Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กันดารวิถี 24

คำพยากรณ์ครั้งที่สามของบาลาอัม

24 ครั้นบาลาอัมเห็นว่าการที่ได้อวยพรอิสราเอลเป็นที่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า เขาไม่ได้หันไปพึ่งเวทมนตร์คาถาเหมือนครั้งอื่นๆ แต่กลับหันหน้าไปทางถิ่นทุรกันดาร เมื่อบาลาอัมเงยหน้าขึ้นและเห็นอิสราเอลไปตั้งค่ายตามเผ่าของตน เขาเปี่ยมด้วยพระวิญญาณพระเจ้า และเขาก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า

“คำพยากรณ์ของบาลาอัม บุตรเบโอร์
    คำพยากรณ์ของผู้มองเห็นอย่างกระจ่างชัด
คำพยากรณ์ของผู้ได้ยินคำกล่าวของพระเจ้า
    ผู้เห็นภาพนิมิตจากองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
    ผู้ล้มลงและก็ยังลืมตา

ยาโคบเอ๋ย กระโจมของท่านช่างงามอะไรเช่นนี้
    อิสราเอลเอ๋ย กระโจมที่ท่านอาศัยอยู่ก็งาม

แผ่กว้างออกดั่งหุบเขา
    ดั่งสวนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ
ดั่งต้นกฤษณาที่พระผู้เป็นเจ้าปลูกไว้
    ดั่งต้นซีดาร์ที่อยู่ข้างแหล่งน้ำ
น้ำจะไหลหลั่งจากถังของเขา
    บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเขาจะมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์

กษัตริย์ของเขาจะยิ่งใหญ่กว่าอากัก
    อาณาจักรของเขาจะเหนือกว่าของผู้อื่น

พระเจ้าได้นำเขาออกจากอียิปต์
    เขามีพละกำลังดั่งกระทิง
เขากลืนกินบรรดาประชาชาติที่เป็นศัตรู
    และหักกระดูกของเขาได้เป็นท่อนๆ
    ลูกธนูปักลงที่พวกเขา
เขาหมอบและนอนลงเยี่ยงสิงโต
    และสิงโตตัวเมีย ใครเล่าจะกล้ายั่วเย้าให้ผงาดขึ้นอีก

ขอให้บรรดาผู้ที่อวยพรท่านได้รับพระพร
    และบรรดาผู้ที่สาปแช่งท่านถูกสาปแช่งเถิด”

10 บาลาคก็โกรธบาลาอัมมาก ท่านจึงตบมือและพูดกับเขาว่า “เราสั่งให้ท่านสาปแช่งพวกศัตรูของเรา แต่ท่านกลับอวยพรเขาถึง 3 ครั้ง 11 จงรีบหนีกลับไปยังที่ที่ท่านมา เราพูดไว้ว่าเราจะให้ท่านได้รับเกียรติอย่างแน่นอน แต่ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ารั้งท่านไม่ให้ได้รับเกียรติ” 12 บาลาอัมตอบบาลาคว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้บอกบรรดาผู้ส่งข่าวที่ท่านส่งไปหรือว่า 13 ‘ถ้าแม้ว่าบาลาคจะยกบ้านที่เต็มไปด้วยเงินทองให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถขัดต่อคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อทำในสิ่งที่ดีหรือเลวตามความประสงค์ของข้าพเจ้าได้ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่าอย่างไร ข้าพเจ้าก็พูดไปตามนั้น’ 14 ดูเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าจะกลับไปหาชนชาติข้าพเจ้า มาเถิด ข้าพเจ้าจะบอกให้ท่านทราบว่าชนชาตินี้จะกระทำอะไรต่อชนชาติของท่านในวันข้างหน้า”

คำพยากรณ์ครั้งที่สี่ของบาลาอัม

15 แล้วเขากล่าวคำพยากรณ์ว่า

“คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรเบโอร์
    คำพยากรณ์ของผู้มองเห็นอย่างกระจ่างชัด
16 คำพยากรณ์ของผู้ได้ยินคำกล่าวของพระเจ้า
    และได้รับความรู้จากองค์ผู้สูงสุด
ผู้เห็นภาพนิมิตจากองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
    ผู้ล้มลงและก็ยังลืมตา

17 ข้าพเจ้าเห็นพระองค์ แต่ไม่ใช่ขณะนี้
    ข้าพเจ้ามองดูพระองค์ แต่ไม่ใช่จากระยะใกล้
ดาวดวงหนึ่งจะบังเกิดขึ้นจากยาโคบ[a]
    และคทาจะลุกขึ้นมาจากอิสราเอล[b]
จะทับที่ขมับของโมอับ
    อีกทั้งหน้าผากของบรรดาบุตรของเชท
18 เอโดมจะตกเป็นของผู้อื่น
    และเสอีร์ ฝ่ายศัตรูก็จะตกเป็นของผู้อื่นเช่นกัน
    ขณะที่อิสราเอลกระทำการด้วยความกล้าหาญ
19 ผู้มาจากยาโคบจะครอบครองอาณาจักร
    และจะกำจัดบรรดาผู้รอดตายของเมืองนั้น”

คำพยากรณ์ครั้งสุดท้ายของบาลาอัม

20 ครั้นแล้วบาลาอัมมองดูอามาเลข และกล่าวคำพยากรณ์ว่า

“อามาเลขเป็นชาติแรกในบรรดาประชาชาติ
    แต่จุดจบคือความหายนะ”

21 แล้วเขามองดูชาวเคน และกล่าวคำพยากรณ์ว่า

“ที่อยู่อาศัยของท่านจะปลอดภัย
    และที่พักพิงของท่านตั้งอยู่ในหิน
22 ถึงกระนั้นคาอินก็จะถูกกำจัดสิ้น
    พวกอัชชูร์จะจับตัวท่านไป”

23 แล้วเขากล่าวคำพยากรณ์ว่า

“โธ่เอ๋ย ใครจะมีชีวิตรอดได้ หากพระเจ้ากระทำเช่นนี้
24     จะมีเรือมาจากฝั่งทะเลคิทธิม
และทำให้อัชชูร์และเอเบอร์ได้รับทุกข์ทรมาน
    และเขาจะประสบกับความหายนะ”

25 แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นกลับบ้านไป บาลาคเองก็ไปตามทางของตน

สดุดี 66-67

เพลงแห่งคำอธิษฐานและขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระพร

ถึงหัวหน้าวงดนตรี บทเพลง เพลงสดุดี

ทั่วทั้งโลกเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่พระเจ้าเถิด
    ร้องเพลงถึงพระบารมีแห่งพระนามของพระองค์
    กล่าวคำสรรเสริญ ยกย่องพระองค์
พูดกับพระเจ้าว่า “สิ่งที่พระองค์กระทำช่างน่าเกรงขามอะไรเช่นนี้
    อานุภาพของพระองค์ใหญ่ยิ่ง
    จนพวกศัตรูสยบลงต่อหน้าพระองค์ด้วยความกลัว
ทั้งโลกนมัสการพระองค์
    พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
    ร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์” เซล่าห์

มาเถิด มาดูว่าพระเจ้าได้กระทำอะไรบ้าง
    สิ่งอันน่าเกรงกลัวที่พระองค์สำแดงท่ามกลางมนุษย์
พระองค์แปรทะเลให้เป็นพื้นดินแห้ง
    เหล่าบรรพบุรุษของเราเดินข้ามแม่น้ำ
    พวกเรายินดีในสิ่งที่พระองค์กระทำที่นั่น
พระองค์ปกครองด้วยอานุภาพของพระองค์ตลอดกาล
    พระองค์สอดส่องสายตายังบรรดาประชาชาติ
    อย่าปล่อยให้พวกที่ต่อต้านยกยอตนเองเลย เซล่าห์

