M’Cheyne Bible Reading Plan
กษัตริย์โยอาชซ่อมแซมวิหาร
(2 พกษ. 11:21-12:21)
24 โยอาชมีอายุเจ็ดปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสี่สิบปี แม่ของเขาชื่อว่าศิบียาห์ นางมาจากเบเออร์เชบา 2 ตลอดชั่วชีวิตของนักบวชเยโฮยาดา เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ 3 เยโฮยาดาเลือกเมียสองคนให้กับโยอาช และโยอาชก็มีลูกชายลูกสาวมากมาย
4 ต่อมาภายหลัง โยอาชตัดสินใจที่จะซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์ 5 เขาเรียกพวกนักบวชกับชาวเลวีมาชุมนุมกันและพูดกับพวกเขาว่า “ไปตามเมืองต่างๆของยูดาห์และไปรวบรวมเงินที่ชาวอิสราเอลทั้งหมดต้องจ่ายเป็นประจำทุกปี เพื่อที่จะนำมาซ่อมแซมวิหารของพระเจ้าของพวกท่าน ให้ไปเดี๋ยวนี้” แต่พวกชาวเลวีไม่ยอมทำในทันที
6 กษัตริย์จึงเรียกตัวเยโฮยาดาที่เป็นหัวหน้านักบวชมาและพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงไม่สั่งให้พวกชาวเลวีไปนำเงินภาษีจากยูดาห์และเยรูซาเล็มมา เป็นภาษีที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้กำหนดไว้ให้กับชุมชนอิสราเอล เพื่อใช้สำหรับเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง”
7 ในอดีต พวกลูกชายของนางอาธาลิยาห์หญิงชั่ว ได้บุกเข้าไปในวิหารของพระเจ้า และได้ขนเอาข้าวของเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไปใช้กับพระบาอัล
8 กษัตริย์สั่งให้ทำหีบขึ้นมาใบหนึ่ง และให้นำมันไปวางไว้ที่ด้านนอกตรงประตูของวิหารของพระยาห์เวห์ 9 แล้วพวกเลวีก็ป่าวประกาศไปทั่วทั้งยูดาห์และเยรูซาเล็ม ให้พวกเขาเอาเงินภาษีมาให้กับพระยาห์เวห์ เงินภาษีนี้เป็นสิ่งที่โมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าเคยเรียกร้องจากชาวอิสราเอลในช่วงที่พวกเขาอยู่ในทะเลทราย 10 พวกเจ้าหน้าที่และประชาชนทั้งหมด ต่างนำเงินของพวกเขามาให้ด้วยความเต็มใจ พวกเขาใส่เงินเหล่านั้นไว้ในหีบใบนั้นจนเต็ม 11 เมื่อพวกเลวีนำหีบมาให้พวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ และพวกเขาเห็นว่ามีเงินอยู่เต็มแล้ว เลขานุการของกษัตริย์และเจ้าหน้าที่ของหัวหน้านักบวช ก็จะเข้ามาและเอาเงินออกจากหีบ และนำหีบนั้นกลับไปไว้ที่เดิมอีกครั้ง พวกเขาทำอย่างนี้เป็นประจำและรวบรวมเงินได้เป็นจำนวนมาก 12 กษัตริย์และเยโฮยาดาเอาเงินนี้ไปจ่ายให้กับพวกคนที่ทำงานให้กับวิหารของพระยาห์เวห์ พวกเขาจ้างพวกช่างก่อตึกและช่างไม้ และยังจ้างพวกคนงานที่ชำนาญเกี่ยวกับเหล็กและทองสัมฤทธิ์ให้มาซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์
13 พวกคนที่ทำงานล้วนแต่เป็นคนขยัน และการซ่อมแซมก้าวหน้าไปเรื่อยๆด้วยฝีมือของพวกเขา พวกเขาสร้างวิหารของพระเจ้าขึ้นใหม่อีกครั้ง ตามแบบเดิมและทำให้มันมั่นคงแข็งแรงขึ้น 14 เมื่อพวกเขาทำเสร็จหมดแล้ว ก็นำเงินที่เหลือไปให้กับกษัตริย์และเยโฮยาดา พวกเขาเอาเงินนั้นไปทำเครื่องใช้สำหรับวิหารของพระยาห์เวห์ เป็นเครื่องใช้สำหรับงานรับใช้ และสำหรับเครื่องเผาบูชา พวกเขายังทำถ้วยและสิ่งอื่นๆจากทองคำและเงิน ตลอดระยะเวลาที่เยโฮยาดายังมีชีวิตอยู่ มีการถวายเครื่องเผาบูชาในวิหารของพระยาห์เวห์เป็นประจำ
