Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 18

ขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับชัยชนะ

(2 ซมอ. 22:1-51)

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงของดาวิด ผู้รับใช้พระยาห์เวห์ ดาวิดร้องเพลงบทนี้ให้กับพระยาห์เวห์ ในวันที่พระองค์ช่วยท่านให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูทั้งหมด และจากเงื้อมมือของซาอูล

18 ดาวิดพูดว่า ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้เป็นกำลังของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้ารักพระองค์
พระยาห์เวห์ คือหินกำบังของข้าพเจ้า คือป้อมปราการของข้าพเจ้า คือผู้ช่วยชีวิตของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้า คือหินกำบังที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย คือโล่กำบังของข้าพเจ้า
    คือฤทธิ์อำนาจ[a] ที่ช่วยกู้ชีวิตข้าพเจ้า คือที่ซ่อนที่ปลอดภัยของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ผู้ที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ
    แล้วพระองค์ก็ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากพวกศัตรู

เชือกแห่งความตายได้มัดตัวข้าพเจ้าไว้
    และกระแสน้ำแห่งความตายกำลังจะทำให้ข้าพเจ้าจม
เชือกแห่งแดนคนตายพันอยู่รอบๆตัวข้าพเจ้า
    กับดักแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า
เมื่อข้าพเจ้าตกอยู่ในความทุกข์ยาก ข้าพเจ้าร้องเรียกพระยาห์เวห์
    ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ได้ยินเสียงของข้าพเจ้าจากวังของพระองค์นั้น
    เสียงร้องของข้าพเจ้าได้ยินไปถึงหูของพระองค์

แล้วแผ่นดินโลกก็สั่นสะเทือน
    พวกฐานรากของภูเขาก็สั่นไหวเพราะพระเจ้าโกรธ
มีควันพุ่งออกจากจมูกของพระองค์
    ไฟที่เผาผลาญพุ่งออกมาจากปากของพระองค์
    ถ่านหินลุกแดงพุ่งออกมา
พระองค์แหวกท้องฟ้า และเสด็จลงมา
    พร้อมด้วยเมฆทึบสีดำใต้เท้าของพระองค์
10 แล้วพระองค์ก็ขึ้นขี่ทูตสวรรค์ที่มีปีก แล้วเหาะลงมา
    พระองค์ก็ร่อนอยู่บนปีกของลม
11 พระองค์ทรงซ่อนตัวอยู่ในหมู่เมฆฝนที่มืดครึ้ม
    ที่ปกคลุมพระองค์ไว้เหมือนกับเต็นท์
12 แล้วรัศมีอันเจิดจ้าของพระองค์ก็ส่องทะลุหมู่เมฆลงมา
    พร้อมกับลูกเห็บ และถ่านหินลุกแดง
13 แล้วพระยาห์เวห์ทำให้ฟ้าร้องดังกึกก้องท้องฟ้า
    พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดก็เปล่งเสียงดังไปทั่ว[b]
14 พระเจ้ายิงธนูของพระองค์ออกไปซึ่งทำให้พวกศัตรูแตกกระเจิง
    พระองค์ทำสายฟ้าผ่าหลายหนจนพวกนั้นแตกกระเจิง สับสนวุ่นวายไปทั่ว

15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์ตะโกนคำสั่งของพระองค์ออกไป
    เมื่อลมที่พวยพุ่งออกมาจากจมูกของพระองค์
ทำให้น้ำทะเลถอยร่นกลับไป
    ก้นทะเลและรากฐานของโลกปรากฏขึ้น

16 พระองค์เอื้อมมือลงมาจากเบื้องบนมาฉวยข้าพเจ้าไว้
    พระองค์ดึงข้าพเจ้าขึ้นมาจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากนั้น
17 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากศัตรูที่มีพลัง
    พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากพวกศัตรูที่แข็งแรงกว่าข้าพเจ้า
18 พวกเขาปะทะกับข้าพเจ้าตอนที่ข้าพเจ้าเจอกับภัยพิบัติ
    แต่พระยาห์เวห์ช่วยสนับสนุนค้ำจุนข้าพเจ้า
19 พระองค์นำข้าพเจ้าออกไปยังที่โล่งกว้าง
    พระองค์ช่วยชีวิตข้าพเจ้า เพราะพระองค์ชื่นชมยินดีในข้าพเจ้า

20 พระยาห์เวห์ให้รางวัลกับข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง
    พระองค์ตอบแทนข้าพเจ้าเพราะมือของข้าพเจ้าสะอาดบริสุทธิ์
21 ข้าพเจ้าใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังอย่างที่พระยาห์เวห์ต้องการให้ข้าพเจ้าเป็น
    ข้าพเจ้าไม่ได้หันเหไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อจะได้ไปทำสิ่งที่ชั่วร้าย
22 เพราะข้าพเจ้าคิดถึงกฎเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆของพระองค์อยู่เสมอ
    และข้าพเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งพวกกฎของพระองค์
23 ข้าพเจ้าไม่มีที่ติต่อหน้าพระองค์
    ข้าพเจ้าได้รักษาตัวเองให้พ้นจากบาป
24 พระยาห์เวห์ตอบแทนข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง
    เพราะพระองค์เห็นว่ามือของข้าพเจ้านั้นสะอาดบริสุทธิ์

25 พระองค์จะจงรักภักดีกับคนที่จงรักภักดีกับพระองค์
    และพระองค์จะไร้ที่ติกับคนที่ไร้ที่ติ
26 พระองค์จะบริสุทธิ์กับคนที่บริสุทธิ์กับพระองค์
    แต่กับคนที่เหลี่ยมจัด พระองค์จะรู้ทัน และลงโทษเขาอย่างที่เขาคาดไม่ถึง
27 เพราะพระองค์ช่วยกู้คนต่ำต้อย
    แต่พระองค์ทำให้คนหยิ่งยโสตกต่ำลง
28 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จุดตะเกียงของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้า ตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ในความมืด พระองค์นำความสว่างมาให้
29 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าสามารถลุยเข้าไปสู้กับกองทัพได้
    พระเจ้าของข้าพเจ้าช่วยให้ข้าพเจ้าสามารถกระโดดข้ามกำแพงของศัตรูไปได้
30 ทางของพระเจ้าไม่มีที่ติ
    สัญญาของพระยาห์เวห์นั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเชื่อถือได้
    พระองค์เป็นโล่ให้กับทุกคนที่ลี้ภัยในพระองค์

31 ใครเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์
    ใครเป็นหินกำบัง นอกจากพระเจ้าของพวกเรา
32 พระเจ้าเป็นผู้ที่เอาความแข็งแกร่งรัดเอวของข้าพเจ้าไว้
    พระองค์ทำให้ทางของข้าพเจ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
33 พระองค์ช่วยให้เท้าข้าพเจ้ามั่นคงเหมือนกวาง
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าสามารถยืนหยัดมั่นคงได้แม้บนที่สูง
34 พระองค์ฝึกมือของข้าพเจ้าสำหรับสงคราม
    พระองค์ใส่พลังเข้าไปในแขนของข้าพเจ้าเพื่อจะง้างคันธนูที่แข็งแกร่งที่สุดได้
35 พระองค์ได้มอบโล่ของพระองค์ที่ช่วยปกป้องข้าพเจ้า
    มือขวาของพระองค์หนุนข้าพเจ้าไว้
    ความช่วยเหลือของพระองค์ ทำให้ข้าพเจ้ามีชัยชนะ
36 พระองค์ทำให้ทางของข้าพเจ้ากว้างขวาง
    เท้าของข้าพเจ้าจึงไม่พลาดล้ม
37 ข้าพเจ้าได้ไล่ตามจับศัตรูจนทัน
    และไม่ได้หันกลับจนได้ทำลายพวกมันจนหมดสิ้น
38 ข้าพเจ้าบดขยี้พวกเขาจนพวกเขาไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีก
    พวกเขาล้มลงอยู่แทบเท้าของข้าพเจ้า
39 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าแข็งแกร่งพร้อมออกรบ
    พระองค์ทำให้คนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้าต้องยอมหมอบลงต่อข้าพเจ้า
40 พระองค์ทำให้ศัตรูของข้าพเจ้าหันหลังหนีไป
    ข้าพเจ้าก็โค่นคนพวกนั้นที่เกลียดชังข้าพเจ้าลง
41 พวกเขาร้องให้ช่วย แต่ไม่มีใครช่วย
    พวกเขาร้องต่อพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ไม่ตอบพวกเขา
42 ข้าพเจ้าบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเหมือนฝุ่นที่ถูกลมพัดปลิวไป
    ข้าพเจ้าเหยียบย่ำพวกเขาเหมือนโคลนตามท้องถนน

43 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากกองทัพศัตรูที่เข้ามาโจมตี
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของชนชาติต่างๆเหล่านั้น
    แม้แต่คนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ก็รับใช้ข้าพเจ้า
44 ทันทีที่พวกเขาได้ยินเรื่องของข้าพเจ้า พวกเขาต่างยอมสยบต่อข้าพเจ้า
    คนต่างชาติหมอบลงต่อหน้าข้าพเจ้า
45 คนต่างชาติพวกนั้นขวัญหนีดีฝ่อ
    พากันออกมาจากที่ซ่อนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว

46 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่ ให้สรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้า
    ให้ยกย่องพระเจ้าผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้น
47 พระองค์ เป็นพระเจ้าผู้ลงโทษศัตรูของข้าพเจ้า
    และทำให้ชนชาติต่างๆยอมสยบอยู่ใต้ข้าพเจ้า
48 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรูของข้าพเจ้า
    ใช่แล้ว พระองค์ยกข้าพเจ้าขึ้นเหนือคนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้า
    พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดจากศัตรูที่โหดร้าย

49 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์
50 พระองค์ให้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่กับกษัตริย์ของพระองค์
    พระองค์ให้ความรักอันมั่นคงกับกษัตริย์ที่พระองค์ได้เลือกไว้[c]
    ซึ่งก็คือดาวิดและลูกหลานของเขาตลอดไป

1 ซามูเอล 16:14-17:11

วิญญาณชั่วรบกวนซาอูล

14 แล้วพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้จากซาอูลไป และพระยาห์เวห์ก็ได้ส่งวิญญาณชั่วมาทรมานเขา 15 พวกผู้รับใช้ของซาอูลต่างก็พูดกับซาอูลว่า “ดูสิ วิญญาณชั่วจากพระเจ้ากำลังทรมานท่านอยู่ 16 ขอออกคำสั่งให้พวกผู้รับใช้ของท่านไปเสาะหาคนที่เล่นพิณได้ เมื่อวิญญาณชั่วจากพระเจ้ามาอยู่กับท่าน คนๆนั้นจะได้เล่นพิณให้ท่านฟัง และท่านก็จะรู้สึกดีขึ้น”

17 ดังนั้นซาอูลจึงสั่งพวกคนรับใช้ว่า “ไปเสาะหาคนที่เล่นพิณเก่งๆแล้วนำมาพบเรา”

18 คนรับใช้คนหนึ่งตอบว่า “ข้าพเจ้าเคยพบกับลูกชายคนหนึ่งของเจสซีแห่งเบธเลเฮม เขาเล่นพิณเก่ง กล้าหาญและเป็นนักรบ เขาเป็นคนพูดจาอ่อนหวาน และรูปหล่อ ทั้งพระยาห์เวห์ก็สถิตอยู่กับเขา”

19 ซาอูลจึงใช้คนไปแจ้งข่าวกับเจสซีว่า “ให้นำตัวดาวิดลูกชายของเจ้า คนที่เลี้ยงแกะมาพบเรา”

20 เจสซีก็เอาลาตัวหนึ่งบรรทุกขนมปัง ถุงหนังใส่เหล้าองุ่นและลูกแพะหนึ่งตัว ให้ดาวิดลูกของเขาเอาไปมอบให้ซาอูล 21 ดาวิดมาพบซาอูลและอยู่รับใช้เขา ซาอูลรักดาวิดมาก ดาวิดจึงได้เป็นคนหนึ่งที่ถืออาวุธของซาอูล 22 จากนั้นซาอูลได้ส่งข่าวถึงเจสซีว่า “ขอให้เจ้ายินยอมให้ดาวิดอยู่ทำงานรับใช้เรา เพราะเราชอบใจเขามาก”

23 เมื่อใดที่วิญญาณชั่วจากพระเจ้ามาอยู่กับซาอูล ดาวิดก็จะเอาพิณของเขามาเล่น จากนั้นอาการซาอูลก็จะบรรเทา และรู้สึกดีขึ้น แล้ววิญญาณชั่วก็จะจากเขาไป

โกลิอัทท้าทายอิสราเอล

17 ขณะที่คนฟีลิสเตียรวบรวมพล เพื่อทำสงครามที่โสโคห์ในยูดาห์ พวกเขาได้ตั้งค่ายอยู่ที่เอเฟสดัมมิม ซึ่งอยู่ระหว่างโสโคห์และอาเซคาห์

ซาอูลและคนอิสราเอลก็รวมพลตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเอลาห์ และวางแนวเตรียมสู้รบกับคนฟีลิสเตีย คนฟีลิสเตียยึดภูเขาลูกหนึ่ง ส่วนคนอิสราเอลก็ยึดภูเขาอีกลูกหนึ่ง โดยมีหุบเขาคั่นกลางพวกเขา

มีทหารฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งชื่อโกลิอัท ซึ่งมาจากเมืองกัท เขาสูงหกศอกหนึ่งคืบ[a] เขาออกมานอกค่ายฟีลิสเตีย โกลิอัทสวมหมวกทองสัมฤทธิ์ไว้บนหัว และใส่เกราะทองสัมฤทธิ์น้ำหนักห้าสิบเจ็ดกิโลกรัม ที่ขาก็ใส่สนับแข้งทองสัมฤทธิ์ และมีหลาว[b] ทองสัมฤทธิ์ไขว้หลังอยู่ เขามีหอกที่ด้ามใหญ่พอๆกับไม้ที่ใช้ทอผ้า ซึ่งมีหัวหอกทำจากเหล็กหนักเจ็ดกิโลกรัม และมีทหารถือโล่ของเขาเดินนำหน้าเขาไป

โกลิอัทยืนตะโกนใส่พวกทหารของอิสราเอลว่า “พวกเจ้าทั้งหลายออกมาตั้งแนวรบอยู่ทำไม ข้าไม่ใช่คนฟีลิสเตียหรอกหรือ และพวกเจ้าไม่ใช่ผู้รับใช้ของซาอูลหรือ เลือกชายคนหนึ่งลงมาสู้กับข้าหน่อย ถ้าเขามีฝีมือและฆ่าข้าได้ พวกเราจะยอมเป็นทาสของคนอิสราเอล แต่ถ้าข้าชนะและฆ่าเขาได้ คนอิสราเอลก็จะกลายเป็นทาสและรับใช้พวกเรา”

10 แล้วโกลิอัทก็พูดว่า “วันนี้ข้าขอท้าให้กองทัพอิสราเอลหาคนมาสู้กับข้า”

11 เมื่อซาอูลและคนอิสราเอลทั้งหมดได้ยินคำพูดของคนฟีลิสเตียคนนั้น ต่างก็กลัวและท้อแท้

กิจการ 10:17-33

17 เปโตรกำลังงงงวยว่านิมิตที่เห็นนี้หมายถึงอะไร พอดีคนที่โครเนลิอัสส่งมาก็กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู และถามหาบ้านของซีโมน 18 ชายกลุ่มนั้นร้องถามว่า “ซีโมนที่คนเรียกว่าเปโตรพักอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ”

19 พระวิญญาณพูดกับเปโตรที่ยังคิดถึงเรื่องนิมิตอยู่ว่า “ฟังสิ มีชายสามคนมาถามหาเจ้าอยู่ 20 ลุกขึ้น ลงไปข้างล่างเถอะ และให้ไปกับพวกเขาโดยไม่ต้องลังเลอะไรเลย เพราะเราเป็นคนเรียกให้พวกเขามาเอง” 21 แล้วเปโตรก็ลงไปพูดกับพวกเขาว่า “ผมเองที่พวกคุณตามหา มีธุระอะไรหรือ”

22 พวกเขาตอบว่า “นายร้อยโครเนลิอัส เป็นคนส่งพวกเรามา เขาเป็นคนดี แล้วเขาเคารพยำเกรงพระเจ้า ชาวยิวยกย่องนับถือเขาทุกคน ทูตสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์บอกให้เขามาเชิญท่านไปที่บ้าน เพื่อจะได้ฟังเรื่องที่ท่านจะเล่า” 23 เปโตรก็เลยชวนชายทั้งสามพักที่บ้าน วันรุ่งขึ้น เปโตรได้จัดของและไปกับพวกเขา มีพี่น้องบางคนจากเมืองยัฟฟาตามไปด้วย 24 ถัดมาอีกวันหนึ่งพวกเขาก็มาถึงเมืองซีซารียา ขณะนั้นโครเนลิอัสกำลังคอยพวกเขาอยู่ เขาเชิญญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทมาด้วย 25 เมื่อโครเนลิอัสเห็นเปโตรเดินเข้ามาในบ้าน เขาก็ก้มลงกราบที่เท้าของเปโตร 26 แต่เปโตรพยุงเขาขึ้นและพูดว่า “ลุกขึ้นเถิด ผมก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น” 27 ตอนที่เปโตรพูดกับโครเนลิอัส เขาก็เดินเข้าไปข้างใน และพบกับกลุ่มคนที่มารวมกันอยู่ที่นั่นมากมาย 28 เปโตรพูดกับพวกเขาว่า “คุณก็รู้ว่า มันผิดกฎนะ ที่คนยิวจะไปคบค้าสมาคมหรือมาเยี่ยมเยียนคนที่ไม่ใช่ยิว แต่พระเจ้าได้แสดงให้ผมเห็นว่า ไม่ควรจะเรียกใครว่าคนต้องห้าม หรือไม่สะอาด 29 ดังนั้นพอมีคนไปเชิญผมมา ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แต่ผมขอถามหน่อยว่า คุณเชิญผมมาทำไม”

