Old/New Testament
กษัตริย์อาหัสปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 16:1-20)
28 อาหัสมีอายุยี่สิบปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสิบหกปี เขาไม่เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของเขา เขาไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ 2 อาหัสเจริญรอยตามพวกกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล และยังหล่อพวกรูปเคารพขึ้นมา เพื่อสักการะบูชาพระบาอัลด้วย 3 เขาเผาเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม[a] และเอาพวกลูกชายของเขาไปเผาไฟเป็นเครื่องบูชา เลียนแบบการกระทำอันน่าขยะแขยงของพวกชนชาติทั้งหลาย ที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปตอนที่อิสราเอลย้ายเข้ามาอยู่ 4 อาหัสถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานนมัสการต่างๆตามยอดเขาและใต้ต้นไม้ใบร่มทั้งหลาย
5 ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา จึงมอบเขาไว้ในกำมือของกษัตริย์ชาวอารัม พวกชาวอารัมเอาชนะเขาและกวาดต้อนประชาชนจำนวนมากไปเป็นเชลยในเมืองดามัสกัส พระเจ้ายังมอบอาหัสให้ไปตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล ซึ่งได้ลงมือฆ่าคนของเขามากมาย 6 เปคาร์ลูกชายของเรมาลิยาห์ และกองทัพของเขาฆ่าทหารยูดาห์ตายไปหนึ่งแสนสองหมื่นคนในวันเดียว เพราะยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา 7 ศิครีนักรบผู้กล้าชาวเอฟราอิมฆ่ามาอาเสอาห์ลูกชายของกษัตริย์อาหัส รวมทั้งอัสรีคัมที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลวัง กับเอลคานาห์ที่เป็นใหญ่รองลงมาจากกษัตริย์อาหัส
8 กองทัพอิสราเอลจับตัวญาติพี่น้องของพวกเขาเองที่อาศัยอยู่ในยูดาห์ไว้เป็นจำนวนสองแสนคน มีทั้งผู้หญิง ลูกชายลูกสาว และยังขนเอาข้าวของจำนวนมากมายกลับไปเมืองสะมาเรีย 9 เมื่อกองทัพอิสราเอลกลับมาที่สะมาเรีย ก็มีผู้พูดแทนพระยาห์เวห์คนหนึ่งชื่อโอเด็ดออกมาพบกับพวกเขาและพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าที่บรรพบุรุษของพวกท่านนับถือ โกรธชาวยูดาห์มาก พระองค์ถึงได้มอบพวกยูดาห์ไว้ในกำมือของพวกท่าน แต่พวกท่านกลับสังหารหมู่พวกเขาด้วยความเคียดแค้นที่รู้ไปถึงสวรรค์ 10 และตอนนี้พวกท่านยังกะจะเอาพวกผู้ชาย ผู้หญิงชาวยูดาห์และเยรูซาเล็มมาเป็นทาสของพวกท่านอีก อย่างนี้ ตัวพวกท่านเองไม่ใช่หรือที่กำลังทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 11 ตอนนี้ฟังเราให้ดี ให้ส่งพวกพี่น้องเหล่านี้ของท่านที่ท่านได้จับมาเป็นเชลยกลับบ้านของพวกเขาไปเถิด เพราะความโกรธที่ดุเดือดของพระยาห์เวห์กำลังอยู่เหนือพวกท่านแล้ว”
12 แล้วพวกผู้นำในเอฟราอิมบางคน เช่น อาซาริยาห์ลูกชายของโยฮานัน เบเรคิยาห์ลูกชายของเมซิลเลโมท เยฮิสคียาห์ลูกชายของชัลลูม และอามาสาลูกชายของหัดลัย ได้เข้ามาขวางกองทัพที่เพิ่งกลับมาจากสงคราม 13 พวกเขาพูดว่า “พวกท่านต้องไม่เอาเชลยพวกนี้มาที่นี่ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะทำผิดต่อหน้าพระยาห์เวห์ หรือพวกท่านกะจะเพิ่มความผิดบาปของพวกเราให้มากยิ่งขึ้นไปอีกหรือ เพราะความผิดของพวกเราตอนนี้ก็ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว และความโกรธอันดุเดือดของพระองค์กำลังอยู่เหนือชนชาติอิสราเอล”
