Chronological
เยเรมียาห์ถูกขังไว้
38 เชฟาทิยาห์ลูกชายของมัทธาน เกดาลิยาห์ลูกชายของปาชเฮอร์ ยูคาลลูกชายของเชเลมิยาห์ และปาชเฮอร์ลูกชายของมัลคียาห์ ได้ยินสิ่งต่างๆที่เยเรมียาห์พูดกับทุกๆคนว่า 2 “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘คนที่อยู่ในเมืองนี้ จะต้องตายจากคมดาบ ความอดอยาก หรือไม่ก็โรคร้าย แต่คนที่ออกไปมอบตัวกับพวกบาบิโลนจะรอดชีวิต จะได้ชีวิตตัวเองเหมือนของที่ยึดมาได้จากสงคราม’
3 พระยาห์เวห์บอกว่า ‘เมืองนี้จะต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือกองทัพของกษัตริย์บาบิโลนและจะต้องถูกยึดอย่างแน่นอน’”
4 พวกเจ้านายก็เลยบอกกับกษัตริย์ว่า “น่าจะฆ่าชายคนนี้เสีย เพราะเมื่อเขาพูดสิ่งเหล่านี้ เขาก็ได้ทำลายขวัญและกำลังใจของทหารและประชาชนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเมืองนี้ อันที่จริง ชายคนนี้ไม่ได้กะจะให้สิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นกับคนเหล่านี้หรอก แต่เขากะจะให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น”
5 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ก็พูดว่า “เขาอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว เพราะเราก็ห้ามอะไรพวกเจ้าไม่ได้”
6 พวกเขาก็เลยไปเอาตัวเยเรมียาห์ แล้วโยนเขาลงไปในบ่อเก็บน้ำแห้งของมัลคียาห์ ที่อยู่ในลานของทหารยาม พวกเขาใช้เชือกหย่อนตัวเยเรมียาห์ลงไป ในบ่อที่ไม่มีน้ำนั้น มีแต่โคลน เยเรมียาห์ก็จมลงในโคลน 7 แล้วเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปีย ที่เป็นขันทีที่ทำงานอยู่ในวัง ได้ยินว่าเยเรมียาห์ถูกหย่อนลงไปในบ่อที่ไม่มีน้ำ และเขารู้ว่ากษัตริย์นั่งอยู่ที่ประตูเบนยามิน 8 เอเบดเมเลคจึงออกไปจากวังไปพูดกับกษัตริย์ว่า 9 “ข้าแต่กษัตริย์ของข้าพเจ้า คนพวกนี้ทำผิดต่อเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าในทุกเรื่อง พวกเขาผิดที่โยนท่านลงไปในบ่อเก็บน้ำแห้งนั้น ท่านจะหิวตายอยู่ใต้นั้นแน่เพราะมันไม่มีขนมปังหลงเหลืออยู่ในเมืองอีกแล้ว”
10 กษัตริย์จึงสั่งเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปียว่า “ให้เอาลูกน้องของเจ้าสามคน[a] ไปดึงเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าขึ้นมาจากบ่อเก็บน้ำนั้นก่อนที่เขาจะตาย”
11 เอเบดเมเลคจึงนำลูกน้องไป เขาเข้าไปในวังใต้ห้องเก็บของ เขาเอาผ้าขี้ริ้วและเสื้อเก่าๆจากที่นั่น เอาเชือกมัดพวกมันหย่อนลงไปให้เยเรมียาห์
12 แล้วเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปียก็บอกกับเยเรมียาห์ว่า “คล้องผ้าขี้ริ้วขาดๆและเศษเสื้อผ้าพวกนี้ไว้ใต้รักแร้ของท่าน ตรงที่อยู่ระหว่างเชือกกับตัวท่านเถิด” เยเรมียาห์ก็ทำตามที่เขาบอก
13 พวกเขาจึงดึงเยเรมียาห์ขึ้นมาด้วยเชือก และนำเขาขึ้นมาจากบ่อเก็บน้ำแห้งได้ แล้วเยเรมียาห์ก็อยู่ในลานของทหารยามต่อไป
เศเดคียาห์ขอคำปรึกษาจากเยเรมียาห์
14 กษัตริย์เศเดคียาห์ ส่งคนไปนำตัวเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้ามาพบพระองค์ ที่ตรงประตูที่สามซึ่งอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์ก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “เราจะถามเจ้าบางอย่าง อย่าได้ปิดบังอะไรจากเราละ”
15 เยเรมียาห์จึงบอกกับกษัตริย์เศเดคียาห์ว่า “ถ้าข้าพเจ้าบอกพระองค์ พระองค์จะไม่ฆ่าข้าพเจ้าหรือ และถ้าข้าพเจ้าให้คำแนะนำกับพระองค์ พระองค์ก็จะไม่ฟังข้าพเจ้าหรอก” 16 ดังนั้นกษัตริย์เศเดคียาห์จึงสาบานกับเยเรมียาห์อย่างลับๆว่า “เราขอสาบานต่อพระยาห์เวห์ผู้สร้างพวกเราและประทานชีวิตให้พวกเราว่า เราจะไม่ฆ่าเจ้า และจะไม่มอบตัวเจ้าให้กับคนพวกนี้ที่อยากจะฆ่าเจ้า”
17 เยเรมียาห์จึงบอกกับเศเดคียาห์ว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า ‘ถ้าเจ้ายอมออกไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์แห่งบาบิโลนจริงๆเจ้าก็จะรอดชีวิต และเมืองนี้ก็จะไม่ถูกไฟเผา เจ้าและครอบครัวของเจ้าก็จะรอดชีวิต 18 แต่ถ้าเจ้าไม่ออกไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์แห่งบาบิโลน เมืองนี้ก็จะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลน แล้วพวกเขาก็จะจุดไฟเผาเมือง แล้วเจ้าก็จะไม่รอดพ้นเงื้อมมือพวกเขา’”
19 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “เรากลัวพวกยิวที่ทิ้งเมืองไปหาพวกบาบิโลน กลัวว่าเราจะถูกส่งไปให้พวกมันทำร้ายเอา”
20 เยเรมียาห์จึงพูดว่า “พวกเขาจะไม่ส่งพระองค์ไปอยู่ในเงื้อมมือของคนพวกนั้นหรอก โปรดฟังเสียงของพระยาห์เวห์ผู้ที่ข้าพเจ้ากำลังพูดแทนอยู่เถิด และทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดีสำหรับพระองค์ และพระองค์ก็จะรอดชีวิต
21 แต่พระยาห์เวห์ได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้น ถ้าพระองค์ไม่ยอมออกไปมอบตัว 22 คือผู้หญิงทุกคนที่เหลืออยู่ในบ้านของกษัตริย์แห่งยูดาห์จะถูกจับไปให้กับพวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์แห่งบาบิโลน แล้วพวกเขาก็จะพูดว่า ‘พันธมิตรของแกหักหลังแกแล้ว พวกเขาชนะแก เท้าของแกจมโคลนแล้ว และพวกเขาก็ทอดทิ้งแกไป’
23 พวกเมียและลูกทุกคนของพระองค์จะต้องไปหาชาวบาบิโลน และพระองค์ก็จะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของพวกเขาไปได้ เพราะกษัตริย์แห่งบาบิโลนจะจับกุมพระองค์และเอาไฟเผาเมืองนี้”
24 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “ถ้าเจ้าไม่บอกให้ใครรู้ ถึงเรื่องที่เราได้พูดคุยกันในวันนี้ เจ้าก็จะไม่ตาย 25 ถ้าพวกเจ้านายรู้ว่าเราพูดกับเจ้า แล้วพวกเขามาถามเจ้าว่า ‘ช่วยบอกพวกเราหน่อยว่า เจ้าได้พูดอะไรกับกษัตริย์ และกษัตริย์ได้พูดอะไรกับเจ้าบ้าง ถ้าเจ้าบอกเราทุกอย่าง เราจะไม่ฆ่าเจ้า’
26 เจ้าก็ต้องบอกพวกเขาว่า ‘ผมได้ขอร้องพระองค์ ว่าอย่าได้ส่งผมกลับไปตายที่บ้านของโยนาธานเลย’”
27 แล้วพวกเจ้านายทั้งหมดก็ตรงเข้ามาถามเยเรมียาห์ เขาก็ตอบไปตามที่กษัตริย์สั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงเลิกถามเพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้ยินการพูดคุย
