Book of Common Prayer
ไว้วางใจในพระเจ้าเมื่อถูกตามรังควาน
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงนี้ตามทำนอง “นกเขาบนต้นโอ๊กที่ไกลโพ้น” เพลง มิคทาม[a] ของดาวิด เมื่อครั้งที่ชาวฟีลิสเตียจับดาวิดในเมืองกัท[b]
56 ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะคนตามรังควานข้าพเจ้า
ศัตรูของข้าพเจ้าโจมตีข้าพเจ้าตลอดเวลา
2 คนพวกนั้นที่คอยจับตาดูข้าพเจ้า ตามรังควานข้าพเจ้าตลอดเวลา
มีหลายคนสู้รบกับข้าพเจ้าอยู่
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
3 เมื่อข้าพเจ้าหวาดกลัว
ข้าพเจ้าจะไว้วางใจในพระองค์
4 ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้า และโอ้อวดในคำสัญญาของพระองค์
ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้า ข้าพเจ้าก็เลยไม่กลัว
มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้
5 พวกเขาต่างบิดเบือนคำพูดของข้าพเจ้าตลอดเวลา
พวกเขาคิดแต่เรื่องที่ว่าจะทำร้ายข้าพเจ้ายังไง
6 ศัตรูของข้าพเจ้ารวมตัวกันเฝ้าติดตามดูข้าพเจ้าอยู่ทุกฝีก้าว
เพื่อหวังจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย
7 ข้าแต่พระเจ้า อย่าปล่อยให้พวกที่ทำชั่วนั้นลอยนวลไปได้
เหวี่ยงพวกเขาลงกับพื้นด้วยความโกรธของพระองค์
8 พระองค์จดบันทึกความทุกข์โศกของข้าพเจ้า
พระองค์เก็บน้ำตาทุกหยดของข้าพเจ้าไว้ในขวดของพระองค์
เรื่องนี้จดอยู่ในหนังสือม้วนของพระองค์ ไม่ใช่หรือ
9 เมื่อข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พวกศัตรูของข้าพเจ้าก็จะหันหลังวิ่งหนีไป
ข้าพเจ้ารู้ดีว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายข้าพเจ้า
10 ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้าและโอ้อวดในคำสัญญาของพระองค์
ข้าพเจ้าไว้วางใจพระยาห์เวห์และโอ้อวดในคำสัญญาของพระองค์
11 ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้า
ข้าพเจ้าไม่กลัว มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้
12 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าจะแก้บนทั้งหลายที่บนบานไว้กับพระองค์
ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาขอบคุณแด่พระองค์
13 เพราะพระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความตาย
พระองค์ช่วยให้เท้าของข้าพเจ้าไม่สะดุดล้ม
เพื่อข้าพเจ้าจะได้เดินอยู่ต่อหน้าพระเจ้าในความสว่างที่ส่องลงมายังคนที่มีชีวิต
อธิษฐานขอให้รอดพ้นจากศัตรูที่ดุร้าย
(สดด. 108:1-5)
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงด้วยทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[c]ของดาวิด เมื่อครั้งที่ดาวิดหนีซาอูลไปอยู่ในถ้ำ
57 ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาด้วย โปรดเมตตาด้วยเถิด
เพราะข้าพเจ้าแสวงหาที่ลี้ภัยในพระองค์
และแสวงหาที่กำบังภายใต้ปีกของพระองค์
จนกว่าเรื่องอันตรายนี้จะผ่านพ้นไป
2 ข้าพเจ้าร้องเรียกหาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
ข้าพเจ้าอธิษฐานถึงพระเจ้าผู้ที่แก้แค้นแทนข้าพเจ้า
3 ขอให้พระองค์ส่งความช่วยเหลือมาจากสวรรค์มาช่วยกู้ข้าพเจ้า
ขอให้พระองค์ทำให้ศัตรูของข้าพเจ้าอับอาย เซลาห์
ขอให้พระเจ้าส่งความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ที่เชื่อถือได้ของพระองค์ลงมาให้
4 ข้าพเจ้าจะต้องนอนลงท่ามกลางศัตรูที่เหมือนสิงโตกินคน
พวกเขามีฟันเหมือนคมหอกคมธนูและมีลิ้นเหมือนดาบที่คมกริบ
5 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์ขึ้นมาเหนือฟ้าสวรรค์
ขอให้รัศมีของพระองค์ส่องไปทั่วโลก
6 พวกศัตรูวางตาข่ายดักขาข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ารู้สึกเครียดมาก
พวกเขาขุดหลุมพรางให้ข้าพเจ้าตกลงไป
แต่พวกเขากลับตกลงไปในกับดักของเขาเอง เซลาห์
7 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมแล้ว
ใจของข้าพเจ้าเตรียมพร้อมแล้ว
ข้าพเจ้าจะร้องเพลง และเล่นดนตรีเพื่อสรรเสริญพระองค์
8 จิตวิญญาณของข้า ตื่นเถิด
พิณใหญ่ และพิณโบราณ ตื่นเถิด
แล้วข้าพเจ้าจะใช้เพลงปลุกอรุณรุ่ง
9 องค์เจ้าชีวิต ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
และจะร้องเพลงเกี่ยวกับพระองค์ให้ทุกคนฟัง
10 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นสูงเทียมฟ้าสวรรค์
ความสัตย์ซื่อของพระองค์นั้นขึ้นสูงเสียดเมฆ
11 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์ขึ้นมาเหนือฟ้าสวรรค์
ขอให้รัศมีของพระองค์ส่องไปทั่วโลก
การเรียกร้องความยุติธรรม
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[d]ของดาวิด
58 พวกเจ้าพวกผู้นำที่ยิ่งใหญ่ พวกเจ้าตัดสินคดีอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
พวกเจ้าให้คำตัดสินกับคนอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
2 เปล่าเลย เจ้าได้วางแผนที่จะทำสิ่งชั่วร้ายมากมายด้วยจิตใจที่ไร้ความยุติธรรม
เจ้าได้ก่ออาชญากรรมที่โหดร้ายในแผ่นดินด้วยมืออันชั่วช้า
3 คนชั่วพวกนั้นทำผิดตั้งแต่คลอดออกมา
คนโกหกพวกนั้นหลงผิดไปตั้งแต่เกิด
4 ความโกรธแค้นของพวกเขาเหมือนพิษงูร้ายแรง[e]
พวกเขาเป็นเหมือนงูเห่าหูหนวกที่อุดหูของมัน
5 ที่ไม่ยอมฟังเสียงสะกดของหมองู
ไม่ว่าหมองูจะเก่งแค่ไหนก็ตาม
6 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยหักฟันในปากของพวกเขาให้แตกละเอียด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยดึงเขี้ยวออกจากปากสิงโตเหล่านั้นด้วย
7 ขอพละกำลังของพวกเขาถูกระบายไปเหมือนน้ำ
ขอให้พวกเขาถูกเหยียบย่ำเหมือนต้นหญ้าที่เหี่ยวเฉา[f]
8 ขอให้พวกเขาหายไปเหมือนพวกหอยทาก[g]ที่กำลังหลอมละลายไปในขณะที่มันคืบคลาน
ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนทารกที่ตายในท้องแม่ซึ่งไม่มีวันได้เห็นแสงของอาทิตย์
9 ขอให้พระเจ้ากวาดพวกเขาทิ้งไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับพายุ
เร็วกว่าที่หม้อจะทันร้อนตอนที่ตั้งอยู่บนกองกิ่งหนามที่ติดไฟ
ไม่ว่าจะเป็นกิ่งสดหรือกิ่งแห้งก็ตาม[h]
10 ขอให้คนดีได้ดีใจ เมื่อเห็นคนที่ไร้ความยุติธรรมถูกลงโทษ
และขอให้คนดีคนนั้นได้ล้างเท้าในเลือดของคนชั่ว
11 แล้วผู้คนก็จะพูดว่า “เห็นไหม คนที่ทำถูกต้องได้รับรางวัล
เห็นไหม มีพระเจ้าที่ตัดสินอย่างยุติธรรมอยู่ในโลกนี้”
พระเจ้าจะลงโทษพวกวางแผนชั่ว
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
64 ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังข้าพเจ้าด้วยเมื่อข้าพเจ้าร้องทุกข์
โปรดปกป้องข้าพเจ้าจากการขู่เข็ญของศัตรู[a] ด้วยเถิด
2 โปรดปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้าจากแผนการของคนชั่วร้ายเหล่านั้น
โปรดซ่อนข้าพเจ้าจากกลุ่มชนที่อึกทึกชั่วช้านั้น
3 ลิ้นพวกเขาเหมือนดาบแหลมคม
คำพูดอันขมขื่นของพวกเขาเหมือนธนูที่ง้างพร้อมยิง
4 อยู่ๆพวกเขาก็ยิงธนูใส่คนบริสุทธิ์
พวกเขายิงจากที่หลบซ่อนอย่างไม่กลัวใคร
5 พวกคนชั่วให้กำลังใจต่อกันในการทำชั่ว
พวกเขาพูดกันถึงเรื่องการวางกับดัก
เขาพูดกันว่า “ไม่มีใครเห็นสิ่งที่พวกเรา[b] กำลังทำอยู่นี้หรอก”
6 พวกเขาวางแผนทำเรื่องร้ายๆที่ไม่ยุติธรรม
แล้วพูดกันว่า “เราคิดแผนการที่ไม่มีช่องโหว่เลย”
จิตใจของมนุษย์นั้นสุดลึกล้ำหยั่งถึง
7 แต่พระเจ้าจะยิงธนูใส่พวกเขา
และคนเหล่านั้นจะถูกยิงในพริบตา
8 พระองค์จะทำให้คนพวกนั้นสะดุดลิ้นของตัวเอง
และทุกคนที่พบเห็นพวกเขาก็จะสั่นสะท้าน
9 ทุกคนจะเกรงกลัว
พวกเขาจะคิดถึงและเล่าเรื่องสิ่งที่พระเจ้าได้ทำไปนั้น
10 คนที่ทำตามใจพระยาห์เวห์จะชื่นชมยินดีและลี้ภัยในพระองค์
ทุกคนที่มีใจซื่อตรงจะโอ้อวดเรื่องพระองค์
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเก็บเกี่ยวอันอุดม
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
65 ข้าแต่พระเจ้า ถูกต้องแล้วที่พวกเราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์บนภูเขาศิโยน
และถวายเครื่องบูชาตามที่พวกเราได้สาบานไว้กับพระองค์
2 พระองค์รับฟังคำอธิษฐาน
มนุษย์ทุกคนสามารถมาอยู่ต่อหน้าพระองค์
3 เมื่อการกระทำผิดท่วมท้นพวกเรา
พระองค์คือผู้ที่กลบเกลื่อนการกบฏของพวกเรา
4 ช่างมีเกียรติจริงๆคนที่พระองค์เลือกให้เข้าใกล้พระองค์ และพักอาศัยในลานของพระองค์
ขอให้เราอิ่มเอมกับสิ่งดีๆในบ้านของพระองค์ซึ่งคือวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
5 ข้าแต่พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา
พระองค์ตอบคำอธิษฐานของเราและนำชัยชนะมาสู่พวกเราด้วยอำนาจอันน่าเกรงขามของพระองค์
ทุกคนที่อาศัยอยู่ในทั่วทุกมุมโลกรวมทั้งคนที่อยู่ข้ามน้ำข้ามทะเลอันไกลโพ้น
ต่างก็พากันไว้วางใจในพระองค์
6 พระองค์ตั้งภูเขาทั้งหลายในที่ของพวกมันด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์
พระองค์สำแดงให้เห็นถึงพลังของพระองค์
7 พระองค์สามารถทำให้ทะเลและคลื่นที่คำรามอย่างสนั่นหวั่นไหว
และชนชาติต่างๆที่จลาจลวุ่นวาย สงบลงได้
8 คนที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหลายที่อยู่ไกลโพ้นต่างตกตะลึงในสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำ
พระองค์ทำให้ผู้คนที่อยู่ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกร้องเพลงฉลองกัน
9 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเอาใจใส่แผ่นดินและรดน้ำให้มัน
พระองค์ทำให้ลำธารเต็มไปด้วยน้ำซึ่งทำให้แผ่นดินอุดมสมบูรณ์
พระองค์จัดหาเมล็ดข้าวให้กับผู้คนกินกัน
พระองค์เตรียมแผ่นดินให้เกิดพืชผล
10 พระองค์ส่งฝนห่าใหญ่ลงมาในทุ่งนาที่ไถพรวนแล้ว
น้ำฝนทำให้ก้อนดินที่พรวนแล้วนั้นอ่อนนุ่มราบเรียบเสมอกัน
พระองค์อวยพรให้ต้นพืชในทุ่งนั้นเจริญเติบโต
11 พระองค์สวมมงกุฎให้กับปีนั้นด้วยพืชผลอย่างล้นหลาม
ไม่ว่าพระองค์จะไปที่ไหนก็ตาม พระองค์ก็ทิ้งความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้
12 ทุ่งหญ้าในชนบท มีน้ำค้างหยาดเยิ้ม
เนินเขาก็ปกคลุมไปด้วยความชื่นชมยินดี
13 ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ เต็มไปด้วยฝูงแกะ
หุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยเมล็ดข้าว
พวกมันต่างเปล่งเสียงร้องออกมาเป็นเพลง
ดาวิดย้ายไปเมืองเฮโบรน
2 ต่อมาภายหลัง ดาวิดได้ถามพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าควรจะเข้าไปเมืองใดเมืองหนึ่งของยูดาห์เพื่อตั้งเป็นฐานที่มั่นหรือไม่”
พระยาห์เวห์ตอบว่า “ขึ้นไปเถิด”
ดาวิดถามว่า “ข้าพเจ้าควรจะไปที่ไหนหรือ”
พระยาห์เวห์ตอบว่า “ไปเมืองเฮโบรน”
2 ดาวิดจึงขึ้นไปที่เฮโบรน พร้อมกับเมียสองคนของเขา คือ อาหิโนอัมชาวยิสเรเอลและอาบีกายิล เมียหม้ายของนาบาลชาวคารเมล 3 ดาวิดยังพาคนที่อยู่กับเขา พร้อมกับครอบครัวของแต่ละคนไปด้วย และพวกเขาได้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองเฮโบรนและตามหมู่บ้านต่างๆของมัน
ดาวิดเป็นกษัตริย์เหนือยูดาห์
4 แล้วพวกชาวยูดาห์ ก็มาที่เมืองเฮโบรน และที่นั่นพวกเขาได้เจิมดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของครอบครัวชาวยูดาห์
เมื่อมีคนมาบอกดาวิดว่าชาวยาเบช-กิเลอาดเป็นผู้ฝังศพซาอูล 5 ดาวิดส่งคนส่งข่าวไปหาชาวยาเบช-กิเลอาด เพื่อบอกกับพวกเขาว่า “ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรพวกท่าน ที่พวกท่านได้แสดงความจงรักภักดีต่อซาอูลนายของพวกท่าน ด้วยการฝังศพเขา 6 ตอนนี้ขอให้พระยาห์เวห์แสดงความรักและความสัตย์ซื่อต่อพวกท่าน และเราก็จะดีกับพวกท่านเหมือนกัน เพราะสิ่งที่พวกท่านได้ทำไปนั้น 7 อย่างนั้น ขอให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ ซาอูลนายของท่านได้ตายไปแล้ว แต่ครอบครัวยูดาห์ได้แต่งตั้งเราเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขาแล้ว”
อิชโบเชทได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล
8 ในขณะนั้น อับเนอร์ลูกชายของเนอร์แม่ทัพของซาอูล ได้พาอิชโบเชท[a] ลูกชายของซาอูลไปที่เมืองมาหะนาอิม 9 และเขาได้แต่งตั้งอิชโบเชทขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองเหนือกิเลอาด อาชูร์[b] ยิสเรเอล เอฟราอิม เบนยามินและเหนืออิสราเอล[c]ทั้งหมด
10 อิชโบเชทลูกชายของซาอูลมีอายุสี่สิบปี เมื่อเขาได้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และเขาได้ปกครองอยู่สองปี ส่วนครอบครัวของชาวยูดาห์ได้ติดตามดาวิดไป 11 ดาวิดได้เป็นกษัตริย์ปกครองชาวยูดาห์ในเมืองเฮโบรน เป็นเวลาเจ็ดปีหกเดือน
เปาโลและบารนาบัสแยกกันทำงาน
36 เวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง เปาโลพูดกับบารนาบัสว่า “ให้เรากลับไปเยี่ยมพี่น้องในเมืองต่างๆที่เราเคยไปประกาศพระคำขององค์เจ้าชีวิตไว้กันเถอะ ไปดูสิว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง” 37 บารนาบัสอยากจะพายอห์นที่คนเรียกว่ามาระโกไปด้วย 38 แต่เปาโลคิดว่าทางที่ดีไม่ควรพายอห์นไป เพราะยอห์นเคยทิ้งพวกเขาไปตอนที่อยู่เมืองปัมฟีเลีย และไม่ยอมช่วยงานต่อ 39 ทำให้เปาโลกับบารนาบัส ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนถึงขั้นต้องแยกทางกัน บารนาบัสจึงพามาระโก นั่งเรือไปเกาะไซปรัส 40 ส่วนเปาโลเลือกสิลาส แล้วก็ไปจากเมืองนี้หลังจากที่พี่น้องฝากเปาโลไว้ให้องค์เจ้าชีวิตดูแลแล้ว 41 เปาโลเดินทางไปทั่วแคว้นซีเรียและแคว้นซิลีเซีย เพื่อช่วยหมู่ประชุมต่างๆของพระเจ้าให้เข้มแข็งขึ้นในความเชื่อ
ทิโมธีทำงานร่วมกับเปาโลและสิลาส
16 เปาโลไปเมืองเดอร์บีและเมืองลิสตราด้วย ที่นั่นมีศิษย์คนหนึ่งของพระเยซู ชื่อทิโมธี เป็นลูกชายของหญิงชาวยิวที่เชื่อถือในพระเยซู แต่พ่อของเขาเป็นชาวกรีก 2 ทิโมธีเป็นที่ยกย่องของพี่น้องในเมืองลิสตราและเมืองอีโคนียูม 3 เปาโลอยากได้ทิโมธีเดินทางไปด้วย จึงได้พาทิโมธีไปทำพิธีขลิบ เพราะเห็นแก่คนยิวที่อยู่ที่นั่น เพราะพวกเขาทุกคนรู้ว่าพ่อของทิโมธีเป็นคนกรีก 4 เมื่อพวกเขาผ่านไปตามเมืองต่างๆก็ได้บอกให้พวกที่นับถือพระเยซู รู้ถึงกฎต่างๆที่พวกศิษย์เอกของพระเยซูและพวกผู้นำอาวุโสในเมืองเยรูซาเล็มได้ตกลงกันไว้ 5 จึงทำให้หมู่ประชุมของพระเจ้าทั้งหลายมีความเชื่อมากยิ่งขึ้น และมีคนมาเชื่อพระเยซูเพิ่มขึ้นทุกๆวัน
เฮโรดสั่งตัดหัวยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำ
(มธ. 14:1-12; ลก. 9:7-9)
14 กษัตริย์เฮโรด[a] ได้ยินชื่อเสียงของพระเยซูเพราะคนพูดกันไปทั่ว บางคนพูดว่า “เขาต้องเป็นยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำที่ฟื้นขึ้นจากความตายแน่ๆถึงทำการอัศจรรย์พวกนี้ได้”
15 บางคนพูดว่า “เขาคือเอลียาห์” และบางคนพูดว่า “เขาคือผู้พูดแทนพระเจ้าเหมือนกับผู้พูดแทนพระเจ้าคนอื่นๆในสมัยโบราณนั้น”
16 เมื่อเฮโรดได้ยินเรื่องพวกนี้ พระองค์พูดว่า “ต้องเป็นยอห์น คนที่เราสั่งให้ตัดหัวฟื้นขึ้นจากตายแน่ๆ” 17 เพราะเฮโรดเองที่เป็นคนสั่งให้จับยอห์นล่ามโซ่และขังคุกไว้ เพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลิปน้องชายของเฮโรด 18 เพราะยอห์นได้เตือนกษัตริย์เฮโรดบ่อยๆว่า “พระองค์ทำไม่ถูก ที่เอาภรรยาน้องชายมาเป็นภรรยาตัวเอง” 19 ทำให้เฮโรเดียสแค้นใจอยากจะฆ่ายอห์น แต่ก็ทำไม่ได้ 20 เพราะกษัตริย์เฮโรดกลัวยอห์น พระองค์รู้ว่ายอห์นเป็นคนที่ทำตามใจพระเจ้า และเป็นคนของพระเจ้าจริงๆ จึงปกป้องยอห์นไว้ ทุกครั้งที่เฮโรดฟังยอห์นสอนก็ลำบากใจ แต่ก็ยังชอบฟัง
21 แล้วโอกาสของนางเฮโรเดียสก็มาถึง เมื่อเฮโรดจัดงานวันเกิดของพระองค์ขึ้น พระองค์เชิญพวกข้าราชการชั้นสูง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ และคนสำคัญๆของแคว้นกาลิลีมาในงาน 22 ลูกสาวของนางเฮโรเดียสเข้ามาเต้นรำ ทำให้เฮโรดและบรรดาแขกเหรื่อถูกอกถูกใจมาก แล้วกษัตริย์เฮโรดจึงบอกกับหญิงสาวนี้ว่า “อยากได้รางวัลอะไรก็ขอมาเลย เราจะให้” 23 พระองค์ยังสัญญาอีกว่า “เราจะให้ทุกอย่างที่เจ้าขอ แม้กระทั่งครึ่งหนึ่งของอาณาจักรนี้”
24 เธอก็ออกไปถามแม่ว่า “แม่ หนูขออะไรดีคะ” แม่ตอบว่า “ขอหัวของยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำสิ”
25 แล้วเธอก็รีบวิ่งเข้าไปบอกกษัตริย์ว่า “ดิฉันขอหัวของยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำใส่ถาดมาให้ที่นี่ค่ะ”
26 กษัตริย์เฮโรดเสียใจมาก แต่เพราะเขาได้สาบานไว้แล้วต่อหน้าแขกเป็นจำนวนมาก เฮโรดจึงไม่กล้าที่จะผิดคำพูดกับเธอ 27 เฮโรดจึงสั่งให้เพชฌฆาตไปตัดหัวของยอห์นในคุกทันที 28 และเอาใส่ถาดมาให้กับเธอ แล้วเธอก็เอาไปให้แม่ของเธอ 29 เมื่อศิษย์ของยอห์นรู้เข้าก็พากันมารับร่างของยอห์นไปฝังไว้ในอุโมงค์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International