M’Cheyne Bible Reading Plan
การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งที่สอง
26 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากภัยพิบัติคือ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและเอเลอาซาร์บุตรอาโรนปุโรหิตว่า 2 “จงสำรวจสำมะโนประชากรของชาวอิสราเอลทั้งมวล ตามตระกูลของผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ที่สามารถสู้รบเพื่ออิสราเอลได้” 3 โมเสสและเอเลอาซาร์ปุโรหิตพูดกับประชาชน ณ ที่ราบโมอับ ริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดนที่ฝั่งตรงข้ามกับเยรีโคว่า 4 “จงสำรวจสำมะโนประชากรของผู้มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส” ชาวอิสราเอลที่ออกมาจากอียิปต์คือ
5 บรรดาบุตรของรูเบนผู้เป็นบุตรหัวปีของอิสราเอล สืบจากฮาโนค คือครอบครัวของชาวฮาโนค สืบจากปัลลู คือครอบครัวของชาวปัลลู 6 สืบจากเฮสโรน คือครอบครัวของชาวเฮสโรน สืบจากคาร์มี คือครอบครัวของชาวคาร์มี 7 นี่คือครอบครัวของชาวรูเบน นับจำนวนได้ 43,730 คน 8 บุตรของปัลลูคือเอลีอับ 9 บรรดาบุตรของเอลีอับคือ เนมูเอล ดาธาน และอะบีราม ทั้งดาธานและอะบีรามเป็นคนที่ได้รับเลือกจากมวลชน ทั้งสองขัดขืนโมเสสและอาโรน และเป็นพรรคพวกของโคราห์ในครั้งที่ขัดขืนพระผู้เป็นเจ้า 10 แผ่นดินได้กลืนพวกเขาไปพร้อมๆ กับโคราห์และพรรคพวกที่ตาย และไฟเผาผลาญชาย 250 คน เหตุที่เกิดขึ้นเป็นหมายสำคัญที่เตือนอิสราเอล 11 แต่บรรดาบุตรของโคราห์ไม่ตาย
12 บุตรของสิเมโอนตามลำดับครอบครัว สืบจากเนมูเอล คือครอบครัวของชาวเนมูเอล สืบจากยามีน คือครอบครัวของชาวยามีน สืบจากยาคีน คือครอบครัวของชาวยาคีน 13 สืบจากเศรัค คือครอบครัวของชาวเศรัค สืบจากชาอูล คือครอบครัวของชาวชาอูล 14 นี่คือครอบครัวของชาวสิเมโอน นับจำนวนได้ 22,200 คน
15 บุตรของกาดตามลำดับครอบครัว สืบจากเศโฟน คือครอบครัวของชาวเศโฟน สืบจากฮักกี คือครอบครัวของชาวฮักกี สืบจากชูนี คือครอบครัวของชาวชูนี 16 สืบจากโอสนี คือครอบครัวของชาวโอสนี สืบจากเอรี คือครอบครัวของชาวเอรี 17 สืบจากอาโรด คือครอบครัวของชาวอาโรด สืบจากอาเรลี คือครอบครัวของชาวอาเรลี 18 นี่คือครอบครัวของกาด นับจำนวนได้ 40,500 คน
19 เอร์และโอนันเป็นบุตรของยูดาห์ สองคนนี้เสียชีวิตในแผ่นดินคานาอัน 20 บุตรของยูดาห์ตามลำดับครอบครัว สืบจากเชลาห์ คือครอบครัวของชาวเชลาห์ สืบจากเปเรศ คือครอบครัวของชาวเปเรศ สืบจากเศรัค คือครอบครัวของชาวเศรัค 21 บุตรของเปเรศ สืบจากเฮสโรน คือครอบครัวของชาวเฮสโรน สืบจากฮามูล คือครอบครัวของชาวฮามูล 22 นี่คือครอบครัวของยูดาห์ นับจำนวนได้ 76,500 คน