14 ดังนั้นพวกทหารจึงปล่อยพวกเชลย และคืนของที่ยึดมาได้ต่อหน้าพวกเจ้าหน้าที่และคนที่มาชุมนุมกันทั้งหมด 15 ผู้นำทั้งสี่คนนี้พาพวกเชลยไป และเอาเสื้อผ้าที่ทหารอิสราเอลยึดมานั้นมาให้กับพวกเชลยทุกคนที่กำลังเปลือยกายอยู่ได้สวมใส่ พวกเขาหารองเท้าให้ รวมทั้งจัดหาอาหารและเครื่องดื่มมาให้กิน และยังเอาน้ำมันมาทารักษาบาดแผลให้กับพวกเขาด้วย เชลยที่ร่างกายอ่อนแอก็ให้ขี่ลาไป แล้วพวกเขาก็พาคนเหล่านี้กลับไปยังบ้านของพวกเขาที่เยริโค ซึ่งเป็นเมืองแห่งต้นปาล์ม แล้วผู้นำทั้งสี่คนนี้ก็กลับสะมาเรีย
16-17 ในเวลาเดียวกันนั้น พวกชาวเอโดมมาโจมตียูดาห์อีกและกวาดต้อนเชลยไป ดังนั้น กษัตริย์อาหัสจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์อัสซีเรีย 18 พวกชาวฟีลิสเตียโจมตีเมืองต่างๆที่ตั้งอยู่แถบเชิงเขาและในเนเกบของยูดาห์ พวกเขายึดเมืองเบธเชเมช เมืองอัยยาโลน เมืองเกเดโรท เมืองโสโค เมืองทิมนาห์และกิมโซ รวมทั้งหมู่บ้านที่อยู่รอบๆเมืองเหล่านั้นไว้ 19 พระยาห์เวห์ทำให้ยูดาห์ต้องเจอกับปัญหา เพราะกษัตริย์อาหัสของยูดาห์เป็นต้นเหตุ เพราะเขาส่งเสริมความชั่วร้ายในยูดาห์และไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 20 กษัตริย์ทิกลัท-ปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียมาหากษัตริย์อาหัส แต่ไม่ได้มาช่วยกษัตริย์อาหัสหรอก แต่มาสร้างปัญหาให้ 21 อาหัสเอาของมีค่าจากวิหารของพระยาห์เวห์ จากวังกษัตริย์ และจากพวกเจ้าชาย และนำมันไปให้กับกษัตริย์อัสซีเรีย แต่มันก็ไม่ได้นำความช่วยเหลืออะไรมาให้เขาเลย
22 ในช่วงที่กษัตริย์อาหัสเจอกับปัญหาความยุ่งยากนั้น กษัตริย์อาหัสกลับยิ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 23 เขาถวายเครื่องบูชาให้แก่พวกพระของดามัสกัสที่เอาชนะเขา เพราะกษัตริย์อาหัสคิดว่า “เป็นเพราะพวกพระเหล่านี้ได้ช่วยเหลือกษัตริย์ของพวกอารัม เราจะถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับพวกพระเหล่านี้ เพื่อพระเหล่านี้จะได้มาช่วยเหลือเราด้วย” แต่พระพวกนี้กลับทำให้เขาและชนชาติอิสราเอลทั้งหมดล่มจม
24 อาหัสได้รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในวิหารของพระเจ้าและขนพวกมันออกมาหมด เขาปิดประตูวิหารของพระยาห์เวห์ และตั้งแท่นบูชาขึ้นตามหัวมุมถนนทุกเส้นในเมืองเยรูซาเล็ม 25 ในทุกๆเมืองของยูดาห์ เขาก็สร้างสถานที่นมัสการไว้มากมาย เพื่อเผาเครื่องสัตวบูชาให้กับพระอื่นๆซึ่งเป็นการยั่วยุความโกรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา
26 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของกษัตริย์อาหัส และการกระทำทั้งหมดของเขา ตั้งแต่ต้นจนจบ ได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 27 อาหัสตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่ไม่ได้รวมอยู่ในหลุมฝังศพของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล แล้วเฮเซคียาห์ลูกของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
กษัตริย์เฮเซคียาห์ปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 18:1-3)
