Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NET. Switch to the NET to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 พงศาวดาร 21-23

21 เยโฮชาฟัททรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ด้วยกันในเมืองดาวิด แล้วเยโฮรัมโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน โอรสองค์อื่นๆ ของเยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งอิสราเอล[a]ที่เป็นอนุชาของเยโฮรัมได้แก่ อาซาริยาห์ เยฮีเอล เศคาริยาห์ อาซาริยาฮู มีคาเอล และเชฟาทิยาห์ เยโฮชาฟัทราชบิดาได้ประทานเงิน ทองคำ และของมีค่าให้โอรสแต่ละองค์ และให้ครองเมืองป้อมปราการต่างๆ ในยูดาห์ แต่ทรงยกอาณาจักรให้แก่เยโฮรัมเพราะเป็นโอรสหัวปี

กษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์(A)

เมื่อเยโฮรัมสถาปนาอาณาจักรของราชบิดาให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นแล้ว ก็ประหารอนุชาทั้งปวงและเจ้านายบางองค์ของอิสราเอล ขณะขึ้นเป็นกษัตริย์เยโฮรัมทรงมีพระชนมายุ 32 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มแปดปี เยโฮรัมทรงดำเนินตามอย่างบรรดากษัตริย์อิสราเอล ตามอย่างราชวงศ์อาหับเพราะทรงอภิเษกกับพระธิดาองค์หนึ่งของอาหับ พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เนื่องจากพันธสัญญาที่ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกับดาวิด องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงไม่ทรงประสงค์จะทำลายล้างราชวงศ์ของดาวิด พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่าจะรักษาดวงประทีปดวงหนึ่งไว้สำหรับดาวิดและวงศ์วานตลอดไป

ในรัชกาลของเยโฮรัม เอโดมกบฏต่อยูดาห์และตั้งกษัตริย์ปกครองตนเอง เยโฮรัมจึงกรีธาทัพไปพร้อมด้วยทหารและรถม้าศึกทั้งหมด ชาวเอโดมโอบล้อมพระองค์กับผู้บัญชาการรถรบ แต่เยโฮรัมทรงตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ในเวลากลางคืน 10 เอโดมจึงกบฏต่อยูดาห์จนถึงทุกวันนี้

ครั้งนั้นลิบนาห์ก็กบฏด้วย เพราะเยโฮรัมได้ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์ 11 ทั้งยังทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงบนเนินเขาทั้งหลายของยูดาห์ และทรงชักนำชาวเยรูซาเล็มให้เอาใจออกห่างจากพระเจ้า และทำให้ยูดาห์หลงเจิ่นไป

12 มีจดหมายจากผู้เผยพระวจนะเอลียาห์มาถึงเยโฮรัมความว่า

“พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่านตรัสดังนี้ว่า ‘เจ้าไม่ได้เจริญรอยตามเยโฮชาฟัทบิดาของเจ้าหรือกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ 13 แต่เดินตามรอยกษัตริย์อิสราเอล และเจ้าได้ชักนำชาวยูดาห์กับชาวเยรูซาเล็มให้นอกใจเราเช่นเดียวกับราชวงศ์อาหับ มิหนำซ้ำยังสังหารพี่น้องของเจ้าซึ่งเป็นคนในครัวเรือนบิดาของเจ้าและดีกว่าเจ้า 14 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษคนของเจ้า บุตรกับภรรยาของเจ้าและทุกสิ่งที่เจ้ามีอย่างหนัก 15 เจ้าเองจะป่วยหนักด้วยโรคลำไส้เรื้อรังจนกระทั่งลำไส้ของเจ้าทะลักออกมา’ ”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจชาวฟีลิสเตียและชาวอาหรับซึ่งอยู่ถัดจากชาวคูชให้เป็นศัตรูกับเยโฮรัม 17 พวกเขาเข้ามาโจมตีและรุกรานยูดาห์ ริบเอาข้าวของมีค่าทั้งหมดในพระราชวังไป รวมทั้งบรรดาโอรสและมเหสีของเยโฮรัมด้วย ไม่มีโอรสองค์ใดเหลืออยู่เว้นแต่อาหัสยาห์[b]โอรสองค์สุดท้อง

18 หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทรมานเยโฮรัมด้วยโรคลำไส้ซึ่งรักษาไม่ได้ 19 เมื่อปลายปีที่สอง ลำไส้ของเยโฮรัมทะลักออกมาและพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ประชาชนไม่ได้ก่อไฟถวายให้สมพระเกียรติเหมือนรัชกาลก่อนๆ

20 เยโฮรัมมีพระชนมายุ 32 พรรษาเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 8 ปี และสิ้นพระชนม์ไปโดยไม่มีใครโศกเศร้าเสียใจ พระศพถูกฝังไว้ในเมืองดาวิดแต่ไม่ใช่ในสุสานหลวง

กษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์(B)

22 ชาวเยรูซาเล็มตั้งอาหัสยาห์โอรสองค์สุดท้องของเยโฮรัมขึ้นครองราชย์เพราะกองโจรที่เข้ามาในค่ายกับชาวอาหรับได้สังหารโอรสผู้พี่องค์อื่นๆ หมดแล้ว อาหัสยาห์โอรสกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์จึงเริ่มครองราชย์

อาหัสยาห์ทรงมีพระชนมายุ 22 พรรษา[c]เมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์อยู่เพียงปีเดียวในกรุงเยรูซาเล็ม ราชมารดาคืออาธาลิยาห์หลานสาวของอมรี

อาหัสยาห์ก็เช่นกัน พระองค์ทรงดำเนินตามอย่างราชวงศ์อาหับ เพราะราชมารดาสนับสนุนให้ทำผิด และทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามอย่างราชวงศ์อาหับ เพราะหลังจากราชบิดาสิ้นพระชนม์ ทรงยึดราชวงศ์อาหับเป็นที่ปรึกษาซึ่งนำพระองค์ไปสู่หายนะ พระองค์ทรงทำตามคำแนะนำของพวกเขาโดยเข้าร่วมกับโยรัม[d]โอรสของกษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอล ไปรบกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมที่เมืองราโมทกิเลอาด โยรัมได้รับบาดเจ็บด้วยน้ำมือของชาวอารัม พระองค์จึงเสด็จกลับมาพักฟื้นที่ยิสเรเอลเพราะบาดเจ็บจากสงครามกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมที่ราโมท[e]

แล้วอาหัสยาห์[f]โอรสกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์ก็เสด็จลงไปเยี่ยมพระอาการของโยรัมโอรสของอาหับที่ยิสเรเอล

ในการเยี่ยมครั้งนี้พระเจ้าทรงนำจุดจบมาสู่อาหัสยาห์ เมื่ออาหัสยาห์มาถึง พระองค์กับโยรัมก็ออกไปพบเยฮูบุตรนิมชี ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเจิมตั้งให้เป็นผู้ทำลายล้างราชวงศ์อาหับ ขณะเยฮูออกกวาดล้างราชวงศ์อาหับ ได้พบกับบรรดาเจ้านายยูดาห์และญาติของอาหัสยาห์ที่รับใช้อาหัสยาห์ เยฮูก็ประหารพวกเขา แล้วเยฮูก็ค้นหาอาหัสยาห์ คนของเยฮูพบอาหัสยาห์หลบซ่อนอยู่ในสะมาเรียจึงคุมตัวมาให้เยฮูปลงพระชนม์ พวกเขาฝังพระศพของอาหัสยาห์โดยให้เหตุผลว่า “พระองค์ทรงเป็นลูกหลานของเยโฮชาฟัทผู้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจ” ไม่มีใครในราชวงศ์อาหัสยาห์ที่เข้มแข็งพอจะกู้อาณาจักรให้เป็นปึกแผ่นเช่นเดิมได้เลย

พระนางอาธาลิยาห์กับโยอาช(C)

10 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ราชมารดาของอาหัสยาห์เห็นว่าโอรสสิ้นพระชนม์แล้ว ก็สังหารเชื้อพระวงศ์ของยูดาห์ทั้งหมด 11 แต่เยโฮเชบา[g] ธิดาของกษัตริย์เยโฮรัม น้องสาวของอาหัสยาห์และเป็นภรรยาของปุโรหิตเยโฮยาดา นำตัวโยอาชโอรสของอาหัสยาห์มาจากบรรดาเจ้านายที่กำลังจะถูกฆ่า ไปซ่อนไว้ในห้องนอนพร้อมกับพี่เลี้ยง เด็กนั้นจึงพ้นจากมือของพระนางอาธาลิยาห์ 12 โยอาชซ่อนพระองค์อยู่กับพวกเขาในพระวิหารของพระเจ้าตลอดหกปีที่พระนางอาธาลิยาห์ครองราชย์

23 ในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาล ปุโรหิตเยโฮยาดาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ทำพันธสัญญากับผู้บัญชาการกองร้อยได้แก่ อาซาริยาห์บุตรเยโรฮัม อิชมาเอลบุตรเยโฮฮานัน อาซาริยาห์บุตรโอเบด มาอาเสอาห์บุตรอาดายาห์ และเอลีชาฟัทบุตรศิครี คนเหล่านี้เดินทางไปทั่วยูดาห์ เพื่อแจ้งคนเลวีและหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอลจากทุกเมืองให้มาชุมนุมกันที่กรุงเยรูซาเล็ม ประชากรทั้งหมดทำพันธสัญญากับกษัตริย์ที่พระวิหารของพระเจ้า

เยโฮยาดากล่าวกับพวกเขาว่า “ราชโอรสจะขึ้นครองราชย์ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้เกี่ยวกับวงศ์วานของดาวิด ท่านทั้งหลายจะดำเนินการดังนี้ หนึ่งในสามของพวกท่านที่เป็นปุโรหิตและคนเลวีซึ่งประจำหน้าที่ในวันสะบาโตจะเฝ้าอยู่ที่ประตูต่างๆ อีกหนึ่งในสามที่พระราชวัง และอีกหนึ่งในสามที่ประตูฐานราก คนอื่นนอกนั้นให้อยู่ที่ลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า อย่าให้ใครเข้าไปในพระวิหารของ องค์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากปุโรหิตกับคนเลวีซึ่งประจำหน้าที่ เนื่องจากพวกเขาได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว ส่วนคนอื่นๆ ให้ปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบหมาย[h] คนเลวีจงอารักขากษัตริย์ ถืออาวุธพร้อม และประหารทุกคนที่ล่วงล้ำเข้ามาในพระวิหาร ขอให้พวกท่านอยู่เคียงข้างองค์กษัตริย์เสมอไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน”

คนเลวีและชายชาวยูดาห์ทั้งหมดก็ทำตามคำสั่งของปุโรหิตเยโฮยาดา แต่ละคนก็นำคนของตนไป ทั้งคนที่จะเข้าเวรในวันสะบาโตและคนที่จะพ้นเวร เพราะปุโรหิตเยโฮยาดาไม่ปล่อยให้ออกเวร จากนั้นเยโฮยาดานำหอกพร้อมทั้งโล่ใหญ่และเล็กของกษัตริย์ดาวิดซึ่งเก็บไว้ในคลังพระวิหารออกมาแจกจ่ายแก่นายกองทั้งปวง 10 ทหารเหล่านี้ซึ่งมีอาวุธครบครันคอยถวายการอารักขากษัตริย์ที่ใกล้ๆ แท่นบูชา และจากด้านทิศใต้ของพระวิหารไปจดด้านทิศเหนือ

11 เยโฮยาดากับบุตรทั้งหลายนำราชโอรสออกมาและสวมมงกุฎให้พระองค์ ถวายหนังสือพันธสัญญา และประกาศว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ พวกเขาเจิมพระองค์และโห่ร้องว่า “ขอกษัตริย์จงทรงพระเจริญ!”