30 โครเนลิอัสจึงตอบว่า “เมื่อสี่วันก่อน เวลานี้ตอนบ่ายสามโมง ผมกำลังอธิษฐานอยู่ในบ้าน จู่ๆก็มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าแพรวพราวมายืนอยู่ตรงหน้า 31 เขาพูดว่า ‘โครเนลิอัส พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว และสิ่งของที่เจ้าบริจาคช่วยเหลือคนจนนั้น ก็ทำให้พระเจ้านึกถึงเจ้า 32 ให้เจ้าส่งคนไปเมืองยัฟฟา เพื่อเชิญซีโมนที่คนเรียกว่าเปโตรมาที่นี่ เขาพักอยู่ที่บ้านของซีโมนช่างฟอกหนัง ที่ติดทะเลนั้น’ 33 ผมจึงส่งคนไปเชิญท่านมาทันที และท่านก็กรุณามากที่มา ตอนนี้พวกเราก็ได้อยู่กันพร้อมแล้วที่นี่ต่อหน้าพระเจ้า เพื่อฟังทุกสิ่งที่องค์เจ้าชีวิตสั่งให้ท่านพูด”

ลูกา 24:36-53

พระเยซูปรากฏตัวต่อหน้าลูกศิษย์

(มธ. 28:16-20; มก. 16:14-18; ยน. 20:19-23; กจ. 1:6-8)

36 ขณะที่ทั้งสองยังเล่าเรื่องนี้อยู่นั้น พระเยซูมายืนอยู่กับพวกเขา และพูดว่า “ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข”

37 พวกเขาก็สะดุ้งตกใจกลัว คิดว่าเจอผี 38 พระเยซูจึงพูดว่า “ตกใจทำไม ทำไมถึงขี้สงสัยอย่างนี้ 39 ดูมือและเท้าของเราสิ นี่เป็นตัวเราจริงๆ ไม่เชื่อลองจับดู จะได้รู้ว่าไม่ใช่ผี เพราะผีไม่มีเนื้อไม่มีกระดูกอย่างที่คุณเห็นเรามีหรอก”

40 เมื่อพูดเสร็จ พระองค์ก็ยื่นมือและเท้าให้พวกเขาดู 41 พวกศิษย์ดีใจและแปลกใจมาก ไม่อยากเชื่อว่าเป็นจริง แล้วพระเยซูก็ถามขึ้นว่า “มีอะไรกินบ้าง” 42 พวกเขาจึงเอาปลาย่างชิ้นหนึ่งมาให้พระองค์ 43 พระองค์ก็เอามากินต่อหน้าพวกเขา

44 แล้วพระองค์ก็พูดกับพวกเขาว่า “เมื่อก่อนตอนที่เราอยู่กับพวกคุณ เราได้บอกแล้วว่า ทุกเรื่องที่ได้เขียนไว้เกี่ยวกับเราในกฎปฏิบัติของโมเสส ในหนังสือของพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และในหนังสือสดุดี จะต้องเกิดขึ้นตามนั้น”

45 แล้วพระองค์เปิดใจพวกเขาให้เข้าใจพระคัมภีร์ 46 พระองค์บอกพวกเขาว่า “พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า พระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมาน และจะฟื้นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม 47 แล้วเรื่องการกลับตัวกลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยโทษจากบาปจะต้องถูกประกาศไปในนามของเราให้คนทุกชาติรู้ เริ่มจากเมืองเยรูซาเล็มก่อน 48 พวกคุณจะต้องเป็นพยานเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ที่คุณเห็น 49 แล้วเราจะส่งพระวิญญาณมาให้ เป็นพระวิญญาณที่พระบิดาของเราได้สัญญาว่าจะให้กับพวกคุณ แต่พวกคุณต้องคอยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มก่อน จนกว่าจะได้รับฤทธิ์อำนาจนั้นจากสวรรค์”

พระเยซูกลับสู่สวรรค์

(มก. 16:19-20; กจ. 1:9-11)

50 จากนั้นพระเยซูก็นำพวกเขาไปที่หมู่บ้านเบธานี และยกมือขึ้นอวยพรพวกเขา 51 ขณะที่ยังอวยพรอยู่นั้น พระองค์ก็จากพวกเขาไป โดยถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ 52 พวกเขากราบไหว้พระองค์ และกลับไปที่เมืองเยรูซาเล็มด้วยความปลาบปลื้มใจ 53 แล้วพวกเขาก็อยู่ในวิหารเป็นประจำเพื่อสรรเสริญพระเจ้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International