Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 105-106

บุญคุณของพระยาห์เวห์ต่อชาวอิสราเอล

ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์ ให้กระจายชื่อเสียงของพระองค์ออกไป
    ให้บอกกับชนชาติทั้งหลายถึงสิ่งที่พระองค์ทำ
ร้องเพลงให้กับพระองค์ ร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระองค์เถิด
    ใคร่ครวญถึงสิ่งน่าทึ่งทั้งหมดที่พระองค์ได้ทำ
โอ้อวดถึงชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เถิด
    ขอให้คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระยาห์เวห์มีความสุขเถิด
แสวงหาพระยาห์เวห์ และพละกำลังที่มาจากพระองค์เถิด
    แสวงหาหน้าของพระองค์อยู่เสมอ
5-6 ลูกหลานของอับราฮัมผู้รับใช้ของพระเจ้าเอ๋ย
    ลูกหลานของยาโคบพวกที่พระเจ้าเลือกเอ๋ย
ขอให้ท่านระลึกถึงเรื่องน่าทึ่งทั้งหลายที่พระเจ้าทำ
    ระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆและคำตัดสินทั้งหลายที่ออกมาจากปากของพระองค์

พระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา
    คำตัดสินทั้งหลายของพระองค์จะเป็นจริงอย่างนั้นในทุกหนแห่งทั่วโลก
พระองค์ไม่เคยลืมข้อตกลงของพระองค์
    คือคำสัญญาที่พระองค์ทำไว้กับคนของพระองค์ตลอดไปเป็นพันรุ่น
พระองค์จะรักษาคำสัญญาที่ทำไว้กับอับราฮัม
    และคำสาบานของพระองค์ที่ให้ไว้กับอิสอัค
10 พระองค์ทำให้มันเป็นกฎสำหรับยาโคบ
    และเป็นข้อตกลงให้กับอิสราเอลตลอดไป
11 พระองค์พูดว่า “เราจะมอบดินแดนคานาอันให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าตลอดไป”

12 พระองค์ทำสิ่งนี้ตอนที่พวกเขายังมีกันอยู่ไม่กี่คน
    และยังเป็นคนต่างด้าวแค่กระจุกเดียวในดินแดนนั้นอยู่เลย
13 พวกเขาเร่ร่อนพเนจรจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง
    จากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกอาณาจักรหนึ่ง
14 แต่พระเจ้าไม่ยอมให้ใครข่มเหงพวกเขา
    พระองค์เตือนพวกกษัตริย์ทั้งหลายว่า
15 “อย่าแตะต้องคนเหล่านั้นที่เราได้เลือกไว้[a]
    อย่าได้ทำร้ายพวกผู้พูดแทนเรา”

16 พระองค์ทำให้เกิดการกันดารอาหารขึ้นในแผ่นดิน
    พระองค์ตัดเสบียงทั้งหมดของพวกเขา
17 แล้วพระองค์ได้ส่งชายคนหนึ่งไปอียิปต์ก่อนคนอื่นๆ
    นั่นคือ โยเซฟ ผู้ถูกขายไปเป็นทาส
18 คนพวกนั้นทำร้ายเขาด้วยการล่ามโซ่ไว้ที่ข้อเท้า
    และใส่ปลอกเหล็กไว้ที่คอของเขา
19 จนกระทั่งสิ่งที่โยเซฟได้ทำนายไว้เป็นจริง
    และพระคำของพระยาห์เวห์ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพูดถูก
20 แล้วกษัตริย์ก็มีคำสั่งให้ไปนำตัวโยเซฟมาและหักโซ่ตรวนของเขา
    ผู้นำชนชาตินั้นก็ปล่อยเขาออกจากคุก
21 กษัตริย์แต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลวัง
    และให้เป็นผู้ดูแลจัดการทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมด
22 กษัตริย์ให้อำนาจกับโยเซฟอย่างเต็มที่เหนือข้าราชการของเขา
    โยเซฟสอนพวกที่ปรึกษาอาวุโสของกษัตริย์

23 หลังจากนั้น อิสราเอลก็เข้ามาอยู่ที่อียิปต์
    ยาโคบอยู่อย่างคนต่างด้าวในดินแดนของฮาม[b]
24 พระองค์ทำให้คนของพระองค์ทวีคูณขึ้นอย่างมหาศาล
    จนมีจำนวนมากกว่าศัตรูของเขา
25 พระยาห์เวห์เปลี่ยนใจของคนอียิปต์ให้หันมาเกลียดชังคนของพระองค์
    และให้พวกเขาพากันวางแผนร้ายต่อพวกผู้รับใช้ของพระองค์

26 แล้วพระองค์ก็ส่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์
    และอาโรนผู้ที่พระองค์ได้เลือก
27 พระองค์ให้สองคนนี้ทำการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ให้ชนชาติของพระองค์เห็น
    พวกเขาทำสิ่งที่น่าทึ่งต่างๆในดินแดนของฮาม
28 พระองค์ส่งความมืดทึบลงมา
    แต่ชาวอียิปต์ก็ไม่ยอมฟังพระองค์
29 พระองค์ทำให้น้ำของพวกเขากลายเป็นเลือด
    และฆ่าพวกปลาของพวกเขา
30 แผ่นดินของพวกเขามีฝูงกบเต็มไปหมด
    ไม่เว้นแม้แต่พวกห้องส่วนตัวของกษัตริย์
31 เมื่อพระองค์ออกคำสั่ง
    ฝูงเหลือบก็มา ฝูงริ้นก็รุกล้ำเข้ามาทั่วแผ่นดิน
32 พระองค์ทำให้ฝนของพวกเขากลายเป็นลูกเห็บ
    และทำให้เกิดสายฟ้าแลบในแผ่นดินของเขา
33 พระองค์ทำลายไร่องุ่น และต้นมะเดื่อ
    พระองค์ทำให้ต้นไม้แตกเป็นเสี่ยงๆไปทั่วเขตแดนของพวกเขา
34 เมื่อพระองค์ออกคำสั่ง พวกตั๊กแตนวัยบินและตั๊กแตนวัยกระโดด
    ก็กรูกันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
35 พวกตั๊กแตนกินพืชผักทั้งหมดในแผ่นดินของพวกเขา
    และกินพืชผลทั้งหลายจากดินเสียสิ้น
36 แล้วจากนั้น พระองค์ก็ฆ่าลูกชายหัวปีของพวกเขาทั้งหมดในแผ่นดินของพวกเขา
    ลูกที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของพ่อ

37 พระองค์นำพวกอิสราเอลออกไปพร้อมกับเงินและทองไปด้วย
    พระองค์ไม่ปล่อยให้มีใครสักคนในพวกเผ่าของพระองค์สะดุดล้ม
38 ชาวอียิปต์ต่างดีใจที่ชาวอิสราเอลออกไปได้
    เพราะพวกเขารู้สึกกลัวพวกอิสราเอล
39 พระองค์กางก้อนเมฆของพระองค์ออกปกคลุมอยู่เหนือคนอิสราเอล
    และยังให้เพลิงไฟไว้ส่องสว่างในตอนกลางคืน
40 เมื่ออิสราเอลร้องขออาหาร พระองค์ก็นำนกกระทามาให้
    นอกจากนั้นพระองค์ก็ยังให้อาหารจากสวรรค์กับพวกเขากินจนอิ่มหนำ
41 พระองค์ตีก้อนหินแตกเป็นช่อง
    น้ำก็ไหลพุ่งออกมาสู่แผ่นดินที่แห้งแล้งเหมือนกับแม่น้ำ
42 เพราะพระองค์ระลึกถึงคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    ที่ให้ไว้กับอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์

43 พระองค์นำชนชาติของพระองค์ออกจากอียิปต์อย่างมีความสุข
    คนเหล่านี้ที่พระองค์เลือกมาโห่ร้องด้วยความยินดี
44 แล้วพระองค์ก็มอบแผ่นดินต่างๆของชนชาติอื่นๆให้กับพวกเขา
    พวกเขาได้กรรมสิทธิ์ในไร่นาที่คนต่างชาติลงมือลงแรงทำไว้
45 ที่พระองค์ทำอย่างนี้ก็เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อฟังกฎทั้งหลายของพระองค์
    และรักษาคำสั่งสอนของพระองค์อย่างระมัดระวัง
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

การเนรคุณของคนอิสราเอลต่อพระยาห์เวห์

สรรเสริญพระยาห์เวห์
    ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์นั้นดี
    และความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
ใครจะบรรยายถึงการกระทำอันทรงฤทธิ์ทั้งหลายของพระยาห์เวห์ได้หมด
    ใครจะเล่าถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระองค์ได้หมด
ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่รักษาความยุติธรรม
    และทำแต่สิ่งถูกต้องอยู่เสมอ

ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์แสดงความเมตตากรุณาต่อคนของพระองค์ โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย
    โปรดนับข้าพเจ้าเข้าไปกับหมู่คนที่พระองค์ช่วยให้รอดด้วย
ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนร่วมในพระพรต่างๆของคนที่พระองค์ได้เลือกไว้
    และมีส่วนร่วมในความยินดีที่คนของพระองค์มี
    และร่วมสรรเสริญพระองค์กับคนเหล่านั้นที่เป็นสมบัติของพระองค์

พวกเราทำผิดบาปเหมือนกับบรรพบุรุษของเรา
    พวกเราทำผิดและทำตัวชั่วร้าย
พวกบรรพบุรุษของเราในอียิปต์
    ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากการอัศจรรย์ของพระองค์
พวกเขาไม่ได้คิดถึงสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำไปด้วยความรักที่มั่นคงของพระองค์
    พวกเขากบฏต่อพระองค์ที่ทะเลแดง
แต่พระองค์ก็ยังช่วยเหลือพวกเขาเพื่อเห็นแก่หน้าของพระองค์เอง
    และเพื่อแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
เมื่อพระองค์ตะโกนใส่ทะเลแดง ทะเลแดงก็เหือดแห้งไป
    และพระองค์ก็นำพวกเขาเดินผ่านทะเลลึกเหมือนเดินผ่านทะเลทราย
10 พระองค์ช่วยพวกเขาให้พ้นจากคนที่เกลียดชังพวกเขา
    พระองค์ไถ่พวกเขาให้เป็นอิสระจากศัตรูของพวกเขา
11 แล้วพระองค์ก็ทำให้น้ำกลบท่วมศัตรูของพวกเขา
    ไม่มีใครรอดสักคนเดียว
12 แล้วพวกเขาก็เชื่อในสิ่งทั้งหลายที่พระองค์สัญญา
    และร้องเพลงสรรเสริญพระองค์

13 แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ลืมสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำให้กับพวกเขา
    และไม่ยอมคอยฟังว่าพระองค์จะให้พวกเขาทำอะไร
14 พวกเขาก็ใคร่อยากจะกินเนื้อจนตัวสั่นในทะเลทรายนั้น
    และท้าทายพระเจ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
15 ดังนั้นพระองค์จึงให้สิ่งที่พวกเขาร้องขอ
    แต่พระองค์ก็แถมโรคร้ายมาให้ด้วย

16 บางคนในค่ายพักอิจฉาริษยาโมเสส
    และอาโรนนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์
17 ดังนั้นแผ่นดินได้แยกออกดูดกลืนดาธานลงไป
    และกลบพรรคพวกของอาบีรัม
18 มีไฟลุกลามใหญ่โตท่ามกลางพรรคพวกที่เหลือของเขา
    เปลวไฟได้เผาผลาญคนชั่วเหล่านั้น

19 แล้วบรรพบุรุษก็สร้างลูกวัวทองคำขึ้นมาที่ภูเขาโฮเรบ
    และก้มกราบนมัสการรูปที่หล่อจากโลหะนั้น
20 พวกเขาเอาพระเจ้าผู้เต็มไปด้วยบารมี
    ไปแลกกับรูปหล่อของวัวตัวผู้ที่กินหญ้า
21 พวกเขาลืมพระเจ้าผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเขาให้รอด
    และผู้ที่ทำสิ่งยิ่งใหญ่ทั้งหลายในอียิปต์
22 พระเจ้าทำสิ่งที่น่าทึ่งทั้งหลายในดินแดนของฮาม
    และทำสิ่งที่น่ายำเกรงหลายอย่างที่ทะเลแดง
23 พระเจ้าบอกว่าพระองค์จะทำลายอิสราเอล
    แต่โมเสส ผู้นำที่พระองค์เลือกมาได้มายืนขวางไว้
ทำให้อารมณ์โกรธแค้นของพระองค์สงบลง
    พระองค์ก็เลยไม่ทำลายล้างอิสราเอล

24 แล้วพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ยอมเข้าไปในดินแดนคานาอันที่น่าอยู่
    พวกเขาไม่เชื่อคำสัญญาของพระองค์ที่จะช่วยเขา
25 พวกเขานั่งบ่นต่อว่าพระเจ้าอยู่ในเต็นท์ของพวกเขา
    และไม่ยอมฟังเสียงของพระยาห์เวห์
26 ดังนั้นพระองค์จึงยกมือขึ้นสาบานว่า
    พระองค์จะทำให้พวกเขาล้มตายไปในทะเลทราย
27 และพระองค์ทำให้ลูกหลานของพวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ
    และไล่พวกเขาให้ไปอยู่ตามดินแดนต่างๆที่ห่างไกล

28 แล้วพวกเขาก็ไปร่วมนมัสการพระบาอัลที่เมืองเปโอร์
    และกินเครื่องเซ่นไหว้คนตาย[c]
29 การกระทำของพวกเขาทำให้พระยาห์เวห์โกรธ
    พระองค์จึงทำให้เกิดโรคระบาดขึ้นในหมู่พวกเขา
30 แล้วฟีเนหัสได้จัดการกับคนที่ทำผิด
    แล้วโรคระบาดนั้นก็หยุดลง
31 สิ่งที่ฟีเนหัสทำนี้ ทำให้พระเจ้าพอใจ
    และเป็นที่จดจำไปตลอดชั่วลูกชั่วหลาน

32 แต่แล้ว พวกอิสราเอลก็ทำให้พระองค์โกรธอีกที่ตาน้ำเมรีบาห์
    และพวกเขาก่อปัญหาให้กับโมเสสด้วย
33 คนพวกนั้นทำให้โมเสสโกรธ
    เขาจึงพูดโดยไม่ได้ยั้งคิด

34 แล้วพวกอิสราเอลก็ไม่ได้ทำลายชนชาติอื่นๆ
    ตามที่พระยาห์เวห์บอกให้พวกเขาทำ
35 แต่พวกเขากลับไปคลุกคลีอยู่กับคนพวกนั้น
    และไปหัดทำตามสิ่งที่คนพวกนั้นทำ
36 พวกเขาเริ่มไปบูชาพวกเทวรูปทั้งหลายของคนพวกนั้น
    และสิ่งนี้ได้กลายเป็นกับดักที่ทำให้พวกเขาล้มไป
37 พวกเขายอมแม้กระทั่งเอาลูกชายลูกสาวของตัวเอง
    มาบูชายัญพวกปีศาจ
38 พวกเขาทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งไหล
    คือเลือดของลูกชายลูกสาวของพวกเขาเอง
    ที่เอามาบูชายัญต่อพวกเทวรูปของคานาอัน
    และแผ่นดินของพวกเขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไปเพราะเลือดของคนเหล่านั้น
39 และพวกเขาเองก็เป็นมลทินเพราะการกระทำของพวกเขา
    พวกเขาไม่สัตย์ซื่อเหมือนกับหญิงโสเภณี

40 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงโกรธคนของพระองค์
    และสะอิดสะเอียนพวกเขา
41 พระองค์จึงมอบคนพวกนั้นให้กับชนชาติอื่นๆ
    และคนเหล่านั้นที่เกลียดพวกเขาเริ่มปกครองเหนือพวกเขา
42 พวกศัตรูข่มเหงพวกเขา
    และปราบพวกเขาให้ตกอยู่ใต้อำนาจ
43 พระองค์ช่วยกู้พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
    แต่พวกเขาก็กบฏและทำตามใจตัวเอง
    พวกเขาตกต่ำลงเพราะความผิดบาปของพวกเขา
44 แต่เมื่อพวกเขาตกอยู่ในความทุกข์ยากและอธิษฐานต่อพระองค์
    พระองค์ก็ฟังและดูแลพวกเขา
45 พระองค์ระลึกถึงข้อตกลงที่ทำกับพวกเขา
    และด้วยความรักอันมั่นคงของพระองค์ พระองค์จึงสงสารพวกเขา
46 พระองค์ทำให้ทุกคนที่กวาดต้อนพวกเขาไป
    เกิดความเมตตากับพวกเขา

47 ตอนนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
    โปรดช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด รวบรวมพวกเราจากชนชาติต่างๆ
เราจะขอบคุณชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    และโอ้อวดถึงสิ่งที่น่าสรรเสริญทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำ

48 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
    ผู้เป็นอยู่ตลอดมาและจะคงอยู่ตลอดไป
ขอให้ชนชาติทั้งหมดพูดว่า “อาเมน”

    สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

1 โครินธ์ 3

ครูเป็นแค่ผู้รับใช้ของพระเจ้าเท่านั้น

พี่น้องครับ ผมไม่สามารถพูดกับคุณเหมือนกับคนที่มีพระวิญญาณได้ แต่ต้องพูดกับคุณเหมือนกับคนที่ทำตามสันดานมนุษย์ พวกคุณเป็นเหมือนเด็กทารกในพระคริสต์ ผมเลยต้องให้น้ำนมคุณดื่มแทนที่จะเป็นอาหารแข็ง เพราะพวกคุณยังกินอาหารแข็งไม่ได้ ถึงเดี๋ยวนี้คุณก็ยังกินอาหารแข็งไม่ได้อยู่ดี เพราะคุณยังทำตามสันดานของมนุษย์ คือยังอิจฉาและทะเลาะวิวาทกัน แสดงว่าคุณยังทำตามสันดานมนุษย์เหมือนกับคนอื่นๆในโลกนี้ เมื่อมีคนหนึ่งพูดว่า “ผมเป็นของเปาโล” และอีกคนหนึ่งพูดว่า “ผมเป็นของอปอลโล” อย่างนี้ไม่ใช่ทำตัวเหมือนกับคนอื่นๆในโลกหรือ

อปอลโลเป็นใคร และเปาโลเป็นใคร เราก็แค่คนรับใช้ที่ช่วยให้พวกคุณมาเชื่อ เราแค่ทำตามหน้าที่ของเราแต่ละคนตามที่องค์เจ้าชีวิตมอบหมายให้เท่านั้น ผมเป็นคนปลูก อปอลโลเป็นคนรดน้ำ แต่พระเจ้าเป็นผู้ทำให้เติบโต ดังนั้นทั้งคนปลูก และคนรดน้ำก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย แต่พระเจ้าผู้ทำให้เติบโตต่างหากที่สำคัญ ทั้งคนปลูกและคนรดน้ำก็มีเป้าหมายเดียวกัน และแต่ละคนก็จะได้รับรางวัลตามผลงานที่เขาได้ทำไว้ เพราะพวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานในการรับใช้พระเจ้า พวกคุณเป็นไร่นาของพระเจ้า และตึกของพระเจ้า

10 ผมได้วางรากฐานเหมือนหัวหน้าวิศวกรผู้ชำนาญตามหน้าที่ที่พระเจ้ามอบให้กับผม แล้วคนอื่นก็มาก่อขึ้นบนรากฐานนั้น แต่ให้แต่ละคนระวังว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร 11 เพราะไม่มีใครที่จะมาวางรากฐานอื่นได้อีก นอกจากรากฐานอันที่ได้วางไว้แล้ว คือพระเยซูคริสต์ 12 ถ้าใครมาก่อสร้างบนรากฐานนั้น ไม่ว่าจะด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟาง 13 ผลงานของแต่ละคนจะปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นอย่างไร เพราะทุกอย่างจะถูกเปิดเผยออกมาให้เห็นในวันที่พระเจ้ามาพิพากษาโลก วันนั้น[a]จะมาพร้อมกับไฟ และไฟนี้จะทดสอบคุณภาพงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร 14 ถ้างานของใครที่ก่อสร้างบนรากฐานนั้นยังคงทนอยู่ได้ คนๆนั้นก็จะได้รับรางวัล 15 แต่ถ้างานของใครถูกไฟเผาไหม้ไป คนๆนั้นก็จะได้รับความเสียหาย ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนคนที่วิ่งฝ่าเปลวไฟออกมา

16 พวกคุณไม่รู้หรือว่าพวกคุณเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าก็อยู่ในหมู่พวกคุณ 17 ถ้าใครมาทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าก็จะทำลายคนๆนั้น เพราะวิหารของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ และพวกคุณก็เป็นวิหารนั้น

18 อย่าหลอกตัวเองเลย ถ้าใครในพวกคุณคิดว่าตัวเองฉลาดตามความคิดของโลกนี้ ก็ให้เขายอมเป็นคนโง่เถอะ เพื่อเขาจะได้เป็นคนที่ฉลาดอย่างแท้จริง 19 เพราะพระเจ้าเห็นว่าความฉลาดของโลกนี้มันโง่เขลา เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “พระเจ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมของคนฉลาดเป็นกับดักจับตัวพวกเขาเอง”[b] 20 แล้วยังพูดอีกว่า “องค์เจ้าชีวิตรู้ว่าความคิดของคนฉลาดนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”[c]

21 ถ้าอย่างนั้น เลิกเอามนุษย์มาอวดอ้างกันได้แล้ว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของพวกคุณอยู่แล้ว 22 ไม่ว่าจะเป็นเปาโล อปอลโล หรือเปโตร หรือโลกนี้ หรือชีวิต หรือความตาย หรือปัจจุบันนี้ หรืออนาคต ทั้งหมดนี้เป็นของพวกคุณ 23 พวกคุณก็เป็นของพระคริสต์ และพระคริสต์ก็เป็นของพระเจ้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International