23 บุตรของอิสสาคาร์ตามลำดับครอบครัว สืบจากโทลา คือครอบครัวของชาวโทลา สืบจากปูวาห์ คือครอบครัวของชาวปูวาห์ 24 สืบจากยาชูบ คือครอบครัวของชาวยาชูบ สืบจากชิมโรน คือครอบครัวของชาวชิมโรน 25 นี่คือครอบครัวของอิสสาคาร์ นับจำนวนได้ 64,300 คน
26 บุตรของเศบูลุนตามลำดับครอบครัว สืบจากเสเรด คือครอบครัวของชาวเสเรด สืบจากเอโลน คือครอบครัวของชาวเอโลน สืบจากยาเลเอล คือครอบครัวของชาวยาเลเอล 27 นี่คือครอบครัวของชาวเศบูลุน นับจำนวนได้ 60,500 คน
28 บุตรของโยเซฟตามบรรดาครอบครัวทางมนัสเสห์และเอฟราอิม 29 บุตรของมนัสเสห์ สืบจากมาคีร์ คือครอบครัวของชาวมาคีร์ มาคีร์เป็นบิดาของกิเลอาด สืบจากกิเลอาด คือครอบครัวของชาวกิเลอาด 30 รายชื่อต่อไปนี้เป็นบุตรของกิเลอาด สืบจากอีเยเซอร์ คือครอบครัวของชาวอีเยเซอร์ สืบจากเฮเลค คือครอบครัวของชาวเฮเลค 31 สืบจากอัสรีเอล คือครอบครัวของชาวอัสรีเอล สืบจากเชเคม คือครอบครัวของชาวเชเคม 32 สืบจากเชมิดา คือครอบครัวของชาวเชมิดา สืบจากเฮเฟอร์ คือครอบครัวของชาวเฮเฟอร์ 33 เศโลเฟหัดบุตรของเฮเฟอร์ไม่มีบุตรชาย มีแต่บุตรหญิงชื่อ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และทีรซาห์ 34 นี่คือครอบครัวของมนัสเสห์ นับจำนวนได้ 52,700 คน
35 บุตรของเอฟราอิมตามลำดับครอบครัว สืบจากชูเธลาห์ คือครอบครัวของชาวชูเธลาห์ สืบจากเบเคอร์ คือครอบครัวของชาวเบเคอร์ สืบจากทาหาน คือครอบครัวของชาวทาหาน 36 นี่คือบุตรของชูเธลาห์ สืบจากเอราน คือครอบครัวของชาวเอราน 37 นี่คือครอบครัวของเอฟราอิม นับจำนวนได้ 32,500 คน บุตรของโยเซฟตามลำดับครอบครัว
38 บุตรของเบนยามินตามลำดับครอบครัว สืบจากเบ-ลา คือครอบครัวของชาวเบ-ลา สืบจากอัชเบล คือครอบครัวของชาวอัชเบล สืบจากอาหิรัม คือครอบครัวของชาวอาหิรัม 39 สืบจากเชฟูฟาม คือครอบครัวของชาวเชฟูฟาม สืบจากหุฟาม คือครอบครัวของชาวหุฟาม 40 บุตรของเบ-ลา สืบทางอาร์ดและนาอามาน สืบจากอาร์ด คือครอบครัวของชาวอาร์ด สืบจากนาอามาน คือครอบครัวของชาวนาอามาน 41 นี่คือครอบครัวของเบนยามิน นับจำนวนได้ 45,600 คน
42 บุตรของดานตามลำดับครอบครัว สืบจากชูฮัม คือครอบครัวของชาวชูฮัม ครอบครัวที่กล่าวมานี้คือครอบครัวของดาน 43 ทุกคนเป็นครอบครัวของชาวชูฮัม และนับจำนวนได้ 64,400 คน
44 บุตรของอาเชอร์ตามลำดับครอบครัว สืบจากอิมนาห์ คือครอบครัวของชาวอิมนาห์ สืบจากอิชวี คือครอบครัวของชาวอิชวี สืบจากเบรีอาห์ คือครอบครัวของชาวเบรีอาห์ 45 จากบรรดาบุตรของเบรีอาห์ สืบจากเฮเบอร์ คือครอบครัวของชาวเฮเบอร์ สืบจากมัลคีเอล คือครอบครัวของชาวมัลคีเอล 46 อาเชอร์มีบุตรหญิงชื่อเสราห์ 47 นี่คือครอบครัวของอาเชอร์ นับจำนวนได้ 53,400 คน
48 บุตรของนัฟทาลีตามลำดับครอบครัว สืบจากยาเซเอล คือครอบครัวของชาวยาเซเอล สืบจากกูนี คือครอบครัวของชาวกูนี 49 สืบจากเยเซอร์ คือครอบครัวของชาวเยเซอร์ สืบจากชิลเลม คือครอบครัวของชาวชิลเลม 50 นี่คือครอบครัวของนัฟทาลี นับจำนวนได้ 45,400 คน
51 รวมจำนวนชายชาวอิสราเอลทั้งหมดได้ 601,730 คน
52 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 53 “จงแบ่งแผ่นดินให้คนเหล่านี้รับเป็นมรดกตามจำนวนรายชื่อ 54 เจ้าจงให้ชนกลุ่มใหญ่รับมรดกผืนใหญ่ และชนกลุ่มน้อยรับมรดกผืนเล็ก คือแต่ละกลุ่มจะได้รับมรดกตามจำนวนคน 55 แต่แผ่นดินจะถูกแบ่งด้วยการจับฉลาก ให้พวกเขารับมรดกตามรายชื่อเผ่าของบิดาของเขา 56 มรดกแต่ละผืนจะต้องแจกจ่ายตามฉลากที่จับได้ คือแยกเป็นฉลากของเผ่าใหญ่ และฉลากของเผ่าเล็ก”
57 นี่คือชาวเลวีที่นับได้ตามบรรดาครอบครัว สืบจากเกอร์โชน คือครอบครัวของชาวเกอร์โชน สืบจากโคฮาท คือครอบครัวของชาวโคฮาท สืบจากเมรารี คือครอบครัวของชาวเมรารี 58 มีครอบครัวของชาวเลวีอีกคือ ครอบครัวลิบนี ครอบครัวเฮโบรน ครอบครัวมัคลี ครอบครัวมูชี ครอบครัวโคราห์ โคฮาทเป็นบิดาของอัมราม 59 ภรรยาของอัมรามชื่อโยเคเบดบุตรหญิงของเลวี เกิดแก่เลวีที่อียิปต์ นางมีบุตรกับอัมรามชื่อ อาโรน โมเสส และมิเรียมพี่สาวของท่าน 60 บุตรที่เกิดแก่อาโรนชื่อนาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ 61 นาดับและอาบีฮูตายเมื่อถวายไฟต้องห้าม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า[a] 62 ชายชาวเลวีทั้งหมดที่มีอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปนับจำนวนได้ 23,000 คนซึ่งไม่ได้นับรวมไว้ในกลุ่มชาวอิสราเอล เพราะพวกเขาไม่ได้รับมรดกร่วมกับชาวอิสราเอล
63 ที่กล่าวข้างต้นคือจำนวนชาวอิสราเอลที่โมเสสและเอเลอาซาร์ปุโรหิตนับได้ ณ ที่ราบโมอับ ริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดนที่ฝั่งตรงข้ามกับเยรีโค 64 จำนวนคนเหล่านี้ไม่ได้รวมอยู่ในจำนวนที่โมเสสและอาโรนปุโรหิตนับเป็นชาวอิสราเอลได้ในถิ่นทุรกันดารซีนาย 65 เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวถึงพวกเขาว่า “พวกเขาจะตายในถิ่นทุรกันดาร” ไม่มีชายใดเหลือสักคนเดียวนอกจากคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ และโยชูวาบุตรของนูน[b]
ร้องขอความช่วยเหลือ
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองพลับพลึง เพลงสดุดีของดาวิด
1 โอ พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
เพราะน้ำท่วมถึงคอข้าพเจ้าแล้ว
2 ข้าพเจ้าจมลงในตมลึก
และมิอาจใช้เท้ายึดเป็นหลักได้เลย
ข้าพเจ้าตกสู่ห้วงน้ำลึก
และคลื่นก็ซัดจนมิดศีรษะ
3 ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจนอ่อนแรง
ลำคอแห้งผาก
ข้าพเจ้ารอคอยพระเจ้าจนตาพร่า
4 พวกที่เกลียดชังข้าพเจ้าอย่างไร้สาเหตุ[a]
มีมากกว่าจำนวนเส้นผมบนศีรษะของข้าพเจ้า
มีศัตรูจำนวนมากอยากกำจัดข้าพเจ้าโดยไร้สาเหตุ
บังคับข้าพเจ้าให้คืนสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้ขโมย
5 โอ พระเจ้า พระองค์ทราบถึงความโง่เขลาของข้าพเจ้า
ความผิดต่างๆ ที่ข้าพเจ้าทำไปไม่อาจถูกซ่อนไว้จากพระองค์
6 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
อย่าปล่อยให้บรรดาผู้ที่วางใจในพระองค์ต้องอับอายเพราะข้าพเจ้า
อย่าปล่อยให้บรรดาผู้ที่แสวงหาพระองค์ถูกเหยียดหยามเพราะข้าพเจ้า
โอ พระเจ้าของอิสราเอล
7 ข้าพเจ้าทนต่อการสบประมาทก็เพื่อพระองค์
ข้าพเจ้าอับอายเป็นที่สุด
8 ข้าพเจ้าได้กลายเป็นคนแปลกหน้าของพวกพี่น้องข้าพเจ้า
และเหมือนคนต่างชาติของพี่น้องท้องเดียวกับข้าพเจ้า
9 ความปรารถนาอันแรงกล้าในเรื่องพระตำหนักของพระองค์ท่วมท้นใจข้าพเจ้า[b]
และการสบประมาทของพวกที่กระทำต่อพระองค์เป็นการสบประมาทข้าพเจ้า[c]
10 เวลาข้าพเจ้าร้องไห้ ข้าพเจ้าทนทุกข์ด้วยการอดอาหาร
และต้องทนต่อการสบประมาท
11 เวลาข้าพเจ้านุ่งห่มด้วยผ้ากระสอบ
ข้าพเจ้าเป็นที่น่าขบขันสำหรับพวกเขา
12 พวกที่นั่งอยู่ที่ประตูเมืองพูดเรื่องข้าพเจ้า
และเอาเรื่องของข้าพเจ้ามาแต่งเป็นเพลงของพวกขี้เมา
13 แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
ขึ้นอยู่กับกาลเวลาของพระองค์โดยแท้ โปรดตอบข้าพเจ้า
เพราะความช่วยเหลืออันแท้จริงของพระองค์
ตามความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีอยู่อย่างเอนกอนันต์
14 โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้จมลงในตม
ให้รอดพ้นจากพวกที่เกลียดชังข้าพเจ้า
และจากห้วงน้ำลึก
15 อย่าปล่อยให้คลื่นซัดมิดศีรษะข้าพเจ้า
อย่าให้ห้วงน้ำลึกกลืนข้าพเจ้า
และอย่าให้ปากหลุมปิดและกักข้าพเจ้าไว้
16 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดตอบข้าพเจ้าด้วย เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ประเสริฐนัก
และพระองค์มีความเมตตาอย่างยิ่ง โปรดหันมาทางข้าพเจ้าด้วย
17 อย่าซ่อนหน้าไปเสียจากผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะข้าพเจ้าตกอยู่ในความทุกข์ โปรดรีบตอบข้าพเจ้า
18 โปรดเข้ามาใกล้ข้าพเจ้าเถิด
ไถ่และช่วยข้าพเจ้าให้เป็นอิสระจากศัตรู
19 พระองค์ทราบว่าข้าพเจ้าถูกสบประมาท
อีกทั้งอับอายและถูกเหยียดหยาม
พระองค์ทราบว่าศัตรูทั้งปวงของข้าพเจ้าคือใคร
20 การถูกสบประมาททำให้ข้าพเจ้าเศร้าใจ
ข้าพเจ้าจึงสิ้นหวัง
ข้าพเจ้าไขว่คว้าหาความเห็นใจแต่ก็ไม่ได้รับ
และหามีใครมาปลอบประโลมไม่
21 และพวกเขาให้ข้าพเจ้ากินของขมเป็นอาหาร
และให้เหล้าองุ่นเปรี้ยวเพื่อดับกระหาย[d]
22 ให้งานเลี้ยงฉลองที่จัดไว้ที่ตรงหน้าพวกเขากลายเป็นบ่วงแร้ว
ให้เป็นการคืนสนองแก่เขาและเป็นกับดัก
23 ให้ตาของเขามืดลงเพื่อจะมองไม่เห็น
และทำให้บั้นเอวสั่นสะท้านอยู่เนืองๆ[e]
24 ขอพระองค์แสดงความขัดเคืองต่อพวกเขา
และให้ความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ตกอยู่กับพวกเขา
25 ขอให้ค่ายของพวกเขาร้าง
และอย่าได้มีผู้ใดอาศัยอยู่ในกระโจมของเขาเลย[f]
26 พวกเขาข่มเหงผู้ที่พระองค์ได้ลงโทษแล้ว
และผู้ที่พระองค์ทำให้บาดเจ็บ พวกเขายังจะทำให้ต้องรับทุกข์ทรมานมากขึ้นอีก
27 เพิ่มโทษแก่พวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก
และอย่าให้พวกเขาได้รับอภัยโทษจากพระองค์เลย
28 ให้ชื่อของพวกเขาถูกลบออกจากหนังสือแห่งชีวิต
อย่าให้พวกเขามีชื่ออยู่ในบันทึกเดียวกันกับบรรดาผู้มีความชอบธรรม
29 แต่ข้าพเจ้ามีทุกข์และเจ็บปวด
โอ พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นและอยู่ในที่ปลอดภัยเถิด
30 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามของพระเจ้าด้วยบทเพลง
และขอบคุณพระองค์โดยให้เห็นว่าพระองค์ยิ่งใหญ่
31 การกระทำเช่นนี้ย่อมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า ยิ่งกว่าการถวายโค
หรือโคหนุ่มที่มีเขาและกีบ
32 ให้ผู้ขัดสนได้เห็นและดีใจเถิด
ท่านที่แสวงหาพระเจ้าอย่าท้อใจเลย
33 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้ารับฟังผู้ยากไร้
และไม่ทอดทิ้งคนของพระองค์ที่ถูกคุมขัง
34 ให้สวรรค์และโลกสรรเสริญพระองค์
รวมทั้งทะเลและทุกสิ่งที่แหวกว่ายในทะเล
35 ด้วยว่า พระเจ้าจะช่วยศิโยนให้รอดพ้น
และสร้างเมืองต่างๆ ของยูดาห์ขึ้นใหม่
และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะได้อาศัยอยู่ที่นั่น
และครอบครองเมืองเหล่านั้น
36 บรรดาบุตรของผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับเป็นมรดก
และบรรดาผู้รักพระนามของพระองค์จะอาศัยอยู่ที่นั่น
16 พวกท่านจงส่งลูกแกะ
ให้แก่ผู้ปกครองแผ่นดิน
จากเมืองเส-ลา ไปตามทางถิ่นทุรกันดาร
ไปยังภูเขาของธิดาแห่งศิโยน
2 ธิดาแห่งโมอับที่เขตลำน้ำแห่งอาร์โนน
จะเป็นเหมือนนกที่กำลังบิน
เหมือนนกแตกรัง
3 “โปรดให้คำแนะนำ
ให้ความเป็นธรรม
ขอท่านเป็นร่มเงาดั่งยามราตรี
ขณะที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงในยามเที่ยงวัน
เป็นที่พักพิงของบรรดาผู้ถูกขับไล่
โปรดอย่าหักหลังผู้ลี้ภัย
4 ปล่อยให้ผู้ถูกขับไล่ของโมอับ
ร่วมทางไปกับท่าน
และเป็นที่พักพิงให้พวกเขา
พ้นจากผู้สังหาร”
เมื่อไม่มีผู้บีบบังคับอีกต่อไปแล้ว
และความพินาศยุติลง
และผู้ที่เหยียบย่ำสิ้นสูญไปจากแผ่นดินแล้ว
5 บัลลังก์ก็จะได้รับการสถาปนาด้วยความรักอันมั่นคง
และจะนั่งในความภักดี
ในกระโจมของดาวิด
ซึ่งเป็นผู้ตัดสินความและแสวงหาความเป็นธรรม
และพร้อมจะปฏิบัติด้วยความชอบธรรม
6 พวกเราเคยได้ยินถึงความภูมิใจของโมอับคือ
เขาภูมิใจเพียงใด
ความยโส ความภูมิใจ และการสบประมาทของเขา
การคุยโวโอ้อวดของเขานั้นไม่เป็นความจริง
7 ฉะนั้น ให้โมอับร้องไห้ฟูมฟายเพื่อโมอับเอง
ให้ทุกคนร้องไห้ฟูมฟาย
คร่ำครวญถึงขนมลูกเกด
ของเมืองคีร์หะเรเซทเป็นที่สุด
8 เพราะไร่นาของเมืองเฮชโบน
และเถาองุ่นของเมืองสิบมาห์แล้งนัก
บรรดาผู้ปกครองของบรรดาประชาชาติ
ได้หักโค่นกิ่งซึ่งเคยยื่นไปจนถึงเมืองยาเซอร์
และแผ่ออกไปถึงถิ่นทุรกันดาร
หน่อของมันแตกออกไปยังที่ต่างแดน
และผ่านข้ามทะเลไป
9 “ฉะนั้น เราร้องไห้ด้วยการร้องของยาเซอร์
เพื่อเถาองุ่นของสิบมาห์
โอ เมืองเฮชโบนและเมืองเอเลอาเลห์เอ๋ย
น้ำตาของเราทำให้เจ้าเปียกชุ่ม
เพราะผลไม้หน้าร้อนและการเก็บเกี่ยวข้าวของเจ้า
การโห่ร้องก็ได้หยุดลงแล้ว
10 ความยินดีและร่าเริงใจถูกพรากไปพร้อมกับไร่นาที่เคยอุดมสมบูรณ์
และไม่มีเสียงเพลงบรรเลงในสวนองุ่น
ไม่มีเสียงไชโยโห่ร้อง
ไม่มีคนย่ำองุ่นที่เครื่องสกัดเหล้าองุ่น
เราได้ทำให้เสียงร้องตะโกนยุติลง
11 ฉะนั้น ส่วนลึกในใจของเราร้องคร่ำครวญให้โมอับเหมือนพิณเล็ก
และส่วนลึกสุดของเราก็กระทำเช่นเดียวกันต่อคีร์หะเรเซท
12 เมื่อโมอับจะมาปรากฏตัว
เมื่อเขาเหนื่อยล้าที่สถานบูชาบนภูเขาสูง
เมื่อเขามายังพระตำหนักเพื่ออธิษฐาน
เขาก็จะทำไม่ได้”
13 นี่เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงโมอับมานานแล้ว 14 แต่บัดนี้ พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวว่า “ในอีก 3 ปี ซึ่งเป็นเหมือนวันเวลาของข้าทาส บารมีของโมอับจะถูกดูหมิ่น แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากมาย บรรดาผู้ที่ยังเหลืออยู่จะมีเพียงไม่กี่คนคือน้อยเหลือเกิน”
ใช้ชีวิตเพื่อพระเจ้า
4 ฉะนั้น ในเมื่อพระคริสต์ถูกทรมานทางร่างกาย ท่านจงมีความคิดอย่างเดียวกัน อันเป็นเสมือนอาวุธป้องกันตัวด้วย เพราะว่าผู้ที่ได้รับทุกข์ทรมานทางร่างกายไม่อยู่ใต้อำนาจบาป 2 ผลที่ได้รับก็คือ จะไม่ใช้ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ในโลกเพื่อปฏิบัติตามกิเลสของมนุษย์ แต่อยู่เพื่อปฏิบัติตามความประสงค์ของพระเจ้า 3 พวกท่านได้ใช้ชีวิตที่ผ่านมาในสิ่งที่คนนอกเลือกกระทำ คือใช้ชีวิตหมดไปกับความมักมากในกาม กิเลส ดื่มสุราเมามาย เฮฮามั่วสุม ดื่มจนหัวราน้ำ และบูชารูปเคารพอันน่าชัง 4 พวกเขาคงแปลกใจที่ท่านไม่ประพฤติชั่วคล้อยตามความเหลวแหลก และเขาก็ว่าร้ายท่าน 5 แต่พวกเขาจะต้องให้การต่อพระองค์ ซึ่งพร้อมที่จะพิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย 6 ด้วยเหตุนี้ข่าวประเสริฐได้ถูกประกาศ แม้แก่ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว และถึงแม้ว่าฝ่ายกายนั้นเขาถูกพิพากษาอย่างเช่นมนุษย์ทั่วๆ ไป แต่เขาจะได้มีชีวิตฝ่ายวิญญาณตามความประสงค์ของพระเจ้า
7 การสิ้นสุดของสิ่งทั้งหลายใกล้เข้ามาแล้ว ฉะนั้นจงมีสติสัมปชัญญะ และรู้จักควบคุมตนเองเพื่ออธิษฐาน 8 เหนือสิ่งอื่นใดแล้วท่านจงรักกันและกันอย่างลึกซึ้ง เพราะว่าความรักให้อภัยบาปมากมายได้ 9 จงต้อนรับกันและกันโดยไม่บ่น 10 ทุกคนควรใช้ของประทานที่ตนได้รับเพื่อรับใช้ผู้อื่น เป็นผู้รับมอบหมายที่ดี โดยการแสดงพระคุณนานาประการของพระเจ้า 11 ถ้าผู้ใดจะพูด ก็ให้พูดเสมือนเป็นคำที่มาจากพระเจ้า ถ้าผู้ใดรับใช้ก็ควรปฏิบัติด้วยพลังซึ่งพระเจ้าให้ เพื่อว่าในทุกสิ่งที่ท่านกระทำไป พระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญโดยผ่านพระเยซูคริสต์ ขอพระบารมีและอานุภาพจงมีแด่พระองค์ชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน
ทนทุกข์ทรมานเพราะเป็นคริสเตียน
12 ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าประหลาดใจกับความทุกข์ที่ท่านรับอย่างแสนสาหัส เสมือนว่าเป็นสิ่งแปลกที่เกิดขึ้นกับท่าน 13 แต่จงชื่นชมยินดีว่าท่านร่วมรับความทุกข์กับพระคริสต์ เพื่อท่านจะได้ร่าเริงใจยิ่งเมื่อพระบารมีของพระองค์มาปรากฏ 14 ถ้าท่านถูกเหยียดหยามเพราะพระนามของพระคริสต์ ท่านก็ได้รับพระพร เพราะพระวิญญาณพระเจ้าอันกอปรด้วยพระสง่าราศีสถิตกับท่าน 15 ถ้าท่านทนทุกข์ทรมาน ก็อย่าให้เป็นเหตุอันเนื่องมาจากฆาตกรรม การลักขโมย เป็นคนชั่วร้าย หรือเป็นคนเข้าไปยุ่งกับกิจธุระของผู้อื่นโดยไม่จำเป็น 16 อย่างไรก็ตามถ้าท่านทนทุกข์ทรมานเพราะว่าท่านเป็นคริสเตียน ก็อย่าได้ละอายใจ แต่จงสรรเสริญพระเจ้าเพราะพระนามนั้น 17 ถึงเวลาที่การพิพากษาจะเริ่มต้นกับครอบครัวของพระเจ้า และถ้าเริ่มต้นกับพวกเราแล้ว ผู้ที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะได้รับผลเช่นไร 18 และ
“ถ้ายากสำหรับคนที่มีความชอบธรรมจะได้รับความรอดพ้น
แล้วคนที่ไร้คุณธรรมกับคนบาปเล่าจะเป็นอย่างไร”[a]
19 ดังนั้นแล้ว เมื่อผู้ใดปฏิบัติตามความประสงค์ของพระเจ้าและต้องทนทุกข์ทรมาน ก็จงให้ผู้นั้นฝากฝังจิตวิญญาณของเขากับผู้ที่ไว้วางใจได้ คือองค์ผู้สร้างสิ่งทั้งปวง และจงประพฤติดีต่อไปเถิด
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation