Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 60-62

อธิษฐานขอชัยชนะหลังจากสู้รบแพ้

(สดด. 108:6-13)

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงโดยใช้ทำนอง “ดอกลิลลี่แห่งสัญญา” เพลงมิคทามของดาวิด สำหรับการสั่งสอน เขียนในช่วงที่ดาวิดต่อสู้กับชาวอารัมนาหะราอิมและชาวอารัมโซบาห์ ตอนขากลับโยอาบได้ฆ่าทหารชาวเอโดมไปหนึ่งหมื่นสองพันคนที่หุบเขาเกลือ[a]

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทอดทิ้งพวกเรา
    และทลายกำแพงของพวกเรา
พระองค์โกรธพวกเรา
    โปรดนำพวกเรากลับไปสู่สภาพเดิมด้วยเถิด
พระองค์ทำให้แผ่นดินไหวและแยกแผ่นดินออก
    โปรดซ่อมรอยร้าวด้วยเถิดเพราะมันกำลังจะพังทลาย
พระองค์ทำให้คนของพระองค์เดือดร้อนจนล้มโซเซไป
    เหมือนกับพระองค์มอมเหล้าองุ่นเราจนโซซัดโซเซไป
พระองค์ยกธงให้กับคนที่เกรงกลัวพระองค์เห็น
    เพื่อพวกเขาจะได้หนีคมธนูที่วิ่งเข้าไปหา เซลาห์

ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยและใช้มือขวาอันทรงพลังของพระองค์
    ช่วยพวกเราให้รอดด้วยเถิดเพื่อคนที่พระองค์รักจะหนีไปได้

ในวิหารของพระองค์ พระเจ้าพูดว่า
    “เราจะชนะและเราจะวัดและจัดสรรปันส่วนเมืองเชเคม
    และหุบเขาสุคคทให้กับคนของเรา
ดินแดนกิเลอาดเป็นของเรา ดินแดนมนัสเสห์เป็นของเรา
    เผ่าเอฟราอิมเป็นหมวกเหล็กของเรา
    ส่วนเผ่ายูดาห์ เป็นคทา[b] ของเรา
ชนชาติโมอับเป็นอ่างล้างของเรา
    เราโยนรองเท้าของเราให้ชนชาติเอโดมที่เป็นทาสของเรา
    เราโห่ร้องอย่างผู้มีชัยเหนือดินแดนฟิลิสเตีย”

ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปยึดเมืองที่มีกำแพงแน่นหนานั้น
    ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปไกลถึงดินแดนเอโดม
10 เพราะพระองค์ทอดทิ้งพวกเราแล้ว ไม่ใช่หรือ
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ไปร่วมทัพกับพวกเราแล้ว
11 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยเหลือพวกเราต่อสู้กับศัตรูด้วยเถิด
    เพราะความช่วยเหลือจากมนุษย์ ไม่มีประโยชน์
12 ต้องเป็นความช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้นพวกเราถึงจะชนะ
    พระองค์จะเหยียบย่ำศัตรูของพวกเรา

การปกป้องภายใต้ปีกของพระองค์

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบ เพลงของดาวิด

ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังเสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้า
    โปรดรับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าพเจ้ารู้สึกท้อแท้สิ้นหวังอยู่ที่สุดปลายโลกนี้
    ข้าพเจ้าจึงร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
ขอพระองค์นำข้าพเจ้าไปอยู่ที่ป้อมปราการสูง
เพราะพระองค์เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
    พระองค์เป็นหอสูงแข็งแกร่งที่ปกป้องข้าพเจ้าจากศัตรู
ข้าพเจ้าขอพักอาศัยอยู่ในเต็นท์ของพระองค์ตลอดไป
    และหลบภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์ เซลาห์

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ยินคำสาบานของข้าพเจ้า
    พระองค์ให้ข้าพเจ้ามีส่วนในมรดกที่เป็นของคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระองค์
ขอพระองค์ช่วยต่ออายุให้กับกษัตริย์
    ขอพระองค์ช่วยเพิ่มจำนวนวันปีของกษัตริย์ให้ออกไปอีกหลายชั่วอายุคน
ขอให้กษัตริย์นั่งอยู่บนบัลลังก์ต่อหน้าพระเจ้าตลอดไป
    ขอให้ความสัตย์ซื่อและความรักมั่นคงของพระองค์ปกป้องกษัตริย์

แล้วข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์เสมอ
    และจะแก้บนต่างๆของข้าพเจ้าในแต่ละวัน

