Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 56-58

ไว้วางใจในพระเจ้าเมื่อถูกตามรังควาน

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงนี้ตามทำนอง “นกเขาบนต้นโอ๊กที่ไกลโพ้น” เพลง มิคทาม[a] ของดาวิด เมื่อครั้งที่ชาวฟีลิสเตียจับดาวิดในเมืองกัท[b]

56 ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะคนตามรังควานข้าพเจ้า
    ศัตรูของข้าพเจ้าโจมตีข้าพเจ้าตลอดเวลา
คนพวกนั้นที่คอยจับตาดูข้าพเจ้า ตามรังควานข้าพเจ้าตลอดเวลา
    มีหลายคนสู้รบกับข้าพเจ้าอยู่
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
เมื่อข้าพเจ้าหวาดกลัว
    ข้าพเจ้าจะไว้วางใจในพระองค์
ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้า และโอ้อวดในคำสัญญาของพระองค์
    ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้า ข้าพเจ้าก็เลยไม่กลัว
    มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้

พวกเขาต่างบิดเบือนคำพูดของข้าพเจ้าตลอดเวลา
    พวกเขาคิดแต่เรื่องที่ว่าจะทำร้ายข้าพเจ้ายังไง
ศัตรูของข้าพเจ้ารวมตัวกันเฝ้าติดตามดูข้าพเจ้าอยู่ทุกฝีก้าว
    เพื่อหวังจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย
ข้าแต่พระเจ้า อย่าปล่อยให้พวกที่ทำชั่วนั้นลอยนวลไปได้
    เหวี่ยงพวกเขาลงกับพื้นด้วยความโกรธของพระองค์

พระองค์จดบันทึกความทุกข์โศกของข้าพเจ้า
    พระองค์เก็บน้ำตาทุกหยดของข้าพเจ้าไว้ในขวดของพระองค์
    เรื่องนี้จดอยู่ในหนังสือม้วนของพระองค์ ไม่ใช่หรือ
เมื่อข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พวกศัตรูของข้าพเจ้าก็จะหันหลังวิ่งหนีไป
    ข้าพเจ้ารู้ดีว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายข้าพเจ้า
10 ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้าและโอ้อวดในคำสัญญาของพระองค์
    ข้าพเจ้าไว้วางใจพระยาห์เวห์และโอ้อวดในคำสัญญาของพระองค์
11 ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้า
    ข้าพเจ้าไม่กลัว มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้

12 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าจะแก้บนทั้งหลายที่บนบานไว้กับพระองค์
    ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาขอบคุณแด่พระองค์
13 เพราะพระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความตาย
    พระองค์ช่วยให้เท้าของข้าพเจ้าไม่สะดุดล้ม
เพื่อข้าพเจ้าจะได้เดินอยู่ต่อหน้าพระเจ้าในความสว่างที่ส่องลงมายังคนที่มีชีวิต

อธิษฐานขอให้รอดพ้นจากศัตรูที่ดุร้าย

(สดด. 108:1-5)

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงด้วยทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[c]ของดาวิด เมื่อครั้งที่ดาวิดหนีซาอูลไปอยู่ในถ้ำ

57 ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาด้วย โปรดเมตตาด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าแสวงหาที่ลี้ภัยในพระองค์
และแสวงหาที่กำบังภายใต้ปีกของพระองค์
    จนกว่าเรื่องอันตรายนี้จะผ่านพ้นไป
ข้าพเจ้าร้องเรียกหาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
    ข้าพเจ้าอธิษฐานถึงพระเจ้าผู้ที่แก้แค้นแทนข้าพเจ้า
ขอให้พระองค์ส่งความช่วยเหลือมาจากสวรรค์มาช่วยกู้ข้าพเจ้า
    ขอให้พระองค์ทำให้ศัตรูของข้าพเจ้าอับอาย เซลาห์
ขอให้พระเจ้าส่งความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ที่เชื่อถือได้ของพระองค์ลงมาให้

ข้าพเจ้าจะต้องนอนลงท่ามกลางศัตรูที่เหมือนสิงโตกินคน
    พวกเขามีฟันเหมือนคมหอกคมธนูและมีลิ้นเหมือนดาบที่คมกริบ

ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์ขึ้นมาเหนือฟ้าสวรรค์
    ขอให้รัศมีของพระองค์ส่องไปทั่วโลก

พวกศัตรูวางตาข่ายดักขาข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้ารู้สึกเครียดมาก
พวกเขาขุดหลุมพรางให้ข้าพเจ้าตกลงไป
    แต่พวกเขากลับตกลงไปในกับดักของเขาเอง เซลาห์

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมแล้ว
    ใจของข้าพเจ้าเตรียมพร้อมแล้ว
ข้าพเจ้าจะร้องเพลง และเล่นดนตรีเพื่อสรรเสริญพระองค์
จิตวิญญาณของข้า ตื่นเถิด
พิณใหญ่ และพิณโบราณ ตื่นเถิด
    แล้วข้าพเจ้าจะใช้เพลงปลุกอรุณรุ่ง
องค์เจ้าชีวิต ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
    และจะร้องเพลงเกี่ยวกับพระองค์ให้ทุกคนฟัง
10 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นสูงเทียมฟ้าสวรรค์
    ความสัตย์ซื่อของพระองค์นั้นขึ้นสูงเสียดเมฆ

11 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์ขึ้นมาเหนือฟ้าสวรรค์
    ขอให้รัศมีของพระองค์ส่องไปทั่วโลก

การเรียกร้องความยุติธรรม

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[d]ของดาวิด

58 พวกเจ้าพวกผู้นำที่ยิ่งใหญ่ พวกเจ้าตัดสินคดีอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
    พวกเจ้าให้คำตัดสินกับคนอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
เปล่าเลย เจ้าได้วางแผนที่จะทำสิ่งชั่วร้ายมากมายด้วยจิตใจที่ไร้ความยุติธรรม
    เจ้าได้ก่ออาชญากรรมที่โหดร้ายในแผ่นดินด้วยมืออันชั่วช้า

คนชั่วพวกนั้นทำผิดตั้งแต่คลอดออกมา
    คนโกหกพวกนั้นหลงผิดไปตั้งแต่เกิด
ความโกรธแค้นของพวกเขาเหมือนพิษงูร้ายแรง[e]
    พวกเขาเป็นเหมือนงูเห่าหูหนวกที่อุดหูของมัน
ที่ไม่ยอมฟังเสียงสะกดของหมองู
    ไม่ว่าหมองูจะเก่งแค่ไหนก็ตาม

ข้าแต่พระเจ้า ช่วยหักฟันในปากของพวกเขาให้แตกละเอียด
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยดึงเขี้ยวออกจากปากสิงโตเหล่านั้นด้วย
ขอพละกำลังของพวกเขาถูกระบายไปเหมือนน้ำ
    ขอให้พวกเขาถูกเหยียบย่ำเหมือนต้นหญ้าที่เหี่ยวเฉา[f]
ขอให้พวกเขาหายไปเหมือนพวกหอยทาก[g]ที่กำลังหลอมละลายไปในขณะที่มันคืบคลาน
    ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนทารกที่ตายในท้องแม่ซึ่งไม่มีวันได้เห็นแสงของอาทิตย์
ขอให้พระเจ้ากวาดพวกเขาทิ้งไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับพายุ
เร็วกว่าที่หม้อจะทันร้อนตอนที่ตั้งอยู่บนกองกิ่งหนามที่ติดไฟ
    ไม่ว่าจะเป็นกิ่งสดหรือกิ่งแห้งก็ตาม[h]

10 ขอให้คนดีได้ดีใจ เมื่อเห็นคนที่ไร้ความยุติธรรมถูกลงโทษ
    และขอให้คนดีคนนั้นได้ล้างเท้าในเลือดของคนชั่ว
11 แล้วผู้คนก็จะพูดว่า “เห็นไหม คนที่ทำถูกต้องได้รับรางวัล
    เห็นไหม มีพระเจ้าที่ตัดสินอย่างยุติธรรมอยู่ในโลกนี้”

สดุดี 64-65

พระเจ้าจะลงโทษพวกวางแผนชั่ว

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

64 ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังข้าพเจ้าด้วยเมื่อข้าพเจ้าร้องทุกข์
    โปรดปกป้องข้าพเจ้าจากการขู่เข็ญของศัตรู[a] ด้วยเถิด
โปรดปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้าจากแผนการของคนชั่วร้ายเหล่านั้น
    โปรดซ่อนข้าพเจ้าจากกลุ่มชนที่อึกทึกชั่วช้านั้น
ลิ้นพวกเขาเหมือนดาบแหลมคม
    คำพูดอันขมขื่นของพวกเขาเหมือนธนูที่ง้างพร้อมยิง
อยู่ๆพวกเขาก็ยิงธนูใส่คนบริสุทธิ์
    พวกเขายิงจากที่หลบซ่อนอย่างไม่กลัวใคร
พวกคนชั่วให้กำลังใจต่อกันในการทำชั่ว
    พวกเขาพูดกันถึงเรื่องการวางกับดัก
    เขาพูดกันว่า “ไม่มีใครเห็นสิ่งที่พวกเรา[b] กำลังทำอยู่นี้หรอก”
พวกเขาวางแผนทำเรื่องร้ายๆที่ไม่ยุติธรรม
    แล้วพูดกันว่า “เราคิดแผนการที่ไม่มีช่องโหว่เลย”
    จิตใจของมนุษย์นั้นสุดลึกล้ำหยั่งถึง

แต่พระเจ้าจะยิงธนูใส่พวกเขา
    และคนเหล่านั้นจะถูกยิงในพริบตา
พระองค์จะทำให้คนพวกนั้นสะดุดลิ้นของตัวเอง
    และทุกคนที่พบเห็นพวกเขาก็จะสั่นสะท้าน
ทุกคนจะเกรงกลัว
    พวกเขาจะคิดถึงและเล่าเรื่องสิ่งที่พระเจ้าได้ทำไปนั้น
10 คนที่ทำตามใจพระยาห์เวห์จะชื่นชมยินดีและลี้ภัยในพระองค์
    ทุกคนที่มีใจซื่อตรงจะโอ้อวดเรื่องพระองค์

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเก็บเกี่ยวอันอุดม

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

65 ข้าแต่พระเจ้า ถูกต้องแล้วที่พวกเราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์บนภูเขาศิโยน
    และถวายเครื่องบูชาตามที่พวกเราได้สาบานไว้กับพระองค์
พระองค์รับฟังคำอธิษฐาน
    มนุษย์ทุกคนสามารถมาอยู่ต่อหน้าพระองค์
เมื่อการกระทำผิดท่วมท้นพวกเรา
    พระองค์คือผู้ที่กลบเกลื่อนการกบฏของพวกเรา
ช่างมีเกียรติจริงๆคนที่พระองค์เลือกให้เข้าใกล้พระองค์ และพักอาศัยในลานของพระองค์
    ขอให้เราอิ่มเอมกับสิ่งดีๆในบ้านของพระองค์ซึ่งคือวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

ข้าแต่พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา
    พระองค์ตอบคำอธิษฐานของเราและนำชัยชนะมาสู่พวกเราด้วยอำนาจอันน่าเกรงขามของพระองค์
ทุกคนที่อาศัยอยู่ในทั่วทุกมุมโลกรวมทั้งคนที่อยู่ข้ามน้ำข้ามทะเลอันไกลโพ้น
    ต่างก็พากันไว้วางใจในพระองค์
พระองค์ตั้งภูเขาทั้งหลายในที่ของพวกมันด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์
    พระองค์สำแดงให้เห็นถึงพลังของพระองค์
พระองค์สามารถทำให้ทะเลและคลื่นที่คำรามอย่างสนั่นหวั่นไหว
    และชนชาติต่างๆที่จลาจลวุ่นวาย สงบลงได้
คนที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหลายที่อยู่ไกลโพ้นต่างตกตะลึงในสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำ
    พระองค์ทำให้ผู้คนที่อยู่ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกร้องเพลงฉลองกัน