15 ต่อมาเยโฮยาดาแก่ตัวลง และตายไปในขณะที่มีอายุหนึ่งร้อยสามสิบปี 16 เป็นเพราะความดีที่เขาทำไปในอิสราเอลเพื่อพระเจ้าและวิหารของพระองค์ ศพของเขาจึงถูกฝังไว้กับพวกกษัตริย์ในเมืองของดาวิด
โยอาชหลงไปจากพระยาห์เวห์
17 ภายหลังที่เยโฮยาดาตายไปแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ของยูดาห์ได้มาก้มกราบต่อกษัตริย์ และกษัตริย์ก็ฟังพวกเขา 18 พวกเขาละทิ้งวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา และหันไปสักการะบูชาพวกเสาของพระอาเชราห์ และรูปเคารพทั้งหลาย เป็นเพราะความผิดนี้ของพวกเขา ความโกรธของพระเจ้าจึงลงมาที่ยูดาห์และเยรูซาเล็ม 19 ถึงแม้พระยาห์เวห์ได้ส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้ามาให้กับประชาชน เพื่อที่จะชักนำพวกเขากลับมาหาพระองค์ และถึงแม้พวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านั้นจะต่อว่าพวกเขาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง
20 แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็มาสถิตกับเศคาริยาห์ลูกชายของนักบวชเยโฮยาดา เขายืนอยู่ต่อหน้าประชาชนและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พระเจ้าพูด ‘ทำไมพวกเจ้าจึงไม่เชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์ พวกเจ้าจะไม่รุ่งเรืองอีกต่อไป เพราะพวกเจ้าละทิ้งพระยาห์เวห์ พระองค์ก็จะละทิ้งพวกเจ้าเหมือนกัน’”
21 แต่ประชาชนวางแผนต่อต้านเศคาริยาห์ และกษัตริย์สั่งให้ประชาชนเอาหินขว้างเขาจนตายที่ลานของวิหารของพระยาห์เวห์ 22 กษัตริย์โยอาชลืมบุญคุณที่เยโฮยาดาพ่อของเศคาริยาห์เคยมีต่อเขา และได้ฆ่าลูกชายของเยโฮยาดาตาย เมื่อเขาใกล้จะขาดใจตายนั้น เขาพูดว่า “ขอให้พระยาห์เวห์เห็นสิ่งนี้และลงโทษเจ้าด้วย”
23 ในช่วงปลายปี กองทัพของชาวอารัมยกมาสู้รบกับโยอาช พวกนั้นบุกเข้ายูดาห์และเยรูซาเล็มและฆ่าพวกผู้นำทั้งหมดของประชาชน ชาวอารัมส่งข้าวของที่ยึดมาได้กลับไปให้กับกษัตริย์ของพวกเขาในดามัสกัส 24 ถึงแม้ว่ากองทัพของชาวอารัมจะยกกันมาไม่มาก แต่พระยาห์เวห์ก็ทำให้กองทัพขนาดใหญ่ของโยอาชต้องตกไปอยู่ในกำมือของพวกอารัม เพราะชาวยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา คำตัดสินโทษได้ตกอยู่ที่โยอาช 25 เมื่อพวกชาวอารัมถอยทัพไปแล้ว พวกเขาก็ทิ้งโยอาชที่บาดเจ็บสาหัสไว้ พวกเจ้าหน้าที่ของโยอาชคบคิดกันทรยศเขา เพราะเขาได้ฆ่าลูกชายของนักบวชเยโฮยาดาตาย และคนพวกนั้นก็ได้ฆ่าเขาตายบนเตียงของเขาเอง ศพของโยอาชถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด แต่ไม่ได้อยู่ในหลุมฝังศพของพวกกษัตริย์
26 พวกคนที่รวมหัวกันต่อต้านเขาคือ ศาบาดลูกชายของนางชิเมอัทชาวอัมโมน กับเยโฮซาบาดลูกชายของนางชิมริทชาวโมอับ 27 รายชื่อพวกลูกชายของโยอาช พวกคำพูดมากมายจากพระเจ้าที่ต่อต้านเขา และบันทึกการซ่อมแซมวิหารของพระเจ้า มีเขียนอยู่ในคำอธิบายในหนังสือพงศ์กษัตริย์ และอามาซิยาห์ลูกชายของโยอาชก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
พยานทั้งสอง