พึ่งในความแข็งแกร่งของพระยาห์เวห์

ถึงหัวหน้านักร้อง ตามแนวเพลงของเยดูธูน[c] เพลงสดุดีของดาวิด

แน่นอน ข้าพเจ้าจะรอคอยพระเจ้าอย่างอดทน
    เพราะมีแต่พระองค์เท่านั้นที่สามารถช่วยข้าพเจ้าให้รอดได้
แน่นอน พระองค์เป็นหินกำบัง เป็นผู้ช่วยให้รอด
    และเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า ดังนั้น ข้าพเจ้าจะไม่มีวันหวั่นไหว

พวกเจ้าฆาตกรจะโจมตีข้าพเจ้าไปอีกนานแค่ไหน
    ข้าพเจ้าเป็นเหมือนกำแพงที่เอนเอียงจวนจะล้มอยู่แล้ว
แน่นอน พวกเขาวางแผนที่จะโค่นล้มข้าพเจ้าจากตำแหน่งสูง
    พวกเขาชอบโกหก
พวกเขาอวยพรข้าพเจ้าด้วยปาก แต่สาปแช่งข้าพเจ้าในใจ เซลาห์

แน่นอน ข้าพเจ้าจะรอคอยพระเจ้าอย่างอดทน
    เพราะมีแต่พระองค์เท่านั้นที่ให้ความหวังกับข้าพเจ้า
แน่นอน พระองค์เป็นหินกำบัง เป็นผู้ช่วยให้รอด
    และเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้าดังนั้น ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
พระเจ้าช่วยข้าพเจ้าให้รอดและให้เกียรติกับข้าพเจ้า
    พระเจ้าเป็นหินกำบังอันแข็งแกร่งและเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
ท่านทั้งหลาย ให้ไว้วางใจในพระองค์ตลอดเวลา
    ให้เปิดเผยทุกอย่างที่อยู่ในใจเจ้ากับพระเจ้าอย่างเต็มที่
    พระเจ้าคือที่ลี้ภัยของพวกเรา เซลาห์

แน่นอน มนุษย์นั้นไม่เที่ยงเหมือนลมแค่วูบหนึ่ง
    มนุษย์นั้นพึ่งพิงไม่ได้
    บนตราชั่งนั้น มนุษย์ทั้งหมดรวมกันก็ยังเบากว่าลม
10 อย่าไว้วางใจในความร่ำรวยที่ได้มาจากการรีดไถคนอื่น
    อย่าได้หวังลมๆแล้งๆกับสิ่งที่ขโมยมา
    ถ้าเจ้าร่ำรวยขึ้นอย่าได้ไปยึดติดกับมัน

11 พระเจ้าพูดสิ่งหนึ่ง
    อันที่จริงพระองค์พูดสองสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยิน คือ
พระเจ้าเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่ง
12 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์เป็นผู้ที่มีความรักมั่นคง
    เพราะพระองค์ตอบแทนแต่ละคนตามสิ่งที่พวกเขาทำ

โรม 5

สันติสุขและความชื่นชมยินดี

พระเจ้านับว่าเราเป็นคนที่พระองค์ยอมรับเพราะเราไว้วางใจ จึงเกิดความสงบสุขระหว่างเรากับพระเจ้า[a]ผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระเยซูนำเราเข้าสู่ความเมตตากรุณาที่เรามีอยู่นี้ แล้วเราก็ยังโอ้อวดอย่างชื่นชมยินดีในความหวังที่เราจะได้รับเกียรติจากพระเจ้า[b] นอกจากนั้น เรายังชื่นชมยินดีกับความทุกข์ยากต่างๆที่เราได้รับด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากต่างๆจะทำให้เราเรียนรู้ที่จะอดทน ความอดทนนี้จะทำให้เราเกิดความไว้วางใจ ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นของแท้ ซึ่งจะทำให้เราเกิดความหวัง ความหวังนั้นไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย เพราะพระเจ้าได้เทความรักของพระองค์เข้ามาในจิตใจของเรา ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ได้ให้กับเราไว้ เพราะในเวลาที่เรายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นั้นเอง พระเยซูก็ได้มาตายเพื่อเป็นประโยชน์กับคนชั่วอย่างเรา คนที่ยอมตายเพื่อคนซื่อสัตย์นั้นหายากมาก แต่อาจจะมีบางคนกล้าตายเพื่อคนที่ดีๆ แต่พระเจ้าได้แสดงความรักต่อเรา โดยยอมส่งพระคริสต์มาตายเพื่อเรา ทั้งๆที่เรายังเป็นคนบาปอยู่