โอ บรรดาชนชาติเอ๋ย จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา
    ให้เสียงสรรเสริญพระองค์เป็นที่ได้ยินเถิด
พระองค์ได้ให้พวกเรามีชีวิตอยู่ท่ามกลางคนเป็น
    และไม่ปล่อยให้เท้าของเราพลาดพลั้ง
10 โอ พระเจ้า พระองค์ได้ทดสอบพวกเรา
    หลอมพวกเราดั่งเงินที่ถูกหลอม
11 พระองค์นำพวกเราไปสู่ร่างแห
    และให้พวกเราแบกความทุกข์ยากไว้บนบ่า
12 พระองค์ปล่อยให้คนขี่ม้าเหยียบย่ำหัวพวกเรา
    เราบุกน้ำ ลุยไฟ
    ถึงกระนั้นพระองค์ยังได้นำพวกเราไปยังถิ่นที่อุดมสมบูรณ์

13 ข้าพเจ้าจะนำสัตว์ที่เผาเป็นของถวายมายังพระตำหนักของพระองค์
    ข้าพเจ้าจะถวายสิ่งที่ได้สัญญาไว้
14 ตามที่ริมฝีปากข้าพเจ้าเปล่งออกมา
    และตามที่ปากของข้าพเจ้าได้สัญญายามที่ข้าพเจ้ากำลังลำบาก
15 ข้าพเจ้าจะมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายคือสัตว์อ้วนพี
    กับเครื่องสักการะที่เป็นควันจากแกะตัวผู้
ข้าพเจ้าจะถวายโคตัวผู้และแพะ เซล่าห์

16 ทุกคนที่เกรงกลัวพระเจ้า จงมา และมาฟังเถิด
    แล้วข้าพเจ้าจะบอกว่า พระองค์ได้กระทำอะไรเพื่อข้าพเจ้าบ้าง
17 ปากข้าพเจ้าส่งเสียงร้องถึงพระองค์
    และลิ้นข้าพเจ้ากล่าวสรรเสริญพระองค์
18 ถ้าใจของข้าพเจ้ายังยึดมั่นในบาปอยู่
    พระผู้เป็นเจ้าก็จะไม่ฟังหรอก
19 แต่พระเจ้าฟังอย่างแน่นอน
    พระองค์ได้สดับเสียงอธิษฐานของข้าพเจ้า
20 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระเจ้า
    เพราะพระองค์ไม่ได้ปฏิเสธคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    และไม่ถอนความรักอันมั่นคงของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า

บทเพลงขอบคุณพระองค์

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องสาย เพลงสดุดี บทเพลง

โอ พระเจ้า โปรดกรุณาต่อเรา และอวยพรพวกเรา
    และหันหน้าให้เราด้วยแสงอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ เซล่าห์
เพื่อว่าวิถีทางของพระองค์จะเป็นที่รู้จักบนแผ่นดินโลก
    ความรอดพ้นที่มาจากพระองค์เป็นที่รู้จักในประชาชาติทั้งปวง

โอ พระเจ้า ให้บรรดาชนชาติสรรเสริญพระองค์
    ให้ชนชาติทั้งปวงสรรเสริญพระองค์
ให้บรรดาประชาชาติดีใจและเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี
    ด้วยว่า พระองค์ตัดสินบรรดาชนชาติด้วยความเป็นธรรม
    และนำทางให้แก่บรรดาประชาชาติบนแผ่นดินโลก เซล่าห์
โอ พระเจ้า ให้บรรดาชนชาติสรรเสริญพระองค์
    ให้ชนชาติทั้งปวงสรรเสริญพระองค์

แผ่นดินโลกได้เพิ่มพูนผลผลิต
    พระเจ้า พระเจ้าของเราจะอวยพรพวกเรา
พระเจ้าจะอวยพรพวกเรา
    ให้ทั่วแหล่งหล้าเกรงกลัวพระองค์เถิด

อิสยาห์ 14

ความหวังสำหรับยาโคบ

14 พระผู้เป็นเจ้าจะเมตตายาโคบ และจะเลือกอิสราเอลอีกครั้ง และจะให้พวกเขาไปอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง และบรรดาชาวต่างชาติจะสมาคมกับพวกเขา และจะยึดแน่นกับพงศ์พันธุ์ยาโคบ บรรดาชนชาติจะพาพวกเขากลับไปยังถิ่นฐานของอิสราเอลเอง และพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะยึดเขาเหล่านั้นเป็นกรรมสิทธิ์ โดยให้เป็นทาสรับใช้ชายหญิงในแผ่นดินของพระผู้เป็นเจ้า อิสราเอลจะจับตัวผู้ที่เคยจับพวกเขาไปเป็นเชลย และจะปกครองเหนือผู้ที่เคยบีบบังคับพวกเขา

ชาวอิสราเอลที่เหลือถากถางบาบิโลน

เมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ให้พวกท่านบรรเทาจากความเจ็บปวด ความยากลำบาก และการถูกเกณฑ์ทำงานหนัก พวกท่านจะถากถางกษัตริย์แห่งบาบิโลนว่า

“ผู้บีบบังคับได้หยุดชะงักแล้ว
    ความเดือดดาลของท่านหยุดชะงักอย่างไรหนอ
พระผู้เป็นเจ้าได้หักไม้เท้าของคนชั่วแล้ว
    คือคทาของบรรดาผู้ปกครอง
ที่ฆ่าบรรดาชนชาติด้วยความเกรี้ยวกราด
    อย่างไม่หยุดยั้ง
ที่ปกครองบรรดาประชาชาติในความโกรธ
    ด้วยการกดขี่ข่มเหงอย่างโหดเหี้ยม
ทั้งโลกอยู่ในความเงียบสงบ
    ผู้คนเบิกบานด้วยเสียงเพลง
ต้นสนโห่ร้องยินดี
    ต้นซีดาร์แห่งเลบานอนพูดว่า
‘ตั้งแต่ท่านถูกปราบ
    ก็ไม่มีคนตัดไม้ขึ้นมาโจมตีพวกเราอีก’
แดนคนตายเบื้องล่างตื่นเต้น
    ที่จะพบท่านเมื่อท่านไปถึง
มันกระตุ้นเหล่าวิญญาณที่จากไปให้มาต้อนรับท่าน
    วิญญาณของคนที่เคยเป็นหัวหน้าของแผ่นดินโลก
มันทำให้บรรดากษัตริย์ของประชาชาติทั้งปวงลุกขึ้นจากบัลลังก์
10 ทุกคนที่นั่นจะกล่าวกับท่านว่า
    ‘ท่านก็กลายเป็นผู้อ่อนแอเหมือนพวกเรา
    ท่านกลายมาเป็นเหมือนพวกเราแล้ว’
11 ความยโสของท่านถูกฉุดลงสู่แดนคนตาย
    พร้อมกับเสียงพิณสิบสายของท่าน
ตัวดักแด้ถูกปูเป็นฟูกให้แก่ท่าน
    และตัวหนอนก็จะเป็นผ้าห่มตัวท่าน
12 โอ ดาวแห่งแสงสว่าง บุตรแห่งอรุณรุ่ง
    ท่านหล่นลงมาจากสวรรค์อย่างไรหนอ
ท่านถูกตัดออกให้ตกลงสู่พื้นอย่างไรหนอ
    ท่านผู้ครั้งหนึ่งเคยปราบบรรดาประชาชาติ
13 ท่านคิดในใจว่า
    ‘เราจะขึ้นไปบนสวรรค์
เหนือดวงดาวของพระเจ้า
    เราจะตั้งบัลลังก์ของเราบนที่สูง
เราจะนั่งบนภูเขาแห่งเทพเจ้าทั้งหลาย
    ที่อยู่ไกลโพ้นเหนือสุด
14 เราจะขึ้นไปสูงกว่าหมู่เมฆ
    เราจะตั้งตนเทียบเท่าพระเจ้าผู้สูงสุด
15 แต่ท่านกลับถูกนำลงไปยังแดนคนตาย
    ยังส่วนลึกสุดของหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
16 บรรดาผู้ที่เห็นท่านจะจ้องดูท่าน
    และครุ่นคิดถึงตัวท่านว่า
‘คนนี้น่ะหรือที่ทำให้โลกสั่นสะท้าน
    และทำให้อาณาจักรทั้งหลายสั่นสะเทือน
17 ทำให้โลกกลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
    และทำเมืองให้พังพินาศ
    และไม่ปล่อยให้นักโทษกลับบ้าน’
18 กษัตริย์ทั้งปวงของบรรดาประชาชาติสิ้นชีวิตอย่างมีเกียรติ
    ต่างก็อยู่ในถ้ำฝังศพของตน
19 แต่ท่านถูกเหวี่ยงไกลออกไปจากหลุมศพของท่าน
    เหมือนกิ่งไม้ที่ถูกตัดทิ้งจากต้น
เป็นเหมือนเสื้อผ้าของคนที่ถูกดาบแทง
    เหมือนคนที่ลงไปในหลุมลึกที่สุด
    และเหมือนซากศพที่ถูกเหยียบย่ำ
20 ท่านจะไม่ถูกฝังด้วยกันกับกษัตริย์อื่นๆ
    เพราะท่านได้ทำให้แผ่นดินของท่านพินาศย่อยยับ
    ท่านฆ่าชนชาติของท่าน