11 หลังจากนั้นผมได้รับไม้อ้อยาวก้านหนึ่งไว้ใช้เป็นไม้วัด มีเสียงบอกกับผมว่า “ไปวัดขนาดวิหารของพระเจ้า แท่นบูชา และนับจำนวนคนที่กำลังนมัสการอยู่ในวิหารนั้น 2 แต่ไม่ต้องวัดลานชั้นนอกของวิหาร เพราะได้ถูกยกให้กับคนนอกศาสนาแล้ว พวกเขาจะเหยียบย่ำไปทุกหนแห่งในเมืองบริสุทธิ์เป็นเวลาสี่สิบสองเดือน 3 เราจะให้ฤทธิ์อำนาจกับพยานทั้งสองของเราที่จะประกาศถ้อยคำของพระเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันสองร้อยหกสิบวัน และพวกเขาจะสวมใส่ผ้ากระสอบ” 4 มีต้นมะกอกสองต้นและตะเกียงที่มีขาตั้งสองดวงตั้งอยู่ตรงหน้าองค์เจ้าชีวิตผู้ครอบครองโลกนี้ พวกมันเป็นสัญลักษณ์ของพยานทั้งสองนั้น 5 ถ้ามีใครพยายามที่จะทำอันตรายพยานทั้งสองนี้ ก็จะมีไฟออกมาจากปากของพวกเขา ทำลายศัตรูนั้นเสีย ถ้ามีใครพยายามทำร้ายพวกเขา ก็จะต้องตายแบบนี้ 6 พยานทั้งสองนี้ มีฤทธิ์อำนาจที่จะปิดท้องฟ้าไม่ให้ฝนตก ในขณะที่พวกเขากำลังประกาศถ้อยคำของพระเจ้าอยู่ พวกเขามีฤทธิ์ทำให้แหล่งน้ำทั้งหมดกลายเป็นเลือด และมีฤทธิ์ที่จะทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆบนโลกกี่ครั้งก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ
7 เมื่อพวกเขาทำหน้าที่เป็นพยานเสร็จแล้ว จะมีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากนรกอเวจีออกมาต่อสู้กับพวกเขา สัตว์ตัวนั้นจะชนะและฆ่าพวกเขาเสีย 8 ศพของพวกเขาจะนอนอยู่บนถนนในเมืองอันยิ่งใหญ่ เป็นเมืองที่องค์เจ้าชีวิตของพวกเขาได้ถูกตรึงบนไม้กางเขนเหมือนกัน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองโสโดมและเมืองอียิปต์ 9 คนจากทุกเชื้อชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกภาษาและทุกชนชาติ จะมองดูศพของพวกเขาตลอดเวลาสามวันครึ่งและจะไม่ยอมให้เอาศพนั้นไปฝัง 10 พวกคนชั่วที่อยู่บนโลกนี้ต่างก็จะมีความสุข เพราะเขาทั้งสองตายแล้ว พวกเขาจะจัดงานเลี้ยงฉลองและให้ของขวัญแก่กันและกัน เพราะผู้พูดแทนพระเจ้าทั้งสองคนนี้ได้ทำให้คนพวกนั้นที่อยู่บนโลกทนทุกข์ทรมาน
11 แต่หลังจากผ่านไปสามวันครึ่ง พระเจ้าจะให้ลมหายใจที่ให้ชีวิตกับเขาทั้งสอง และพวกเขาก็ลุกขึ้นยืน พวกคนที่เห็นเขาต่างก็กลัวมาก 12 ผู้พูดแทนพระเจ้าทั้งสองได้ยินเสียงอันดังจากสวรรค์พูดกับพวกเขาว่า “ขึ้นมาที่นี่” พวกเขาจึงได้ขึ้นไปบนสวรรค์ในหมู่เมฆนั้น และพวกศัตรูของเขาก็เห็นพวกเขาขึ้นไป
13 ในขณะเดียวกันก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทำให้หนึ่งในสิบส่วนของบ้านเมืองนั้นถูกทำลายลง มีคนตายเจ็ดพันคนจากแผ่นดินไหว ส่วนคนที่เหลืออยู่ตกใจกลัวมาก ต่างพากันสรรเสริญพระเจ้าแห่งสวรรค์
14 เรื่องน่าอับอายอันที่สองผ่านไปแล้ว แต่ระวังให้ดี เรื่องน่าอับอายอันที่สามกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
แตรที่เจ็ด
15 เมื่อเสียงแตรจากทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดดังขึ้น ก็มีเสียงในสวรรค์ดังขึ้นมากมายพูดว่า
“อาณาจักรของโลกนี้ได้กลายเป็นอาณาจักรขององค์เจ้าชีวิตของเรากับกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว
พระองค์จะครอบครองตลอดไป”
16 พวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่องค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของตนตรงหน้าพระเจ้า ได้ก้มหน้ากราบลงนมัสการพระเจ้า 17 และพูดว่า
