ สันติสุขที่เราให้นี้ไม่เหมือนกับที่โลกให้ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องทุกข์ใจ หรือหวาดกลัวเลย 28 คุณได้ยินที่เราพูดว่า เรากำลังจะจากไปและจะกลับมาหาคุณอีก ถ้าคุณรักเรา คุณก็น่าจะดีใจว่าเรากำลังจะกลับไปหาพระบิดา เพราะพระบิดานั้นยิ่งใหญ่กว่าเรา 29 ตอนนี้เราบอกเรื่องนี้กับคุณไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อว่าเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆคุณจะได้เชื่อ 30 เราเหลือเวลาพูดกับพวกคุณอีกนิดเดียว เพราะเจ้าผู้ครอบครองโลก[a] นี้กำลังมา มันไม่มีอำนาจเหนือเราหรอก 31 แต่เพื่อให้โลกรู้ว่าเรารักพระบิดา เราจึงทำตามที่พระบิดาสั่งให้ทำทุกอย่าง ลุกขึ้นแล้วไปกันเถอะ”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International