ขออย่าให้มีผู้ใดเอ่ยถึงชื่อทายาท
    ของบรรดาผู้กระทำความชั่ว
21 จงเตรียมประหารบรรดาบุตรของเขา
    เพราะความผิดของบิดา
เพราะกลัวว่าพวกเขาจะลุกขึ้นและยึดครองแผ่นดิน
    และสร้างเมืองจนเต็มแผ่นดินโลก”

22 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ “เราจะลุกขึ้นต่อสู้กับพวกเขา และบาบิโลนจะไม่มีทายาทหรือมีใครที่เหลืออยู่ ไม่มีบรรดาผู้สืบเชื้อสายและผู้สืบตระกูล” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 23 “และเราจะทำให้บาบิโลนเป็นที่อยู่ของพวกเม่นและเป็นหนองบึง และเราจะกวาดล้างบาบิโลนด้วยไม้กวาดแห่งความพินาศ” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น

คำพยากรณ์เกี่ยวกับอัสซีเรีย

24 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาปฏิญาณดังนี้

“เรามุ่งหมายอย่างไร
    มันก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้น
และเราวางแผนอย่างไร
    มันก็จะเป็นไปตามนั้น
25 เราจะทำให้อัสซีเรียพินาศย่อยยับในแผ่นดินของเรา
    และเหยียบย่ำเขาบนภูเขาของเรา
และแอกของเขาจะหลุดออกจากชนชาติของเรา
    และจะปลดภาระออกจากบ่าของพวกเขา”

26 นี่คือแผนการที่ตั้งไว้สำหรับทั่วทั้งแผ่นดินโลก
    และนี่คือมือที่ยื่นออกไปยังประชาชาติทั้งปวง
27 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ตั้งจุดประสงค์ไว้
    ใครจะยับยั้งไว้ได้
มือของพระองค์ยื่นออกไป
    และใครจะดึงให้กลับมาได้

