Old/New Testament
ศิโยนบ้านสำหรับชนชาติทั้งหลาย
บทเพลงสรรเสริญ แห่งตระกูลโคราห์
1 พระยาห์เวห์ตั้งเมืองของพระองค์บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์นั้น
2 พระยาห์เวห์รักประตูเมืองศิโยน
มากกว่าที่อื่นใดในอิสราเอล
3 เมืองของพระเจ้าเอ๋ย
ทุกคนต่างก็พูดถึงสิ่งยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเจ้า เซลาห์
4 พระเจ้าพูดว่า “เราจะบันทึกอียิปต์ และบาบิโลน ในรายชื่อของคนเหล่านั้นที่ยอมรับเรา
รวมทั้งฟีลิสเตีย ไทระ และเอธิโอเปียด้วย
เราจะพูดว่า คนเหล่านี้เป็นพลเมืองของเมืองศิโยน”[a]
5 ใช่แล้ว พระเจ้าจะพูดถึงเมืองศิโยนว่า
“ประชาชนของชนชาติเหล่านั้น จะกลายเป็นพลเมืองของเมืองนี้
และพระเจ้าสูงสุด จะทำให้เมืองนี้มั่นคง”
6 เมื่อพระยาห์เวห์ลงทะเบียนชนชาติต่างๆ
พระองค์จะบันทึกไว้ว่า อันนี้กลายเป็นพลเมืองของศิโยนแล้ว เซลาห์
7 ในงานเทศกาลต่างๆพวกนักร้องและนักเต้น จะพูดว่า
“ศิโยน แหล่งพระพรทั้งหมดของข้าอยู่ในเจ้า”
เสียงร้องจากหลุมลึก
บทเพลงสรรเสริญของเหล่าบุตรชายแห่งตระกูลโคราห์ ถึงผู้ควบคุมวง บทเพลงเกี่ยวกับโรคภัยที่ทำให้อ่อนแอ บทเพลงมัสคิลของเฮมาน ตระกูลเอศราค
1 พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน
2 ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าไปอยู่ต่อหน้าพระองค์
โปรดเงี่ยหูของพระองค์ฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าด้วยเถิด
3 เพราะชีวิตของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยเรื่องเลวร้าย
ชีวิตของข้าพเจ้าเข้าใกล้แดนผู้ตายแล้ว
4 พวกเขาถือว่าข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งในกลุ่มเหล่านั้นที่กำลังลงไปในหลุมฝังศพ
ข้าพเจ้าเปรียบเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง
5 ข้าพเจ้าถูกปล่อยไว้ท่ามกลางคนตาย
เหมือนซากศพทั้งหลายที่นอนอยู่ในหลุม
เหมือนคนเหล่านั้นที่พระองค์ลืมสนิท
เหมือนคนเหล่านั้นที่ถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือของพระองค์
6 พระองค์วางข้าพเจ้าไว้ในหลุมที่ลึกที่สุด
อยู่ในเหวลึกอันมืดมิด
7 ความโกรธของพระองค์กดทับข้าพเจ้าไว้อย่างหนัก
คลื่นทั้งหลายของพระองค์ซัดใส่ข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เซลาห์
8 พระองค์แยกเพื่อนๆของข้าพเจ้าให้ห่างไกลจากข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าน่าขยะแขยงในสายตาพวกเขา
ข้าพเจ้าถูกขังไว้ ออกไปไม่ได้
9 ดวงตาข้าพเจ้าพล่ามัวเพราะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์ทุกวัน
ข้าพเจ้าชูมือขึ้นอธิษฐานถึงพระองค์
10 พระองค์ทำการอัศจรรย์ทั้งหลายให้กับคนตายหรือ
พวกผีลุกขึ้นมาจากหลุมเพื่อสรรเสริญพระองค์ได้หรือ ไม่เลย เซลาห์
11 คนตายเป็นพยานถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในหลุมศพหรือ
พวกเขาเล่าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในดินแดนพินาศนั้นหรือ
12 พวกเขาจะรู้จักการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ในความมืดมิดนั้นหรือ
พวกเขาจะรู้จักความดีงามของพระองค์ในดินแดนที่ไร้ความทรงจำหรือ
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
คำอธิษฐานของข้าพเจ้าลอยขึ้นไปอยู่ต่อหน้าพระองค์ในทุกๆเช้า
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์ถึงทอดทิ้งข้าพเจ้า
