Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 40

สรรเสริญและขอความช่วยเหลือ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงของดาวิด

40 ข้าพเจ้าคอยพระยาห์เวห์อย่างอดทน
    พระองค์หันมาหาข้าพเจ้าและฟังเสียงร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า
พระองค์ฉุดข้าพเจ้าขึ้นจากหลุมศพที่เต็มไปด้วยโคลนตม
    แล้ววางเท้าข้าพเจ้าลงบนหินและทำให้ข้าพเจ้าก้าวเท้าอย่างมั่นคง
พระองค์ใส่เพลงใหม่เข้าในปากของข้าพเจ้า
    เป็นเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา
หลายคนจะได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าทำ
    พวกเขาจะได้ยำเกรงและไว้วางใจในพระยาห์เวห์

ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนที่ฝากความไว้วางใจในพระยาห์เวห์
    และไม่ได้หันไปขอความช่วยเหลือจากภูตผีปีศาจและรูปเคารพทั้งหลาย
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทำสิ่งที่มหัศจรรย์มากมายจริงๆ
    พระองค์มีแผนการที่ยอดเยี่ยมสำหรับพวกเราจนไม่มีใครจดพวกมันได้หมด
ถ้าข้าพเจ้าจะเล่าก็คงพูดไม่หมดหรอก
    เพราะมีมากเสียจนนับไม่ถ้วน

พระองค์ไม่ใช่อยากได้แค่เครื่องบูชาหรือเมล็ดพืชบูชา
พระองค์ไม่ได้แสวงหาแค่เครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาชำระตัว
    แต่พระองค์ได้เปิดหูของข้าพเจ้าเพื่อให้ข้าพเจ้าได้ยินและเชื่อฟัง[a]
ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงพูดว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้ามาแล้ว
    ในหนังสือม้วนก็ได้เขียนถึงเรื่องราวของข้าพเจ้าไว้แล้ว
พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยากจะทำตามใจของพระองค์
    คำสั่งสอนของพระองค์ก็อยู่ในใจของข้าพเจ้าแล้ว”

ข้าพเจ้าได้บอกเรื่องข่าวดีนี้ในที่ชุมนุมใหญ่แล้ว
    คือได้บอกถึงสิ่งดีๆที่พระองค์ได้ทำ
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ก็รู้อยู่แล้วว่า
    ข้าพเจ้าจะไม่มีวันปิดริมฝีปากของข้าพเจ้าเลย
10 ข้าพเจ้าไม่ได้ปิดบังเรื่องคุณความดีของพระองค์ไว้ในใจข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าได้พูดถึงความซื่อสัตย์และความรอดของพระองค์
ข้าพเจ้าไม่เคยซ่อนเรื่องความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์
    จากที่ชุมนุมใหญ่เลย

11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าได้ยับยั้งความเมตตาของพระองค์ต่อข้าพเจ้าเลย
    ช่วยปกป้องข้าพเจ้าด้วยความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์ตลอดไปด้วยเถิด

12 เพราะมีปัญหามากมายจนนับไม่ถ้วนล้อมรอบข้าพเจ้าอยู่
ความผิดบาปทั้งหลายของข้าพเจ้าไล่ทันข้าพเจ้า
    ดังนั้นข้าพเจ้าจึงมองไม่เห็นทางหนี
ความบาปพวกนั้นมีมากยิ่งกว่าเส้นผมบนหัวของข้าพเจ้าเสียอีก
    ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงหมดกำลังใจแล้ว

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ รีบมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
14 ขอให้คนเหล่านั้นที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพเจ้าได้รับความอับอาย และพบกับความพ่ายแพ้
    ขอให้คนเหล่านั้นที่อยากจะทำร้ายข้าพเจ้า พากันล่าถอยกลับไปและได้รับความอัปยศอดสู
15 ขอให้คนพวกนั้นที่พูดเยาะเย้ยข้าพเจ้าว่า “เสร็จแน่ เสร็จแน่”
    ได้รับความอับอายมากซะจนพูดไม่ออก
16 ขอให้คนเหล่านั้นที่เสาะแสวงหาพระองค์ มีความชื่นชมยินดี และมีความสุข
ขอให้คนเหล่านั้นที่รักความรอดที่มาจากพระองค์
    ได้พูดแล้วพูดอีกว่า “พระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่”

17 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า
    โปรดนึกถึงข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้านั้นยากจนและไม่มีใครช่วย
พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์เป็นผู้ที่ช่วยเหลือข้าพเจ้า
    เป็นผู้ช่วยกู้ของข้าพเจ้า อย่าได้ชักช้าอยู่เลย

สดุดี 54

พระเจ้าเป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้า

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบการร้อง บทกวีมัสคิลของดาวิด ในเวลาที่พวกศิฟิมไปหากษัตริย์ซาอูล และบอกเขาว่า “ดาวิดกำลังซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มพวกเรา”[a]

54 ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยอำนาจของพระองค์
    โปรดช่วยสู้คดีของข้าพเจ้า ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    โปรดเงี่ยหูฟังคำพูดจากปากของข้าพเจ้า
คนแปลกหน้า ต่างลุกฮือขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า
    พวกคนโหดร้ายไล่ล่าชีวิตข้าพเจ้า
    พวกเขาไม่แยแสต่อพระเจ้า เซลาห์

ดูเถิด พระเจ้าคือผู้ที่ช่วยเหลือข้าพเจ้า
    องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้าคือผู้ที่ดูแลรักษาชีวิตของข้าพเจ้าอยู่
ขอให้สิ่งชั่วร้ายที่พวกศัตรูวางแผนจะทำกับข้าพเจ้าเกิดขึ้นกับพวกเขาเอง
    โปรดแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่าพระองค์ซื่อสัตย์ต่อข้าพเจ้าโดยทำลายพวกเขาด้วยเถิด

แล้วข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาที่สมัครใจเอามาเองให้กับพระองค์
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระองค์เพราะพระองค์นั้นดี
เพราะพระเจ้าช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความทุกข์ยากต่างๆ
    ข้าพเจ้าได้เห็นศัตรูล้มลงต่อหน้าต่อตา

สดุดี 51

คำอธิษฐานขอการยกโทษ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด เขียนตอนที่นาธันผู้พูดแทนพระเจ้ามาหาดาวิด หลังจากที่ดาวิดไปมีเพศสัมพันธ์กับบัทเชบาแล้ว[a]

51 ข้าแต่พระเจ้า โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ และมีเมตตาปรานีต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดแสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์และขจัดการกบฏของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ช่วยขัดถูความผิดของข้าพเจ้าให้หมดไป
    และชำระข้าพเจ้าจากบาปของข้าพเจ้า

เพราะข้าพเจ้ารู้ถึงการกบฏที่ได้ก่อไว้
    ข้าพเจ้ายังคิดถึงบาปของข้าพเจ้าอยู่เรื่อย
ข้าพเจ้าทำบาปต่อพระองค์ต่อพระองค์ผู้เดียว
    ข้าพเจ้าทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าชั่วร้าย
ดังนั้นพระองค์ทำถูกต้องแล้วที่ประณามข้าพเจ้า
    พระองค์ตัดสินโทษข้าพเจ้าอย่างยุติธรรม
ดูเถิด ข้าพเจ้าเกิดมาในความผิดบาป
    และแม่ของข้าพเจ้าก็ตั้งท้องข้าพเจ้ามาในบาป

พระองค์ต้องการให้ความจริงฝังลึกเข้าไปภายในข้าพเจ้า
    พระองค์ต้องการให้ข้าพเจ้ารู้จักสติปัญญาภายในส่วนลึกนั้นของข้าพเจ้า
โปรดกำจัดความบาปของข้าพเจ้าด้วยกิ่งหุสบ[b] เพื่อข้าพเจ้าจะได้บริสุทธิ์
    ขัดถูข้าพเจ้าให้สะอาดและทำให้ข้าพเจ้าขาวยิ่งกว่าหิมะด้วยเถิด
ช่วยพูดสิ่งที่จะนำความยินดีและความสุขมาให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดทำให้กระดูกพวกนี้ที่พระองค์หักเป็นชิ้นๆได้กลับชื่นชมยินดีอีกครั้ง
เมินหน้าไปจากบาปทั้งหลายของข้าพเจ้า
    ขจัดความผิดทั้งหมดของข้าพเจ้าด้วยเถิด

10 ข้าแต่พระเจ้า โปรดสร้างใจอันบริสุทธิ์ให้กับข้าพเจ้า
    โปรดใส่จิตวิญญาณใหม่ที่จงรักภักดีลงไปในข้าพเจ้า
11 โปรดอย่าได้ผลักไสข้าพเจ้าให้พ้นไปจากหน้าของพระองค์
    โปรดอย่าเอาพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า
12 โปรดคืนความชื่นชมยินดีที่ข้าพเจ้าได้รับตอนที่พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอด
    โปรดช่วยค้ำชูข้าพเจ้าโดยให้จิตวิญญาณที่เต็มใจเชื่อฟังพระองค์

13 แล้วข้าพเจ้าจะสอนพวกที่ชอบกบฏให้รู้จักทางต่างๆของพระองค์
    แล้วคนบาปพวกนั้นจะได้หันกลับมาหาพระองค์
14 ข้าแต่พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
    โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นโทษตายด้วยเถิด[c]
    แล้วข้าพเจ้าจะได้ร้องเพลงถึงความดีของพระองค์อย่างมีความสุข

15 องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า โปรดเปิดริมฝีปากของข้าพเจ้า
    แล้วปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
16 รู้อยู่แล้วว่า พระองค์ไม่ยินดีในเครื่องบูชา
    ไม่อย่างนั้น ข้าพเจ้าก็นำมาถวายให้แล้ว พระองค์ไม่พอใจในเครื่องเผาบูชา
17 แต่เครื่องบูชาที่พระองค์ต้องการคือจิตวิญญาณที่อ่อนน้อม
    พระองค์จะไม่ดูถูกคนที่มีใจที่อ่อนน้อมและเสียใจกับบาปที่เขาทำ

18 ข้าแต่พระเจ้า ด้วยความกรุณาของพระองค์ ขอพระองค์ช่วยทำสิ่งดีๆให้กับเมืองศิโยน
    และสร้างกำแพงเมืองเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ด้วยเถิด
19 แล้วเมื่อนั้น พระองค์จะยอมรับเครื่องบูชาที่คนถวายอย่างถูกต้อง
    และเครื่องเผาบูชาทั้งตัว
    และเมื่อนั้นประชาชนจะสามารถถวายพวกวัวผู้บนแท่นบูชาของพระองค์ได้อีกครั้งหนึ่ง

1 พงศ์กษัตริย์ 18:20-40

20 กษัตริย์อาหับจึงส่งข่าวไปทั่วทั้งอิสราเอลและเรียกประชุมพวกผู้พูดแทนพระปลอมเหล่านั้นที่บนภูเขาคารเมล 21 เอลียาห์ได้ไปอยู่ข้างหน้าของประชาชนทั้งหมดและพูดว่า “นี่พวกเจ้ายังจะลังเลสองจิตสองใจอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน ถ้าพระยาห์เวห์คือพระเจ้า ให้ติดตามพระองค์ไป แต่ถ้าพระบาอัลเป็นพระเจ้า ก็ให้ติดตามเขาไป”

แต่ประชาชนไม่ตอบเขาสักคำ 22 แล้วเอลียาห์ก็พูดกับพวกเขาว่า “เราเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าเพียงคนเดียวของพระยาห์เวห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่พระบาอัลมีผู้พูดแทนมันอยู่ถึงสี่ร้อยห้าสิบคน 23 ให้เอาวัวตัวผู้สองตัวมาให้พวกเรา ให้พวกเขาเป็นคนเลือกว่าพวกเขาจะเอาตัวไหน และให้พวกเขาตัดมันเป็นท่อนๆไปวางไว้บนฟืนแต่อย่าจุดไฟ เราจะไปเตรียมวัวอีกตัวหนึ่งและจะวางมันไว้บนฟืนที่ไม่จุดไฟเหมือนกัน 24 แล้วพวกเจ้าก็ร้องเรียกชื่อพระของพวกเจ้า ส่วนเราก็จะร้องเรียกชื่อของพระยาห์เวห์ แล้วพระที่ตอบรับด้วยไฟนั้น ก็คือพระเจ้า”

แล้วประชาชนทั้งหมดก็พูดว่า “สิ่งที่ท่านพูดมานั้นเข้าท่าดี”

25 เอลียาห์พูดกับพวกผู้พูดแทนพระบาอัลว่า “เลือกวัวตัวผู้มาตัวหนึ่งและจัดเตรียมมันก่อน เพราะพวกเจ้ามีคนมากมาย เรียกชื่อพระของพวกเจ้าแต่อย่าเพิ่งจุดไฟ”

26 พวกเขาจึงเลือกวัวออกมาตัวหนึ่งและเตรียมมันไว้ แล้วพวกเขาก็ร้องเรียกชื่อของพระบาอัลตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง พวกเขาได้ตะโกนว่า “ข้าแต่พระบาอัล โปรดตอบพวกเราด้วยเถิด” แต่ไม่มีการตอบรับใดๆ ไม่มีเสียงหรือการตอบรับอะไรเลย พวกเขาก็เต้นรำไปรอบๆแท่นบูชาที่พวกเขาสร้างขึ้นมา

27 ในตอนเที่ยง เอลียาห์เริ่มพูดเยาะเย้ยคนเหล่านั้นว่า “ตะโกนดังขึ้นอีกสิ เขาเป็นพระเจ้าอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะใจลอยอยู่ บางทีเขาอาจกำลังเข้าส้วมอยู่ หรือกำลังเดินทางอยู่ หรืออาจจะนอนหลับอยู่ จะต้องให้พวกเจ้าปลุกมั้ง” 28 พวกเขาจึงตะโกนดังขึ้น และใช้ดาบกับหอกกรีดตัวเองซึ่งเป็นประเพณีของพวกเขาอยู่แล้ว จนเลือดไหลออกมา 29 เลยเวลาเที่ยงวันไปแล้ว พวกเขายังคงทำสิ่งที่บ้าคลั่งเช่นนั้นต่อไปจนถึงเวลาบูชาในตอนเย็น แต่ก็ยังไม่มีเสียง ไม่มีคำตอบ และไม่มีการตอบรับ

30 แล้วเอลียาห์พูดกับประชาชนทั้งหมดว่า “เข้ามาใกล้ๆเราหน่อย” พวกเขาทุกคนก็เลยเข้าไปใกล้ และเอลียาห์ซ่อมแซมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ที่ถูกรื้อไปนั้น 31 เอลียาห์เอาก้อนหินสิบสองก้อนมาตามจำนวนเผ่าของพวกลูกชายของยาโคบ (พระคำของพระยาห์เวห์เคยมาถึงยาโคบว่า “เจ้าจะมีชื่อว่าอิสราเอล”) 32 เอลียาห์สร้างแท่นบูชาขึ้นด้วยหินทั้งสิบสองก้อนนั้นในนามของพระยาห์เวห์ เขาขุดร่องรอบๆแท่นบูชานั้น ใหญ่เพียงพอที่จะใส่เมล็ดพืชได้สองถัง[a] 33 เขาจัดกองไม้ฟืน และตัดวัวออกเป็นท่อนๆแล้ววางมันลงบนไม้ฟืน แล้วก็พูดกับคนเหล่านั้นว่า “ตักน้ำใส่เหยือกทั้งสี่เหยือกของพวกเจ้าให้เต็ม และเทมันลงบนเครื่องบูชาและบนไม้ฟืนนี้” 34 แล้วเขาบอกให้ทำอย่างนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง และคนเหล่านั้นก็ทำเป็นครั้งที่สอง แล้วเขาก็บอกให้พวกนั้นทำอีกเป็นครั้งที่สาม แล้วพวกนั้นก็ทำอย่างนั้นเป็นครั้งที่สาม 35 น้ำไหลนองลงมารอบๆแท่นบูชาและไหลจนท่วมร่องนั้น

36 ในช่วงเวลาของการบูชานั้นเอง เอลียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าได้ก้าวออกไปที่ด้านหน้าและอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและอิสราเอล ในวันนี้ ขอพระองค์ทำให้คนรู้เถิดว่า พระองค์คือพระเจ้าแห่งอิสราเอล และรู้ว่าข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์และได้ทำสิ่งเหล่านี้ไปตามคำสั่งของพระองค์ 37 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอตอบรับข้าพเจ้าด้วย ตอบรับข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อว่าประชาชนเหล่านี้จะได้รู้ว่าพระองค์ พระยาห์เวห์คือพระเจ้า และรู้ว่าพระองค์จะหันเหหัวใจของพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์อีกครั้ง”

38 แล้วไฟของพระยาห์เวห์ได้ตกลงมาและเผาไหม้เครื่องสัตวบูชา กองฟืน ก้อนหินทั้งหมด รวมทั้งดิน และยังลามลงไปในน้ำที่อยู่ในร่องด้วย 39 เมื่อประชาชนทั้งหมดได้เห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาต่างก็หมอบลงและร้องว่า “พระยาห์เวห์ พระองค์คือพระเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์คือพระเจ้า”

40 แล้วเอลียาห์ก็สั่งพวกเขาว่า “จับพวกผู้พูดแทนพระบาอัลไว้ อย่าให้ใครหนีรอดไปได้” พวกเขาจับตัวคนเหล่านั้นไว้ และเอลียาห์ก็ให้นำตัวพวกนั้นลงไปที่หุบเขาคีโชนและฆ่าพวกนั้นทิ้งที่นั่น

ฟีลิปปี 3:1-16

พระเยซูสำคัญที่สุด

สุดท้ายนี้ พี่น้องครับ ให้ชื่นชมยินดีในองค์เจ้าชีวิต ผมไม่เบื่อที่จะเขียนเรื่องเหล่านี้อีก และการเขียนซ้ำจะช่วยพวกคุณให้ยืนหยัดมั่นคง ให้ระวังไอ้หมาพวกนั้น ระวังไอ้พวกนั้นที่ทำชั่ว ระวังไอ้พวกนั้นที่ชอบหั่นเนื้อหนังคน[a] เพราะเป็นพวกเรานี่แหละที่ได้รับพิธีขลิบที่แท้จริง เป็นพวกเรานี่แหละที่นมัสการด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเราอวดพระเยซูคริสต์ ไม่ได้พึ่งฝ่ายเนื้อหนังหรือสิ่งดีๆที่เรามี ทั้งๆที่ผมมีเหตุผลมากมายที่จะพึ่งสิ่งต่างๆพวกนี้ แต่ถ้าใครคิดว่าเขามีเหตุผลที่จะไว้วางใจในสิ่งที่อยู่ภายนอกแล้วละก็ ผมเปาโล มีมากยิ่งกว่าเขาเสียอีก คือผมได้เข้าพิธีขลิบตอนอายุได้แปดวัน ผมเป็นคนเชื้อชาติอิสราเอล มาจากเผ่าเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูแท้ๆ เกิดจากพ่อแม่ชาวฮีบรู ในเรื่องศาสนา ผมอยู่ในกลุ่มที่เคร่งครัดที่สุด คือกลุ่มฟาริสี ผมร้อนรนมากถึงขนาดไปข่มเหงหมู่ประชุมของพระเจ้า ส่วนเรื่องการทำตามกฎของโมเสสนั้น ผมไม่เคยทำผิดเลย แต่เพราะเห็นแก่พระคริสต์ สิ่งต่างๆเหล่านั้นที่ครั้งหนึ่งผมถือว่ามีค่ามาก ตอนนี้ผมถือว่าไร้ค่าแล้ว ความจริงแล้ว ผมถือว่าทุกอย่างนั้นไร้ค่า เพราะเห็นแก่สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้นมากนัก คือการที่ได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของผม ผมยอมสูญสิ้นทุกอย่างเพื่อพระคริสต์ และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนขยะ เพื่อจะได้พระคริสต์ ผมอยากจะมีสายสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้าที่เกิดจากความซื่อสัตย์สุจริตของพระคริสต์[b] มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎของโมเสส สายสัมพันธ์ที่ถูกต้องนี้มาจากพระเจ้า และขึ้นอยู่กับความเชื่อ 10 ผมอยากจะรู้จักกับพระคริสต์ และฤทธิ์อำนาจอันเดียวกันที่ทำให้พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตาย ผมอยากร่วมทุกข์กับพระองค์ และตายไปเหมือนพระองค์ 11 เพื่อผมเองจะได้ฟื้นขึ้นจากความตายด้วย แต่จะฟื้นอย่างไรผมเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน

พยายามให้ถึงเป้าหมาย

12 ไม่ใช่ว่าผมได้สิ่งเหล่านั้นแล้ว หรือถึงเป้าหมายแล้ว แต่ผมมุ่งหน้าไปอย่างแน่วแน่เพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น เพื่อจะได้คว้ารางวัลนั้นมาให้ได้ เพราะนั่นเป็นสาเหตุที่พระเยซูคริสต์ได้คว้าผมมาไว้เป็นของพระองค์ 13-14 พี่น้องครับ ผมถือว่าผมยังคว้ารางวัลนั้นมาไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่ผมทำอยู่ คือลืมเรื่องในอดีตเสียและโน้มตัวไปข้างหน้า วิ่งตรงดิ่งเข้าสู่เส้นชัย เพื่อจะได้รับรางวัลที่พระเจ้าได้เรียกพวกเราที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ให้ขึ้นไปรับบนสวรรค์

15 ขอให้พวกเราทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่คิดแบบนี้ ถ้าหากบางเรื่องคุณไม่เห็นด้วย พระเจ้าก็จะเปิดเผยให้คุณเข้าใจเอง 16 ขอเพียงแค่ว่า ให้เราใช้ชีวิตให้สอดคล้องถึงระดับของความเข้าใจที่เราเอื้อมถึงแล้ว

มัทธิว 3:1-12

งานของยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำ

(มก. 1:1-8; ลก. 3:1-9, 15-17; ยน. 1:19-28)

ในเวลานั้น ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำ เริ่มประกาศสั่งสอนอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งในแคว้นยูเดีย เขาประกาศว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่ เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์[a] ใกล้มาถึงแล้ว” อิสยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้าได้พูดถึงยอห์นคนนี้ว่า

“มีเสียงคนร้องตะโกนอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งว่า
‘เตรียมทางให้องค์เจ้าชีวิต
    และทำทางสำหรับพระองค์ให้ตรง’”(A)

เสื้อผ้าของยอห์นทำจากขนอูฐ และเขาใช้หนังสัตว์คาดเอว เขากินตั๊กแตน[b] และน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร ในเวลานั้น มีคนจำนวนมากจากเมืองเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย และแถวๆบริเวณแม่น้ำจอร์แดนทั้งหมด ต่างก็ออกมาฟังยอห์นสั่งสอน พวกเขาสารภาพความผิดบาปทั้งหลายของตน และยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้กับพวกเขาในแม่น้ำจอร์แดน

เมื่อยอห์นเห็นพวกฟาริสี และพวกสะดูสี เป็นจำนวนมากพากันมา จะให้เขาทำพิธีจุ่มน้ำให้ ยอห์นพูดกับพวกเขาว่า “ไอ้ชาติอสรพิษ ใครเตือนให้พวกแกหลบหนีจากการลงโทษของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึง พิสูจน์ให้ดูสิว่าแกกลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ อย่านึกเอาเองว่า ‘พวกเราไม่ถูกลงโทษหรอก เพราะพวกเราเป็นลูกหลานของอับราฮัม’ โธ่เอ๋ย ผมจะบอกให้รู้ว่า พระเจ้าสามารถเสกก้อนหินพวกนี้ให้กลายเป็นลูกหลานของอับราฮัมก็ได้ 10 ขวานได้เตรียมไว้พร้อมแล้วเพื่อจะโค่นต้นไม้ทุกต้น[c] ที่ไม่เกิดผลดี แล้วเอาไปโยนทิ้งในกองไฟ

11 ผมทำพิธีจุ่มให้ด้วยน้ำ เพื่อให้รู้ว่าพวกคุณได้กลับตัวกลับใจแล้ว แต่จะมีผู้หนึ่งที่มาทีหลังผม ยิ่งใหญ่กว่าผมมาก ขนาดรองเท้าสานของเขา ผมยังไม่ดีพอที่จะถอดให้เลย เขาจะทำพิธีจุ่มให้กับพวกคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยไฟ 12 มือของเขาถือพลั่วพร้อมแล้วที่จะสะสางลานข้าวจนทั่วและจะแยกแกลบออกจากข้าว[d] จะเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของเขา ส่วนแกลบก็เอาไปเผากับไฟที่ไม่มีวันดับ”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International