คำพยากรณ์เกี่ยวกับฟีลิสเตีย

28 ในปีที่กษัตริย์อาหัสสิ้นชีวิต[a]ก็เกิดคำพยากรณ์นี้

29 “โอ ฟีลิสเตียเอ๋ย พวกเจ้าทุกคนอย่ายินดีเลย
    ที่ไม้ตะบองซึ่งทุบตีเจ้าหักแล้ว
เพราะงูพิษตัวหนึ่งจะผุดขึ้นจากรากเหง้าของงู
    และผลของมันจะเป็นงูพิษร้ายซึ่งพุ่งฉกอย่างร้อนรน
30 และผู้อัตคัดขัดสนที่สุดจะมีอย่างอุดมสมบูรณ์
    และผู้ยากไร้จะนอนลงอย่างปลอดภัย
แต่เราจะฆ่ารากเหง้าของเจ้าด้วยความอดอยาก
    และมันจะสังหารคนที่เหลืออยู่

31 โอ ประตูเมืองเอ๋ย จงร้องรำพันเถิด โอ เมืองเอ๋ย จงร่ำร้องเถิด
    โอ ฟีลิสเตีย พวกเจ้าทุกคนจะหวาดกลัวจนตัวสั่น
เพราะกลุ่มควันจะพวยพุ่งมาจากทิศเหนือ
    และไม่มีผู้ใดในกองทัพที่แตกแถวออกไป”
32 แล้วจะตอบบรรดาผู้ส่งสาสน์ของประชาชาติอย่างไร
พระผู้เป็นเจ้าให้ความมั่นคงแก่ศิโยน
    และชนชาติของพระองค์ที่เป็นทุกข์จะพบที่พึ่ง ณ ที่นั้น”

1 เปโตร 2

ดังนั้น จงกำจัดความคิดปองร้ายและการล่อลวงทั้งปวง ความเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ความอิจฉา และการว่าร้ายทุกชนิด เช่นเดียวกับเด็กทารกแรกเกิดซึ่งกระหายน้ำนมอันบริสุทธิ์ฝ่ายวิญญาณ น้ำนมจะทำให้ท่านเติบโตสู่ความรอดพ้น และท่านก็ได้ลิ้มรสแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ

ศิลาที่ดำรงอยู่ และชนชาติของพระเจ้า

จงเข้าหาพระองค์ผู้เป็นเสมือนศิลาที่ดำรงอยู่ ซึ่งมนุษย์ไม่ยอมรับ แต่ในสายตาของพระเจ้าแล้ว พระองค์ถูกเลือกและมีค่ายิ่ง ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ท่านเป็นดังศิลาที่มีชีวิต ซึ่งกำลังถูกสร้างให้เป็นเรือนฝ่ายวิญญาณ เพื่อเป็นปุโรหิตผู้บริสุทธิ์ที่ถวายเครื่องสักการะฝ่ายวิญญาณ อันเป็นที่พอใจของพระเจ้าโดยผ่านพระเยซูคริสต์ เพราะพระคัมภีร์ระบุว่า

“ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งลงในศิโยน
    เป็นศิลามุมเอกที่ถูกเลือกไว้และล้ำค่า
ผู้ที่ไว้วางใจในพระองค์
    จะไม่ได้รับความอับอาย”[a]

ศิลานี้ล้ำค่าสำหรับท่านที่เชื่อ แต่สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ

“ศิลาที่พวกช่างก่อสร้างทิ้ง
    ได้กลายเป็นศิลามุมเอก”[b]

และ

“ศิลาก้อนหนึ่งที่เป็นเหตุให้คนสะดุด
    และเป็นหินที่ทำให้พวกเขาล้มลง”[c]

เขาสะดุดก็เพราะไม่เชื่อฟังคำประกาศ ตามที่เขาถูกกำหนดไว้เช่นนั้น

แต่พวกท่านถูกเลือกให้เป็นเชื้อชาติ พวกท่านเป็นทั้งปุโรหิตหลวง ประชาชาติที่บริสุทธิ์ และชนชาติของพระเจ้า เพื่อให้ท่านประกาศการกระทำอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ โดยเรียกท่านให้พ้นจากความมืดสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ 10 เมื่อก่อนท่านทั้งหลายไม่ได้เป็นชนชาติ แต่บัดนี้ท่านเป็นชนชาติของพระเจ้า เมื่อก่อนท่านทั้งหลายไม่ได้รับความเมตตา แต่บัดนี้ท่านได้รับความเมตตาแล้ว

