Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 87-88

ศิโยนบ้านสำหรับชนชาติทั้งหลาย

บทเพลงสรรเสริญ แห่งตระกูลโคราห์

พระยาห์เวห์ตั้งเมืองของพระองค์บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์นั้น
พระยาห์เวห์รักประตูเมืองศิโยน
    มากกว่าที่อื่นใดในอิสราเอล
เมืองของพระเจ้าเอ๋ย
    ทุกคนต่างก็พูดถึงสิ่งยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเจ้า เซลาห์

พระเจ้าพูดว่า “เราจะบันทึกอียิปต์ และบาบิโลน ในรายชื่อของคนเหล่านั้นที่ยอมรับเรา
    รวมทั้งฟีลิสเตีย ไทระ และเอธิโอเปียด้วย
    เราจะพูดว่า คนเหล่านี้เป็นพลเมืองของเมืองศิโยน”[a]

ใช่แล้ว พระเจ้าจะพูดถึงเมืองศิโยนว่า
    “ประชาชนของชนชาติเหล่านั้น จะกลายเป็นพลเมืองของเมืองนี้
    และพระเจ้าสูงสุด จะทำให้เมืองนี้มั่นคง”
เมื่อพระยาห์เวห์ลงทะเบียนชนชาติต่างๆ
    พระองค์จะบันทึกไว้ว่า อันนี้กลายเป็นพลเมืองของศิโยนแล้ว เซลาห์

ในงานเทศกาลต่างๆพวกนักร้องและนักเต้น จะพูดว่า
    “ศิโยน แหล่งพระพรทั้งหมดของข้าอยู่ในเจ้า”

เสียงร้องจากหลุมลึก

บทเพลงสรรเสริญของเหล่าบุตรชายแห่งตระกูลโคราห์ ถึงผู้ควบคุมวง บทเพลงเกี่ยวกับโรคภัยที่ทำให้อ่อนแอ บทเพลงมัสคิลของเฮมาน ตระกูลเอศราค

พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน
ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าไปอยู่ต่อหน้าพระองค์
    โปรดเงี่ยหูของพระองค์ฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าด้วยเถิด

เพราะชีวิตของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยเรื่องเลวร้าย
    ชีวิตของข้าพเจ้าเข้าใกล้แดนผู้ตายแล้ว
พวกเขาถือว่าข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งในกลุ่มเหล่านั้นที่กำลังลงไปในหลุมฝังศพ
    ข้าพเจ้าเปรียบเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง
ข้าพเจ้าถูกปล่อยไว้ท่ามกลางคนตาย
    เหมือนซากศพทั้งหลายที่นอนอยู่ในหลุม
เหมือนคนเหล่านั้นที่พระองค์ลืมสนิท
    เหมือนคนเหล่านั้นที่ถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือของพระองค์
พระองค์วางข้าพเจ้าไว้ในหลุมที่ลึกที่สุด
    อยู่ในเหวลึกอันมืดมิด
ความโกรธของพระองค์กดทับข้าพเจ้าไว้อย่างหนัก
    คลื่นทั้งหลายของพระองค์ซัดใส่ข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เซลาห์

พระองค์แยกเพื่อนๆของข้าพเจ้าให้ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าน่าขยะแขยงในสายตาพวกเขา
    ข้าพเจ้าถูกขังไว้ ออกไปไม่ได้
ดวงตาข้าพเจ้าพล่ามัวเพราะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์ทุกวัน
    ข้าพเจ้าชูมือขึ้นอธิษฐานถึงพระองค์
10 พระองค์ทำการอัศจรรย์ทั้งหลายให้กับคนตายหรือ
    พวกผีลุกขึ้นมาจากหลุมเพื่อสรรเสริญพระองค์ได้หรือ ไม่เลย เซลาห์

11 คนตายเป็นพยานถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในหลุมศพหรือ
    พวกเขาเล่าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในดินแดนพินาศนั้นหรือ
12 พวกเขาจะรู้จักการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ในความมืดมิดนั้นหรือ
    พวกเขาจะรู้จักความดีงามของพระองค์ในดินแดนที่ไร้ความทรงจำหรือ
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    คำอธิษฐานของข้าพเจ้าลอยขึ้นไปอยู่ต่อหน้าพระองค์ในทุกๆเช้า
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์ถึงทอดทิ้งข้าพเจ้า
    ทำไมพระองค์ถึงซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
15 ข้าพเจ้าอ่อนแอและใกล้ตายมาตั้งแต่เป็นเด็ก
    ข้าพเจ้าต้องทนเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายจากพระองค์ ข้าพเจ้าหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว
16 ความเดือดดาลของพระองค์ท่วมท้นข้าพเจ้าแล้ว
    และเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายของพระองค์ทำลายล้างข้าพเจ้าเสียแล้ว
17 เรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายเหล่านั้นล้อมรอบข้าพเจ้าเหมือนน้ำท่วมตลอดวัน
    พวกมันดันใส่ข้าพเจ้าจากทุกด้าน
18 พระองค์แยกคนที่ข้าพเจ้ารักและเพื่อนบ้านให้ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    มีแต่ความมืดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนข้าพเจ้า

โรม 13

13 ให้ทุกคนยอมเชื่อฟังผู้มีอำนาจของรัฐบาล เพราะอำนาจทุกอย่างมาจากพระเจ้า และพระเจ้าเองเป็นผู้ที่แต่งตั้งผู้มีอำนาจเหล่านั้น ถ้าอย่างนั้น คนที่ขัดขืนต่ออำนาจนั้น ก็เท่ากับขัดขืนคำสั่งของพระเจ้า และคนที่ขัดขืนคำสั่งของพระเจ้า ก็จะต้องถูกลงโทษ คนที่ทำดีไม่กลัวผู้มีอำนาจพวกนั้นหรอก มีแต่คนที่ทำชั่วเท่านั้นที่กลัว ถ้าคุณไม่อยากกลัวผู้มีอำนาจพวกนั้นก็ให้ทำดี แล้วพวกเขาจะได้ชมเชยพวกคุณ เพราะพวกเขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่มาทำงานช่วยพวกคุณ แต่ถ้าคุณทำเรื่องชั่วๆก็ให้กลัวไว้ เพราะเขาไม่ได้ถือดาบเอาไว้ขู่เฉยๆ เขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เป็นผู้แก้แค้นแทนพระเจ้า เพื่อลงโทษคนที่ทำชั่ว ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังรัฐบาล ไม่ใช่เพราะกลัวถูกลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อใจจะไม่ฟ้องตัวเองว่าผิด นี่เป็นเหตุที่คุณต้องเสียภาษี เพราะผู้มีอำนาจพวกนี้เป็นคนรับใช้ของพระเจ้า ที่ดูแลเรื่องเหล่านี้เสมอ คุณเป็นหนี้อะไรกับใคร ก็ให้จ่ายคืนเขาไป เป็นหนี้ส่วยสาอากร ก็ให้จ่ายส่วยสาอากร เป็นหนี้ภาษี ก็ให้จ่ายภาษี คุณต้องยำเกรงใคร ก็ให้ยำเกรงคนนั้น คุณต้องให้เกียรติใคร ก็ให้เกียรติคนนั้น

หัวใจของกฎคือการรักผู้อื่น

อย่าเป็นหนี้อะไรกับใครเลย นอกจากหนี้รักที่มีต่อกันและกัน เพราะคนที่รักคนอื่นก็ถือว่าได้ทำตามกฎครบถ้วนแล้ว ในกฎบัญญัติมีคำสั่งมากมายเช่น “อย่าเป็นชู้” “อย่าฆ่าคน” “อย่าขโมย” “อย่าโลภ”[a] และยังมีคำสั่งอื่นๆอีก แต่ทั้งหมดนั้นก็สรุปได้ว่า “ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[b] 10 ความรักไม่ทำร้ายเพื่อนบ้าน เป็นเหตุที่ว่า ถ้ามีความรักก็ถือว่าได้ทำตามกฎครบถ้วนแล้ว 11 ให้ทำอย่างที่บอกนี้ เพราะถึงเวลาตื่นได้แล้ว ความรอดของเรานั้นได้เข้ามาใกล้มากยิ่งกว่าตอนที่เราเพิ่งไว้วางใจใหม่ๆ 12 กลางคืน[c] ใกล้จะผ่านไป ตอนเช้า[d] ใกล้จะมาแล้ว ดังนั้นขอให้เราเลิกทำในสิ่งที่เป็นของความมืด และให้สวมอาวุธที่เป็นของความสว่าง 13 ทำตัวให้น่านับถือเหมือนคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกลางวัน ไม่เที่ยวมั่วสุม ไม่เสพสุราเมามาย ไม่ทำผิดทางเพศ ไม่มักมากในกาม ไม่ทะเลาะวิวาทและไม่อิจฉาริษยา 14 แต่ให้สวมใส่พระเยซูคริสต์เจ้า และอย่าให้ความสนใจกับกิเลสตัณหาที่มาจากสันดานเลย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International