29 เฮเซคียาห์มีอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มยี่สิบเก้าปี แม่ของเขาชื่อว่าอาบียาห์เป็นลูกสาวของเศคาริยาห์ 2 เขาทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์เหมือนกับที่ดาวิดบรรพบุรุษของเขาทำ
3 ในเดือนที่หนึ่งของปีแรกที่เฮเซคียาห์ขึ้นครองบัลลังก์ เขาเปิดประตูทั้งหลายของวิหารของพระยาห์เวห์ และซ่อมแซมประตูเหล่านั้น 4 เขาเรียกพวกนักบวชและชาวเลวีให้มาชุมนุมกันที่ลานด้านตะวันออก 5 และพูดว่า
“ชาวเลวี ฟังทางนี้ เตรียมตัวท่านและวิหารนี้ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษท่านให้พร้อมสำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ ให้ย้ายพวกของที่เสื่อมเสียทั้งหมดออกไปจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 6 บรรพบุรุษของพวกเราไม่ซื่อสัตย์ พวกเขาทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา และละทิ้งพระองค์ พวกเขาหันหน้าหนีไปจากสถานที่อยู่อาศัยของพระยาห์เวห์[b] และหันหลังให้กับพระองค์ 7 พวกเขายังปิดประตูทุกบานที่ระเบียงทางเดินและดับตะเกียงเหล่านั้นลง พวกเขาไม่ยอมเผาเครื่องหอมหรือถวายเครื่องเผาบูชา ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระเจ้าของอิสราเอล 8 ดังนั้นความโกรธของพระยาห์เวห์จึงตกอยู่บนชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม พระองค์ทำให้พวกเขากลายเป็นสิ่งที่น่ากลัว น่าสยดสยอง และน่าเยาะเย้ย เหมือนกับที่พวกท่านเห็นแล้วด้วยตาของพวกท่านเอง 9 นี่ก็เป็นเหตุที่บรรพบุรุษของพวกเรา ถึงได้ล้มตายลงด้วยดาบ และลูกชายลูกสาวและเมียของพวกเราถึงได้ถูกจับตัวไป 10 ตอนนี้ เราตั้งใจที่จะทำสัญญากับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล เพื่อความโกรธอันดุเดือดของพระองค์จะได้หันเหไปจากพวกเรา 11 ลูกๆเอ๋ย อย่าได้เสียเวลาอีกเลย เพราะพระยาห์เวห์ได้เลือกพวกท่านให้มายืนอยู่ต่อหน้าพระองค์และรับใช้พระองค์ คอยทำพิธีและเผาเครื่องหอมให้กับพระองค์”
12 แล้วชาวเลวีเหล่านี้ก็เริ่มทำงาน
พวกที่มาจากชาวโคฮาทคือ มาฮาทลูกชายของอามาสัย และโยเอลลูกชายของอาซาริยาห์
พวกที่มาจากชาวเมรารีคือ คีชลูกชายของอับดี และอาซาริยาห์ลูกชายของเยฮาลเลเลล
พวกที่มาจากชาวเกอร์โชนคือ โยอาห์ลูกชายของศิมมาห์ และเอเดนลูกชายของโยอาห์
13 พวกที่เป็นลูกหลานของเอลีซาฟานคือ ชิมรีและเยอูเอล
พวกที่เป็นลูกหลานของอาสาฟคือเศคาริยาห์และมัทธานิยาห์
14 พวกที่เป็นลูกหลานของเฮมานคือเยฮีเอลและชิเมอี
พวกที่เป็นลูกหลานของเยดูธูนคือเชไมอาห์และอุสซีเอล
15 เมื่อพวกเขาเรียกชุมนุมพวกพี่น้องของเขา และได้เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาจึงเข้าไปชำระวิหารของพระยาห์เวห์ให้บริสุทธิ์ตามที่กษัตริย์ได้สั่งไว้ ตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ 16 พวกนักบวชได้เข้าไปข้างในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์เพื่อชำระให้มันบริสุทธิ์ พวกเขานำของทุกอย่างที่เป็นมลทินที่พวกเขาพบในวิหารของพระยาห์เวห์ออกไปไว้ที่ลานของวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพวกชาวเลวีได้ขนของเหล่านี้ไปที่หุบเขาขิดโรน 17 พวกเลวีก็เริ่มเตรียมวิหารของพระยาห์เวห์สำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง พอวันที่แปดของเดือนเดียวกัน พวกเลวีก็เตรียมมาจนถึงที่ระเบียงทางเดินของพระยาห์เวห์ และภายในอีกแปดวัน พวกเขาก็เตรียมวิหารของพระยาห์เวห์สำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ จนทุกอย่างเสร็จสิ้นลงในวันที่สิบหกของเดือนที่หนึ่ง