“เราขอบคุณพระองค์ องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ผู้ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้และในอดีต
เพราะพระองค์ได้ใช้อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
และได้เริ่มครอบครองแล้ว
18 ชนชาติที่ไม่ได้เชื่อพระองค์เกิดความโกรธแค้น
แต่บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ที่พระองค์จะแสดงความโกรธของพระองค์
ถึงเวลาสำหรับพระองค์แล้ว ที่จะพิพากษาคนที่ตายไปแล้ว
และให้รางวัลกับพวกผู้รับใช้ของพระองค์ พวกผู้พูดแทนพระเจ้า
คนของพระองค์และคนพวกนั้นที่เคารพยำเกรงพระองค์
ทั้งผู้ยิ่งใหญ่และผู้ต่ำต้อย
และถึงเวลาสำหรับพระองค์แล้ว ที่จะทำลายคนพวกนั้นที่ได้ทำลายแผ่นดินโลก”
19 จากนั้นวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ก็เปิดออก จนสามารถเห็นหีบที่บรรจุคำสัญญาของพระองค์ภายในวิหารนั้น และเกิดฟ้าแลบ เสียงต่างๆ เสียงฟ้าร้อง แผ่นดินไหว และพายุลูกเห็บอย่างหนัก
พระยาห์เวห์อยากให้คนของพระองค์มีความเมตตาปรานี
7 ในปีที่สี่ที่ดาริอัสเป็นกษัตริย์ของเปอร์เซีย ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ ในวันที่สี่ของเดือนเก้า ซึ่งเป็นเดือนคิสเลฟ[a] 2 เมืองเบธเอลส่งชาเรเซอร์ และเรเกมเมเลค มาขอให้พระยาห์เวห์อวยพรพวกเขา 3 พวกเขาพูดกับพวกนักบวชที่วิหารของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นและพูดกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ในช่วงเดือนที่ห้าของทุกปี[b] พวกเราร้องไห้และอดอาหาร ไว้ทุกข์ให้กับวิหารที่ถูกทำลายไป เราทำอย่างนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว จะให้เราทำต่อไปอีกหรือเปล่า”
4 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นมาถึงผมว่า 5 “ให้บอกกับทุกคนในแผ่นดินนี้และให้บอกกับพวกนักบวชด้วยว่า ‘ที่พวกเจ้าอดอาหารและไว้ทุกข์ในเดือนที่ห้าและในเดือนที่เจ็ดเป็นเวลาถึงเจ็ดสิบปีแล้วนั้น พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าได้อดอาหารให้กับเราจริงๆ 6 แล้วเวลาที่เจ้ากินและดื่มนั้น พวกเจ้าไม่ใช่กินและดื่มเพื่อประโยชน์สุขของตัวเองหรอกหรือ 7 คำพูดอย่างนี้ พระยาห์เวห์ก็เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในสมัยก่อน เรื่องนี้พระองค์เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือ ตอนที่เยรูซาเล็มและหมู่บ้านรอบข้างมั่นคงปลอดภัยและมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย และเรื่องนี้พระองค์เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือตอนที่ดินแดนเนเกบและเชเฟลาห์[c]ยังมีผู้คนอาศัยอยู่’”
8 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ พูดอย่างนี้ว่า
9 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
‘ให้ตัดสินอย่างยุติธรรม
ให้มีน้ำใจต่อกันและเห็นอกเห็นใจกัน
10 อย่ากดขี่ข่มเหงแม่หม้าย เด็กกำพร้า คนต่างชาติ หรือคนจน
อย่าวางแผนชั่วในใจต่อกัน’
11 แต่คนพวกนั้นก็ไม่ยอมฟัง
พวกเขาทำเป็นเมิน ดื้อดึง
และยังอุดหูไม่ยอมฟัง
12 เขาทำให้ใจตัวเองแข็งเหมือนเพชรเพื่อจะไม่ได้ยินกฎและคำสั่งต่างๆ
