Book of Common Prayer
พระยาห์เวห์เป็นที่ลี้ภัย
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
31 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์
โปรดอย่าทำให้ข้าพเจ้าต้องอับอายเลย
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเพราะพระองค์ทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
2 โปรดเงี่ยหูของพระองค์ฟังข้าพเจ้า
รีบมาช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วย
ขอเป็นป้อมปราการบนภูผาแก่ข้าพเจ้า
เป็นวังที่เป็นป้อมปราการ ขอปกป้องข้าพเจ้า
3 เพราะพระองค์ คือหินกำบังและป้อมปราการของข้าพเจ้า
โปรดนำทาง พาข้าพเจ้าไปด้วยเถิด เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงอันดีของพระองค์
4 โปรดดึงข้าพเจ้าออกจากตาข่ายที่พวกเขาซ่อนไว้ดักข้าพเจ้า
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
5 ข้าพเจ้าขอมอบจิตวิญญาณนี้ไว้ในมือของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดไถ่ข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าที่สัตย์ซื่อ
6 ข้าพเจ้าเกลียดชังคนเหล่านั้นที่รับใช้พวกรูปเคารพที่ไร้ค่า
ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระยาห์เวห์
7 ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีและเฉลิมฉลองความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์สังเกตเห็นถึงความทุกข์ยากของข้าพเจ้า
และรู้ถึงปัญหาที่รุมเร้าชีวิตของข้าพเจ้าอยู่นี้
8 พระองค์ไม่ได้มอบข้าพเจ้าให้ไปอยู่ในกำมือของศัตรู
พระองค์นำข้าพเจ้าออกมาเป็นอิสระ[a]
9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าตกอยู่ในความทุกข์ ดังนั้น โปรดเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้าด้วย
ข้าพเจ้าเศร้าโศกมาก ร้องไห้จนเจ็บไปหมด
ทั้งตา คอ และท้อง
10 ชีวิตของข้าพเจ้าเกือบจะจบลงแล้ว ตอนนี้มีแต่ความโศกเศร้า
วันปีของข้าพเจ้ากำลังจะจบลงแล้ว ตอนนี้มีแต่การคร่ำครวญ
ความทุกข์ยาก[b] กำลังกัดกร่อนพละกำลังของข้าพเจ้า
กระดูกของข้าพเจ้าเจ็บปวดไปหมดแล้ว
11 พวกศัตรูต่างดูถูกข้าพเจ้ารวมทั้งพวกเพื่อนบ้านด้วย
เมื่อเพื่อนฝูงเห็นสภาพของข้าพเจ้าต่างพากันกลัวที่จะเข้าใกล้
เมื่อคนเห็นข้าพเจ้าตามท้องถนน
พวกเขาต่างพากันหลีกหนี
12 ผู้คนพากันหลงลืมข้าพเจ้าเหมือนกับว่าข้าพเจ้าตายไปแล้ว
หรือเป็นของที่สูญหายไปแล้ว
13 ข้าพเจ้าได้ยินคนจำนวนมากใส่ร้ายป้ายสีข้าพเจ้า
รอบด้านของข้าพเจ้ามีแต่เรื่องน่ากลัว
พวกเขามารวมหัวกันวางแผนทำร้ายข้าพเจ้า
พวกเขาวางแผนจะเอาชีวิตของข้าพเจ้า
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ส่วนข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระองค์
ข้าพเจ้าพูดว่า “พระองค์คือพระเจ้าของข้าพเจ้า”
15 วันเวลาของข้าพเจ้าอยู่ในกำมือของพระองค์
ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากพวกศัตรูและคนพวกนั้นที่ตามล่าข้าพเจ้าด้วยเถิด
16 ขอให้ใบหน้าของพระองค์ส่องประกายลงบนผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะความรักมั่นคงที่พระองค์มีต่อข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
ขออย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอาย
แต่ขอให้พวกคนชั่วเหล่านั้นต้องอับอาย
ขอให้พวกเขาร้องคร่ำครวญ[c] ไปตลอดทางสู่แดนคนตาย
18 ขอให้คนโกหกพวกนั้นเป็นใบ้เสีย
คือคนพวกนั้น ที่เย่อหยิ่งจองหอง คนที่มุ่งร้าย และคนที่คอยพูดใส่ร้ายคนดี
19 แต่พระองค์ได้ตุนสิ่งดีๆไว้มากมายสำหรับคนที่ยำเกรงพระองค์
พระองค์ทำหลายสิ่งหลายอย่างต่อหน้าต่อตามนุษย์ทั้งหลาย
เพื่อช่วยคนเหล่านั้นที่มาลี้ภัยในพระองค์
20 พระองค์ซ่อนคนดีๆพวกนี้ไว้กับพระองค์
เพื่อให้พ้นจากคนเหล่านั้นที่ปองร้ายพวกเขา
พระองค์ซ่อนพวกเขาไว้ในที่กำบังของพระองค์
เพื่อให้รอดพ้นจากลิ้นที่ใส่ร้ายพวกเขา
21 สรรเสริญพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์แสดงความรักมั่นคงที่แสนอัศจรรย์
ที่ปกป้องข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าถูกโจมตี[d]
22 ข้าพเจ้ากลัว ข้าพเจ้าเลยพูดว่า
“ข้าพเจ้าถูกตัดออกไปจากสายตาของพระองค์”[e]
แต่พระองค์ได้ยินคำร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์
23 ท่านทั้งหลายที่จงรักภักดีต่อพระองค์ ให้รักพระยาห์เวห์เถิด
พระยาห์เวห์คุ้มครองคนทั้งหลายที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
พระองค์จะตอบแทนคนที่เย่อหยิ่งจองหองอย่างทบดอกทบต้น
24 ดังนั้น ท่านทั้งหลายที่ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้เถิด
อธิษฐานขอให้พระยาห์เวห์แก้คดีให้
เพลงของดาวิด
35 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยต่อต้านคนเหล่านั้นที่ต่อต้านข้าพเจ้า
ช่วยรบกับคนเหล่านั้นที่รบกับข้าพเจ้า
2 ช่วยคว้าโล่เล็กและโล่ใหญ่ของพระองค์
และลุกขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
3 ช่วยใช้หอกและทวนต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ไล่ล่าข้าพเจ้าด้วยเถิด
ช่วยบอกข้าพเจ้าด้วยว่า “ตัวเราเองได้มาช่วยกู้เจ้าแล้ว”
4 ขอให้คนเหล่านั้นที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพเจ้า ได้พ่ายแพ้และอับอายขายหน้า
ขอให้คนเหล่านั้นที่วางแผนทำร้ายข้าพเจ้า สับสนอลหม่านและถูกไล่หนีไป
5 ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัดไป
และถูกทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ขับไล่ไป
6 ขอให้ช่องทางหนีของพวกเขานั้นมืดมิดและลื่นไถล
และถูกทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ไล่ล่าไป
7 เพราะพวกเขาวางตาข่ายดักข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา
พวกเขาขุดหลุมพรางสำหรับข้าพเจ้า
8 ขอให้พวกเขาเจอกับความพินาศอย่างไม่ทันรู้ตัว
ขอให้พวกเขาติดตาข่ายที่เขาวางไว้ดักข้าพเจ้า
และตกลงไปในหลุมพรางของตัวเองและพินาศไป
9 แล้วข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำไป
และมีความสุขที่พระองค์ช่วยกู้ข้าพเจ้า
10 แล้วกระดูกทั่วตัวของข้าพเจ้าจะพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ จะมีใครเหมือนกับพระองค์อีก
พระองค์ช่วยคนยากจนให้รอดพ้นจากคนที่เอาเปรียบเขา
และช่วยคนยากจนและคนขัดสนให้พ้นจากคนเหล่านั้นที่คอยปล้นพวกเขา”
11 พยานที่มุ่งร้ายต่อข้าพเจ้า
ยืนขึ้นกล่าวหาข้าพเจ้าในสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่รู้เรื่อง
12 พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่ว
คอยดักซุ่มฆ่าข้าพเจ้า[a]
13 เมื่อพวกเขาเจ็บป่วย ข้าพเจ้าใส่ชุดที่แสดงความเสียใจ
และถ่อมใจลงอดอาหาร เมื่อคำอธิษฐานของข้าพเจ้าไม่ได้รับคำตอบ
14 ข้าพเจ้าทำเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพเจ้าเอง
ข้าพเจ้าก้มลงด้วยความโศกเศร้าราวกับว่าเป็นแม่ของข้าพเจ้าเอง
15 แต่เมื่อข้าพเจ้ามีปัญหาพวกเขากลับพากันดีใจ
คนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักรุมเข้ามาโจมตีข้าพเจ้า
พวกเขาฉีกเนื้อข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน
16 พวกเขาได้กัดฟันกรอดๆใส่ข้าพเจ้า
พากันหัวเราะเยาะและตะโกนใส่ข้าพเจ้าอย่างหยาบคาย
17 พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะมองดูอยู่เฉยๆไปอีกนานแค่ไหน
ช่วยเหลือข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากการทำลายล้างของพวกเขาด้วยเถิด
โปรดช่วยชีวิตที่มีค่าของข้าพเจ้านี้ให้รอดพ้นจากฝูงสิงโตเหล่านั้นด้วยเถิด
18 แล้วข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ในที่ชุมนุมใหญ่
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในฝูงชนที่มากมายนั้น
19 ขออย่าให้ศัตรูที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขานั้น เอาชนะและหัวเราะเยาะข้าพเจ้าได้
ขออย่าให้คนเหล่านั้นที่เกลียดข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา ขยิบตาส่งสัญญาณกันเพื่อต่อต้านข้าพเจ้า
20 พวกเขาไม่พยายามที่จะสร้างสันติกับผู้อื่น
แต่พวกเขากำลังวางแผนการชั่วร้ายต่อผู้คนที่อยู่อย่างสงบสุขบนแผ่นดินนี้
21 พวกเขาอ้าปากกว้างพูดใส่ร้ายข้าพเจ้าว่า
“นี่ไง นี่ไง เราเห็นกับตาในสิ่งที่เจ้าทำ”
22 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าได้นิ่งเงียบอยู่
พระองค์เจ้าข้า อย่าอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
23 พระเจ้าของข้าพเจ้า ตื่นเถิด ลุกขึ้นมา แก้ต่างให้กับข้าพเจ้าด้วย
พระองค์เจ้าข้า แก้คดีให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
24 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ยุติธรรม
โปรดให้ความยุติธรรมกับคดีของข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อพวกนั้นจะได้ไม่ชนะและหัวเราะเยาะข้าพเจ้าได้
25 อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า “ไชโย พวกเราได้สิ่งที่เราต้องการแล้ว”
อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า “พวกเราได้กลืนกินมันเข้าไปแล้ว”
26 ขอให้คนเหล่านั้นที่มีความสุขในความทุกข์ของข้าพเจ้า ได้รับความอัปยศและอับอายขายหน้า
ขอให้คนเหล่านั้นที่อ้างว่าตัวเองดีกว่าข้าพเจ้า สวมความอัปยศและเสื่อมเสียเกียรติ
27 ขอให้คนเหล่านั้นที่อยากให้ข้าพเจ้าพ้นผิดชื่นชมยินดีและมีความสุขเถิด
ขอให้พวกเขาพูดอยู่เสมอว่า “ขอสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์
พระองค์มีความสุข เมื่อผู้รับใช้ของพระองค์อยู่เย็นเป็นสุข”
28 ขอให้ลิ้นของข้าพเจ้าพูดถึงความยุติธรรมของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์ตลอดวันยังค่ำ
ดาวิดไปหานักบวชอาหิเมเลค
21 ดาวิดไปเมืองโนบเพื่อพบกับนักบวชอาหิเมเลค อาหิเมเลคกลัวจนตัวสั่นเมื่อออกมาพบเขา แล้วพูดว่า “ทำไมท่านถึงมาคนเดียว ทำไมถึงไม่มีใครมากับท่านด้วย”
2 ดาวิดตอบนักบวชอาหิเมเลคว่า “กษัตริย์สั่งให้เรามาทำงานสำคัญและกำชับว่า ‘อย่าให้ใครรู้ถึงงานที่เราส่งเจ้าไปทำ และหน้าที่ที่เราได้มอบหมายให้กับเจ้า’ ส่วนพวกคนหนุ่มๆของเรานั้น เราได้นัดพบกับพวกเขาไว้แล้วในที่แห่งหนึ่ง 3 ตอนนี้ท่านมีอะไรในมือบ้าง ขอขนมปังให้เราสักห้าก้อน หรืออะไรก็ได้ที่ท่านสามารถหาได้” 4 แต่อาหิเมเลคตอบดาวิดว่า “ข้าพเจ้าไม่มีขนมปังธรรมดาอยู่เลย มีแต่ขนมปังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ซึ่งถ้าหนุ่มๆทั้งหลายไม่ได้ไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงมาก็กินได้”
5 ดาวิดตอบว่า “ตามปกติเมื่อเราออกเดินทางพวกผู้หญิงก็จะถูกแยกออกจากพวกเราอยู่แล้ว ขนาดงานที่ธรรมดาๆร่างกายของพวกผู้ชายก็ยังบริสุทธิ์เลย ยิ่งงานพิเศษอย่างนี้ เราก็ต้องรักษาร่างกายให้บริสุทธิ์แน่”
6 นักบวชจึงให้ขนมปังศักดิ์สิทธิ์นั้นกับดาวิด เพราะไม่มีขนมปังอื่นนอกจากขนมปังนี้ที่เคยตั้งถวายอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ แต่ถูกเอาออกมาจากหน้าพระยาห์เวห์ ในวันที่เอาขนมปังใหม่ๆร้อนๆมาแทน
7 ในวันนั้นมีหัวหน้าคนเลี้ยงแกะ[a] ของซาอูลชื่อโดเอก ซึ่งเป็นชาวเมืองเอโดม เฝ้าอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ด้วย[b]
8 ดาวิดถามอาหิเมเลคว่า “ที่นี่ท่านไม่มีหอกหรือดาบสักเล่มเลยหรือ เราไม่ได้เอาดาบหรืออาวุธอื่นๆติดตัวมาเลย เพราะธุระที่กษัตริย์ให้ทำเป็นเรื่องเร่งด่วน”
9 นักบวชอาหิเมเลคก็ตอบว่า “ดาบของโกลิอัทชาวฟีลิสเตีย ที่ถูกท่านฆ่าตายในหุบเขาเอลาห์อยู่ที่นี่ ดาบนั้นห่อผ้าวางอยู่ด้านหลังเอโฟด ถ้าท่านต้องการก็เอาไปเลย ที่นี่ก็ไม่มีดาบอื่นแล้ว”
ดาวิดตอบว่า “ไม่มีดาบไหนเหมือนดาบนั้นอีกแล้ว เอามาให้เราหน่อย”
ดาวิดหนีไปพึ่งศัตรูที่เมืองกัท
10 ในวันนั้นดาวิดได้หนีจากซาอูลไปหาอาคีชกษัตริย์เมืองกัท 11 แต่พวกข้าราชการของอาคีชพูดกับดาวิดว่า “ท่านไม่ใช่กษัตริย์ดาวิดของอิสราเอลหรอกหรือ คนเดียวกับที่เขาร้องเพลงยกย่องกันว่า
‘ซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆ
ส่วนดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ’”
12 ดาวิดได้ยินคำพูดอย่างนั้น เขาก็กลัวกษัตริย์อาคีชเมืองกัทมาก
13 ดาวิดจึงแกล้งทำเป็นบ้าต่อหน้าผู้คน ขณะที่เขาถูกจับไปนั้นเขาก็ทำท่าเหมือนคนบ้าขีดเขียนตามประตูเมือง และปล่อยให้น้ำลายไหลเปรอะเปื้อนเครา 14 อาคีชพูดกับพวกข้าราชการของเขาว่า “ดูชายคนนี้ซิ เป็นคนบ้าชัดๆเจ้าพามาพบเราทำไม 15 เจ้าเห็นว่าเราขาดแคลนคนบ้าหรือ ถึงได้พามันมาทำบ้าๆบอๆให้เราดู สมควรให้ไอ้บ้านี้เข้ามาในบ้านของเราหรือ”
เปาโลและบารนาบัสไปเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย
13 เปาโลและเพื่อนๆของเขา นั่งเรือจากเมืองปาโฟสไปที่เมืองเปอร์กาในแคว้นปัมฟีเลีย แต่ยอห์นได้จากพวกเขากลับไปเมืองเยรูซาเล็ม 14 จากเมืองเปอร์กาพวกเขายังคงเดินทางต่อไปจนถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย และในวันหยุดทางศาสนาเปาโลและบารนาบัส ได้เข้าไปนั่งอยู่ในที่ประชุมชาวยิว 15 หลังจากที่มีการอ่านกฎปฏิบัติของโมเสส และข้อเขียนของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ของที่ประชุมชาวยิวได้ส่งบางคนมาบอกกับพวกเขาว่า “พี่น้องครับ ถ้าท่านมีคำพูดที่ให้กำลังใจผู้คน ขอให้พูดออกมาด้วย” 16 เปาโลยืนขึ้นโบกมือ[a] และพูดว่า “ฟังให้ดีชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติที่เคารพยำเกรงพระเจ้า 17 พระเจ้าของเราชาวอิสราเอลเลือกบรรพบุรุษของเรา และทำให้คนของเรายิ่งใหญ่ตอนที่พวกเขาอาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ และพระองค์ก็นำพวกเขาออกจากแผ่นดินนั้นด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 18 พระองค์อดทนกับพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาประมาณสี่สิบปี 19 พระองค์ทำลายเจ็ดชนชาติในแผ่นดินคานาอัน และมอบแผ่นดินของชนชาติเหล่านั้นให้กับชาวอิสราเอลไว้ครอบครองเป็นเวลาสี่ร้อยห้าสิบปี 20 หลังจากนั้น พระองค์ได้ให้พวกผู้วินิจฉัยมาปกครองดูแลพวกเขา จนกระทั่งถึงช่วงสมัยของซามูเอลผู้พูดแทนพระเจ้า 21 พวกอิสราเอลก็ร้องขอให้มีกษัตริย์ พระเจ้าจึงมอบซาอูลบุตรชายของคีชที่มาจากเผ่าเบนยามิน ให้เป็นกษัตริย์ปกครองดูแลพวกเขาอยู่ประมาณสี่สิบปี 22 หลังจากที่พระเจ้าปลดซาอูลออกจากตำแหน่งแล้ว ก็ได้ตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของชาวอิสราเอล พระองค์พูดเกี่ยวกับดาวิดว่า ‘เราพบว่าดาวิดบุตรของเจสซีคนนี้เป็นคนที่เราชอบมาก เพราะเขาจะทำทุกอย่างที่เราต้องการให้เขาทำ’ 23 จากเชื้อสายของดาวิดนี่แหละ พระเจ้าได้สัญญาไว้ว่า จะให้พระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดมาเกิดเพื่อคนอิสราเอล 24 ก่อนที่พระเยซูจะมา ยอห์นได้ประกาศกับคนอิสราเอลทุกคนเรื่องการเข้าพิธีจุ่มน้ำเพื่อแสดงถึงการกลับตัวกลับใจ 25 เมื่อยอห์นทำงานของเขาเสร็จแล้ว เขาพูดว่า ‘พวกคุณคิดว่าผมเป็นใครกัน ผมไม่ใช่คนนั้นที่พระเจ้าสัญญาไว้ แต่จะมีอีกคนหนึ่งที่มาภายหลังผม ซึ่งตัวผมเองยังไม่มีค่าพอที่จะถอดรองเท้าให้เขาเลย’
คนติดตามพระเยซูเยอะมาก
7 พระเยซูไปที่ทะเลสาบกาลิลีกับพวกศิษย์ และมีคนมากมายติดตามพระเยซูมา ทั้งจากแคว้นกาลิลี แคว้นยูเดีย 8 เมืองเยรูซาเล็ม เมืองเอโดม แคว้นต่างๆที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจอร์แดน และจากบริเวณรอบๆเมืองไทระและเมืองไซดอน เพราะได้ยินถึงเรื่องต่างๆที่พระองค์ทำ 9 เนื่องจากคนเยอะมาก พระองค์จึงสั่งพวกศิษย์ให้เตรียมเรือให้พระองค์ลำหนึ่งเพื่อกันฝูงชนไม่ให้มาเบียดเสียดพระองค์ 10 คนที่เป็นโรคต่างๆเบียดเสียดกันเข้ามาเพื่อจับต้องพระองค์ เพราะพระองค์ได้รักษาคนเป็นจำนวนมาก 11 เมื่อไรก็ตามที่พวกผีชั่วเห็นพระองค์ พวกมันก็จะก้มลงกราบ และตะโกนว่า “ท่านเป็นบุตรของพระเจ้า” 12 แต่พระองค์สั่งห้ามพวกผีชั่วอย่างเด็ดขาดห้ามบอกคนอื่นว่าพระองค์เป็นใคร
พระเยซูเลือกศิษย์เอกสิบสองคน
(มธ. 10:1-4; ลก. 6:12-16)
13 พระเยซูขึ้นไปบนภูเขาแห่งหนึ่ง และเรียกคนที่พระองค์ต้องการให้มาติดตามพระองค์ แล้วพวกเขาก็มา 14 ทั้งหมดมีสิบสองคน พระองค์แต่งตั้งทั้งสิบสองคนนี้ให้เป็นศิษย์เอกเพื่อจะได้มาอยู่กับพระองค์ และพระองค์ต้องการที่จะส่งพวกเขาออกไปสั่งสอนด้วย 15 พระองค์ให้พวกเขามีอำนาจที่จะขับไล่ผีชั่วด้วย 16 ศิษย์ทั้งสิบสองคนนี้มีชื่อว่า
ซีโมน คนที่พระองค์ตั้งชื่อใหม่ให้ว่าเปโตร
17 ยากอบลูกของเศเบดีและยอห์นน้องของยากอบ ทั้งสองคนนี้พระองค์ได้ให้ชื่อใหม่ว่า โบอาเนอเย “ลูกฟ้าร้อง”
18 อันดรูว์
ฟีลิป
บารโธโลมิว
มัทธิว
โธมัส
ยากอบ ลูกของอัลเฟอัส
ธัดเดอัส
ซีโมน ผู้มีใจจดจ่อกับพระเจ้า
19 และยูดาสอิสคาริโอท ซึ่งคือคนที่ตอนหลังได้หักหลังพระเยซู
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International