12 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ได้ยินเสียงอึกทึกของประชาชน และเสียงโห่ร้องต้อนรับกษัตริย์ ก็เสด็จมาพบพวกเขาที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 13 พระนางทอดพระเนตรเห็นกษัตริย์ประทับยืนอยู่ข้างเสาตรงทางเข้า มีเจ้าหน้าที่กับคนเป่าแตรอยู่ข้างพระองค์ และปวงชนกำลังรื่นเริงยินดีและเป่าแตร นักร้องก็บรรเลงดนตรีนำการสดุดี พระนางอาธาลิยาห์ก็ทรงฉีกฉลองพระองค์และร้องตะโกนว่า “กบฏ! กบฏ!”

14 ปุโรหิตเยโฮยาดาส่งบรรดาผู้บังคับกองร้อยซึ่งรับผิดชอบกองทหารออกไปและสั่งว่า “คุมตัวพระนางออกไปจากแถวทหาร[i] อย่าประหารพระนางในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ให้ฆ่าทุกคนที่พยายามจะเข้ามาช่วยพระนาง” 15 พวกเขาจึงคุมตัวพระนางไปยังประตูที่ม้าผ่านเข้าพระราชวังและปลงพระชนม์พระนางที่นั่น

16 จากนั้นเยโฮยาดาได้ทำพันธสัญญาร่วมกับประชาชนและกษัตริย์ว่า[j]จะเป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า 17 แล้วทุกคนกรูเข้าไปรื้อทำลายวิหารของพระบาอัล ทุบแท่นบูชาและเทวรูปทั้งหลายทิ้งและประหารมัททานปุโรหิตของพระบาอัลตรงหน้าแท่น

18 แล้วเยโฮยาดาแต่งตั้งปุโรหิตซึ่งเป็นชนเลวีให้ดูแลพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่ดาวิดมอบหมายไว้ เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติของโมเสสด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยการร้องเพลงตามที่ดาวิดตรัสสั่งไว้ 19 เยโฮยาดายังได้ตั้งยามประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อไม่ให้ผู้ที่เป็นมลทินด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดเข้าไปได้

20 จากนั้นเยโฮยาดาร่วมกับบรรดานายกอง ขุนนาง ผู้ปกครอง และประชาชนทั้งปวง นำเสด็จกษัตริย์จากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดำเนินผ่านประตูบนสู่พระราชวัง และอัญเชิญขึ้นประทับบนราชบัลลังก์ 21 ประชาชนทั่วแดนพากันชื่นชมยินดีและนครก็สงบสุข เพราะพระนางอาธาลิยาห์ถูกประหารด้วยดาบแล้ว

โรม 11:13-36

13 ข้าพเจ้ากำลังพูดกับพวกท่านซึ่งเป็นคนต่างชาติ และในฐานะอัครทูตมายังคนต่างชาติ ข้าพเจ้าให้ความสำคัญกับพันธกิจของตน 14 โดยหวังว่าข้าพเจ้าอาจจะกระตุ้นพี่น้องร่วมชาติให้เกิดความอิจฉาและช่วยพวกเขาบางคนให้รอดได้ 15 เพราะถ้าการที่พระเจ้าทรงละทิ้งพวกเขา เป็นเหตุให้โลกกลับคืนดีกับพระองค์แล้ว การที่พระองค์ทรงรับพวกเขากลับมาอีกนั้น จะเป็นอะไรนอกจากการมีชีวิตเป็นขึ้นจากตาย? 16 ถ้าแป้งส่วนที่ถวายเป็นผลแรกนั้นบริสุทธิ์ แป้งทั้งก้อนย่อมบริสุทธิ์ ถ้ารากบริสุทธิ์ กิ่งทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ด้วย

17 หากบางกิ่งถูกหักออกไป และแม้ท่านจะเป็นหน่อมะกอกป่า ก็ถูกนำมาต่อเข้าท่ามกลางกิ่งอื่นๆ และบัดนี้ได้รับน้ำหล่อเลี้ยงจากรากมะกอก 18 ก็อย่าโอ้อวดข่มกิ่งเหล่านั้น ถ้าท่านโอ้อวด จงระลึกเถิดว่า ท่านไม่ได้ค้ำชูราก แต่รากค้ำชูท่าน 19 แล้วท่านอาจจะพูดว่า “กิ่งพวกนั้นถูกหักออกเพื่อจะได้นำเรามาต่อกิ่งเข้าไป” 20 ก็จริงอยู่ แต่ที่พวกเขาถูกหักออกไปเพราะไม่เชื่อ ส่วนท่านอยู่ได้ก็เพราะความเชื่อ อย่าหยิ่งผยองเลย แต่จงเกรงกลัว 21 เพราะถ้าพระเจ้ายังไม่ทรงละเว้นกิ่งเดิมไว้ พระองค์จะไม่ทรงละเว้นท่านไว้เช่นกัน

22 ฉะนั้นจงพิจารณาทั้งความกรุณาและความเข้มงวดของพระเจ้าคือ ทรงเข้มงวดกับพวกนั้นที่ล้มไป แต่ทรงกรุณาท่านก็ต่อเมื่อท่านคงอยู่ในความกรุณาของพระองค์ มิฉะนั้นท่านก็จะถูกตัดออกด้วย 23 และถ้าพวกเขาไม่ดื้อรั้นอยู่ในความไม่เชื่อ ก็จะทรงนำพวกเขามาต่อกิ่งเข้าไป เพราะว่าพระเจ้าทรงสามารถนำพวกเขามาต่อกิ่งเข้าอีกได้ 24 ในที่สุดถ้าท่านถูกตัดจากต้นซึ่งตามธรรมชาติเป็นมะกอกป่า และนำมาต่อกิ่งเข้ากับต้นมะกอกสวนซึ่งเป็นการขัดกับธรรมชาติ จะง่ายยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดที่จะนำกิ่งต่างๆ ตามธรรมชาติมาต่อเข้ากับต้นเดิมของมันเอง!

อิสราเอลทั้งหมดจะรอด

25 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อยากให้ท่านไม่รู้เรื่องข้อล้ำลึกนี้ เพื่อท่านจะได้ไม่ทะนงตน คืออิสราเอลบางส่วนจะมีใจแข็งกระด้างจนกว่าคนต่างชาติได้เข้ามาครบจำนวน 26 เมื่อนั้นอิสราเอลทั้งหมดจะรอด ตามที่มีเขียนไว้ว่า

“องค์ผู้ช่วยกู้จะเสด็จมาจากศิโยน
พระองค์จะทรงขจัดความอธรรมให้พ้นจากยาโคบ
27 และนี่เป็น[a]พันธสัญญาของเรากับพวกเขา
เมื่อเรายกบาปผิดของพวกเขาไป”[b]

28 ในแง่ของข่าวประเสริฐ พวกเขาเป็นศัตรูเพื่อเห็นแก่พวกท่าน แต่ในแง่ของการทรงเลือก พวกเขาเป็นที่รักเพื่อเห็นแก่เหล่าบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ 29 เพราะของประทานและการทรงเรียกของพระเจ้านั้นไม่ผันแปร 30 เหมือนที่พวกท่านเองผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยไม่เชื่อฟังพระเจ้า บัดนี้ได้รับพระเมตตาอันเป็นผลมาจากการไม่เชื่อฟังของพวกเขา 31 เช่นเดียวกัน บัดนี้พวกเขาเองไม่เชื่อฟัง เพื่อบัดนี้[c] พวกเขาก็จะได้รับพระเมตตาอันเป็นผลมาจากพระเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อพวกท่าน 32 เพราะว่าพระเจ้าทรงปล่อยให้มนุษย์ทั้งปวงไม่เชื่อฟังเพื่อพระองค์จะทรงเมตตาพวกเขาทั้งปวง

เพลงสรรเสริญ

33 โอ ความมั่งคั่งแห่งพระปัญญาและ[d]ความรอบรู้ของพระเจ้าช่างล้ำลึกยิ่งนัก!
ข้อวินิจฉัยของพระองค์สุดที่จะหยั่งคะเน
และวิถีทางของพระองค์เกินกว่าจะสืบเสาะ!
34 “ใครเล่าจะหยั่งรู้พระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
หรือใครเล่าเป็นที่ปรึกษาของพระองค์?”[e]
35 “ใครเล่าเคยถวายสิ่งใดให้พระเจ้า
ที่พระเจ้าจะต้องชดใช้เขา?”[f]
36 เพราะสิ่งสารพัดมาจากพระองค์
โดยพระองค์และเพื่อพระองค์
ขอพระเกียรติสิริจงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร์! อาเมน

สดุดี 22:1-18

(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “กวางแห่งรุ่งอรุณ” บทสดุดีของดาวิด)

22 พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมทรงทอดทิ้งข้าพระองค์?
เหตุใดพระองค์จึงทรงห่างไกล ไม่มาช่วยกู้ข้าพระองค์?
ทรงห่างไกล ไม่ฟังคำคร่ำครวญของข้าพระองค์?
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลตลอดวัน แต่พระองค์ไม่ทรงตอบ
ยามค่ำคืนข้าพระองค์ก็ไม่หยุดวิงวอน

ถึงกระนั้นพระองค์ทรงประทับบนบัลลังก์ เป็นองค์บริสุทธิ์
พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของอิสราเอล[a]
บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายวางใจในพระองค์
เขาเหล่านั้นวางใจในพระองค์ และพระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขา
พวกเขาร้องทูลพระองค์และได้รับการช่วยกู้
พวกเขาวางใจในพระองค์และไม่ผิดหวัง

แต่ข้าพระองค์เป็นตัวหนอน ไม่ใช่คน
ผู้คนก็ประณาม ประชาชนก็ดูแคลน
คนทั้งปวงที่เห็นข้าพระองค์ก็เย้ยหยัน
พวกเขาส่ายหน้าและพูดเหยียดหยามใส่ข้าพระองค์ว่า
“เขาวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ก็ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าช่วยเขาสิ
ในเมื่อพระองค์ปีติยินดีในตัวเขา
ก็ให้พระองค์ช่วยกู้เขาสิ”

ถึงกระนั้นพระองค์ทรงนำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์
พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์วางใจใน
พระองค์ตั้งแต่อยู่ในอ้อมอกแม่
10 ตั้งแต่เกิด ข้าพระองค์ก็ถูกทิ้งให้พึ่งพิงพระองค์
ตั้งแต่ข้าพระองค์ยังอยู่ในครรภ์มารดา พระองค์ก็ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์

11 ขออย่าทรงไกลห่างจากข้าพระองค์
เพราะความทุกข์ร้อนอยู่ใกล้
และไม่มีใครช่วยได้เลย

12 เหล่ากระทิงห้อมล้อมข้าพระองค์
ฝูงโคถึกแห่งบาชานรุมล้อมข้าพระองค์
13 พวกเขาอ้าปากกว้างเข้าใส่ข้าพระองค์
ดั่งสิงโตคำรามและกัดฉีกเหยื่อ
14 พละกำลังของข้าพระองค์เหือดแห้งไปดั่งสายน้ำ
กระดูกทุกซี่ของข้าพระองค์หลุดจากข้อต่อ
ใจของข้าพระองค์อ่อนล้าดั่งขี้ผึ้ง
หลอมละลายภายในข้าพระองค์
15 กำลังของข้าพระองค์แห้งผากไปดั่งดินเผา
ลิ้นของข้าพระองค์เกาะติดเพดานปาก
พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าพระองค์นอน[b] เกลือกธุลีแห่งความตาย

16 เหล่าสุนัขรายล้อมข้าพระองค์
กลุ่มคนชั่วรุมล้อมข้าพระองค์
พวกเขาทิ่มแทงมือและเท้าของข้าพระองค์
17 ข้าพระองค์สามารถนับกระดูกทั้งหมดของข้าพระองค์
ผู้คนจ้องมองข้าพระองค์อย่างสะใจ
18 พวกเขาเอาเครื่องนุ่งห่มของข้าพระองค์มาแบ่งกัน
และเอาเสื้อผ้าของข้าพระองค์มาจับสลาก

สุภาษิต 20:7

คนชอบธรรมดำเนินชีวิตอย่างไร้ที่ติ
ลูกหลานของเขาย่อมได้รับพร

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.