18 แล้วพวกเขาก็ไปเข้าพบกษัตริย์เฮเซคียาห์และรายงานว่า “พวกเราได้ทำให้วิหาร ของพระยาห์เวห์ทั้งหมดบริสุทธิ์แล้ว ทั้งแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชากับเครื่องใช้ทั้งหมด รวมทั้งโต๊ะสำหรับวางขนมปังศักดิ์สิทธิ์ กับเครื่องใช้ทั้งหมดของมัน 19 พวกเราได้จัดเตรียมและทำให้เครื่องใช้ทั้งหมดพร้อมสำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ เครื่องใช้เหล่านี้ กษัตริย์อาหัสได้ย้ายออกไป เพราะความไม่ซื่อสัตย์ของเขาต่อพระยาห์เวห์ในขณะที่เขาเป็นกษัตริย์อยู่นั้น ตอนนี้พวกเราได้เอาของเหล่านั้นกลับมาวางไว้ต่อหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์แล้ว”
20 เช้าตรู่ของวันต่อมา กษัตริย์เฮเซคียาห์รวบรวมเจ้าหน้าที่ในเมือง แล้วพากันขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ 21 พวกเขานำวัวตัวผู้เจ็ดตัว แกะตัวผู้เจ็ดตัว ลูกแกะตัวผู้เจ็ดตัวและแพะตัวผู้เจ็ดตัวไปเป็นเครื่องบูชาชำระล้างสำหรับราชวงศ์นี้ สำหรับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสำหรับชาวยูดาห์ กษัตริย์สั่งพวกนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรนให้บูชาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ 22 ดังนั้นพวกเขาจึงฆ่าวัวตัวผู้เหล่านั้น แล้วพวกนักบวชก็เอาเลือดของพวกมันมาสาดใส่แท่นบูชา ต่อจากนั้น พวกเขาก็ฆ่าแกะตัวผู้ทั้งหมด และสาดเลือดของพวกมันใส่แท่นบูชา แล้วพวกเขาก็ฆ่าลูกแกะตัวผู้แล้วสาดเลือดของพวกมันใส่แท่นบูชา 23 ส่วนพวกแพะตัวผู้ที่เป็นเครื่องบูชาชำระล้างถูกนำไปไว้ต่อหน้ากษัตริย์และคนในที่ชุมนุม แล้วพวกเขาก็วางมือลงบนตัวพวกมัน 24 แล้วพวกนักบวชก็ฆ่าแพะเหล่านั้น และถวายเลือดของพวกมันบนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แทนประชาชนอิสราเอลทั้งหมด เพราะกษัตริย์ได้สั่งให้มีการเผาเครื่องบูชาและถวายเครื่องบูชาชำระล้างสำหรับชาวอิสราเอลทั้งหมด
25 เฮเซคียาห์ได้ให้ชาวเลวีอยู่ประจำในวิหารของพระยาห์เวห์ โดยให้ถือฉาบ พิณใหญ่และพิณเล็ก อย่างที่กษัตริย์ดาวิด กาดที่เป็นคนของกษัตริย์ที่เห็นนิมิตได้ และนาธันผู้พูดแทนพระเจ้า ได้กำหนดไว้ คำสั่งนี้มาจากพระยาห์เวห์ที่สั่งผ่านทางผู้พูดแทนพระเจ้าทั้งหลายของพระองค์ 26 ดังนั้นพวกชาวเลวีจึงยืนอยู่พร้อมด้วยพวกเครื่องดนตรีของดาวิด และพวกนักบวชก็ถือแตรอยู่ 27 เฮเซคียาห์ออกคำสั่งให้ถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชา เมื่อเริ่มเผา ก็เริ่มร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์ไปด้วย พร้อมๆกับการเป่าแตร และเล่นเครื่องดนตรีของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล 28 คนในที่ชุมนุมทั้งหมด ก็ก้มลงกราบนมัสการ ในขณะที่พวกนักร้องร้องเพลง และพวกคนเป่าแตรก็เป่าแตรไป ทุกอย่างนี้ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งการเผาเครื่องเผาบูชาสิ้นสุดลง
29 เมื่อการบูชาเสร็จสิ้นลงแล้ว กษัตริย์และทุกๆคนก็คุกเข่าลงและนมัสการ 30 กษัตริย์เฮเซคียาห์กับพวกเจ้าหน้าที่ของเขาสั่งให้ชาวเลวีสรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วยบทเพลงที่ดาวิดและอาสาฟผู้ที่เห็นนิมิตได้เขียนไว้ พวกเขาก็ร้องเพลงสรรเสริญด้วยความดีใจและก้มหัวลงนมัสการ 31 แล้วเฮเซคียาห์พูดว่า “ตอนนี้พวกเจ้าได้อุทิศตัวให้กับพระยาห์เวห์แล้ว ให้นำพวกเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบคุณ มาที่วิหารของพระยาห์เวห์กันเถิด” ดังนั้นคนในที่ชุมนุมจึงได้ถวายเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบคุณ และทุกๆคนต่างก็ถวายเครื่องเผาบูชาด้วยความเต็มใจ 32 เครื่องเผาบูชาที่คนในที่ชุมนุมนำมานั้น มีวัวตัวผู้เจ็ดสิบตัว แกะตัวผู้หนึ่งร้อยตัว และลูกแกะตัวผู้สองร้อยตัว ของเหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ 33 พวกสัตว์ที่ได้อุทิศให้เป็นเครื่องสัตวบูชารวมแล้วมีวัวตัวผู้หกร้อยตัว แกะกับแพะสามพันตัว 34 แต่มีนักบวชไม่เพียงพอที่จะมาช่วยกันถลกหนังของพวกเครื่องเผาบูชา ดังนั้น พวกญาติๆเลวีที่เป็นผู้ชายจึงมาช่วยพวกเขาจนเสร็จงาน และจนกว่านักบวชคนอื่นๆจะชำระตัวเอง เพราะในการชำระตัวชาวเลวีจริงจังยิ่งกว่าพวกนักบวช 35 มีเครื่องเผาบูชาอย่างล้นเหลือ และพวกไขมันของเครื่องสังสรรค์บูชา และเครื่องดื่มบูชาที่มากับเครื่องเผาบูชาด้วย ดังนั้นงานรับใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์จึงได้รับการฟื้นฟูกลับขึ้นมาอีกครั้ง 36 เฮเซคียาห์กับประชาชนทั้งหมดต่างก็ดีใจมาก กับสิ่งที่พระเจ้าได้ทำให้กับประชาชนของพระองค์ เพราะมันสำเร็จลงอย่างรวดเร็ว
พระเยซูอธิษฐานให้พวกศิษย์
17 หลังจากพระเยซูพูดจบแล้ว พระองค์ได้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและพูดว่า “พระบิดา ถึงเวลาแล้วที่จะเปิดเผยความยิ่งใหญ่ของพระบุตร เพื่อที่พระบุตรจะได้เปิดเผยความยิ่งใหญ่ของพระองค์ 2 พระองค์ได้ให้ลูกมีสิทธิและอำนาจเหนือมนุษย์ทุกคน เพื่อที่ลูกจะได้ให้ทุกๆคนที่พระองค์ฝากไว้กับลูกนั้นมีชีวิตกับพระองค์ตลอดไป 3 ชีวิตกับพระองค์ตลอดไปนั้นก็คือการรู้จักพระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ผู้ที่พระองค์ส่งมา 4 ลูกได้ทำให้คนในโลกนี้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยได้ทำงานทุกอย่างที่พระองค์ให้ลูกทำจนเสร็จหมดแล้ว 5 พระบิดา ตอนนี้ขอให้ลูกได้รับความยิ่งใหญ่กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งต่อหน้าพระองค์ คือความยิ่งใหญ่ที่ลูกมีร่วมกับพระองค์ก่อนที่จะมีโลกนี้
6 ลูกได้นำคนในโลกนี้ที่พระองค์ได้ฝากไว้กับลูกมารู้จักพระองค์แล้ว คนเหล่านั้นเป็นของพระองค์ พระองค์ฝากพวกเขาไว้กับลูก และพวกเขาก็ทำตามคำสั่งสอนของพระองค์ 7 ตอนนี้พวกเขาก็รู้ทุกอย่างที่ลูกได้รับจากพระองค์แล้ว 8 ลูกเอาคำพูดที่พระองค์ให้กับลูกไปให้พวกเขา และพวกเขาก็ยอมรับมันไว้ พวกเขาเชื่อว่าลูกมาจากพระองค์จริง และเชื่อว่าพระองค์ส่งลูกมา 9 ลูกได้อธิษฐานให้พวกเขา ไม่ใช่ว่าลูกอธิษฐานให้คนในโลกนี้ แต่ลูกได้อธิษฐานให้คนที่พระองค์ฝากลูกไว้ เพราะพวกเขาเป็นคนของพระองค์ 10 ทุกอย่างของลูกก็เป็นของพระองค์ และทุกอย่างของพระองค์ก็เป็นของลูก คนเหล่านี้ทำให้โลกเห็นความยิ่งใหญ่ของลูก 11 ลูกจะไม่อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว แต่พวกเขายังอยู่ในโลกนี้ ลูกกำลังจะไปหาพระองค์ พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ขอโปรดใช้อำนาจที่พระองค์ให้ลูกนั้นคุ้มครองเขาด้วย เพื่อที่พวกเขาจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเหมือนกับที่พระองค์และลูกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 12 เมื่อลูกยังอยู่กับพวกเขา ลูกได้ดูแลคุ้มครองพวกเขาด้วยอำนาจของพระองค์ที่พระองค์ให้กับลูก ลูกได้ปกป้องพวกเขาไว้ และไม่มีใครหลงหายไปเลยสักคน ยกเว้นคนเดียวที่ต้องพินาศเพื่อจะได้เป็นจริงตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้
13 ตอนนี้ลูกกำลังมาหาพระองค์ แต่ลูกพูดเรื่องพวกนี้ ในขณะที่ลูกยังอยู่ในโลก เพื่อพวกเขาจะได้มีความสุขเต็มที่เหมือนกับที่ลูกมี 14 ลูกได้ให้คำสอนของพระองค์แก่พวกเขาแล้ว แต่โลกนี้เกลียดพวกเขาเพราะว่าพวกเขาไม่ได้เป็นของโลกนี้ เหมือนกับที่ลูกไม่ได้เป็นของโลกนี้ 15 ลูกไม่ได้ขอให้พระองค์เอาพวกเขาออกไปจากโลกนี้ แต่ลูกขอให้พระองค์คุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากมารร้ายตัวนั้น 16 พวกเขาไม่ได้เป็นของโลกเหมือนกับที่ลูกไม่ได้เป็นของโลก 17 คำสอนของพระองค์เป็นความจริง ขอให้คำสอนนี้ทำให้พวกเขาเป็นคนของพระองค์แต่ผู้เดียว 18 ลูกได้ส่งพวกเขาเข้าไปในโลกเหมือนกับที่พระองค์ส่งลูกเข้ามาในโลกนี้ 19 ลูกได้มอบตัวเองให้เป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียวเพราะเห็นแก่พวกเขา เพื่อว่าความจริงนั้นจะทำให้พวกเขามอบตัวเองให้พระองค์แต่เพียงผู้เดียวด้วย
20 แต่ลูกไม่ได้อธิษฐานให้คนพวกนี้เท่านั้น ลูกยังอธิษฐานให้คนที่จะเชื่อในตัวลูกโดยผ่านทางคำสอนของพวกเขาด้วย 21 ลูกขอให้พวกเขาทั้งหมดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนกับพระองค์พระบิดาอยู่ในตัวลูก และลูกอยู่ในพระองค์ ขอให้พวกเขาอยู่ในพวกเราด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ส่งลูกมา 22 ลูกทำให้พวกเขามีเกียรติอันยิ่งใหญ่ เหมือนกับที่พระองค์ได้ทำให้ลูกมีเกียรติ เพื่อว่าพวกเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนกับที่ลูกกับพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 23 ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหมายถึงลูกอยู่ในพวกเขาและพระองค์ก็อยู่ในลูก เพื่อว่าพวกเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างเต็มที่ เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ส่งลูกมา และรู้ว่าพระองค์รักพวกเขาเหมือนกับที่พระองค์รักลูก
24 พระบิดา ในที่ที่ลูกอยู่นั้น ลูกอยากให้คนพวกนี้ที่พระองค์ให้กับลูกอยู่ที่นั่นกับลูกด้วย เพื่อเขาจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ที่พระองค์ให้กับลูก เพราะพระองค์รักลูกก่อนที่พระองค์จะสร้างโลกนี้ 25 พระบิดา พระองค์สัตย์ซื่อ โลกนี้ไม่รู้จักพระองค์ แต่ลูกรู้จักพระองค์ และพวกศิษย์เหล่านี้ก็รู้ว่าพระองค์ส่งลูกมา 26 ลูกทำให้เขารู้จักพระองค์ และลูกก็จะทำอย่างนี้ต่อไป เพื่อว่าความรักที่พระองค์มีต่อลูกจะอยู่ในตัวพวกเขา และเพื่อว่าลูกก็จะอยู่ในตัวพวกเขาด้วย”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International