28 แล้วเยเรมียาห์ก็อยู่ในลานของทหารยาม จนถึงวันที่บาบิโลนยึดเมืองเยรูซาเล็มได้
เมืองเยรูซาเล็มแตก
(2 พกษ. 25:1-12; ยรม. 52:4-16)
39 ในเดือนที่สิบของปีที่เก้าที่เศเดคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้ยกกองทัพทั้งหมดของพระองค์มาล้อมเมืองเยรูซาเล็มไว้ 2 ในวันที่เก้าเดือนสี่ ของปีที่สิบเอ็ดที่เศเดคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ แนวป้องกันเมืองเยรูซาเล็มก็ถูกทะลวงเข้ามา 3 พวกเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมดของกษัตริย์บาบิโลน ก็ได้เข้ามานั่งอยู่ที่กลางประตูเมือง เนอร์กัลชาเรเซอร์ สัมการ์เนโบ สารเสคิม ที่มียศรับสารีส[b] เนอร์กัลชาเรเซอร์[c] ที่มียศรับมัก และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆทั้งหมดของกษัตริย์บาบิโลนก็อยู่ที่นั่นด้วย
4 เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์และทหารทุกคนเห็นพวกนี้ พวกเขาก็พากันหนีออกไปนอกเมืองในตอนกลางคืน ผ่านทางสวนของกษัตริย์ ออกทางประตูที่อยู่ระหว่างกำแพงสองชั้น พวกเขาออกนอกเมืองทางถนนที่ตรงไปยังทะเลทรายอารบา 5 ทหารบาบิโลนก็ไล่ตามพวกเขาไป และไปทันกษัตริย์เศเดคียาห์ ที่ทะเลทรายอารบาใกล้ๆเมืองเยริโค แล้วพวกเขาก็จับกษัตริย์เศเดคียาห์ และพาพระองค์ไปหาเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลน ที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ก็ได้ตัดสินลงโทษกษัตริย์เศเดคียาห์ 6 กษัตริย์บาบิโลนได้ฆ่าพวกลูกชายของกษัตริย์เศเดคียาห์ที่ริบลาห์ต่อหน้าต่อตาพระองค์ แล้วก็ฆ่าเจ้านายทั้งหมดของยูดาห์ด้วย 7 จากนั้นพระองค์ก็ควักดวงตาของกษัตริย์เศเดคียาห์ แล้วเอาโซ่ล่ามพระองค์ พาไปบาบิโลน
8 จากนั้นพวกบาบิโลนก็เผาวังของกษัตริย์และบ้านเรือนของประชาชน พร้อมกับทำลายกำแพงเมืองเยรูซาเล็มลง 9 เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ก็ได้ทำการกวาดต้อนประชาชนที่เหลือในเมือง และคนเหล่านั้นที่ได้ทิ้งเมืองออกไปมอบตัวกับเขาก่อนหน้านี้ รวมทั้งช่างฝีมือที่เหลือ เขาได้กวาดต้อนไปบาบิโลน 10 ส่วนคนที่ยากจนที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ก็ปล่อยทิ้งไว้ในยูดาห์ และในวันนั้นเขาก็ได้ยกพวกไร่องุ่นกับท้องทุ่งทั้งหลายให้กับพวกเขา
เนบูคัดเนสซาร์ดูแลเยเรมียาห์
11 แล้วเนบูคัดเนสซาร์ก็ออกคำสั่งผ่านเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ เกี่ยวกับเยเรมียาห์ พระองค์สั่งว่า 12 “ไปเอาตัวเยเรมียาห์มา และดูแลเขาให้ดี อย่าได้ทำอันตรายเขา แต่ให้ทำทุกอย่างตามที่เขาขอ”
13 แล้วเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ เนบูชัสบาน เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เนอร์กัลชาเรเซอร์ ที่มียศรับมัก และนายพลทุกคนของกษัตริย์บาบิโลน ก็เรียกเยเรมียาห์มาพบ 14 พวกเขาไปนำตัวเยเรมียาห์มาจากลานของทหารยาม แล้วก็ส่งตัวเขาไปให้กับ เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม อาหิคัมเป็นลูกชายของชาฟาน เกดาลิยาห์จะเป็นคนพาเยเรมียาห์กลับไปบ้านของเยเรมียาห์เอง และเยเรมียาห์ก็ได้อยู่ท่ามกลางคนของเขา
พระเจ้าสัญญาว่าจะช่วยเอเบดเมเลค
15 และถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ ตอนที่เขาถูกคุมตัวอยู่ในลานของทหารยาม พระยาห์เวห์พูดว่า 16 “เยเรมียาห์ ไปบอกกับเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปียว่า พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอล พูดว่า ‘เราจะนำความพินาศมาสู่เมืองนี้ ไม่ใช่ความรุ่งเรือง เราจะทำกับเมืองนี้เหมือนกับที่เราได้เตือนไว้แล้ว และเจ้าจะเห็นเหตุการณ์ที่เราได้เตือนไว้แล้วเกิดขึ้น’” 17 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่เราจะปกป้องเจ้าไว้ในวันนั้น เพื่อเจ้าจะได้ไม่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนเหล่านั้นที่เจ้ากลัว 18 เจ้ามั่นใจได้เลย เพราะเราจะช่วยชีวิตเจ้าอย่างแน่นอน แล้วเจ้าก็จะไม่ถูกดาบฆ่าฟัน เจ้าจะได้รับชีวิตตัวเองเหมือนของที่ยึดได้จากสงคราม เพราะเจ้าไว้วางใจในเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
เยเรมียาห์และพวกที่เหลืออยู่กับเกดาลิยาห์
40 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ หลังจากที่เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ได้ปล่อยเขาให้เป็นอิสระที่เมืองรามาห์ ตอนที่เนบูซาระดานเจอตัวเยเรมียาห์นั้น เขาถูกมัดอยู่กับกลุ่มคนที่ถูกกวาดต้อนมาจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ เพื่อไปที่บาบิโลน 2 หัวหน้าองครักษ์เอาตัวเยเรมียาห์มา และพูดกับเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ได้ขู่ว่าจะนำความหายนะมาสู่สถานที่แห่งนี้ 3 และพระยาห์เวห์ก็ได้ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเหมือนกับที่พระองค์บอก เพราะพวกเจ้าได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ และไม่เชื่อฟังพระองค์ เลยทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเจ้า 4 ตอนนี้เราได้ปลดโซ่ออกจากมือของเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าอยากไปบาบิโลนกับเรา ก็มาเถอะ เราจะดูแลเจ้าเอง แต่ถ้าเจ้าไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไป มองดูแผ่นดินทั้งหมดนี้ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าสิ อยากไปไหนก็ไปเถอะ” 5 ก่อนที่เยเรมียาห์จะเดินจากไป เนบูซาระดานก็พูดขึ้นว่า “หรือเจ้าจะกลับไปหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมลูกชายของชาฟาน กษัตริย์บาบิโลนได้แต่งตั้งให้เกดาลิยาห์ปกครองเมืองต่างๆในยูดาห์ เจ้าก็ไปอยู่กับเขาร่วมกับประชาชน หรือเจ้าอยากจะไปที่ไหนที่เจ้าคิดว่าดี ก็ไปเถอะ” แล้วหัวหน้าองครักษ์ก็ให้เสบียงอาหาร จากนั้นก็ปล่อยเขาไป 6 เยเรมียาห์ก็เลยไปหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมที่มิสปาห์ แล้วก็อยู่กับเขาที่นั่น ท่ามกลางประชาชนที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในแผ่นดินนั้น
การปกครองสั้นๆของเกดาลิยาห์
7 แล้วพวกแม่ทัพนายกองที่อยู่ในพื้นที่กับลูกน้องของพวกเขาก็ได้ยินว่ากษัตริย์บาบิโลนได้แต่งตั้งเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมให้เป็นผู้ดูแลแผ่นดินนี้ และยังได้มอบหมายให้เขาดูแลพวกผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก รวมทั้งให้เขาดูแลคนยากคนจนในแผ่นดินนี้ที่ไม่ถูกกวาดต้อนไปบาบิโลน
8 คนเหล่านี้ได้มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ คืออิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ โยฮานันและโยนาธาน ลูกชายของคาเรอาห์ เสไรอาห์ลูกชายของทันหุเมท พวกลูกชายของเอฟายชาวเนโทฟาห์ และเยซันยาห์ลูกชายชาวมาอาคาห์ คนเหล่านี้ รวมทั้งคนของพวกเขาก็ได้มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์
9 เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมลูกชายของชาฟานได้สาบานกับพวกเขาและคนของพวกเขาว่า “ไม่ต้องกลัวที่จะต้องรับใช้ชาวบาบิโลนหรอก ให้อาศัยอยู่ในดินแดนของพวกท่าน และรับใช้กษัตริย์บาบิโลนเถอะ แล้วทุกอย่างก็จะดีเองสำหรับท่าน 10 แต่สำหรับเรา เราจะอยู่ที่มิสปาห์เพื่อเป็นตัวแทนของท่านต่อพวกบาบิโลนที่มาโจมตีพวกเรา ส่วนพวกท่านก็ให้เก็บเหล้าองุ่น ผลไม้ และน้ำมันมะกอกไว้ในหม้อไห แล้วก็อยู่ในเมืองต่างๆของท่าน ที่พวกท่านยึดมาได้”
11 และพลเมืองยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในโมอับ ในอัมโมน ในเอโดม และอยู่ในที่ต่างๆก็ได้ยินว่ากษัตริย์บาบิโลนได้ทิ้งคนไว้นิดหน่อยในยูดาห์ และพระองค์ได้แต่งตั้งเกดาลิยาห์ลูกชายอาหิคัม ให้ปกครองพวกเขาเหล่านั้น อาหิคัม เป็นลูกชายของชาฟาน 12 ดังนั้นพวกยิวทุกคนต่างก็พากันเดินทางกลับมาจากสถานที่ต่างๆที่พวกเขาเคยถูกขับไล่ไปอยู่นั้น แล้วพวกเขาก็มาที่แผ่นดินยูดาห์ มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ แล้วพวกเขาก็ได้เก็บเกี่ยวองุ่นและผลไม้อื่นๆได้มากมาย
อิชมาเอลซ่องสุมคนหักหลังเกดาลิยาห์
13 แล้วโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์กับแม่ทัพนายกอง ที่อยู่ในท้องทุ่ง ต่างก็พากันมาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ 14 และพวกเขาบอกกับเกดาลิยาห์ว่า “ท่านรู้หรือเปล่าว่า กษัตริย์บาอาลิสแห่งอัมโมน ได้ส่งอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ มาฆ่าท่าน” แต่เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมไม่เชื่อพวกเขา 15 แล้วโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ ก็เลยแอบพูดกับเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ว่า “ขอให้ผมไปฆ่าอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ จะได้ไม่มีใครรู้ จะปล่อยให้เขามาฆ่าท่านได้ยังไง ถ้าเขาทำอย่างนี้ มันจะทำให้คนยูดาห์ทุกคนที่รวมตัวกันมาอยู่กับท่าน ก็จะต้องกระจัดกระจายไป แล้วคนยูดาห์ที่เหลืออยู่ก็จะถูกกำจัดจนหมดสิ้นไป”
16 แต่เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม บอกกับโยฮานันลูกของคาเรอาห์ว่า “อย่าทำอย่างนั้น เพราะเรื่องที่เจ้าพูดเกี่ยวกับอิชมาเอลน่ะไม่ใช่เรื่องจริงหรอก”
อธิษฐานให้พระเจ้ากู้ชาติ
เพลงมัสคิลของอาสาฟ
1 ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์ถึงได้ทอดทิ้งพวกเรานานนัก
ทำไมถึงปล่อยให้ความโกรธของพระองค์เผาผลาญต่อฝูงแกะของพระองค์
2 โปรดระลึกถึงคนที่พระองค์ได้ซื้อมาตั้งนานมาแล้ว
โปรดระลึกถึงเผ่าที่พระองค์ไถ่มาและครอบครองไว้
โปรดระลึกถึงภูเขาศิโยนที่พระองค์สถิตอยู่
3 โปรดเดินเข้ามาดูซากปรักหักพังเก่าแก่เหล่านี้
โปรดกลับมายังวิหารที่พวกศัตรูทำลายจนย่อยยับ
4 พวกศัตรูได้โห่ร้องเฉลิมฉลองชัยชนะของพวกเขาในสถานที่ชุมนุมของพระองค์
พวกเขาชูธงแห่งชัยชนะทั้งหลายกัน
5 พวกเขาบุกโจมตี
ราวกับคนตัดไม้ใช้ขวานโค่นป่า
6 แล้วตอนนี้ พวกเขากำลังใช้ชะแลง
และขวานรื้อทำลายไม้แกะสลักในวิหารลง
7 พวกเขาเผาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์วอดวายลงกับดิน
และทำให้เต็นท์ที่คนสรรเสริญชื่อของพระองค์เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป
8 พวกเขาคิดในใจว่า “พวกเราจะบดขยี้พวกมันให้แหลกละเอียด”
พวกเขาเผาสถานที่ชุมนุมของพระเจ้าทั่วแผ่นดิน
9 พวกเราไม่เห็นการอัศจรรย์ใดๆ[a] อีกแล้ว
ไม่มีพวกผู้พูดแทนพระเจ้าหลงเหลืออีก
และไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
10 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะปล่อยให้พวกศัตรูหมิ่นประมาทพระองค์ไปอีกนานแค่ไหน
พระองค์จะปล่อยให้พวกเขาดูหมิ่นชื่อของพระองค์ตลอดไปหรือ
11 ทำไมพระองค์ถึงยืนกอดอกอยู่เฉยๆ
ยื่นมือขวาของพระองค์ออกไปทำลายพวกเขาให้สิ้นซากไปเลย
12 พระเจ้าคือกษัตริย์ของข้าพเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
พระองค์ช่วยให้พวกเราชนะหลายต่อหลายครั้งแล้วในแผ่นดินนี้
13 ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พระองค์ได้แยกทะเลแดงออก
พระองค์ฟาดหัวทั้งหลายของสัตว์ประหลาดในท้องทะเล
14 พระองค์ทุบหัวทั้งหลายของเลวีอาธาน[b]
แล้วเอาเนื้อของพวกมันมาเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ต่างๆในทะเลทราย
15 พระองค์ทำให้ตาน้ำและลำธารผุดขึ้นมาและไหลไป
แล้วพระองค์ก็ทำให้แม่น้ำที่ไหลอยู่เสมอเหือดแห้งไป
16 วันและคืนเป็นของพระองค์
พระองค์คือผู้สร้างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
17 พระองค์กำหนดเขตแดนทั้งหมดบนแผ่นดินโลก
พระองค์สร้างฤดูร้อนและฤดูหนาว
18 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าลืมว่า พวกศัตรูเย้ยหยันพระองค์
ชนชาติที่โง่เขลานั้นดูหมิ่นชื่อของพระองค์
19 อย่าปล่อยให้สัตว์ป่าพวกนี้เข่นฆ่านกเขาของพระองค์
โปรดอย่าลืมชีวิตของคนที่ถูกกดขี่ของพระองค์ตลอดไป
20 โปรดระลึกถึงคำมั่นสัญญาของพระองค์และปกป้องพวกเราไว้
เพราะความทารุณโหดร้ายมีอยู่ทั่วทุกมุมมืดบนแผ่นดินของพวกเรา
21 อย่าปล่อยให้คนทุกข์ยากต้องอับอายขายหน้า
ขอให้คนยากจนและผู้ขัดสน สรรเสริญชื่อของพระองค์
22 ข้าแต่พระเจ้า ลุกขึ้นเถิด มาแก้หน้าของพระองค์
พระองค์อย่าลืมว่าไอ้คนโง่พวกนั้นหมิ่นประมาทพระองค์ทุกวี่วัน
23 พระองค์ ขออย่าได้ลืมเสียงโห่ร้องของศัตรูเหล่านั้นของพระองค์
และเสียงโกลาหลวุ่นวายที่มีอยู่ตลอดเวลาจากคนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับพระองค์
อธิษฐานให้พระองค์เมตตาเมืองเยรูซาเล็ม
เพลงสดุดีของอาสาฟ
1 ข้าแต่พระเจ้า คนต่างชาติได้บุกรุกเข้ามาในแผ่นดินของพระองค์
พวกเขาทำให้วิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์มัวหมอง
และทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
2 พวกเขาทิ้งซากศพของผู้รับใช้พระองค์ให้เป็นอาหารของฝูงนกในอากาศ
และทิ้งเนื้อหนังของคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ให้เป็นอาหารของสัตว์ป่า
3 พวกศัตรูเทเลือดของคนของพระองค์
อย่างกับน้ำไปทั่วเยรูซาเล็มจนไม่เหลือใครที่จะอยู่ฝังศพ
4 พวกเรากลายเป็นสิ่งที่เพื่อนบ้านพากันดูหมิ่นดูแคลน
กลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนรอบข้างหัวเราะเยาะ
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะโกรธพวกเราไปอีกนานแค่ไหน ตลอดไปหรือ
ความหึงหวงของพระองค์จะเผาผลาญเหมือนไฟไปอีกนานแค่ไหน
6 เทความโกรธเกรี้ยวของพระองค์ใส่ชนชาติต่างๆที่ไม่ยอมรับสิทธิอำนาจของพระองค์ด้วยเถิด
เทใส่อาณาจักรต่างๆที่ไม่ได้อธิษฐานต่อพระองค์
7 เพราะคนเหล่านั้นแหละเขมือบคนของยาโคบ
และทำลายแผ่นดินของพวกเขา
8 ขออย่าได้ลงโทษเราเพราะความผิดบาปของบรรพบุรุษเรา
ได้โปรดรีบมาแสดงความเมตตาต่อพวกเราเถิด
เพราะพวกเราหมดสิ้นหนทางแล้ว
9 ข้าแต่พระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ช่วยพวกเราด้วยเถิด
เพื่อคนจะได้ให้เกียรติกับชื่อของพระองค์
ช่วยกู้ชีวิตและลบความผิดบาปของพวกเราด้วยเถิด
เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของพระองค์
10 ทำไมพระองค์ปล่อยให้ชนชาติเหล่านั้นพูดกันว่า
“ไหนล่ะ พระเจ้าของพวกมัน”
ขอพระองค์ช่วยแก้แค้นชนชาติเหล่านั้นให้เราเห็นกับตา
คนเหล่านั้นที่ทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องหลั่งเลือด
11 ขอพระองค์ฟังเสียงคร่ำครวญของผู้ถูกกักขังเถิด
ขอช่วยเหลือคนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินประหารให้รอดชีวิตด้วยแขนอันทรงพลังของพระองค์
12 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ขอลงโทษเพื่อนบ้านของพวกเราที่ดูหมิ่นดูแคลนพระองค์
ถึงเจ็ดเท่าที่เขากระทำต่อพระองค์ด้วยเถิด
13 แล้วพวกเรา ที่เป็นคนของพระองค์ที่เป็นฝูงแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์
จะได้ขอบคุณพระองค์ตลอดไป
แล้วพวกเราจะเล่าถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระองค์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International