Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศาวดาร 1

ซาโลมอนขอความเฉลียวฉลาด

(1 พกษ. 3:1-15)

ซาโลมอนลูกชายของดาวิดได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออาณาจักรของเขาอย่างมั่นคง เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาสถิตอยู่กับเขาและทำให้เขายิ่งใหญ่

ซาโลมอนพูดกับชาวอิสราเอลทั้งหมด กับพวกนายพันนายร้อย พวกผู้พิพากษา และพวกผู้นำทั้งหมดของชนชาติอิสราเอลทั้งสิ้น รวมทั้งผู้นำครอบครัวทั้งหลาย และซาโลมอนกับคนที่มาชุมนุมทั้งหมดนี้ได้ขึ้นไปบนสถานที่สูงที่กิเบโอน เพราะเต็นท์นัดพบ ของพระเจ้าตั้งอยู่บนนั้นซึ่งเป็นเต็นท์หลังเดียวกับที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้สร้างขึ้นในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ขณะนั้น ดาวิดได้นำหีบของพระเจ้ามาจากคิริยาท-เยอาริมไปไว้ในที่ที่เขาได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว เพราะเขาได้ตั้งเต็นท์ขึ้นสำหรับหีบใบนี้ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่เบซาเลลลูกชายของอุรี ที่เป็นลูกชายของเฮอร์ ได้สร้างไว้นั้น ตั้งอยู่ตรงหน้าของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ที่กิเบโอน ดังนั้น ซาโลมอนและคนในที่ชุมนุมทั้งหมดจึงได้ไปสอบถามพระองค์ที่นั่น ซาโลมอนขึ้นไปถึงแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าพระยาห์เวห์ ซึ่งอยู่ที่เต็นท์นัดพบ และถวายเครื่องเผาบูชาหนึ่งพันตัวบนแท่นนั้น

ในคืนนั้น พระเจ้าปรากฏแก่ซาโลมอนและพูดกับเขาว่า “เจ้าอยากได้อะไรจากเรา ก็ขอมาเถิด”

ซาโลมอนตอบพระเจ้าไปว่า “พระองค์ได้แสดงความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้า และได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า ขอให้คำสัญญาที่พระองค์ให้ไว้กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้า เป็นจริงในเวลานี้ด้วยเถิด เพราะพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์เหนือชนชาติที่มีจำนวนมากมายมหาศาลเหมือนฝุ่นบนแผ่นดินโลก 10 ขอพระองค์ให้ความเฉลียวฉลาดและความรู้กับข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะสามารถนำชนชาตินี้ได้ เพราะจะมีใครเล่าที่จะสามารถปกครองชนชาติที่ยิ่งใหญ่นี้ของพระองค์ได้”

11 พระเจ้าตอบซาโลมอนว่า “เพราะว่าสิ่งนี้อยู่ในจิตใจของเจ้า และเจ้าไม่ได้ขอทรัพย์สมบัติ ความร่ำรวยหรือเกียรติยศ ไม่ได้ขอให้ศัตรูของเจ้าตาย และไม่ได้ขอให้มีชีวิตที่ยืนยาว แต่กลับขอความเฉลียวฉลาดและความรู้ เพื่อที่จะปกครองชนชาติของเรา ที่เราได้ให้เจ้าเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา 12 ดังนั้น เราจะให้ความเฉลียวฉลาดและความรู้กับเจ้า และเราก็จะให้ทรัพย์สมบัติ ความร่ำรวยและเกียรติยศกับเจ้าอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนเคยได้รับมาก่อน ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ก็ตาม”

13 แล้วซาโลมอนก็ออกจากสถานที่สูงในกิเบโอน จากที่หน้าเต็นท์นัดพบกลับไปที่เมืองเยรูซาเล็ม และเขาก็ครองบัลลังก์อยู่เหนือชนชาติอิสราเอล

ซาโลมอนสร้างกองทัพและการค้า

(1 พกษ. 10:26-29; 2 พศด. 9:25-28)

14 ซาโลมอนสะสมรถรบกับม้าไว้มากมาย เขามีรถรบอยู่หนึ่งพันสี่ร้อยคันและมีม้าอยู่หนึ่งหมื่นสองพันตัว เขาเก็บรักษาพวกมันไว้ตามเมืองต่างๆที่เขาได้สร้างขึ้นมา และเก็บไว้ในเมืองเยรูซาเล็มกับเขาด้วย 15 ในเมืองเยรูซาเล็มกษัตริย์ได้ทำให้เงินและทองมีมากมายอย่างกับก้อนหิน และทำให้ไม้สนซีดาร์มีอย่างเกลื่อนกลาดเหมือนกับไม้มะเดื่อตามเชิงเขา 16 พวกม้าของซาโลมอนก็เป็นม้านำเข้าจากอียิปต์และจากเมืองคูเอ โดยพวกพ่อค้าของกษัตริย์เป็นผู้ซื้อพวกม้าเหล่านั้นมาจากเมืองคูเอ 17 พวกเขานำเข้ารถรบมาจากประเทศอียิปต์ รถรบหนึ่งคันเป็นเงินหนักประมาณเจ็ดกิโลกรัม และม้าตัวหนึ่งเป็นเงินหนักประมาณสองกิโลกรัม พวกเขายังส่งพวกมันออกไปขายต่อให้กับพวกกษัตริย์ของชาวฮิตไทต์และพวกกษัตริย์ของชาวอารัมด้วย

1 ยอห์น 1

มีเรื่องหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนวันแรกของโลกแล้ว เป็นเรื่องที่เราได้ยินมากับหู เห็นมากับตา ได้เพ่งดูอย่างละเอียด และได้สัมผัสมากับมือของเราเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับถ้อยคำ[a]แห่งชีวิต และชีวิตนั้นเองได้มาปรากฏให้เราเห็น และตอนนี้เราได้เป็นพยานและประกาศเรื่องของชีวิตนั้นให้พวกคุณ คือชีวิตที่จะอยู่กับพระเจ้าตลอดไป ชีวิตนั้นอยู่กับพระบิดาและได้มาปรากฏให้เราเห็น เพราะเราได้เห็นและได้ยินเรื่องชีวิตนั้นแล้ว เราจึงมาบอกให้พวกคุณรู้เดี๋ยวนี้ หวังว่าพวกคุณจะได้มีสายสัมพันธ์กับพวกเราเหมือนกับที่พวกเรามีสายสัมพันธ์กับพระบิดาและกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ด้วย เพราะอย่างนี้ เราจึงเขียนเรื่องพวกนี้ให้กับพวกคุณ เพื่อพวกเรา[b]จะได้มีความสุขอย่างเต็มที่

พระเจ้ายกโทษให้กับเรา

นี่คือเรื่องที่เราได้ยินจากพระเยซูคริสต์เจ้า และเป็นเรื่องเดียวกับที่เรากำลังบอกพวกคุณอยู่เดี๋ยวนี้ คือพระเจ้าเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดในพระองค์เลย ถ้าเราบอกว่าเรามีสายสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่เรายังใช้ชีวิตอยู่ในความมืด เราก็โกหกและไม่ได้ทำตามความจริง แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่ในความสว่างเหมือนกับที่พระเจ้าอยู่ในความสว่าง เราก็จะมีสายสัมพันธ์ร่วมกัน และเลือดของพระเยซูพระบุตรของพระเจ้าก็ล้างความบาปทุกอย่างของเราจนหมดสิ้น

ถ้าเราบอกว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และไม่รู้จักความจริง แต่ถ้าเรายอมสารภาพความบาปของเรา พระเจ้าผู้รักษาคำสัญญาและทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ จะยกโทษบาปให้กับเรา และจะล้างเราให้สะอาดจากความผิดทุกอย่างด้วย 10 แต่ถ้าเราบอกว่า เราไม่ได้ทำบาป เราก็กำลังว่าพระเจ้าโกหก และคำพูดของพระองค์ก็ไม่ได้อยู่ในใจเราเลย

มีคาห์ 7

สังคมเสื่อมทราม

น่าสมเพชจริงๆ ผมกลายเป็นคนเก็บผลไม้หรือลูกองุ่น
    หลังจากที่เขาเก็บลูกองุ่นไปหมดแล้ว
    ไม่เหลือองุ่นสักพวงให้กิน
ไม่มีลูกมะเดื่อที่ผมชอบเหลืออยู่เลย
ผมหมายถึง คนที่จงรักภักดีถูกทำลายไปหมดแล้วจากแผ่นดินนี้
    ไม่มีคนซื่อตรงเหลืออยู่เลยสักคน
ทุกคนเฝ้าคอยซุ่มฆ่าคนอื่น
    ต่างคนต่างล่าชีวิตของกันและกันด้วยตาข่าย
มือทั้งสองของพวกเขาก็ถนัดในการทำชั่ว
    พวกข้าราชการและผู้พิพากษารับสินบน
พวกคนใหญ่คนโตก็เรียกร้องสิ่งที่พวกเขาอยากได้
    และร่วมมือกับผู้พิพากษาในการบิดเบือนความยุติธรรม
คนที่ดีที่สุดของพวกเขาก็ยังเหมือนกับพุ่มหนาม
    คนที่ซื่อตรงที่สุดของพวกเขาก็เหมือนกับลวดหนาม

เวลาแห่งการลงโทษใกล้เข้ามาแล้ว

ข้าแต่พระยาห์เวห์ เวลานั้นที่พวกคนเฝ้ายาม[a] ของพระองค์ทำนายเอาไว้ ใกล้เข้ามาแล้ว
    เวลานั้นที่พระองค์จะมาลงโทษใกล้เข้ามาแล้ว
    แล้วเมื่อนั้น พวกคนชั่วทั้งหลายจะสับสนวุ่นวาย
อย่าได้ไว้วางใจเพื่อนบ้านของพวกเจ้า อย่าไว้ใจเพื่อนสนิทของเจ้า
    แม้แต่เมียในอ้อมอกเจ้าก็ต้องระวังว่าจะพูดอะไรกับนาง
ลูกชายหัวเราะเยาะพ่อของเขา
    ลูกสาวกบฏต่อแม่ของตัวเอง
ลูกสะใภ้กบฏต่อแม่ผัว
    ศัตรูที่เลวร้ายที่สุดก็คือ คนในบ้านของตัวเอง

พระยาห์เวห์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด

แต่ส่วนผม จะเฝ้ารอคอยและฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
    ผมจะอดทนรอคอยพระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดของผม
    เมื่อผมร้องขอความช่วยเหลือ พระเจ้าของผมจะฟังผม
ศิโยนพูดว่า ศัตรูของข้า อย่าได้ดีใจไป ที่ข้าต้องพบกับความยากลำบาก
    ถึงข้าล้ม ข้าก็จะลุกขึ้นมาอีก
ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะนั่งอยู่ในความมืด
    พระยาห์เวห์จะเป็นแสงสว่างให้กับข้า

ข้าจะต้องทนต่อความโกรธของพระยาห์เวห์
    เพราะข้าได้ทำบาปต่อพระองค์
จนกว่าพระองค์จะแก้ต่างให้กับข้า
    และให้ความยุติธรรมกับข้า
พระองค์จะนำข้าไปสู่ความสว่าง
    และข้าจะเห็นพระองค์ให้ความเป็นธรรม
10 ขอให้ศัตรูของข้าได้เห็นเรื่องนี้และอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง
    แล้วตาของข้าจะจ้องมองเธอคนที่พูดใส่หน้าข้าว่า
    “ไหนล่ะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”
เมื่อถึงตอนนั้น เธอจะถูกเหยียบย่ำเหมือนขี้โคลนบนถนน