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเอาใจใส่แผ่นดินและรดน้ำให้มัน
    พระองค์ทำให้ลำธารเต็มไปด้วยน้ำซึ่งทำให้แผ่นดินอุดมสมบูรณ์
    พระองค์จัดหาเมล็ดข้าวให้กับผู้คนกินกัน
    พระองค์เตรียมแผ่นดินให้เกิดพืชผล
10 พระองค์ส่งฝนห่าใหญ่ลงมาในทุ่งนาที่ไถพรวนแล้ว
    น้ำฝนทำให้ก้อนดินที่พรวนแล้วนั้นอ่อนนุ่มราบเรียบเสมอกัน
    พระองค์อวยพรให้ต้นพืชในทุ่งนั้นเจริญเติบโต
11 พระองค์สวมมงกุฎให้กับปีนั้นด้วยพืชผลอย่างล้นหลาม
    ไม่ว่าพระองค์จะไปที่ไหนก็ตาม พระองค์ก็ทิ้งความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้
12 ทุ่งหญ้าในชนบท มีน้ำค้างหยาดเยิ้ม
    เนินเขาก็ปกคลุมไปด้วยความชื่นชมยินดี
13 ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ เต็มไปด้วยฝูงแกะ
    หุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยเมล็ดข้าว
    พวกมันต่างเปล่งเสียงร้องออกมาเป็นเพลง

1 พงศ์กษัตริย์ 21:1-16

สวนองุ่นของนาโบท

21 ต่อมา เกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับสวนองุ่นของนาโบทชาวยิสเรเอล ไร่องุ่นของเขาอยู่ในยิสเรเอลใกล้กับวังของกษัตริย์อาหับแห่งสะมาเรีย กษัตริย์อาหับพูดกับนาโบทว่า “มอบไร่องุ่นของเจ้าให้กับเราเถิด เราจะได้เอาไปปลูกผัก เพราะมันอยู่ใกล้กับวังของเรา แล้วเราจะให้สวนองุ่นที่ดีกว่านี้กับเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยน หรือถ้าเจ้าต้องการ เราก็จะจ่ายให้เจ้าตามมูลค่าของสวนนั้น”

แต่นาโบทตอบว่า “พระยาห์เวห์ห้ามไม่ให้ข้าพเจ้ายกมรดกของบรรพบุรุษให้กับท่าน”

อาหับจึงกลับบ้านไปด้วยความขุ่นเคืองและโกรธเพราะนาโบทชาวยิสเรเอลได้พูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ยกมรดกของบรรพบุรุษให้กับท่าน” เขานอนอยู่บนเตียง ไม่ยอมพูดจาหรือกินอาหารเลย

เยเซเบลเมียของเขาเข้ามาและถามเขาว่า “ทำไมท่านจึงว้าวุ่นอย่างนี้ ทำไมท่านจึงไม่ยอมกินอาหาร”

เขาตอบนางว่า “เพราะเราได้ไปพูดกับนาโบทชาวยิสเรเอลว่า ‘ขายสวนองุ่นของเจ้าให้กับเราเถิด หรือถ้าเจ้าต้องการ เราจะให้สวนองุ่นอื่นกับเจ้าแทน’ แต่เขากลับตอบมาว่า ‘ข้าพเจ้าจะไม่มอบสวนองุ่นของข้าพเจ้าให้กับท่าน’”

เยเซเบลเมียของเขาพูดว่า “ท่านทำตัวแบบนี้หรือ นี่หรือกษัตริย์ของอิสราเอล ลุกขึ้นและไปกินอาหารเถิด ทำตัวให้ร่าเริงเข้าไว้ ข้าพเจ้าจะไปจัดการเอาสวนองุ่นนั้นมาให้ท่านเอง”

นางจึงเขียนจดหมายขึ้นหลายฉบับ แล้วเอาตราที่มีชื่อของกษัตริย์อาหับ ประทับลงไปบนจดหมายเหล่านั้น แล้วส่งไปให้ผู้ใหญ่และผู้นำแต่ละคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเดียวกับนาโบท ในจดหมายเหล่านั้นเขียนว่า

“ประกาศให้มีพิธีถือศีลอดอาหารขึ้นหนึ่งวัน และจัดที่นั่งให้นาโบทอยู่ในจุดที่สำคัญท่ามกลางประชาชนทั้งหมด 10 แต่จัดอันธพาลไว้สองคนให้นั่งฝั่งตรงข้ามเขาและให้พวกเขากล่าวหาว่านาโบทสาปแช่งพระเจ้าและกษัตริย์ แล้วนำตัวเขาออกไป และเอาหินขว้างเขาให้ตาย”

11 พวกผู้ใหญ่และผู้นำที่อาศัยอยู่เมืองเดียวกับนาโบท จึงทำตามจดหมายที่นางเยเซเบลได้เขียนส่งมาให้กับพวกเขา 12 พวกเขาได้ประกาศให้มีพิธีถือศีลอดอาหารขึ้นหนึ่งวัน และได้จัดที่นั่งให้นาโบทอยู่ในจุดที่เด่นท่ามกลางประชาชน 13 แล้วก็มีอันธพาลสองคนมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาและนำข้อกล่าวหานาโบทมาบอกต่อหน้าประชาชน พวกเขาพูดว่า “นาโบทได้สาปแช่งพระเจ้าและกษัตริย์” พวกเขาจึงนำตัวนาโบทออกไปนอกเมืองและขว้างก้อนหินใส่เขาจนตาย 14 แล้วพวกเขาก็ส่งข่าวมาถึงเยเซเบลว่า “นาโบทถูกหินขว้างจนตายแล้ว”

15 ทันทีที่เยเซเบลได้ยินว่านาโบทถูกหินขว้างตาย นางก็พูดกับอาหับว่า “ลุกขึ้น ไปยึดครองสวนองุ่นของนาโบทชาวยิสเรเอลที่ตอนนั้นไม่ยอมขายให้ท่าน เขาไม่มีชีวิตแล้ว เขาตายแล้ว” 16 เมื่ออาหับได้ยินว่านาโบทตายแล้ว เขาจึงลุกขึ้นและลงไปยึดสวนองุ่นของนาโบท

1 โครินธ์ 1:1-19

จากเปาโล คนที่พระเจ้าตัดสินใจเรียกให้มาเป็นศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ และจาก โสสเธเนส พี่น้องของเรา

ถึงหมู่ประชุมของพระเจ้าในเมืองโครินธ์ พระเจ้าทำให้พวกคุณเป็นของพระองค์เพราะพวกคุณได้เข้าส่วนในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าเรียกคุณให้มาเป็นคนของพระองค์ เหมือนกับที่พระองค์ได้ทำกับทุกคนในทุกที่ ที่อธิษฐานในนามของพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเขาและของเรา

ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเรา และพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับพวกคุณ

เปาโลขอบคุณพระเจ้า

ผมขอบคุณพระเจ้าของผมเสมอสำหรับพวกคุณ เพราะพระเจ้าเมตตากรุณาพวกคุณ ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ในพระเยซูคริสต์นั้น พระเจ้าอวยพรคุณอย่างล้นเหลือในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านคำพูดทุกชนิดหรือความรู้ทุกอย่าง ที่พวกคุณเป็นอย่างนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างที่เราบอกเกี่ยวกับพระคริสต์นั้นเป็นความจริง ตอนนี้คุณจึงมีพรสวรรค์ทุกอย่างที่พระเจ้าให้ โดยไม่ขาดอะไรเลย ในขณะที่คุณกำลังคอยพระเยซูคริสต์เจ้าของเรากลับมา พระองค์จะทำให้คุณยืนหยัดมั่นคงอยู่ได้จนถึงที่สุด เพื่อคุณจะได้ไม่มีข้อเสื่อมเสียในวันที่พระเยซูคริสต์เจ้าของเรากลับมา พระเจ้านั้นไว้ใจได้แน่นอน พระองค์เรียกให้พวกคุณเข้ามามีส่วนร่วมกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์

การแตกแยกในหมู่ประชุมที่เมืองโครินธ์

10 พี่น้องครับ ผมขอร้องพวกคุณในนามของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ขอให้สามัคคีกันไว้ อย่าแบ่งพรรคแบ่งพวกกันเลย แต่ขอให้มีแนวความคิดและเป้าหมายเดียวกัน 11 เพราะมีบางคนในพวกของนางคะโลเอ มาบอกผมว่า พวกคุณทะเลาะวิวาทกัน 12 ผมหมายถึงว่า พวกคุณต่างคนต่างก็พูดกันว่า “ผมเป็นของเปาโล” หรือ “ผมเป็นของอปอลโล” หรือ “ผมเป็นของเปโตร” หรือ “ผมเป็นของพระคริสต์” 13 พระคริสต์ถูกแยกออกเป็นกลุ่มๆแล้วหรือ เปาโลถูกตรึงบนไม้กางเขนเพื่อพวกคุณหรืออย่างไร พวกคุณเข้าพิธีจุ่มน้ำเพื่อจะเป็นของเปาโลหรืออย่างไร 14 ขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่ได้ทำพิธีจุ่มน้ำให้กับพวกคุณคนไหนเลย นอกจากคริสปัสกับกายอัส 15 จะได้ไม่มีใครพูดได้ว่า เขาเข้าพิธีจุ่มน้ำเพื่อเป็นของผม 16 (อ๋อนึกได้แล้ว ยังมีครอบครัวของสเทฟานัสด้วยที่ผมทำพิธีจุ่มน้ำให้ นอกจากนั้น ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าทำให้กับใครอีกบ้าง) 17 เพราะพระคริสต์ไม่ได้ส่งผมมาทำพิธีจุ่มน้ำ แต่ส่งผมมาประกาศข่าวดีและไม่ใช่ด้วยคำพูดที่แสนฉลาด เพราะเกรงว่ากางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์เดชไป

พระคริสต์คืออำนาจและสติปัญญาของพระเจ้า

18 คนที่กำลังจะพินาศนั้น ก็ถือว่าเรื่องของไม้กางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่คนที่กำลังได้รับความรอดก็ถือว่าเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า 19 เหมือนกับที่มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า

“เราจะทำลายสติปัญญาของคนฉลาด
    และเราจะทำให้ความเข้าใจของผู้รอบรู้ ไม่มีความหมายอะไรเลย”(A)

มัทธิว 4:1-11

มารมาลองใจพระเยซู

(มก. 1:12-13; ลก. 4:1-13)

แล้วพระวิญญาณ ก็พาพระเยซูไปที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เพื่อให้มารมาลองใจพระองค์ หลังจากพระเยซูอดอาหารมาเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน พระองค์ก็หิวจัด มารจึงมายั่วยุพระองค์ว่า “ถ้าเป็นลูกพระเจ้าจริง ก็สั่งหินพวกนี้ให้กลายเป็นขนมปังสิ”

พระเยซูตอบว่า “พระคัมภีร์ เขียนไว้ว่า

‘ชีวิตที่เที่ยงแท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนมปังเพียงอย่างเดียว
    แต่อยู่ได้ด้วยคำพูดทุกคำที่มาจากพระเจ้า’”(A)

จากนั้นมารก็นำพระองค์ไปยังเมืองเยรูซาเล็มและไปยืนกันอยู่บนจุดสูงสุดของวิหาร แล้วมารก็ท้าพระเยซูว่า “ถ้าเป็นลูกพระเจ้าจริง ก็กระโดดลงไปเลย เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า

‘พระเจ้าจะสั่งให้ทูตของพระองค์คุ้มครองท่าน
    และเหล่าทูตสวรรค์ก็จะรับท่านไว้
เพื่อไม่ให้เท้าของท่านกระแทกหิน’”(B)

พระเยซูตอบมารว่า “แต่พระคัมภีร์ก็เขียนไว้เหมือนกันว่า ‘อย่าได้ลองดีกับองค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของเจ้า’”(C)

อีกครั้งหนึ่ง มารนำพระเยซูไปที่ภูเขาที่สูงที่สุด เพื่อพระองค์จะได้เห็นอาณาจักรในโลกทั้งหมดและความเจริญรุ่งเรืองของพวกมัน แล้วมารก็ท้าพระเยซูว่า “ถ้ากราบไหว้บูชาเรา เราก็จะยกทั้งหมดที่เห็นนี้ให้”

10 พระเยซูจึงตอบว่า “ไปให้พ้น ไอ้ซาตาน เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า

‘เจ้าจะต้องกราบไหว้บูชาองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้า
    และรับใช้พระองค์แต่เพียงผู้เดียว’”(D)

11 มารจึงไปจากพระองค์ และเหล่าทูตสวรรค์ก็มารับใช้พระองค์

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International