ทำไมพระองค์ถึงซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
15 ข้าพเจ้าอ่อนแอและใกล้ตายมาตั้งแต่เป็นเด็ก
ข้าพเจ้าต้องทนเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายจากพระองค์ ข้าพเจ้าหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว
16 ความเดือดดาลของพระองค์ท่วมท้นข้าพเจ้าแล้ว
และเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายของพระองค์ทำลายล้างข้าพเจ้าเสียแล้ว
17 เรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายเหล่านั้นล้อมรอบข้าพเจ้าเหมือนน้ำท่วมตลอดวัน
พวกมันดันใส่ข้าพเจ้าจากทุกด้าน
18 พระองค์แยกคนที่ข้าพเจ้ารักและเพื่อนบ้านให้ห่างไกลจากข้าพเจ้า
มีแต่ความมืดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนข้าพเจ้า
13 ให้ทุกคนยอมเชื่อฟังผู้มีอำนาจของรัฐบาล เพราะอำนาจทุกอย่างมาจากพระเจ้า และพระเจ้าเองเป็นผู้ที่แต่งตั้งผู้มีอำนาจเหล่านั้น 2 ถ้าอย่างนั้น คนที่ขัดขืนต่ออำนาจนั้น ก็เท่ากับขัดขืนคำสั่งของพระเจ้า และคนที่ขัดขืนคำสั่งของพระเจ้า ก็จะต้องถูกลงโทษ 3 คนที่ทำดีไม่กลัวผู้มีอำนาจพวกนั้นหรอก มีแต่คนที่ทำชั่วเท่านั้นที่กลัว ถ้าคุณไม่อยากกลัวผู้มีอำนาจพวกนั้นก็ให้ทำดี แล้วพวกเขาจะได้ชมเชยพวกคุณ 4 เพราะพวกเขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่มาทำงานช่วยพวกคุณ แต่ถ้าคุณทำเรื่องชั่วๆก็ให้กลัวไว้ เพราะเขาไม่ได้ถือดาบเอาไว้ขู่เฉยๆ เขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เป็นผู้แก้แค้นแทนพระเจ้า เพื่อลงโทษคนที่ทำชั่ว 5 ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังรัฐบาล ไม่ใช่เพราะกลัวถูกลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อใจจะไม่ฟ้องตัวเองว่าผิด 6 นี่เป็นเหตุที่คุณต้องเสียภาษี เพราะผู้มีอำนาจพวกนี้เป็นคนรับใช้ของพระเจ้า ที่ดูแลเรื่องเหล่านี้เสมอ 7 คุณเป็นหนี้อะไรกับใคร ก็ให้จ่ายคืนเขาไป เป็นหนี้ส่วยสาอากร ก็ให้จ่ายส่วยสาอากร เป็นหนี้ภาษี ก็ให้จ่ายภาษี คุณต้องยำเกรงใคร ก็ให้ยำเกรงคนนั้น คุณต้องให้เกียรติใคร ก็ให้เกียรติคนนั้น
หัวใจของกฎคือการรักผู้อื่น
8 อย่าเป็นหนี้อะไรกับใครเลย นอกจากหนี้รักที่มีต่อกันและกัน เพราะคนที่รักคนอื่นก็ถือว่าได้ทำตามกฎครบถ้วนแล้ว 9 ในกฎบัญญัติมีคำสั่งมากมายเช่น “อย่าเป็นชู้” “อย่าฆ่าคน” “อย่าขโมย” “อย่าโลภ”[a] และยังมีคำสั่งอื่นๆอีก แต่ทั้งหมดนั้นก็สรุปได้ว่า “ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[b] 10 ความรักไม่ทำร้ายเพื่อนบ้าน เป็นเหตุที่ว่า ถ้ามีความรักก็ถือว่าได้ทำตามกฎครบถ้วนแล้ว 11 ให้ทำอย่างที่บอกนี้ เพราะถึงเวลาตื่นได้แล้ว ความรอดของเรานั้นได้เข้ามาใกล้มากยิ่งกว่าตอนที่เราเพิ่งไว้วางใจใหม่ๆ 12 กลางคืน[c] ใกล้จะผ่านไป ตอนเช้า[d] ใกล้จะมาแล้ว ดังนั้นขอให้เราเลิกทำในสิ่งที่เป็นของความมืด และให้สวมอาวุธที่เป็นของความสว่าง 13 ทำตัวให้น่านับถือเหมือนคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกลางวัน ไม่เที่ยวมั่วสุม ไม่เสพสุราเมามาย ไม่ทำผิดทางเพศ ไม่มักมากในกาม ไม่ทะเลาะวิวาทและไม่อิจฉาริษยา 14 แต่ให้สวมใส่พระเยซูคริสต์เจ้า และอย่าให้ความสนใจกับกิเลสตัณหาที่มาจากสันดานเลย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International