11 มีคาห์พูดกับศิโยนว่า แล้วในวันนั้น กำแพงของพวกเจ้าจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่[b]
    วันนั้นจะเป็นวันที่พรมแดนของเจ้าจะขยายออกไป
12 เมื่อถึงตอนนั้น คนของเจ้าจะกลับมาหาเจ้าจากทุกหนแห่ง จากอัสซีเรียไกลถึงอียิปต์
    จากอียิปต์ไกลถึงแม่น้ำยูเฟรติส
จากทะเลหนึ่งไปถึงอีกทะเลหนึ่ง
    จากภูเขาหนึ่งไปถึงอีกภูเขาหนึ่ง

13 แต่โลกนอกเขตแดนของเจ้าจะถูกทำลาย
    มันเป็นผลกรรมของคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
14 ผู้คนพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ได้โปรดเลี้ยงดูคนของพระองค์ซึ่งเป็นลูกแกะของพระองค์ด้วยไม้เลี้ยงแกะของพระองค์
    ลูกแกะเหล่านั้นอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในป่าละเมาะ มีทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ล้อมรอบ
ขอให้พวกฝูงแกะมาหากินในบาชานและกิเลอาดเหมือนที่พวกมันเคยทำในสมัยก่อนโน้น

คำอธิษฐานขอพระเจ้าจัดการศัตรู

15 พระยาห์เวห์ ได้โปรดแสดงการอัศจรรย์ทั้งหลายให้เราเห็น
    เหมือนกับตอนที่พระองค์นำพวกเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
16 ขอให้ชนชาติทั้งหลายเห็นการอัศจรรย์ต่างๆเหล่านั้น
    และรู้สึกละอายกับอำนาจอันน้อยนิดที่พวกเขามี
ขอให้พวกเขาเอามือปิดปากด้วยความตะลึงงัน
    และขอให้หูของพวกเขาหนวกไป
17 ขอให้พวกเขาเลียผงดินเหมือนงูหรือสัตว์อื่นๆที่เลื้อยคลานอยู่บนดิน
    ขอให้พวกเขาเดินออกมาจากป้อมปราการของเขาอย่างตัวสั่นงันงก
ขอให้พวกเขามาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ด้วยความหวาดกลัวและเกรงกลัวอยู่ต่อหน้าพระองค์

สรรเสริญพระยาห์เวห์

18 จะมีพระองค์ไหนที่เป็นเหมือนกับพระองค์
    พระองค์ให้อภัยกับการกระทำชั่ว
พระองค์ให้อภัยกับพวกที่กบฏต่อพระองค์
    คือคนของพระองค์ที่รอดชีวิตมาได้
พระองค์ไม่ฝังใจโกรธพวกนั้นตลอดไป
    เพราะพระองค์มีความสุขที่จะแสดงความรักอันมั่นคงของพระองค์
19 พระองค์จะกลับมาเมตตาพวกเราอีกครั้ง
    พระองค์จะให้อภัยกับการกระทำที่ชั่วร้ายของเรา
    พระองค์จะโยนบาปทั้งหมดของเราทิ้งลงในทะเลลึก
20 พระองค์เจ้าข้า ขอให้พระองค์รักษาสัญญาที่ให้กับยาโคบ
    ขอให้พระองค์แสดงความรักอันมั่นคงให้กับอับราฮัม
ตามที่พระองค์สาบานไว้กับบรรพบุรุษของเราตั้งแต่สมัยก่อนโน้น”