ที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นส่งผ่านมาทางพระวิญญาณของพระองค์
โดยพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในสมัยก่อน
พระยาห์เวห์จึงโกรธแค้นมาก
13 ดังนั้นพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
‘ตอนที่เราเรียกพวกเขา พวกเขาก็ไม่ยอมฟังเรา
ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาขอความช่วยเหลือจากเรา
เราก็จะไม่ยอมฟังพวกเขาเหมือนกัน
14 แล้วเราได้พัดพวกเขาให้กระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติที่พวกเขาไม่รู้จัก
จนแผ่นดินรกร้างว่างเปล่าจนไม่มีใครเดินผ่านไปมา
เมื่อชนชาติต่างๆเหล่านั้นบุกเข้ามา
และแผ่นดินที่น่าอยู่ก็ถูกทำลายไป’”
คนเลี้ยงแกะกับฝูงแกะของเขา
10 “เราจะบอกให้รู้ว่า คนที่ไม่ได้เข้าคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าไปทางอื่นนั้นคือขโมย และโจร 2 คนที่เข้าคอกแกะทางประตูคือคนเลี้ยงแกะ 3 คนเฝ้าประตูก็เปิดประตูให้เขาและแกะก็ฟังเสียงของเขา เขารู้จักแกะแต่ละตัว เรียกแกะตามชื่อของมันเอง และเขานำพวกแกะออกจากคอก 4 เมื่อแกะออกจากคอกหมดแล้ว คนเลี้ยงก็เดินนำหน้า และแกะก็เดินตามเขาไป เพราะแกะจำเสียงเขาได้ 5 ฝูงแกะจะไม่มีวันเดินตามคนแปลกหน้า พวกมันจะวิ่งหนีไป เพราะไม่คุ้นกับเสียงของคนแปลกหน้า” 6 พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้พวกเขาฟัง แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าพระองค์หมายถึงอะไร
พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี
7 พระเยซูพูดอีกว่า “เราจะบอกความจริงให้รู้ว่า เราเป็นประตูของพวกแกะ 8 ทุกคนที่มาก่อนเรานั้นเป็นพวกขโมยและโจร แต่แกะไม่ได้ฟังเสียงของพวกเขา 9 เราเป็นประตู คนที่เข้ามาโดยผ่านทางเราจะรอด เขาจะเข้าออกและเจอทุ่งหญ้าเขียวขจี 10 ขโมยมาเพื่อลัก ฆ่า และล้างผลาญทำลาย แต่เรามาเพื่อเขาจะได้มีชีวิตแท้ คือชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุข[a]
11 เราเป็นคนเลี้ยงแกะที่ดี คนเลี้ยงแกะที่ดียอมสละชีวิตของตนเพื่อแกะของเขา 12 ลูกจ้างที่มาเฝ้าดูแลแกะแตกต่างจากคนเลี้ยงแกะ เพราะแกะไม่ได้เป็นของเขา เมื่อเขาเห็นหมาป่ามา เขาก็ทิ้งฝูงแกะและวิ่งหนีไป ปล่อยให้หมาป่าเข้ามาขย้ำเอาแกะและทำให้แกะที่เหลือหนีแตกกระเจิงไป 13 ลูกจ้างวิ่งหนีไปเพราะเขาไม่ได้เป็นห่วงแกะ เขาเป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้น
14-15 เราเป็นคนเลี้ยงแกะที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะก็รู้จักเราด้วย เหมือนกับที่พระบิดารู้จักเราและเราก็รู้จักพระบิดา เราสละชีวิตของเราเพื่อรักษาแกะของเราให้รอด 16 เรายังมีแกะตัวอื่นๆอีกที่ไม่ได้อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำทางแกะพวกนั้นด้วย มันก็จะฟังเสียงของเรา พวกมันจะรวมเป็นฝูงเดียวกัน และมีคนเลี้ยงเพียงคนเดียว 17 พระบิดารักเรา เพราะเราสละชีวิตตัวเองเพื่อแกะของเรา และที่เราได้สละชีวิตตัวเองก็เพื่อว่าเราจะได้ชีวิตนั้นกลับคืนมาอีก 18 ไม่มีใครเอาชีวิตของเราไปจากเราได้ แต่เราเต็มใจสละชีวิตของเราเอง เรามีสิทธิ์ที่จะสละชีวิตของเรา และมีสิทธิ์ที่จะเอาชีวิตของเรากลับคืนมาอีก นี่เป็นสิ่งที่พระบิดาของเราสั่งให้เราทำ”
19 เมื่อพระเยซูพูดอย่างนั้น ความขัดแย้งก็เกิดขึ้นในหมู่พวกคนยิวอีก 20 พวกยิวหลายคนพูดว่า “มันถูกผีสิงจนเป็นบ้าไปแล้ว ไปฟังมันทำไม”
21 คนอื่นๆแย้งว่า “คนที่ถูกผีสิงจะพูดอย่างนี้ได้ยังไง แล้วผีจะทำให้คนตาบอดมองเห็นได้ยังไง”
พวกยิวไม่ยอมรับพระเยซู
22 ขณะนั้นเป็นหน้าหนาว มีเทศกาลเฉลิมฉลองวิหาร[b] ที่เมืองเยรูซาเล็ม 23 พระเยซูกำลังเดินอยู่ที่ระเบียงของซาโลมอน[c] ในวิหาร 24 พวกยิวเข้ามาห้อมล้อมพระองค์และถามว่า “แกจะปล่อยให้เราเดาว่าแกเป็นใครไปอีกนานแค่ไหน ถ้าแกเป็นพระคริสต์ ก็บอกมาตามตรงเลย” 25 พระเยซูตอบว่า “เราบอกไปแล้ว แต่พวกคุณก็ไม่ยอมเชื่อ สิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่เราทำไปตามคำสั่งพระบิดาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเราเป็นใคร 26 พวกคุณไม่เชื่อ เพราะพวกคุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในฝูงแกะของเรา 27 แกะของเราจะฟังเสียงเรา และเราก็รู้จักแกะของเรา และแกะของเราจะตามเราไป 28 เราจะให้แกะของเรามีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป แกะของเราจะไม่มีวันตาย แล้วไม่มีใครแย่งแกะของเราไปจากมือเราได้ 29 พระบิดาของเราที่ให้แกะกับเรานั้น ยิ่งใหญ่กว่าทุกๆคน[d] ไม่มีใครแย่งแกะเราไปจากมือพระบิดาเราได้ 30 พระบิดาและตัวเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
31 พวกยิวหยิบหินขึ้นมากะจะขว้างพระเยซูให้ตาย 32 พระองค์ถามว่า “พวกคุณก็ได้เห็นเราทำสิ่งดีๆที่มาจากพระบิดาตั้งหลายอย่าง แล้วพวกคุณจะฆ่าเราเพราะสิ่งดีสิ่งไหน”
33 พวกยิวตอบว่า “เราไม่ได้เอาหินขว้างแกเพราะการกระทำดีๆแต่เพราะแกพูดจาดูหมิ่นพระเจ้า แกเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา แต่มาอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้า”
34 พระเยซูตอบว่า “ในกฎปฏิบัติของพวกคุณมีเขียนไว้ว่า ‘พระเจ้าพูดว่า พวกคุณเป็นพระเจ้าทั้งหลาย’[e] 35 ถ้าพระเจ้าเรียกคนที่รับข้อความจากพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าทั้งหลาย และพระคัมภีร์ถูกต้องเสมอ 36 แล้วพวกคุณจะมาหาว่าเราดูหมิ่นพระเจ้าได้ยังไง ที่เราบอกว่า ‘เราเป็นลูกของพระเจ้า’ ในเมื่อพระเจ้าเองเป็นผู้เลือกและส่งเรามาในโลกนี้ 37 ถ้าเราไม่ได้ทำงานที่พระบิดาเรามอบให้เราทำ ก็ไม่ต้องเชื่อเรา 38 แต่ถ้าเราทำงานนั้น ถึงคุณจะไม่เชื่อเรา อย่างน้อยก็ให้เชื่อในงานอัศจรรย์ที่เราได้ทำ เพื่อคุณจะได้รู้แน่ๆว่าพระบิดาอยู่ในตัวเราและเราก็อยู่ในพระบิดา”
39 พวกเขาพยายามจะจับพระเยซูอีก แต่พระองค์ก็หลบหนีไปได้
40 พระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังสถานที่ซึ่งเมื่อก่อนนี้ยอห์นเคยใช้ทำพิธีจุ่มน้ำ และพระองค์ก็พักอยู่ที่นั่น 41 มีคนจำนวนมากมาหาพระองค์และพูดกันว่า “ยอห์นไม่ได้ทำสิ่งอัศจรรย์อะไรเลย แต่ทุกอย่างที่ยอห์นพูดถึงชายคนนี้ก็ถูกหมด 42 และมีคนเป็นจำนวนมากมาไว้วางใจในพระเยซูที่นั่น”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International