M’Cheyne Bible Reading Plan
บาลาคเรียกบาลาอัมให้มาหา
22 ครั้นแล้วชาวอิสราเอลก็ออกเดินทางไปยังที่ราบโมอับ และไปตั้งค่ายอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดนที่ฝั่งตรงข้ามกับเยรีโค 2 ส่วนบาลาคบุตรศิปโปร์ได้เห็นทุกสิ่งที่อิสราเอลได้กระทำต่อชาวอาโมร์ 3 และชาวโมอับตกใจกลัวชนชาตินั้นที่มีจำนวนมาก ชาวโมอับหวาดหวั่นชาวอิสราเอลมาก 4 ชาวโมอับพูดกับบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของมีเดียนว่า “ชนกลุ่มนี้จะกินทุกสิ่งรอบตัวเราเหมือนโคกินหญ้าในทุ่งจนเรียบ” ในเวลานั้นบาลาคบุตรศิปโปร์เป็นกษัตริย์แห่งโมอับ 5 ท่านจึงให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปยังบาลาอัมบุตรเบโอร์ที่เปโธร์ที่อยู่ใกล้แม่น้ำในถิ่นฐานบ้านเกิดของเขา บาลาคพูดว่า “ดูเถิด ชนชาติหนึ่งได้ออกมาจากอียิปต์ ดูเถิด พวกเขาแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดินโลก และพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ตรงข้ามเรา 6 บัดนี้จงมาเถิด มาสาปแช่งชนชาตินี้ให้เรา ในเมื่อพวกเขาเข้มแข็งเกินไปสำหรับเรา เราอาจจะตีพวกเขาให้พ่ายไปได้ และขับไล่พวกเขาออกไปจากแผ่นดิน เพราะเราทราบว่าท่านให้พรผู้ใด ผู้นั้นก็ได้รับพร และท่านสาปแช่งผู้ใด ผู้นั้นก็ถูกสาปแช่ง”
7 บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของโมอับและบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของมีเดียนก็เอาค่าจ้างการทำนายติดมือไป เมื่อมาถึงบาลาอัม เขาก็รายงานว่าบาลาคพูดอะไรบ้าง 8 บาลาอัมพูดกับพวกเขาว่า “คืนนี้จงค้างแรมที่นี่เถิด แล้วเราจะนำคำตอบของพระผู้เป็นเจ้ามาบอกท่าน” และบรรดาผู้นำของโมอับก็พักอยู่กับบาลาอัม 9 พระเจ้ามากล่าวกับบาลาอัมว่า “ชายเหล่านี้ที่อยู่กับเจ้าเป็นใคร” 10 บาลาอัมตอบพระเจ้าว่า “บาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับส่งคนมาบอกข้าพเจ้าว่า 11 ‘ดูเถิด ชนชาติหนึ่งได้ออกมาจากอียิปต์ ชนชาตินี้แผ่ขยายไปทั่วแผ่นดินโลก บัดนี้จงมาเถิด มาสาปแช่งพวกเขาให้เรา เราอาจจะต่อสู้กับพวกเขาได้ และขับไล่พวกเขาออกไป’” 12 แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับบาลาอัมว่า “เจ้าอย่าไปกับพวกเขา เจ้าอย่าสาปแช่งชนชาตินั้น เพราะพวกเขาได้รับพร” 13 วันรุ่งขึ้นบาลาอัมลุกขึ้นและบอกกับบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของบาลาคว่า “จงกลับไปยังแผ่นดินของท่านเถิด เพราะพระผู้เป็นเจ้าห้ามเรามิให้ไปกับท่าน” 14 บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของโมอับจึงลุกขึ้น และไปบอกบาลาคว่า “บาลาอัมปฏิเสธที่จะมากับพวกเรา”
15 ครั้นแล้วบาลาคจึงให้บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่อื่นๆ ไปอีก มีจำนวนมากขึ้นและมีเกียรติยศมากกว่ารุ่นก่อน 16 พวกเขามาพูดกับบาลาอัมว่า “บาลาคบุตรศิปโปร์กล่าวว่า ‘อย่าให้มีสิ่งใดฉุดรั้งไม่ให้ท่านมาหาเรา 17 เพราะเราจะมอบเกียรติอย่างสูงให้แก่ท่าน เราจะกระทำทุกสิ่งที่ท่านต้องการให้เราทำ เราขอร้องให้ท่านมาสาปแช่งชนชาตินี้ให้เรา’” 18 แต่บาลาอัมตอบบรรดาผู้รับใช้ของบาลาคว่า “ถึงแม้ว่าบาลาคจะยกบ้านที่เต็มด้วยเงินทองให้เรา เราก็ไม่อาจขัดต่อคำสั่งใดๆ ของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ตาม 19 บัดนี้ท่านค้างแรมที่นี่ด้วยเถิด เราจะได้ทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าอาจจะมีอะไรกล่าวกับเราอีก” 20 และพระเจ้ามากล่าวกับบาลาอัมในคืนนั้นว่า “ถ้าชายเหล่านั้นมาเรียกตัวเจ้าไป ก็จงลุกขึ้นไปกับเขา แต่จงกระทำตามเฉพาะสิ่งที่เราบอกเจ้าเท่านั้น”
ลาของบาลาอัม
21 พอรุ่งเช้าบาลาอัมก็ลุกขึ้น ผูกอานลาของตนและไปกับบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของโมอับ 22 พระเจ้าโกรธกริ้วที่เขาไป และทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ายืนขวางทางไว้เพื่อห้ามเขา ขณะนั้นเขากำลังขี่ลาไป และมีผู้รับใช้ 2 คนอยู่ด้วย 23 ครั้นลาเห็นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ายืนถือดาบขวางทางอยู่ ลาตัวนั้นจึงเลี้ยวออกนอกทางเข้าไปในทุ่งนา บาลาอัมจึงตีลาให้หันกลับไปที่ถนนอีก 24 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ายืนที่ทางแคบระหว่างสวนองุ่น 2 แห่งซึ่งมีกำแพงกั้นทั้ง 2 ฟาก 25 ขณะที่ลาเห็นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า มันก็ดันกำแพงและทำให้เท้าของบาลาอัมถูกอัดติดกำแพง เขาจึงตีลาอีก 26 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าขยับไปข้างหน้าและยืนอยู่ที่ทางแคบอีก ไม่มีทางเลี้ยวซ้ายหรือขวาได้ 27 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า มันก็หมอบลงขณะที่บาลาอัมยังอยู่บนหลังลา เขาก็โกรธและใช้ไม้ตีลา 28 แล้วพระผู้เป็นเจ้าจึงเปิดปากลา มันก็พูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรท่านหรือ ท่านจึงได้ตีข้าพเจ้าถึง 3 ครั้งเช่นนี้” 29 บาลาอัมพูดกับลาว่า “เพราะเจ้าทำให้เรารู้สึกโง่เง่า หากว่ามือเราถือดาบอยู่ เราก็จะฆ่าเจ้าเสียบัดนี้” 30 ลาจึงพูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นลาของท่านหรอกหรือที่ท่านใช้ขี่มาตลอดชีวิตอันยาวนานของท่านจนถึงวันนี้ ข้าพเจ้าเคยกระทำเช่นนี้กับท่านหรือ” เขาก็ตอบว่า “ไม่เคย”
31 พระผู้เป็นเจ้าก็เปิดตาของบาลาอัม เขาจึงเห็นทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ายืนขวางทางอยู่และชักดาบไว้พร้อม เขาจึงก้มศีรษะและซบหน้าลงกับพื้น 32 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงตีลาของท่านถึง 3 ครั้งเช่นนั้น ดูเถิด เราได้ออกมาขัดขวางท่าน เพราะเราเห็นว่าท่านทำตัวหุนหันพลันแล่นยิ่งนัก 33 และลาก็เห็นเราจึงเลี้ยวเข้าข้างทางต่อหน้าเรา 3 ครั้งเช่นนั้น หากว่ามันไม่ได้หันเข้าข้างทางเลี่ยงเราไป เราคงจะฆ่าท่านไปเสียแล้ว และก็ปล่อยให้ลารอดตัวไป” 34 บาลาอัมพูดกับทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้ากระทำบาป เพราะข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านยืนอยู่ที่ถนนเพื่อขวางข้าพเจ้าไว้ ฉะนั้นบัดนี้หากว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายในสายตาของท่าน ข้าพเจ้าก็จะกลับไป” 35 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าพูดกับบาลาอัมว่า “จงไปกับชายเหล่านั้น แต่ท่านจงพูดตามคำที่เราพูดกับท่านเท่านั้น” และบาลาอัมก็ไปกับบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของบาลาค
36 ครั้นบาลาคได้ยินว่าบาลาอัมกำลังมา ท่านจึงออกไปพบกับเขาที่เมืองโมอับชายแดนอาร์โนนในเขตพรมแดนเมือง 37 และบาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “เราให้คนไปเรียกตัวท่านมาครั้งแล้วครั้งเล่ามิใช่หรือ ทำไมท่านจึงไม่มาหาเรา เราไม่ได้ให้เกียรติแก่ท่านหรือ” 38 บาลาอัมตอบบาลาคว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้ามาหาท่านแล้ว แต่บัดนี้ข้าพเจ้าหามีอำนาจที่จะกล่าวสิ่งใดไม่ ข้าพเจ้าจะพูดไปตามคำที่พระเจ้าบันดาลให้ข้าพเจ้าพูดเท่านั้น” 39 แล้วบาลาอัมไปกับบาลาคจนถึงคีริยาทหุโซท 40 บาลาคถวายโคและแกะเป็นเครื่องสักการะ และแจกให้บาลาอัมกับบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ด้วย
41 เช้าวันรุ่งขึ้นบาลาคพาบาลาอัมขึ้นไปยังบาโมทบาอัล และเขาก็ได้เห็นประชาชนที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่น
เพลงสดุดีแห่งการเชื่อมั่นในพระเจ้า
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองของเยดูธูน เพลงสดุดีของดาวิด
1 จริงทีเดียว จิตวิญญาณของข้าพเจ้ารอคอยพระเจ้าเท่านั้นด้วยความสงบใจ
ความรอดพ้นของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
2 จริงทีเดียว พระองค์เป็นศิลา เป็นความรอดพ้น
และป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่มีวันครั่นคร้ามเลย
3 พวกท่านทุกคนจะทำร้ายชายผู้หนึ่ง
ซึ่งเป็นเสมือนกำแพงที่เอนเอียง
และรั้วที่พังทลายไปนานอีกแค่ไหน
4 จริงทีเดียว พวกเขาวางแผนจะดึงชายผู้นั้นลงมาจากที่อันมีเกียรติ
พวกเขาสุขใจกับการลวงหลอก
คำอวยพรหลุดจากปากของพวกเขา
ขณะที่แช่งสาปอยู่ในใจ เซล่าห์
5 จริงทีเดียว จิตวิญญาณของข้าพเจ้ารอคอยพระเจ้าเท่านั้นด้วยความสงบใจ
ความหวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
6 จริงทีเดียว พระองค์เป็นศิลา ความรอดพ้น
และป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ครั่นคร้าม
7 ความรอดพ้นและเกียรติของข้าพเจ้าขึ้นอยู่กับพระเจ้า
พระเจ้าเป็นศิลาอันแข็งแกร่งและที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
8 โอ ชนชาติเอ๋ย จงไว้วางใจในพระองค์ตลอดเวลา
เปิดใจให้พระองค์
พระเจ้าเป็นที่พึ่งพิงสำหรับพวกเรา เซล่าห์
9 จริงทีเดียว บรรดาผู้ต่ำต้อยเป็นเสมือนลมหายใจ
และผู้ใหญ่เป็นเสมือนสิ่งลวงตา
จะวางไว้บนตาชั่งก็หามีน้ำหนักไม่
หากจะชั่งพวกเขารวมกันก็ยังเบากว่าลมหายใจ
10 อย่าวางใจในการใช้กำลังเพื่อจะได้สิ่งที่ท่านต้องการ
อย่าตั้งความหวังว่าจะได้สิ่งใดจากการจี้ปล้น
แม้จะร่ำรวยขึ้น
ก็อย่าวางใจในความมั่งมี
11 พระเจ้าได้กล่าวไว้ครั้งหนึ่ง
ข้าพเจ้าได้ยินสองครั้งแล้วว่า
ฤทธานุภาพเป็นของพระเจ้า
12 โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงเป็นของพระองค์อย่างแท้จริง
ด้วยว่าพระองค์จะสนองตอบทุกคน
ตามการกระทำของเขา[a]
ยามกระหายหาพระเจ้า
เพลงสดุดีของดาวิด ครั้งที่ท่านอยู่ในถิ่นทุรกันดารของยูดาห์
1 โอ พระเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง
จิตวิญญาณของข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์
ข้าพเจ้าปรารถนาพระองค์อย่างยิ่ง
ราวกับแผ่นดินอันแร้นแค้นและเหือดแห้ง
ปราศจากน้ำ
2 ข้าพเจ้าได้มองดูพระองค์ในสถานที่บริสุทธิ์
เห็นฤทธานุภาพและพระบารมีของพระองค์
3 เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดีเลิศยิ่งกว่าชีวิต
ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
4 ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะกราบนมัสการพระองค์ตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่
ข้าพเจ้าจะยกมือขึ้นเวลาอธิษฐานต่อพระองค์
5 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างบริบูรณ์และสำราญใจ
และปากของข้าพเจ้ากล่าวคำสรรเสริญพระองค์ด้วยความยินดี
6 เวลาข้าพเจ้าอยู่บนเตียงนอนก็นึกถึงพระองค์
ข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงพระองค์ในทุกยาม
7 เพราะพระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้าตลอดมา
และข้าพเจ้าร้องเพลงด้วยความยินดีภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
8 จิตวิญญาณของข้าพเจ้ายึดพระองค์ไว้แนบแน่น
มือขวาของพระองค์ปกป้องข้าพเจ้าไว้
9 ส่วนพวกที่ตามล่าเอาชีวิตข้าพเจ้า
จะลงไปสู่ส่วนลึกสุดของแผ่นดินโลก
10 พวกเขาจะอยู่ภายใต้อำนาจของพลังดาบ
และตกเป็นเหยื่อของหมาใน
11 แต่กษัตริย์จะยินดีในพระเจ้า
บรรดาผู้สาบานในพระนามของพระเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
แต่ปากของพวกคนพูดปดจะถูกปิดไว้
อังกูรที่มีความชอบธรรม
11 จะมีอังกูร[a]งอกจากตอของเจสซี
และกิ่งก้านที่เกิดจากรากของเขาจะเกิดผล
2 และพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าจะอยู่กับพระองค์
คือพระวิญญาณแห่งสติปัญญาและความเข้าใจ
พระวิญญาณแห่งคำปรึกษาและอานุภาพ
พระวิญญาณแห่งความรู้และความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
3 และพระองค์จะมีความสุขใจเมื่อมีความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์จะไม่ตัดสินตามที่ตาเห็น
และไม่ตัดสินใจตามที่หูได้ยิน
4 แต่จะตัดสินผู้ยากไร้ด้วยความเป็นธรรม
และตัดสินใจให้กับผู้มีใจอ่อนน้อมของแผ่นดินด้วยความยุติธรรม
และพระองค์จะลงโทษแผ่นดินด้วยคำพูดจากปากของพระองค์
และพระองค์จะสังหารคนชั่วร้ายด้วยลมหายใจจากริมฝีปากของพระองค์
5 ความชอบธรรมจะเป็นเข็มขัดคาดเอวพระองค์
และความสัตย์จริงเป็นสายคาดบั้นเอวพระองค์
6 สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ
และเสือดาวจะหมอบอยู่กับลูกแพะ
ลูกโคตัวผู้กับสิงโตและลูกโคอ้วนพีจะอยู่ด้วยกัน
และเด็กน้อยจะเดินนำสัตว์เหล่านี้ไป
7 แม่โคและหมีจะเล็มหญ้า
ลูกๆ ของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน
สิงโตจะกินฟางอย่างโค
8 เด็กที่ยังไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูของงูเห่า
และเด็กที่หย่านมแล้วจะวางมือบนรังของงูพิษ
9 พวกมันจะไม่ทำร้ายหรือทำให้
ภูเขาอันบริสุทธิ์ของเราพินาศ
เพราะแผ่นดินโลกจะบริบูรณ์ด้วยความรู้ในเรื่องพระผู้เป็นเจ้า
เหมือนน้ำที่เต็มทะเล
10 ในวันนั้น รากแห่งเจสซีจะตั้งเด่นดั่งธงชัยสำหรับบรรดาชนชาติ บรรดาประชาชาติจะแสวงหาพระองค์ และที่ซึ่งพระองค์พำนักอยู่จะงามตระการ[b]
11 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะยื่นมือของพระองค์ออกไปเป็นครั้งที่สอง เพื่อเรียกชนชาติที่เหลือของพระองค์ที่ยังมีชีวิตอยู่กลับคืนมาจากอัสซีเรีย อียิปต์ ปัทโรส คูช[c] เอลาม ชินาร์ ฮามัท และจากแผ่นดินบนชายฝั่งทะเล
12 พระองค์จะยกธงชัยให้แก่บรรดาประชาชาติ
และจะเรียกคนอิสราเอลที่ถูกเนรเทศไปให้มาอยู่ร่วมกัน
และรวบรวมชาวยูดาห์ที่กระจัดกระจายไป
จาก 4 มุมของแผ่นดินโลก
13 ความอิจฉาของเอฟราอิมจะจากไป
และพวกที่ก่อกวนยูดาห์จะถูกตัดขาด
เอฟราอิมจะไม่อิจฉายูดาห์
และยูดาห์จะไม่ก่อกวนเอฟราอิม
14 แต่พวกเขาจะโฉบลงบนไหล่ของพวกฟีลิสเตียทางตะวันตก
และพวกเขาจะปล้นประชาชนทางตะวันออก
พวกเขาจะโจมตีเอโดมและโมอับ
และชาวอัมโมนจะเชื่อฟังพวกเขา
15 และพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้
อ่าวทะเลของอียิปต์แห้งเหือด
และจะโบกมือเหนือแม่น้ำ
พร้อมกับลมหายใจที่ร้อนระอุ
และพระองค์จะทำให้น้ำแยกออกเป็น 7 สาย
เพื่อผู้คนจะสวมรองเท้าข้ามไปได้
16 และจะมีถนนจากอัสซีเรีย
สำหรับชนชาติที่เหลือของพระองค์ที่ยังมีชีวิตอยู่
เหมือนกับที่เคยมีถนนสำหรับอิสราเอล
เมื่อพวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์[d]
เพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
12 ในวันนั้น ท่านจะพูดว่า
“โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์
เพราะถึงแม้ว่าพระองค์กริ้วข้าพเจ้า
แต่พระองค์ก็หายกริ้วแล้ว
และพระองค์ปลอบประโลมข้าพเจ้า
2 ดูเถิด พระเจ้าเป็นความรอดพ้นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไว้วางใจ และจะไม่หวั่นกลัว
เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นพละกำลังและอานุภาพ[e]ของข้าพเจ้า
พระองค์มาเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น”
3 ท่านทั้งหลายจะตักน้ำจากบ่อแห่งความรอดพ้นด้วยความยินดี 4 และในวันนั้น ท่านจะพูดว่า
“จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า
ร้องเรียกพระนามของพระองค์
ให้สิ่งที่พระองค์กระทำเป็นที่รู้จักในบรรดาชนชาติ
จงประกาศว่า พระนามของพระองค์ได้รับการยกย่อง
5 จงร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์มีชัยในสิ่งที่กระทำ
และจงให้เป็นที่รู้กันทั่วแผ่นดินโลก
6 โอ ชาวศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องและร้องเพลงด้วยความยินดี
เพราะองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน”
เตือนผู้มั่งมี
5 ท่านผู้มั่งมี จงฟังให้ดี ท่านร้องไห้และคร่ำครวญเถิด เพราะความทุกข์ต่างๆ กำลังจะเกิดกับท่าน 2 ความมั่งมีของท่านสูญเสียไปแล้ว และเครื่องนุ่งห่มก็ถูกแมลงกัดกิน 3 ทองคำและเงินของท่านก็ขึ้นสนิม และสนิมนั้นจะเป็นพยานต่อต้านท่าน และจะเผาผลาญเลือดเนื้อของท่านดุจเปลวเพลิง ท่านเก็บสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย 4 ดูเถิด ค่าจ้างที่ท่านไม่ได้จ่ายคนงานซึ่งเก็บเกี่ยวนาของท่านกำลังร้องต่อต้านท่าน เสียงร้องของบรรดาผู้เก็บเกี่ยวได้ทราบถึงหูของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา 5 ท่านได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกอย่างฟุ่มเฟือย และหาความสำราญใส่ตัว ท่านบำเรอจิตใจจนอ้วนพีไว้เพื่อวันประหาร 6 ท่านได้กล่าวโทษและฆ่าคนที่มีความชอบธรรม เขาก็ไม่ต่อต้านท่าน
การทนทุกข์และความอดทน
7 ฉะนั้น พี่น้องเอ๋ย จงอดทนจนถึงวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมา ดูสิว่า ชาวนาชาวสวนรอคอยผลอันล้ำค่าจากที่นา และมีความอดทนรอคอยฝนตอนต้นและปลายฤดู 8 ท่านก็ควรอดทนเช่นกัน จงทำใจให้ดีไว้ เพราะใกล้วันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมาแล้ว 9 พี่น้องเอ๋ย อย่าบ่นต่อว่ากันเลย ท่านเองจะได้ไม่ถูกกล่าวโทษ ดูเถิด ผู้พิพากษากำลังยืนอยู่ที่ประตู 10 พี่น้องเอ๋ย จงเอาแบบอย่างในการทนทุกข์และความอดทนของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่พูดในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 11 ดูเถิด เรานับว่าบรรดาผู้ที่มีความบากบั่นเป็นผู้มีความสุข ท่านได้ยินเรื่องความบากบั่นของโยบ และได้เห็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในที่สุดแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้ามีความเมตตาและความเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
12 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดแล้วท่านอย่าสบถสาบาน ไม่ว่าต่อสวรรค์ หรือต่อโลก หรือต่อคำมั่นสัญญาอื่นใดเลย แต่จงเป็นเพียง ใช่ก็ว่าใช่ และไม่ก็ว่าไม่ เพื่อท่านจะได้ไม่ถูกกล่าวโทษ
อธิษฐานด้วยความเชื่อ
13 มีพวกท่านคนใดไหมที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ ให้เขาอธิษฐานเถิด มีใครร่าเริงไหม ให้เขาร้องเพลงสรรเสริญเถิด 14 มีพวกท่านคนใดไหมที่เจ็บป่วย ให้เขาขอให้บรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมาอธิษฐานเพื่อเขา เจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 15 การอธิษฐานด้วยความเชื่อจะทำให้คนป่วยหายได้ พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้เขามีสุขภาพดีอีก และถ้าเขาได้กระทำบาป เขาก็จะได้รับการยกโทษ 16 ฉะนั้นจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อว่าท่านจะได้รับการรักษาให้หาย คำอธิษฐานของคนมีความชอบธรรมมีอานุภาพและเกิดผลมาก 17 เอลียาห์เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา ท่านได้อธิษฐานอย่างแรงกล้าเพื่อไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกบนแผ่นดินถึงสามปีครึ่ง 18 ท่านอธิษฐานอีก และฟ้าสวรรค์ก็ให้ฝนตกลงมา และแผ่นดินโลกได้ผลิตพืชผลต่างๆ
19 พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ถ้ามีคนใดในพวกท่านหลงผิดไปจากความจริง และมีคนพาเขากลับคืนมา 20 จงทราบด้วยว่า คนที่พาคนบาปกลับจากทางที่ผิด จะช่วยให้จิตวิญญาณของเขาพ้นจากความตาย และบาปมากมายจะได้รับการให้อภัย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation