Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 25

อธิษฐานขอให้พระยาห์เวห์นำและคุ้มครอง

[a] เพลงสดุดีของดาวิด

25 ข้าแต่พระยาห์เวห์
    ข้าพเจ้ายกจิตใจของข้าพเจ้าให้กับพระองค์
พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระองค์
    ขออย่าให้ข้าพเจ้าอับอายขายหน้า
    ขออย่าให้พวกศัตรูเฉลิมฉลองความพ่ายแพ้ของข้าพเจ้า
ทุกคนที่ฝากความหวังไว้กับพระองค์จะไม่อับอายขายหน้าอย่างแน่นอน
    แต่พวกที่ทรยศจะต้องอับอายขายหน้าและจะไม่ได้อะไรจากการทรยศนั้น

ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดให้ข้าพเจ้าเห็นหนทางต่างๆของพระองค์
    โปรดสอนเส้นทางต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า
โปรดนำข้าพเจ้าตามทางแห่งความจริงของพระองค์และสอนข้าพเจ้า[b]
    เพราะพระองค์คือพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าฝากความหวังไว้กับพระองค์วันยังค่ำ
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดนึกถึงความเมตตากรุณา
    และความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
โปรดอย่านึกถึงความบาปและความผิดทั้งหลายที่ข้าพเจ้าทำในวัยหนุ่ม
    ข้าแต่พระยาห์เวห์โปรดนึกถึงข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์
    เพราะพระองค์นั้นดี

พระยาห์เวห์นั้นช่างดีและสัตย์ซื่อ
    พระองค์จึงสั่งสอนทางที่ถูกต้องให้กับพวกคนบาป
พระองค์นำคนถ่อมสุภาพให้ทำสิ่งที่ถูกต้องยุติธรรม
    พระองค์สอนทางของพระองค์ให้กับคนถ่อมสุภาพ
10 พระยาห์เวห์ทำทุกสิ่งด้วยความรักและความสัตย์ซื่อต่อคนเหล่านั้น
    ที่รักษาคำมั่นสัญญาของพระองค์และทำตามกฎต่างๆของพระองค์

11 ข้าพเจ้าทำผิดบาปอันใหญ่หลวงนัก ดังนั้น โปรดยกโทษให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงอันดีของพระองค์
12 พระยาห์เวห์จะสั่งสอนคนที่ยำเกรงพระองค์
    พระองค์จะนำคนนั้นไปตามทางที่พระองค์เลือกไว้

13 เขาคนนั้นจะอยู่อย่างสุขสบาย
    และลูกหลานของเขาจะได้รับส่วนแบ่งของแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้กับพวกเขา
14 พระยาห์เวห์เปิดเผยความลับต่างๆของพระองค์ให้กับคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระองค์
    พระองค์จะสอนพวกเขาให้รู้ถึงความหมายของคำมั่นสัญญาที่พระองค์ให้
15 ข้าพเจ้ามองหาความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์เสมอ
    เพราะพระองค์จะช่วยเอาเท้าของข้าพเจ้าออกจากบ่วง

16 ข้าแต่พระเจ้า โปรดหันมามองข้าพเจ้าและเมตตากรุณาข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าโดดเดี่ยวและถูกข่มเหง
17 โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากความทุกข์ใจด้วยเถิด
    ช่วยดึงข้าพเจ้าออกไปจากปัญหาต่างๆของข้าพเจ้าด้วยเถิด
18 โปรดมองดูความทุกข์ทรมานและความลำบากที่ข้าพเจ้าเจออยู่นี้
    และโปรดยกโทษให้กับบาปทั้งหมดของข้าพเจ้าด้วยเถิด
19 ดูเถิด ข้าพเจ้ามีศัตรูมากมาย
    พวกเขาเกลียดข้าพเจ้ามากและอยากทำร้ายข้าพเจ้า
20 โปรดรักษาชีวิตของข้าพเจ้าและช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ โปรดอย่าทำให้ข้าพเจ้าผิดหวัง
21 ขอให้ความบริสุทธิ์และความซื่อตรงของข้าพเจ้า
    คุ้มครองข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าฝากความหวังไว้กับพระองค์

22 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยชาวอิสราเอล
    ให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งหลายของเขาด้วยเถิด

สดุดี 9

คำอธิษฐานเพื่อขอให้กำจัดคนชั่ว

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองมุธลับเบน เพลงสดุดีของดาวิด[a]

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยสิ้นสุดหัวใจของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะบอกเล่าถึงสิ่งต่างๆอันอัศจรรย์ที่พระองค์ได้ทำ
ข้าพเจ้าจะมีความสุข และชื่นชมยินดีในพระองค์
    พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด ข้าพเจ้าจะร้องบทเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์

เป็นเพราะพระองค์ พวกศัตรูของข้าพเจ้าถึงได้หันหลังวิ่งหนีไป
    พวกเขาล้มลงและพินาศไป

พระองค์ตัดสินคดีของข้าพเจ้าและประกาศว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์
    พระองค์ให้คำตัดสินที่ยุติธรรมจากบัลลังก์ของพระองค์
พระองค์ประณามชนชาติต่างๆ
    พระองค์ทำลายคนชั่วและลบชื่อของพวกเขาออกไปตลอดกาล
เมืองของพวกศัตรูจะพังทลายอยู่อย่างนั้นตลอดไป
    พระองค์ถอนรากถอนโคนเมืองของพวกเขา
    จะไม่มีใครระลึกถึงพวกเขาอีกตลอดไป

แต่พระยาห์เวห์จะครอบครองตลอดไป
    พระองค์ก่อตั้งบัลลังก์ของพระองค์ขึ้นมาเพื่อนำความยุติธรรมมาสู่โลกนี้
พระองค์ตัดสินโลกนี้อย่างยุติธรรม
    พระองค์ตัดสินชนชาติต่างๆอย่างเที่ยงธรรม

พระยาห์เวห์เป็นที่ลี้ภัยของคนพวกนั้นที่ถูกกดขี่ข่มเหง
    ในยามทุกข์ยากลำบาก
10 เพื่อว่าคนเหล่านั้นที่รู้จักชื่อของพระองค์จะได้ไว้วางใจในพระองค์
    เพราะพระยาห์เวห์ไม่ทอดทิ้งคนที่มาขอความช่วยเหลือจากพระองค์

11 ร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระยาห์เวห์ พระองค์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์บนภูเขาศิโยน
    ขอให้บอกผู้คนถึงสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำ
12 พระยาห์เวห์ผู้แก้แค้นแทนเลือดของผู้บริสุทธิ์ พระองค์ไม่ลืมพวกเขา
    พระองค์ไม่เพิกเฉยต่อคนยากจนที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วย
    ดูสิ คนเหล่านั้นที่เกลียดชังข้าพเจ้ากำลังทำร้ายข้าพเจ้าอยู่
    โปรดยกข้าพเจ้าขึ้นมาจากประตูของแดนคนตาย
14 แล้วข้าพเจ้าจะได้เล่าถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญทั้งหมดของพระองค์
    ที่ประตูแห่งเมืองศิโยนและชื่นชมยินดีที่พระองค์ได้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด

15 ชนชาติของศัตรูเหล่านั้นต่างตกลงในหลุมพรางที่พวกเขาขุดไว้
    เท้าของพวกเขาติดตาข่ายที่พวกเขาซ่อนไว้ดักคนอื่น
16 พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยให้คนรู้ว่าพระองค์รักษาความยุติธรรม
    ดังนั้น พวกคนชั่วจึงติดกับดักด้วยการกระทำของพวกเขาเอง ฮิกกาโยน[b] เซลาห์

17 ขอให้คนชั่ว ลงไปสู่แดนคนตาย
    คือคนเหล่านั้นทั้งหมดที่ได้หลงลืมพระเจ้า
18 แต่ คนขัดสนจะไม่ถูกลืมตลอดไปหรอก
    และความหวังของคนจนจะไม่สิ้นสลายอยู่อย่างนั้นตลอดไป

19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ลุกขึ้นเถิด อย่าปล่อยให้มนุษย์ทั้งหลายคิดว่าจะเอาชนะพระองค์ได้
    ขอให้ชนชาติต่างๆถูกพิพากษาอยู่ต่อหน้าพระองค์
20 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำให้พวกเขาตกใจกลัวเถิด
    เพื่อว่า ชนชาติเหล่านั้นจะได้รู้ว่า พวกเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น เซลาห์

สดุดี 15

คนที่พระยาห์เวห์ต้อนรับ

เพลงสดุดีของดาวิด

15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ใครจะได้มาเป็นแขกในเต็นท์[a] ของพระองค์
    ใครจะได้มาอาศัยบนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

คือคนเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตอย่างไม่มีที่ติ
    ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง พูดความจริงจากใจ
ไม่ใช้ลิ้นใส่ร้ายป้ายสี ไม่ทำผิดต่อเพื่อน
    ไม่ด่าเพื่อนบ้าน
รังเกียจคนชั่วที่พระเจ้าไม่ยอมรับ
    ยกย่องคนที่ยำเกรงพระเจ้า
ทำตามสิ่งที่เขาได้สัญญาไว้แม้จะทำให้เขาเดือดร้อนก็ตาม
ไม่คิดดอกเบี้ยเมื่อให้ยืมเงิน
    ไม่ยอมรับสินบนเพื่อปรักปรำคนบริสุทธิ์

คนที่ทำอย่างนี้จะยืนหยัดมั่นคงเสมอ

2 พงศาวดาร 6:32-7:7

32 ส่วนคนต่างชาติที่ไม่ใช่อิสราเอลชนชาติของพระองค์ พวกเขาจะเดินทางมาจากแดนไกล เพราะพวกเขาจะได้ยินชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของพระองค์และมือที่เต็มไปด้วยอำนาจกับแขนที่กางออกของพระองค์ เมื่อคนต่างชาตินั้นหันหน้ามาทางวิหารนี้และอธิษฐาน 33 ขอพระองค์โปรดฟังจากฟ้าสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์ และโปรดทำตามสิ่งที่ชาวต่างชาติคนนั้นขอจากพระองค์ด้วยเถิด เพื่อชนทุกชาติบนโลกนี้จะได้รู้จักชื่อเสียงของพระองค์ และยำเกรงพระองค์ เหมือนกับที่อิสราเอลชนชาติของพระองค์ทำ และเพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่า วิหารหลังนี้ที่ข้าพเจ้าได้สร้างขึ้นมาเป็นของพระองค์

34 เมื่อประชาชนของพระองค์ไปทำสงครามกับพวกศัตรูของพวกเขา ไม่ว่าพระองค์จะส่งพวกเขาไปที่ใดก็ตาม และเมื่อพวกเขาอธิษฐานกับพระองค์ โดยหันหน้ามาทางเมืองนี้ที่พระองค์ได้เลือกไว้ และหันไปทางวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระองค์แล้ว 35 ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของพวกเขาจากฟ้าสวรรค์และช่วยเหลือพวกเขาด้วยเถิด

36 เมื่อพวกเขาทำบาปต่อพระองค์ เพราะคงไม่มีใครที่ไม่ทำบาปเลย และพระองค์ก็โกรธพวกเขา และได้ส่งพวกเขาไปตกอยู่ในกำมือของศัตรูที่เข้ามาจับตัวพวกเขาไปเป็นเชลยและนำตัวพวกเขาไปสู่ดินแดนอื่นไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ตาม 37 และพวกเขาสำนึกผิดตอนอยู่บนแผ่นดินที่พวกเขาถูกจับตัวไปนั้น และพวกเขาได้กลับตัวกลับใจ และได้อธิษฐานต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้ที่จับตัวพวกเขาไปนั้น และพวกเขาพูดว่า ‘พวกเราได้ทำบาปและทำผิดไปแล้ว พวกเราได้ทำตัวเลวมาก’ 38 และถ้าพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของพวกเขาในแผ่นดินที่พวกเขาถูกจับตัวไปนั้น และได้อธิษฐานโดยหันหน้าไปยังแผ่นดินที่พระองค์ได้ยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และได้หันไปทางเมืองที่พระองค์ได้เลือกไว้ และหันไปทางวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระองค์ 39 ก็ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของพวกเขาจากบนฟ้าสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์นั้น และช่วยเหลือพวกเขาด้วยเถิด และโปรดยกโทษให้กับชนชาติของพระองค์ ที่ได้ทำบาปต่อพระองค์ด้วย 40 และตอนนี้ พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอให้ดวงตาของพระองค์เปิดขึ้นและขอให้หูของพระองค์ได้รับฟังคำอธิษฐานที่ถวายให้ในที่นี้

41 ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า ตอนนี้ขอลุกขึ้นเถิด และมาสู่สถานที่พักผ่อนของพระองค์
    ทั้งพระองค์และหีบแห่งอำนาจของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า ขอให้เหล่านักบวชของพระองค์ได้สวมใส่ความช่วยเหลือ
    ขอให้เหล่าศิษย์แท้จริงของพระองค์
    ยินดีในความดีของพระองค์
42 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้เป็นพระเจ้า ขออย่าได้ปฏิเสธผู้ที่พระองค์ได้แต่งตั้งเลย
    ขอจดจำความรักอันยิ่งใหญ่ที่ได้สัญญาไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด”

อุทิศวิหารให้กับพระยาห์เวห์

(1 พกษ. 8:62-66)

เมื่อซาโลมอนอธิษฐานเสร็จ ก็มีไฟลงมาจากสวรรค์

และมาเผาเครื่องเผาบูชา กับพวกเครื่องสัตวบูชาและรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็แผ่ออกมาเต็มวิหาร พวกนักบวชไม่สามารถเข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ได้ เพราะรัศมีของพระยาห์เวห์เต็มวิหารไปหมด เมื่อชาวอิสราเอลทั้งหมดได้เห็นไฟที่พุ่งลงมาและรัศมีของพระยาห์เวห์เหนือวิหารแห่งนั้น พวกเขาก็คุกเข่าลงและก้มหน้าลงกับพื้นหิน พวกเขานมัสการและขอบคุณพระยาห์เวห์ โดยพูดว่า

“พระองค์ทรงดี
    ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป”[a]

แล้วกษัตริย์กับประชาชนทั้งหมดก็ถวายเครื่องสัตวบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ และกษัตริย์ซาโลมอนได้ถวายวัวสองหมื่นสองพันตัว และแกะกับแพะอีกหนึ่งแสนสองหมื่นตัว แล้วกษัตริย์กับประชาชนทั้งหมดก็ได้อุทิศวิหารนี้ให้กับพระเจ้า พวกนักบวชได้เข้าประจำตำแหน่งของตน เหมือนกับพวกชาวเลวี ซึ่งมีพวกเครื่องดนตรีของพระยาห์เวห์ ซึ่งกษัตริย์ดาวิดได้ทำขึ้นไว้เพื่อใช้สรรเสริญพระยาห์เวห์ และใช้เมื่อเขาต้องการขอบคุณพระองค์ พวกเขาร้องเพลงว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป” แล้วพวกนักบวชที่ยืนอยู่ตรงข้ามพวกเลวี ก็เป่าแตรขึ้น และชาวอิสราเอลทั้งหมดก็กำลังยืนอยู่

ซาโลมอนได้อุทิศส่วนกลางของลานที่อยู่ด้านหน้าวิหารของพระยาห์เวห์นั้นให้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจะได้ถวายเครื่องเผาบูชาและไขมันของเครื่องสังสรรค์บูชา เพราะแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่เขาได้สร้างขึ้นนั้นไม่พอสำหรับวางเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช รวมทั้งส่วนไขมันเหล่านั้นได้ทั้งหมด

ยากอบ 2:1-13

ความรักต่อผู้อื่น

พี่น้องครับ ในฐานะที่คุณเป็นผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ของเรา อย่าลำเอียง สมมุติว่า มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในที่ประชุมของคุณ เขาสวมใส่แหวนทองคำและเสื้อผ้าอย่างดี และมีคนจนคนหนึ่งเข้ามา สวมใส่เสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมม แล้วคุณก็เอาใจใส่คนที่แต่งตัวดีเป็นพิเศษ และพูดกับเขาว่า “เชิญนั่งตรงนี้ครับ” แต่คุณพูดกับคนยากจนว่า “ยืนอยู่นั่นแหละ” หรือ “มานั่งตรงพื้นนี่มา” ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณก็แบ่งชนชั้นและตัดสินคนด้วยความคิดที่ชั่วร้าย

ฟังให้ดีนะ พี่น้องที่รัก พระเจ้าได้เลือกคนที่คนอื่นเห็นว่ายากจน ให้มาเป็นคนร่ำรวยในความเชื่อ และให้มารับอาณาจักรที่พระเจ้าได้สัญญาว่าจะให้กับคนที่รักพระองค์ แต่คุณกลับดูถูกคนยากจนเหล่านั้น ก็ไม่ใช่พวกคนรวยหรอกหรือ ที่ข่มเหงและลากคอคุณไปขึ้นศาล แล้วยังดูหมิ่นองค์เจ้าชีวิตของพวกคุณอีกด้วย

พระคัมภีร์ว่า “ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”(A) ถ้าพวกคุณทำตามกฎข้อนี้ คุณก็ทำถูกต้องแล้ว แต่ถ้าคุณลำเอียง คุณก็ทำบาปและถือว่าเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎ 10 เพราะเมื่อคุณพยายามรักษากฎทุกข้อ แต่ผิดแค่ข้อเดียวก็ถือว่าผิดกฎทั้งหมดด้วย 11 เพราะพระเจ้าที่พูดว่า “อย่าเป็นชู้ผัวเมียเขา”(B) ก็พูดว่า “อย่าฆ่าคน”(C)ด้วย ถ้าคุณไม่ได้เป็นชู้ผัวเมียเขา แต่กลับไปฆ่าคน คุณก็กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎอยู่ดี 12 ไม่ว่าคุณจะพูดหรือทำอะไรก็ตาม ก็ให้จำเอาไว้ว่า พระเจ้าจะตัดสินคุณด้วยกฎที่จะทำให้คุณเป็นอิสระ 13 เพราะฉะนั้น คุณก็ควรมีเมตตากับคนอื่นด้วย ไม่อย่างนั้นพระเจ้าก็จะไม่เมตตาคุณเหมือนกัน แต่ถ้าคุณมีความเมตตา คุณก็ไม่ต้องกลัวคำตัดสินของพระเจ้า

มาระโก 14:53-65

พระเยซูอยู่ต่อหน้าผู้นำชาวยิว

(มธ. 26:57-68; ลก. 22:54-55, 63-71; ยน. 18:13-14, 19-24)

53 พวกเขานำตัวพระเยซูไปพบนักบวชสูงสุด พวกหัวหน้านักบวช พวกผู้นำชาวยิว และพวกครูสอนกฎปฏิบัติได้อยู่ชุมนุมกันที่นั่น 54 เปโตรตามพระเยซูมาห่างๆเข้าไปยังลานบ้านของนักบวชสูงสุดด้วย เขาไปนั่งผิงไฟให้ตัวอุ่นอยู่กับพวกผู้คุม

55 พวกหัวหน้านักบวชและสมาชิกสภาแซนฮีดรินทั้งหมดพยายามหาพยานเท็จมาปรักปรำพระเยซู เพื่อจะได้ฆ่าพระองค์ แต่ก็หาไม่ได้เลย 56 ถึงแม้จะมีพยานเท็จหลายคน แต่สิ่งที่พวกเขาพูดก็ไม่ตรงกัน

57 ในที่สุดมีบางคนยืนขึ้นเป็นพยานเท็จกล่าวหาพระเยซูว่า 58 “พวกเราได้ยินเขาพูดว่า ‘เราจะทำลายวิหารนี้ ที่สร้างขึ้นมาด้วยมือมนุษย์ และภายในสามวัน เราจะสร้างวิหารอีกแห่งหนึ่งขึ้นมาใหม่ที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์’” 59 แต่คำพยานในเรื่องนี้ก็ไม่ตรงกันอีก

60 นักบวชสูงสุดจึงยืนขึ้นต่อหน้าคนทั้งหลาย และถามพระเยซูว่า “แกจะไม่แก้ตัวในสิ่งที่เขากล่าวหาแกหรือ” 61 แต่พระเยซูก็ยังคงเงียบไม่ตอบอะไร แล้วนักบวชสูงสุดจึงถามพระองค์ว่า “แกเป็นพระคริสต์ บุตรของพระเจ้าหรือ”[a]

62 พระเยซูจึงตอบว่า “ใช่ เราเป็น และพวกคุณจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และเสด็จมากับเมฆในท้องฟ้า”

63 นักบวชสูงสุดก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตน และพูดว่า “เรายังต้องการพยานอะไรอีก 64 พวกคุณก็ได้ยินคำหมิ่นประมาทของมันแล้ว พวกคุณคิดว่ายังไง” พวกเขาทุกคนตัดสินว่า พระองค์มีความผิดและสมควรตาย 65 บางคนถ่มน้ำลายใส่พระองค์ บางคนปิดหน้าพระองค์ ชกหน้าพระองค์ แล้วถามพระองค์ว่า “ผู้พูดแทนพระเจ้า ทายสิว่าใครเป็นคนทำ” และพวกผู้คุมก็พาพระองค์ไปทุบตี

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International