Book of Common Prayer
พระยาห์เวห์เป็นที่ลี้ภัย
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
31 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์
โปรดอย่าทำให้ข้าพเจ้าต้องอับอายเลย
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเพราะพระองค์ทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
2 โปรดเงี่ยหูของพระองค์ฟังข้าพเจ้า
รีบมาช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วย
ขอเป็นป้อมปราการบนภูผาแก่ข้าพเจ้า
เป็นวังที่เป็นป้อมปราการ ขอปกป้องข้าพเจ้า
3 เพราะพระองค์ คือหินกำบังและป้อมปราการของข้าพเจ้า
โปรดนำทาง พาข้าพเจ้าไปด้วยเถิด เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงอันดีของพระองค์
4 โปรดดึงข้าพเจ้าออกจากตาข่ายที่พวกเขาซ่อนไว้ดักข้าพเจ้า
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
5 ข้าพเจ้าขอมอบจิตวิญญาณนี้ไว้ในมือของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดไถ่ข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าที่สัตย์ซื่อ
6 ข้าพเจ้าเกลียดชังคนเหล่านั้นที่รับใช้พวกรูปเคารพที่ไร้ค่า
ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระยาห์เวห์
7 ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีและเฉลิมฉลองความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์สังเกตเห็นถึงความทุกข์ยากของข้าพเจ้า
และรู้ถึงปัญหาที่รุมเร้าชีวิตของข้าพเจ้าอยู่นี้
8 พระองค์ไม่ได้มอบข้าพเจ้าให้ไปอยู่ในกำมือของศัตรู
พระองค์นำข้าพเจ้าออกมาเป็นอิสระ[a]
9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าตกอยู่ในความทุกข์ ดังนั้น โปรดเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้าด้วย
ข้าพเจ้าเศร้าโศกมาก ร้องไห้จนเจ็บไปหมด
ทั้งตา คอ และท้อง
10 ชีวิตของข้าพเจ้าเกือบจะจบลงแล้ว ตอนนี้มีแต่ความโศกเศร้า
วันปีของข้าพเจ้ากำลังจะจบลงแล้ว ตอนนี้มีแต่การคร่ำครวญ
ความทุกข์ยาก[b] กำลังกัดกร่อนพละกำลังของข้าพเจ้า
กระดูกของข้าพเจ้าเจ็บปวดไปหมดแล้ว
11 พวกศัตรูต่างดูถูกข้าพเจ้ารวมทั้งพวกเพื่อนบ้านด้วย
เมื่อเพื่อนฝูงเห็นสภาพของข้าพเจ้าต่างพากันกลัวที่จะเข้าใกล้
เมื่อคนเห็นข้าพเจ้าตามท้องถนน
พวกเขาต่างพากันหลีกหนี
12 ผู้คนพากันหลงลืมข้าพเจ้าเหมือนกับว่าข้าพเจ้าตายไปแล้ว
หรือเป็นของที่สูญหายไปแล้ว
13 ข้าพเจ้าได้ยินคนจำนวนมากใส่ร้ายป้ายสีข้าพเจ้า
รอบด้านของข้าพเจ้ามีแต่เรื่องน่ากลัว
พวกเขามารวมหัวกันวางแผนทำร้ายข้าพเจ้า
พวกเขาวางแผนจะเอาชีวิตของข้าพเจ้า
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ส่วนข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระองค์
ข้าพเจ้าพูดว่า “พระองค์คือพระเจ้าของข้าพเจ้า”
15 วันเวลาของข้าพเจ้าอยู่ในกำมือของพระองค์
ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากพวกศัตรูและคนพวกนั้นที่ตามล่าข้าพเจ้าด้วยเถิด
16 ขอให้ใบหน้าของพระองค์ส่องประกายลงบนผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะความรักมั่นคงที่พระองค์มีต่อข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
ขออย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอาย
แต่ขอให้พวกคนชั่วเหล่านั้นต้องอับอาย
ขอให้พวกเขาร้องคร่ำครวญ[c] ไปตลอดทางสู่แดนคนตาย
18 ขอให้คนโกหกพวกนั้นเป็นใบ้เสีย
คือคนพวกนั้น ที่เย่อหยิ่งจองหอง คนที่มุ่งร้าย และคนที่คอยพูดใส่ร้ายคนดี
19 แต่พระองค์ได้ตุนสิ่งดีๆไว้มากมายสำหรับคนที่ยำเกรงพระองค์
พระองค์ทำหลายสิ่งหลายอย่างต่อหน้าต่อตามนุษย์ทั้งหลาย
เพื่อช่วยคนเหล่านั้นที่มาลี้ภัยในพระองค์
20 พระองค์ซ่อนคนดีๆพวกนี้ไว้กับพระองค์
เพื่อให้พ้นจากคนเหล่านั้นที่ปองร้ายพวกเขา
พระองค์ซ่อนพวกเขาไว้ในที่กำบังของพระองค์
เพื่อให้รอดพ้นจากลิ้นที่ใส่ร้ายพวกเขา
21 สรรเสริญพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์แสดงความรักมั่นคงที่แสนอัศจรรย์
ที่ปกป้องข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าถูกโจมตี[d]
22 ข้าพเจ้ากลัว ข้าพเจ้าเลยพูดว่า
“ข้าพเจ้าถูกตัดออกไปจากสายตาของพระองค์”[e]
แต่พระองค์ได้ยินคำร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์
23 ท่านทั้งหลายที่จงรักภักดีต่อพระองค์ ให้รักพระยาห์เวห์เถิด
พระยาห์เวห์คุ้มครองคนทั้งหลายที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
พระองค์จะตอบแทนคนที่เย่อหยิ่งจองหองอย่างทบดอกทบต้น
24 ดังนั้น ท่านทั้งหลายที่ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้เถิด
อธิษฐานขอให้พระยาห์เวห์แก้คดีให้
เพลงของดาวิด
35 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยต่อต้านคนเหล่านั้นที่ต่อต้านข้าพเจ้า
ช่วยรบกับคนเหล่านั้นที่รบกับข้าพเจ้า
2 ช่วยคว้าโล่เล็กและโล่ใหญ่ของพระองค์
และลุกขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
3 ช่วยใช้หอกและทวนต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ไล่ล่าข้าพเจ้าด้วยเถิด
ช่วยบอกข้าพเจ้าด้วยว่า “ตัวเราเองได้มาช่วยกู้เจ้าแล้ว”
4 ขอให้คนเหล่านั้นที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพเจ้า ได้พ่ายแพ้และอับอายขายหน้า
ขอให้คนเหล่านั้นที่วางแผนทำร้ายข้าพเจ้า สับสนอลหม่านและถูกไล่หนีไป
5 ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัดไป
และถูกทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ขับไล่ไป
6 ขอให้ช่องทางหนีของพวกเขานั้นมืดมิดและลื่นไถล
และถูกทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ไล่ล่าไป
7 เพราะพวกเขาวางตาข่ายดักข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา
พวกเขาขุดหลุมพรางสำหรับข้าพเจ้า
8 ขอให้พวกเขาเจอกับความพินาศอย่างไม่ทันรู้ตัว
ขอให้พวกเขาติดตาข่ายที่เขาวางไว้ดักข้าพเจ้า
และตกลงไปในหลุมพรางของตัวเองและพินาศไป
9 แล้วข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำไป
และมีความสุขที่พระองค์ช่วยกู้ข้าพเจ้า
10 แล้วกระดูกทั่วตัวของข้าพเจ้าจะพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ จะมีใครเหมือนกับพระองค์อีก
พระองค์ช่วยคนยากจนให้รอดพ้นจากคนที่เอาเปรียบเขา
และช่วยคนยากจนและคนขัดสนให้พ้นจากคนเหล่านั้นที่คอยปล้นพวกเขา”
11 พยานที่มุ่งร้ายต่อข้าพเจ้า
ยืนขึ้นกล่าวหาข้าพเจ้าในสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่รู้เรื่อง
12 พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่ว
คอยดักซุ่มฆ่าข้าพเจ้า[a]
13 เมื่อพวกเขาเจ็บป่วย ข้าพเจ้าใส่ชุดที่แสดงความเสียใจ
และถ่อมใจลงอดอาหาร เมื่อคำอธิษฐานของข้าพเจ้าไม่ได้รับคำตอบ
14 ข้าพเจ้าทำเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพเจ้าเอง
ข้าพเจ้าก้มลงด้วยความโศกเศร้าราวกับว่าเป็นแม่ของข้าพเจ้าเอง
15 แต่เมื่อข้าพเจ้ามีปัญหาพวกเขากลับพากันดีใจ
คนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักรุมเข้ามาโจมตีข้าพเจ้า
พวกเขาฉีกเนื้อข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน
16 พวกเขาได้กัดฟันกรอดๆใส่ข้าพเจ้า
พากันหัวเราะเยาะและตะโกนใส่ข้าพเจ้าอย่างหยาบคาย
17 พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะมองดูอยู่เฉยๆไปอีกนานแค่ไหน
ช่วยเหลือข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากการทำลายล้างของพวกเขาด้วยเถิด
โปรดช่วยชีวิตที่มีค่าของข้าพเจ้านี้ให้รอดพ้นจากฝูงสิงโตเหล่านั้นด้วยเถิด
18 แล้วข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ในที่ชุมนุมใหญ่
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในฝูงชนที่มากมายนั้น
19 ขออย่าให้ศัตรูที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขานั้น เอาชนะและหัวเราะเยาะข้าพเจ้าได้
ขออย่าให้คนเหล่านั้นที่เกลียดข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา ขยิบตาส่งสัญญาณกันเพื่อต่อต้านข้าพเจ้า
20 พวกเขาไม่พยายามที่จะสร้างสันติกับผู้อื่น
แต่พวกเขากำลังวางแผนการชั่วร้ายต่อผู้คนที่อยู่อย่างสงบสุขบนแผ่นดินนี้
21 พวกเขาอ้าปากกว้างพูดใส่ร้ายข้าพเจ้าว่า
“นี่ไง นี่ไง เราเห็นกับตาในสิ่งที่เจ้าทำ”
22 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าได้นิ่งเงียบอยู่
พระองค์เจ้าข้า อย่าอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
23 พระเจ้าของข้าพเจ้า ตื่นเถิด ลุกขึ้นมา แก้ต่างให้กับข้าพเจ้าด้วย
พระองค์เจ้าข้า แก้คดีให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
24 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ยุติธรรม
โปรดให้ความยุติธรรมกับคดีของข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อพวกนั้นจะได้ไม่ชนะและหัวเราะเยาะข้าพเจ้าได้
25 อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า “ไชโย พวกเราได้สิ่งที่เราต้องการแล้ว”
อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า “พวกเราได้กลืนกินมันเข้าไปแล้ว”
26 ขอให้คนเหล่านั้นที่มีความสุขในความทุกข์ของข้าพเจ้า ได้รับความอัปยศและอับอายขายหน้า
ขอให้คนเหล่านั้นที่อ้างว่าตัวเองดีกว่าข้าพเจ้า สวมความอัปยศและเสื่อมเสียเกียรติ
27 ขอให้คนเหล่านั้นที่อยากให้ข้าพเจ้าพ้นผิดชื่นชมยินดีและมีความสุขเถิด
ขอให้พวกเขาพูดอยู่เสมอว่า “ขอสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์
พระองค์มีความสุข เมื่อผู้รับใช้ของพระองค์อยู่เย็นเป็นสุข”
28 ขอให้ลิ้นของข้าพเจ้าพูดถึงความยุติธรรมของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์ตลอดวันยังค่ำ
26 เยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ได้กบฏต่อซาโลมอนด้วย เขาเป็นข้าราชการคนหนึ่งของซาโลมอน เขาเป็นคนเอฟราอิมที่มาจากเมืองเศเรดาห์ แม่ของเขาเป็นแม่หม้ายชื่อว่าเศรุวาห์
27 นี่คือสาเหตุที่เขากบฏต่อกษัตริย์ ซาโลมอนกำลังสร้างเฉลียง[a] และซ่อมช่องโหว่ของกำแพงเมืองของดาวิด พ่อของเขา 28 ในเวลานั้น เยโรโบอัมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย ซาโลมอนก็เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้ทำงานได้ดี จึงได้แต่งตั้งให้เขาทำหน้าที่ควบคุมคนงานที่มาจากครอบครัวโยเซฟ[b] 29 ในช่วงนั้น เยโรโบอัมได้เดินทางไปจากเมืองเยรูซาเล็ม และอาหิยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าจากชิโลห์ได้พบเขาบนถนนนั้น ตอนนั้น อาหิยาห์สวมเสื้อคลุมตัวใหม่อยู่ ทั้งสองคนเดินทางออกไปแถบชานเมืองตามลำพังสองคน 30 และอาหิยาห์ได้ถอดเสื้อคลุมตัวใหม่ที่เขาสวมอยู่ออกและฉีกมันออกเป็นสิบสองชิ้น
31 แล้วอาหิยาห์ได้พูดกับเยโรโบอัมว่า “ท่านเอาไปสิบชิ้น เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด ‘ดูไว้ เรากำลังจะฉีกอาณาจักรนี้ออกมาจากมือของซาโลมอนและจะให้เจ้าสิบเผ่า 32 แต่เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้เราและเมืองเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกออกมาจากเผ่าทั้งหลายของอิสราเอล เราจะให้หนึ่งเผ่ากับครอบครัวของดาวิด 33 เราจะทำสิ่งนี้เพราะซาโลมอนละทิ้งเรา[c]และไปบูชาพระอัชโทเรทพระผู้หญิงของชาวไซดอน พระเคโมชของชาวโมอับและพระมิลโคมของชาวอัมโมน และไม่ยอมใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งหลายของเรา และยังไม่ยอมทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง ไม่ยอมรักษากฎและข้อบังคับต่างๆของเรา เหมือนกับที่ดาวิดพ่อของเขาเคยรักษา 34 แต่เราจะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดไปจากซาโลมอนหรอก เราได้ให้เขาเป็นผู้ปกครองตลอดชั่วชีวิตของเขา เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้เราซึ่งเราได้เลือกขึ้นมาและเป็นผู้ที่ได้รักษาคำสั่งต่างๆและกฎทุกข้อของเรา 35 เราจะเอาอาณาจักรนี้ไปจากลูกชายของซาโลมอน และให้มันไว้กับเจ้าสิบเผ่า 36 เราจะให้เผ่าหนึ่งกับลูกชายของเขา เพื่อดาวิดผู้รับใช้เราจะได้มีตะเกียงหนึ่งดวงอยู่ต่อหน้าเราในเยรูซาเล็มตลอดไป เพราะเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองที่เราได้เลือกไว้เพื่อเป็นเกียรติกับชื่อของเรา 37 ส่วนเจ้าเยโรโบอัม เราจะรับเจ้าไว้และเจ้าจะได้ปกครองทุกแห่งที่เจ้าต้องการ เจ้าจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล 38 ถ้าเจ้าทำในสิ่งที่เราสั่งเจ้า และใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งหลายของเรา และทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง ด้วยการรักษากฎและคำสั่งต่างๆของเรา เหมือนกับที่ดาวิดผู้รับใช้เราได้ทำมา เราจะอยู่กับเจ้า เราจะสร้างเจ้าให้เป็นราชวงศ์ที่ยั่งยืน อย่างกับที่เราเคยสร้างให้กับดาวิด และเราจะยกอิสราเอลให้กับเจ้า 39 เราจะลงโทษลูกหลานของดาวิด เพราะสิ่งที่เขาทำลงไปนี้ แต่จะไม่ลงโทษเขาตลอดไป’”
40 เพราะอย่างนี้ ซาโลมอนจึงพยายามฆ่าเยโรโบอัม แต่เยโรโบอัมได้หลบหนีไปอียิปต์ในทันที ไปหากษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์ และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งซาโลมอนตาย
ซาโลมอนตาย
(2 พศด. 9:29-31)
41 เหตุการณ์อื่นในยุคของซาโลมอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำ รวมทั้งความเฉลียวฉลาดที่เขาได้แสดงออกมา ได้เขียนไว้ในหนังสือประวัติของซาโลมอน 42 ซาโลมอนได้ครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม และปกครองอิสราเอลทั้งหมดเป็นเวลาสี่สิบปี 43 แล้วเขาก็ได้ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝัง[d] อยู่ในเมืองของดาวิดผู้เป็นพ่อของเขา และเรโหโบอัมลูกชายของเขาก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
ให้พระเจ้าเป็นผู้นำชีวิต
13 ฟังไว้ให้ดีๆนะ คนที่ชอบพูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้ เราจะไปเมืองนั้นเมืองนี้ อยู่ที่นั่นสักปี ค้าขายเอากำไร” 14 ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้เลยว่า พรุ่งนี้ชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะคุณเป็นเพียงแค่หมอก ที่เกิดขึ้นประเดี๋ยวเดียว แล้วก็จางหายไป 15 คุณควรจะพูดว่า “ถ้าเป็นความต้องการขององค์เจ้าชีวิต เราก็จะมีชีวิตอยู่และทำสิ่งนั้นสิ่งนี้” 16 แต่ตอนนี้ คุณกำลังคุยโม้โอ้อวด ถึงความเก่งกาจของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายนัก 17 ดังนั้น สำหรับคนที่รู้ตัวว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่ควรจะทำแต่ไม่ยอมทำ ก็ถือว่าคนนั้นกำลังทำบาป
คนรวยที่เห็นแก่ตัวจะถูกลงโทษ
5 คนรวยทั้งหลาย ฟังไว้ให้ดี ร้องไห้คร่ำครวญซะ เพราะความทุกข์ยากกำลังมาถึงคุณแล้ว 2 ในไม่ช้านี้ทรัพย์สมบัติของคุณก็จะเน่าเปื่อยไป และเสื้อผ้าของคุณก็จะถูกแมลงกัดกิน 3 เงินทองของคุณก็ขึ้นสนิมหมดแล้ว สนิมพวกนี้แหละที่จะใช้เป็นหลักฐานมัดตัวคุณในวันพิพากษา และมันจะกัดกินคุณเหมือนไฟ ดูสิ จนถึงยุคสุดท้ายนี้แล้ว คุณก็ยังก้มหน้าก้มตาสะสมมันอยู่อีก 4 ดูนั่นสิ ค่าแรงที่คุณโกงคนงานที่ถางหญ้าในทุ่งของคุณนั้น ได้ร้องออกมาแล้ว และเสียงร้องของคนงานพวกนี้ ก็ดังไปถึงหูขององค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นแล้ว 5 ในโลกนี้คุณใช้ชีวิตอย่างหรูหรา และหาความสุขให้กับตัวเอง กินจนอ้วนพีเหมือนวัวที่พร้อมจะเอาไปฆ่าแล้ว 6 คุณได้ตัดสินโทษ และฆ่าคนที่ไม่มีความผิดและไม่มีทางสู้
22 พวกเขาพาพระเยซูมาถึงสถานที่หนึ่งชื่อ กลโกธา (แปลว่า “เนินหัวกระโหลก”) 23 เขาเอาเหล้าองุ่นผสมกับมดยอบ[a] มาให้พระองค์ดื่ม แต่พระองค์ไม่ยอมดื่ม 24 พวกเขาตรึงพระองค์ที่ไม้กางเขน ส่วนพวกทหารก็เอาเสื้อผ้าของพระองค์มาจับสลากแบ่งกัน
25 ตอนที่พวกเขาตรึงพระเยซูนั้นเป็นเวลาเก้าโมงเช้า 26 มีป้ายเขียนคำกล่าวหาพระองค์ว่า “กษัตริย์ของชาวยิว” 27 และเขาก็ตรึงโจรสองคนไว้ที่ไม้กางเขนข้างๆพระองค์ ทางขวาคนหนึ่งและทางซ้ายคนหนึ่ง 28 [b] 29 คนที่เดินผ่านไปมาพากันส่ายหัว และพูดเยาะว่า “อ้าว ไหนบอกว่าจะทำลายวิหารแล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่ในสามวันไง 30 ตอนนี้ช่วยตัวเองลงมาจากไม้กางเขนสิ”
31 พวกหัวหน้านักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติก็พูดเยาะเย้ยพระเยซู เขาพูดกันว่า “มันช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ 32 ให้พระคริสต์ กษัตริย์ของชาวอิสราเอลคนนี้ลงมาจากไม้กางเขนเสียก่อน เราจะได้เห็นและเชื่อ” และคนที่ถูกตรึงอยู่ข้างๆพระเยซูก็พูดดูถูกพระองค์ด้วย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International