ลูกา 16

ทรัพย์สมบัติที่แท้จริง

16 พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ว่า “เศรษฐีคนหนึ่งได้จ้างผู้จัดการมาดูแลกิจการของเขา ต่อมามีคนมาฟ้องว่า ผู้จัดการคนนี้ใช้จ่ายเงินทองของเศรษฐีอย่างสุรุ่ยสุร่าย เศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการคนนั้นมาถามว่า ‘เจ้าจะแก้ตัวว่ายังไงในเรื่องที่เราได้ยินมานี้ ไปเอาบัญชีที่เจ้าจัดการอยู่คืนมา เราไล่เจ้าออกแล้ว’ ผู้จัดการคนนี้ จึงคิดในใจว่า ‘ทำยังไงดี นายกำลังจะไล่ออก จะไปขุดดินก็ไม่มีแรง จะไปขอทานก็อายเขา อ๋อ รู้แล้วว่าจะทำยังไงดี จะได้มีคนต้อนรับเข้าบ้านเขาตอนที่ตกงาน’ เขาจึงเรียกลูกหนี้ของนายมาถามทีละคน เขาถามคนแรกว่า ‘คุณเป็นหนี้นายผมอยู่เท่าไหร่’ เขาตอบว่า ‘น้ำมันมะกอกร้อยถัง’ ผู้จัดการจึงบอกเขาว่า ‘นี่ใบกู้ยืมของคุณ รีบนั่งลงแก้เป็นห้าสิบถังเร็วเข้า’

แล้วเขาก็ถามคนที่สองว่า ‘คุณเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่’ เขาก็ตอบว่า ‘ข้าวสาลีหนึ่งร้อยถัง’ ผู้จัดการจึงพูดกับเขาว่า ‘เอาใบกู้ยืมนี้ไปแก้เป็นแปดสิบถัง’ เศรษฐีก็ชมผู้จัดการขี้โกงคนนี้ว่าเอาตัวรอดเก่ง ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะคนของโลกนี้เอาตัวรอดในเรื่องแบบนี้เก่งกว่าคนของพระเจ้า

เราจะบอกให้รู้ว่า ให้ใช้เงินทองที่มีอยู่ในโลกนี้คบหาเพื่อนไว้ เพราะเมื่อเงินทองหมดไป เพื่อนๆก็จะได้ต้อนรับคุณเข้าอยู่ในบ้านที่ถาวรตลอดไป

10 คนที่ไว้ใจได้ในเรื่องเล็กๆก็จะไว้ใจได้ในเรื่องใหญ่ๆด้วย แต่คนที่ไว้ใจไม่ได้แม้แต่ในเรื่องเล็กๆก็จะไว้ใจไม่ได้ในเรื่องใหญ่ๆด้วย 11 ถ้าขนาดทรัพย์สมบัติในโลกนี้ ยังไว้ใจคุณไม่ได้เลย แล้วจะไว้ใจให้คุณดูแลทรัพย์สมบัติเที่ยงแท้ได้ยังไง 12 ถ้าของของคนอื่น ยังไว้ใจคุณไม่ได้เลย แล้วใครจะกล้าให้คุณเป็นเจ้าของอะไรเล่า 13 ไม่มีทาสคนไหนรับใช้นายสองนายได้ เพราะเขาจะเกลียดนายคนหนึ่ง และรักอีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็จะทุ่มเทให้กับคนหนึ่ง และจะดูถูกอีกคนหนึ่ง พวกคุณจะรับใช้พระเจ้า และเงินทองพร้อมๆกันไม่ได้หรอก”

คำสอนข้ออื่นๆ

(มธ. 11:12-13)

14 ฝ่ายพวกฟาริสีที่เห็นแก่เงิน เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ก็หัวเราะเยาะพระเยซู 15 พระองค์จึงพูดว่า “พวกคุณพยายามจะให้คนมองว่าคุณทำตามใจพระเจ้า แต่พระเจ้ารู้ว่าจิตใจของพวกคุณชั่วร้าย สิ่งที่มนุษย์เห็นว่าสุดยอด พระเจ้ากลับเห็นว่าน่าขยะแขยง

16 แต่ก่อนนั้นพระเจ้าให้กฎต่างๆผ่านมาทางโมเสส และให้คำพูดต่างๆผ่านมาทางผู้พูดแทนพระเจ้า จนกระทั่งมาถึงสมัยของยอห์นคนที่ทำพิธีจุ่มน้ำนั้น นับตั้งแต่สมัยของยอห์นเป็นต้นมา ข่าวดีเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้าก็ได้ประกาศออกไป ทำให้ทุกคนตอบสนองต่อข่าวดีนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย

17 ให้ฟ้าและดินหายไป ยังง่ายกว่า ที่จะให้จุดหนึ่งหรือตัวอักษรหนึ่งในกฎปฏิบัติ หมดผลบังคับไป

18 ผู้ชายที่หย่ากับภรรยาของตนแล้วไปแต่งงานใหม่ ก็ถือว่ามีชู้ และผู้ชายที่มาแต่งงานกับหญิงที่หย่าร้างนี้ ก็ถือว่ามีชู้ด้วย

เศรษฐีกับลาซารัส

19 ครั้งหนึ่งมีเศรษฐีคนหนึ่ง เขาแต่งกายด้วยชุดสีม่วงราคาแพง และผ้าป่านเนื้อดี และใช้ชีวิตอย่างหรูหราทุกวัน 20 มีขอทานคนหนึ่งชื่อ ลาซารัส มีแผลเต็มตัวไปหมด นอนอยู่หน้าประตูบ้านเศรษฐี 21 เขาอยากจะกินแค่อาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี หมาก็มาเลียแผลของเขา 22 ต่อมาเมื่อขอทานนั้นตาย เหล่าทูตสวรรค์ก็มารับเขาไปอยู่กับอับราฮัม เศรษฐีก็ตายเหมือนกัน และถูกฝังไว้ 23 เศรษฐีไปอยู่ในแดนคนตาย และได้รับความทุกข์ทรมานมาก เขามองเห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ข้างๆอับราฮัม 24 เศรษฐีจึงร้องตะโกนว่า ‘คุณพ่ออับราฮัม สงสารผมด้วยเถิดครับ ช่วยส่งลาซารัสมานี่หน่อย เพื่อเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของผมให้เย็นลง เพราะผมเจ็บปวดทรมานเหลือเกินในเปลวไฟนี้’ 25 แต่อับราฮัมพูดว่า ‘ลูกเอ๋ย จำได้ไหมตอนที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่นั้น เจ้าได้รับแต่สิ่งดีๆแต่ลาซารัสนั้นได้รับแต่สิ่งที่ไม่ดี ตอนนี้เขามีความสุขอยู่ที่นี่ ส่วนเจ้าได้รับความทุกข์ทรมาน 26 นอกจากนั้นก็มีเหวกว้างใหญ่ขวางกั้นพวกเราอยู่ เพื่อไม่ให้ไปมาหาสู่กันได้’ 27 เศรษฐีจึงพูดว่า ‘ถ้าอย่างนั้น ขอร้องคุณพ่ออับราฮัมให้ช่วยส่งลาซารัสไปที่บ้านพ่อผมด้วย 28 เพราะผมมีพี่น้องอยู่ห้าคน ลาซารัสจะได้ไปเตือนพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานเหมือนกับผมในที่นี้’

29 แต่อับราฮัมตอบไปว่า ‘พวกเขามีโมเสส และผู้พูดแทนพระเจ้าคอยเตือนอยู่แล้ว ให้เขาฟังคนเหล่านั้นเถิด’ 30 ฝ่ายเศรษฐีจึงพูดว่า ‘แต่นั่นไม่พอหรอก คุณพ่ออับราฮัม ถ้ามีคนที่ฟื้นขึ้นจากความตายไปเตือนพวกเขา พวกเขาจะกลับตัวกลับใจเสียใหม่’ 31 อับราฮัมจึงพูดกับเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสส และพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ถึงจะมีคนที่ฟื้นขึ้นจากความตาย เขาก็จะไม่ฟังอยู่ดี’”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International