ตอนนี้พระเจ้ายอมรับเราแล้วเพราะเลือดของพระคริสต์ ยิ่งกว่านั้นเราจะรอดพ้นจากความโกรธของพระเจ้าเพราะพระคริสต์อย่างแน่นอน 10 ขนาดตอนที่เราเป็นศัตรูกับพระเจ้า ความตายของพระบุตรยังทำให้เรากลับมาคืนดีกับพระเจ้าได้เลย แล้วตอนนี้เราได้กลับมาคืนดีกับพระเจ้าแล้ว ดังนั้นชีวิตของพระบุตรจะต้องทำให้เราได้รับความรอดอย่างแน่นอน 11 ยิ่งกว่านั้น เรายังได้โอ้อวดพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเราด้วย เพราะพระองค์ได้ทำให้เรากลับมาคืนดีกับพระเจ้าแล้ว

อาดัมและพระเยซู

12 คนคนเดียวคืออาดัมทำบาป บาปจึงเข้ามาในโลก บาปนี้นำความตายมาด้วย มนุษย์ทุกคนจึงต้องตายเพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป 13 บาปเกิดขึ้นในโลกนี้ก่อนที่จะมีกฎของโมเสสเสียอีก ตอนนั้นพระเจ้าจึงยังไม่ได้จดบัญชีบาปที่มนุษย์ทำกัน เพราะยังไม่มีกฎอะไรใช้เลย 14 แต่ความตายนั้นมีอำนาจอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยของอาดัมมาจนถึงสมัยของโมเสส มนุษย์ทุกคนจึงยังต้องตายถึงแม้เขาจะไม่ได้ขัดคำสั่งของพระเจ้าโดยตรงอย่างที่อาดัมทำ อาดัมกับพระคริสต์ที่มาตอนหลังนี้มีบางอย่างที่เหมือนกัน 15 แต่ของขวัญที่พระเจ้าให้เปล่าๆนั้น มันแตกต่างกันเพราะในทางหนึ่งขณะที่ความผิดของคนๆหนึ่ง คืออาดัม ทำให้คนจำนวนมากต้องตาย แต่ในอีกทางหนึ่ง ความเมตตากรุณาของพระเจ้าและของขวัญที่ผ่านมาทางความเมตตาของคนคนเดียวคือพระเยซูคริสต์นั้น ก็เป็นประโยชน์กับคนมากมาย

16 แน่นอนผลจากของขวัญนั้น แตกต่างอย่างมากจากผลของความผิดที่อาดัมได้ทำ เพราะการทำผิดเพียงครั้งเดียวทำให้ทุกคนต้องถูกตัดสินว่าผิด แต่ของขวัญนั้นทำให้คนเราได้รับการตัดสินว่าไม่ผิด ทั้งๆที่ทำผิดตั้งหลายครั้ง 17 ถ้าความตายปกครองคนเราเพราะความบาปของมนุษย์คนหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นคนมากมายจะปกครองชีวิตผ่านทางมนุษย์อีกคนหนึ่งคือพระเยซูคริสต์อย่างแน่นอน คือคนเหล่านั้นที่ได้รับความเมตตากรุณาอย่างเหลือล้น และได้รับของขวัญเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า 18 คนคนเดียวทำผิด ก็ทำให้มนุษย์ทุกคนต้องถูกตัดสินว่าผิด เช่นเดียวกันคนคนเดียวทำถูกต้อง ก็ทำให้พระเจ้ายอมรับและให้ชีวิตกับมนุษย์ทุกคน 19 คนคนเดียวไม่เชื่อฟัง ก็ทำให้คนมากมายกลายเป็นคนบาป เช่นเดียวกันคนคนเดียวเชื่อฟังก็ทำให้คนมากมายกลายเป็นคนที่พระเจ้ายอมรับ 20 เมื่อกฎของโมเสสเข้ามา ทำให้คนผิดกฎกันมากขึ้น แต่เมื่อบาปเพิ่มขึ้น ความเมตตากรุณาก็ยิ่งเพิ่มมากกว่านั้นอีก 21 บาปเคยเป็นกษัตริย์และใช้ความตายปกครอง เช่นเดียวกันความเมตตากรุณาเป็นกษัตริย์และใช้การที่พระเจ้ายอมรับเราปกครอง ทำให้คนมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป ผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International