11 ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นคนแปลกถิ่นและคนต่างแดน ละเว้นจากตัณหาฝ่ายเนื้อหนัง ซึ่งยังคงต่อสู้กับจิตวิญญาณของท่าน 12 จงรักษาความประพฤติอันดีของท่านไว้ให้มั่นในท่ามกลางคนนอก เพื่อว่าในกรณีที่เขาจะกล่าวหาว่าท่านประพฤติผิด เขาจะได้เห็นความดีของท่าน และจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันแห่งการพิพากษา[d]

เชื่อฟังผู้มีสิทธิ์บังคับบัญชา

13 ท่านจงยอมเชื่อฟังผู้มีสิทธิ์บังคับบัญชาที่มนุษย์ตั้งไว้ทุกแขนง เพื่อเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ผู้มีสิทธิอำนาจยิ่ง 14 หรือจะเป็นบรรดาผู้ว่าราชการ ซึ่งได้รับคำสั่งจากกษัตริย์ให้ลงโทษผู้ประพฤติชั่ว และส่งเสริมผู้ประพฤติดี 15 เป็นความประสงค์ของพระเจ้า ที่ท่านจะทำให้คนโง่เขลานิ่งอึ้งโดยความประพฤติที่ดีของท่าน 16 จงดำเนินชีวิตอย่างผู้เป็นอิสระ แต่อย่าใช้อิสรภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว จงดำเนินชีวิตเช่นผู้รับใช้ของพระเจ้า 17 จงให้เกียรติแก่ทุกคน รักเหล่าพี่น้อง ยำเกรงพระเจ้า และจงให้เกียรติแก่กษัตริย์

18 บรรดาทาส จงยอมเชื่อฟังนายของท่านด้วยความยำเกรงทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะนายที่ดีและสุภาพเท่านั้น แต่นายที่แข็งกระด้างด้วย 19 ถ้าผู้ใดอดทนต่อความทุกข์ทรมานที่ตนไม่สมควรได้รับ และใจของเขายังตระหนักถึงความประสงค์ของพระเจ้า เขาก็จะเป็นที่พอใจของพระองค์ 20 ถ้าท่านทนต่อการเฆี่ยนตีเมื่อท่านกระทำผิด แล้วท่านจะได้รับการยกย่องอะไร แต่ถ้าท่านทนทุกข์ทรมานเนื่องจากการกระทำดีและอดกลั้นไว้ พระเจ้าก็จะชมเชยท่าน 21 พระเจ้าเรียกท่านมาด้วยจุดประสงค์นี้ เพราะพระคริสต์ได้ทนทุกข์ทรมานเพื่อท่าน และเป็นตัวอย่างให้ท่านปฏิบัติตาม 22 “พระองค์ไม่ได้กระทำบาปเลย และพระองค์ไม่เคยกล่าวคำที่ล่อลวง”[e] 23 เมื่อผู้คนกล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ก็มิได้ว่ากลับ เมื่อพระองค์รับทุกข์ทรมานก็มิได้ขู่ประการใด แต่ได้มอบพระองค์เองให้แก่พระเจ้าผู้ทำการพิพากษาด้วยความชอบธรรม 24 พระองค์รับบาปของเราทั้งหลายไว้ในร่างกายของพระองค์บนไม้กางเขนนั้น เพื่อให้เราตายต่อบาปและดำเนินชีวิตเพื่อความชอบธรรม ท่านทั้งหลายได้รับการรักษาให้หายได้ก็เพราะบาดแผลของพระองค์ 25 พวกท่านเป็นเสมือนแกะที่พลัดจากฝูง แต่บัดนี้ท่านกลับมาหาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะและผู้ดูแลจิตวิญญาณของท่าน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation