Old/New Testament
การพิพากษาต่อกษัตริย์ที่ชั่วร้าย
22 พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า “เยเรมียาห์ ให้ไปที่วังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ และให้เจ้าบอกกับเขาเรื่องนี้ 2 เจ้าจะต้องพูดว่า ‘กษัตริย์แห่งยูดาห์ ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของดาวิด ฟังถ้อยคำของพระยาห์เวห์ให้ดี ตัวท่าน ข้ารับใช้ของท่าน และประชาชนที่ผ่านประตูเหล่านี้เข้ามา 3 พระยาห์เวห์พูดว่า “ให้ทำในสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง และให้ช่วยเหลือคนที่ถูกปล้นให้รอดพ้นจากเงื้อมมือคนที่กดขี่เขา อย่าข่มเหงหรือทำร้ายผู้ผ่านทาง คนไม่มีพ่อ และหญิงหม้าย และอย่าทำให้เลือดคนบริสุทธิ์ต้องหลั่งไหลที่นี่ 4 ถ้าพวกเจ้าทำตามถ้อยคำนี้อย่างเอาเป็นเอาตายแล้วละก็ พวกกษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิดและขี่รถรบหรือนั่งอยู่บนหลังม้า ทั้งพวกเขาและข้ารับใช้ของเขา และประชาชนของพวกเขา จะได้เข้ามาทางประตูวังแห่งนี้ 5 แต่ถ้าพวกเจ้าไม่ใส่ใจฟังถ้อยคำเหล่านี้ พระยาห์เวห์ก็พูดว่า เรารับรองว่า วังนี้จะต้องถูกทำลายจนย่อยยับ”’”
6 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า
“เจ้าเป็นเหมือนกิเลอาดสำหรับเรา
เป็นเหมือนยอดเขาเลบานอน
แต่เราจะทำให้เจ้ากลายเป็นทะเลทราย
และทำให้เจ้าเป็นเมืองร้าง
7 เราจะอุทิศพวกผู้ทำลายไว้สำหรับเจ้า
แต่ละคนมีอาวุธของตัวเอง
พวกเขาจะโค่นต้นสนซีดาร์ราคาแพงของเจ้าและโยนมันทิ้งในไฟ”
8 “หลายๆชนชาติจะเดินผ่านมาเห็นเมืองนี้ และพูดกับเพื่อนบ้านว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์ถึงได้ทำอย่างนี้กับเมืองที่ยิ่งใหญ่นี้’ 9 แล้วพวกเขาก็จะพูดว่า ‘ก็เพราะพวกเขาละทิ้งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ไปก้มกราบและรับใช้พระอื่นๆ’”
การพิพากษาต่อกษัตริย์ชัลลูม
10 ไม่ต้องไปร้องไห้ให้กับกษัตริย์ที่ตายไปแล้ว[a]
แล้วก็ไม่ต้องไปเสียอกเสียใจให้กับเขาด้วย
แต่ให้ร้องไห้อย่างขมขื่นให้กับกษัตริย์[b] ที่ต้องหนีออกไปจากเมืองนี้เถอะ
เพราะเขาจะไม่มีวันได้กลับมาเห็นบ้านเกิดของเขาอีก
11 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดไว้เกี่ยวกับกษัตริย์ชัลลูม แห่งยูดาห์ลูกของกษัตริย์โยสิยาห์ ผู้ที่มาปกครองแทนโยสิยาห์พ่อของเขาว่า “ชัลลูมต้องไปจากสถานที่แห่งนี้และจะไม่กลับมาอีก 12 เขาจะต้องตายในที่ที่เขาถูกเนรเทศไป และเขาจะไม่ได้เห็นแผ่นดินนี้อีกเลย”
การพิพากษาต่อกษัตริย์เยโฮยาคิม
13 พระยาห์เวห์พูดว่า “นี่ เจ้า ที่สร้างบ้านของเจ้าด้วยการเอาเปรียบลูกจ้าง
แล้วต่อชั้นบนของบ้านขึ้นไปด้วยการโกงคนงาน
เจ้าที่ใช้เพื่อนตัวเองฟรีๆโดยไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับพวกเขา
14 เยโฮยาคิม เจ้าพูดว่า
‘เราจะสร้างบ้านหลังใหญ่ๆให้กับตัวเองและห้องชั้นบนกว้างๆ
แล้วขยายหน้าต่างให้ใหญ่ขึ้น
แล้วบุบ้านด้วยไม้สนซีดาร์และทามันด้วยสีแดง’
15 เยโฮยาคิม เจ้าปกครองบ้านเมืองเพื่อจะได้ใช้ไม้สนซีดาร์ให้มากๆหรือไง
โยสิยาห์ พ่อของเจ้ามีกินมีดื่มอย่างเหลือเฟือไม่ใช่หรือ
พ่อเจ้าทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง
ดังนั้น เขาก็เจอแต่เรื่องดีๆ
16 เขาใช้เวลาตัดสินคดีของคนที่สิ้นหวังและยากจน
เขาจึงเจอแต่เรื่องดีๆ
นั่นแหละคือความหมายของการที่ได้รู้จักเรา”
พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
17 แต่ตาและใจของเจ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เจ้าคิดแต่เรื่องการทำกำไร
และทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเลือดตก
และกดขี่ข่มเหงและย่ำยีพวกเขา
18 ดังนั้น พระยาห์เวห์ก็เลยพูดถึงเยโฮยาคิม
ลูกของกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ว่า
“คนยูดาห์จะไม่ร้องไห้ให้กับเยโฮยาคิม
พวกเขาจะไม่พูดว่า ‘พี่ชาย นี่เป็นเรื่องเศร้า
น้องสาว มันเศร้าจริงๆ’
คนยูดาห์จะไม่ร้องไห้ให้กับเยโฮยาคิม
พวกเขาจะไม่พูดว่า ‘เจ้านายของผม น่าเศร้าเหลือเกิน
ข้าแต่กษัตริย์ เรื่องนี้น่าเศร้าเหลือเกิน’
19 เยโฮยาคิมจะถูกฝังเหมือนที่ลาถูกฝัง
เยโฮยาคิมจะถูกลากออกไปโยนที่นอกประตูเมืองเยรูซาเล็ม”
20 พระยาห์เวห์พูดว่า “ให้ขึ้นไปบนภูเขาที่เลบานอนแล้วร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
ตะโกนด้วยความเศร้าโศกในเมืองบาชานสิ
ร้องไห้อย่างสิ้นหวังจากเทือกเขาอาบาริมสิ
เพราะคนที่รักเจ้าถูกทำลายไปหมดแล้ว
21 ยูดาห์ เราพูดกับเจ้าตอนที่เจ้ารู้สึกมั่นคงและปลอดภัย
เจ้าพูดว่า ‘ฉันจะไม่ฟังหรอก’
นิสัยเจ้าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว
เพราะว่าเจ้าไม่เคยเชื่อฟังเราเลย
22 ลมจะพัดเอาคนเลี้ยงแกะของเจ้าไปหมด
และคนที่รักเจ้าจะต้องถูกจับไปเป็นเชลย
เพราะในเวลานั้นเจ้าจะอับอาย
และได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากความชั่วช้าทั้งสิ้นของเจ้า
23 เจ้าที่อาศัยอยู่ในเลบานอนท่ามกลางต้นสนซีดาร์ทั้งหลาย[c]
เจ้าจะร้องไห้ครวญครางแน่
เมื่อความเจ็บปวดมาถึงเจ้า
เหมือนความเจ็บปวดของหญิงที่กำลังจะคลอดลูก”
การพิพากษาต่อกษัตริย์โคนิยาห์
24 พระยาห์เวห์พูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ถึงแม้เจ้า โคนิยาห์[d] ลูกชายของกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์จะเป็นแหวนประทับตราที่สวมอยู่บนมือขวาของเรา เราก็จะดึงเจ้าออกจากมือเราแน่
25 แล้วเราจะส่งให้เจ้าไปอยู่ในกำมือของคนที่อยากจะฆ่าเจ้า เราจะส่งเจ้าให้ไปอยู่ในมือของคนที่เจ้าหวาดผวา คือไปอยู่ในมือของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนและไปอยู่ในมือของพวกเคลเดีย
26 เราจะโยนเจ้ากับแม่ที่ให้กำเนิดเจ้ามา ไปอยู่ที่แผ่นดินอื่น ที่เจ้าไม่ได้เกิดมา แต่เจ้าจะต้องตายที่นั่น 27 พวกเขาจะไม่ได้กลับมายังแผ่นดินที่พวกเขาหวังว่าจะได้กลับมานั้น”
28 โคนิยาห์คนนี้เป็นที่น่ารังเกียจ
เหมือนหม้อที่แตกหรือ
เขาเป็นหม้อที่ไม่มีใครอยากได้หรือยังไง
แล้วทำไมเขาถึงถูกโยนทิ้งล่ะ
และทำไมลูกๆเขาถึงต้องกระเด็นไปอยู่ในแผ่นดินที่พวกเขาไม่รู้จัก
29 แผ่นดิน แผ่นดิน แผ่นดินเอ๋ย
ให้ฟังถ้อยคำของพระยาห์เวห์
30 พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
“ให้เขียนลงไปเกี่ยวกับโคนิยาห์คนนี้ว่า
เขาเป็นคนที่ไม่มีลูกสืบสกุล
เขาจะเป็นคนที่จะล้มเหลวตลอดชีวิต
จะไม่มีลูกหลานของเขาสักคนที่ร่ำรวย
จะไม่มีลูกหลานของเขาสักคนที่จะได้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิดและปกครองยูดาห์”
23 พระยาห์เวห์พูดว่า “ความหายนะจะเกิดขึ้นกับพวกคนเลี้ยงแกะที่กำลังทำลายแกะในทุ่งหญ้าของเราและทำให้มันกระจัดกระจายไป”
2 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล พูดเกี่ยวกับพวกคนเลี้ยงแกะที่กำลังดูแลคนของเราอยู่
“พวกเจ้าทำให้แกะของเรากระจัดกระจายไป เจ้าได้ขับไล่พวกแกะออกไปและไม่ได้จัดการอะไรให้กับแกะเลย ดังนั้น เราจะจัดการกับเจ้า สำหรับสิ่งเลวร้ายที่เจ้าทำ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
3 “เราจะรวบรวมแกะที่เหลือของเราจากดินแดนต่างๆที่เราได้ขับไล่พวกมันไป แล้วเราจะนำพวกมันกลับมาที่ทุ่งหญ้าของพวกมัน พวกมันจะเจริญเติบโตและออกลูกมากมาย
4 เราจะหาคนเลี้ยงแกะพวกใหม่มาดูแลพวกมัน คนเลี้ยงแกะพวกใหม่นี้จะดูแลพวกมัน แกะเหล่านั้นจะไม่หวาดกลัวอีกต่อไป และจะไม่มีสักตัวที่หลงหายไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
กิ่งก้านที่ชอบธรรม
5 พระยาห์เวห์พูดว่า
“วันเวลานั้นใกล้จะมาถึงแล้ว
ที่เราจะยกชูกิ่งก้านที่ชอบธรรมสำหรับดาวิด
กษัตริย์องค์นั้นจะปกครองและแสดงความเฉลียวฉลาด
เขาจะรักษาความยุติธรรมและความชอบธรรม
6 ในช่วงเวลาที่เขาปกครองนั้นยูดาห์จะปลอดภัย
และอิสราเอลจะอยู่อย่างปลอดภัย
และผู้คนจะเรียกกษัตริย์องค์นั้นว่า
‘พระยาห์เวห์คือความชอบธรรมของเรา’”
7 พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า “วันเวลานั้นใกล้จะมาถึงแล้วที่ผู้คนจะไม่พูดกันอีกแล้วว่า ‘ฉันขอสาบานโดยอ้างชื่อของพระยาห์เวห์ ผู้ที่นำลูกหลานของอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์’ 8 แต่พวกเขาจะพูดกันว่า ‘ฉันขอสาบานโดยอ้างชื่อของพระยาห์เวห์ผู้ที่นำลูกหลานของครอบครัวอิสราเอลจากดินแดนทางเหนือ จากดินแดนทั้งหลายที่พระองค์ได้ขับไล่พวกเขาไป แล้วพวกเขาก็จะได้กลับมาอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง’”
การพิพากษาต่อผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอม
9 ส่วนเรื่องพวกผู้พูดแทนพระเจ้า
หัวใจผมแตกสลายอยู่ในอก
กระดูกผมก็อ่อนปวกเปียกไปหมด
ผมเป็นเหมือนคนเมา
เป็นเหมือนคนที่ถูกมอมด้วยเหล้าองุ่น
ที่ผมรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะพระยาห์เวห์และถ้อยคำต่างๆอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์นั่นเอง
10 พระยาห์เวห์พูดว่า “แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยคนเล่นชู้
แผ่นดินแห้งแล้งเพราะถูกสาปแช่ง
ทุ่งหญ้าในที่เปล่าเปลี่ยวเหี่ยวแห้งไป
วิถีทางของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็ชั่วร้าย
และพวกมันก็ใช้อำนาจอย่างผิดๆ
11 อันที่จริงแล้ว ทั้งผู้พูดแทนพระเจ้าและนักบวชต่างก็ทำให้แผ่นดินเสื่อมไป
แม้แต่ในวิหารของเรา เราก็ยังพบเห็นความชั่วช้าของพวกมัน”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 “ดังนั้น เส้นทางของพวกมันก็จะลื่นมาก
พวกมันจะถูกไล่ออกไปในความมืดมิด
และในความมืดนั้น พวกมันจะล้มลง
เพราะเราจะนำความทุกข์ทรมานมาให้พวกมันในปีที่เรามาเยี่ยมหา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
13 “เราได้เห็นสิ่งที่น่าขยะแขยงท่ามกลางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของสะมาเรีย พวกมันทำนายโดยพระบาอัล
แล้วพวกมันได้ทำให้คนอิสราเอลของเราต้องหลงหายไป
14 และเราได้เห็นสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นอีกในท่ามกลางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเมืองเยรูซาเล็ม
ผู้คนเล่นชู้กันและฉ้อโกงกัน
แล้วพวกผู้พูดแทนพระเจ้านี้ก็สนับสนุนคนเลวพวกนี้
ไม่มีใครกลับใจจากความชั่วร้ายเลยสักคน
ในสายตาของเรา พวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านี้ทั้งหมดเป็นเหมือนเมืองโสโดม
และพลเมืองของเยรูซาเล็มก็เหมือนกับเมืองโกโมราห์”
15 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดเกี่ยวกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้ว่า
“เราจะทำให้มันต้องกินอาหารที่มีรสขมและทำให้พวกมันต้องดื่มน้ำที่มียาพิษ
เพราะสิ่งที่เสื่อมทรามได้ออกมาจากพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเมืองเยรูซาเล็มและกระจายไปทั่วแผ่นดิน”
16 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
“อย่าไปฟังคำทำนายของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้ที่พูดกับเจ้า
พวกมันกำลังหลอกเจ้า
นิมิตที่พวกมันพูดออกมานั้น
ไม่ได้มาจากปากของพระยาห์เวห์หรอก
17 พวกมันพร่ำพูดอยู่กับพวกที่เกลียดชังเราว่า
พระยาห์เวห์พูดว่า ‘พวกเจ้าจะมีสันติสุข’
และพูดกับพวกที่มีจิตใจดื้อด้านว่า
‘เรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นกับเจ้าหรอก’
18 ใครล่ะที่ยืนอยู่ในห้องประชุมสภาของพระยาห์เวห์
ที่จะได้เห็นหรือได้ยินถ้อยคำของพระยาห์เวห์
ใครเคยสนใจคำพูดของพระองค์และเชื่อฟังคำพูดของพระองค์
19 นี่ไง พายุจากพระยาห์เวห์
ความเกรี้ยวโกรธของพระองค์พลุ่งออกมา
มันเป็นเหมือนกับพายุหมุน
ที่หมุนตัวอยู่เหนือหัวของคนชั่วพวกนั้น
20 ความโกรธของพระยาห์เวห์จะไม่หวนกลับไปหรอก จนกว่าจะทำหน้าที่ของมันจนเสร็จสิ้น
และจนกว่ามันจะทำให้แผนการของพระองค์สำเร็จ
หลังจากวันพวกนี้ผ่านไปแล้ว
พวกเจ้าก็จะเข้าใจว่าทำไมถึงต้องเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น
21 เราไม่ได้ส่งผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้มา
แต่พวกมันกลับวิ่งไปพูดกับพวกเจ้าเอง
เราไม่ได้พูดกับพวกมัน
แต่พวกมันกลับไปพูดแทนเรา
22 ถ้าพวกมันได้มายืนอยู่ในห้องประชุมสภาของเรา
และได้ยินถ้อยคำต่างๆของเราที่มีไว้สำหรับคนของเรา
พวกมันก็คงจะทำให้คนเหล่านั้นหันจากวิถีทางชั่วของพวกเขา
และหันจากการทำชั่วของพวกเขาแล้ว”
23 พระยาห์เวห์ถามว่า
“เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้ๆเท่านั้นหรือ
เราไม่ได้เป็นพระเจ้าในที่ห่างไกลด้วยหรือ
24 ถ้าใครซ่อนตัวอยู่ เราจะมองไม่เห็นหรือ”
“เราไม่ได้อยู่ทั่วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกหรือ”
พระยาห์เวห์ถามอย่างนั้น
พระยาห์เวห์พูดว่า 25 “เราได้ยินสิ่งที่ไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนั้นพูด ไอ้พวกนั้นที่ทำนายโกหก โดยเอาชื่อเราไปอ้าง พวกมันพูดว่า ‘ฉันฝันเห็นแล้ว ฉันฝันเห็นแล้ว’
26 ใจของพวกมันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานไหม พวกมันทำนายโกหกและหลอกลวงในสิ่งที่พวกมันกุขึ้นมาเองในใจ
27 พวกมันวางแผนที่จะทำให้คนของเราลืมชื่อของเรา ด้วยความฝันต่างๆที่พวกมันยกขึ้นมาเล่าให้กับเพื่อนบ้านฟัง พวกมันหวังว่าคนจะลืมเรา เหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกมันลืมชื่อของเรา และหันไปบูชาพระบาอัล
28 ให้ผู้พูดแทนพระเจ้าที่มีความฝันจะเล่า เล่ามันออกมา แต่ขอให้คนที่มีถ้อยคำของเรา พูดถ้อยคำของเราอย่างซื่อสัตย์ ฟางกับเมล็ดข้าวสาลีมันจะไปด้วยกันได้อย่างไร” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
29 พระยาห์เวห์ถามว่า “ถ้อยคำของเราเป็นเหมือนไฟไม่ใช่หรือ
มันเป็นเหมือนค้อนที่ทุบหินที่แข็งให้แตกกระจุยไม่ใช่หรือ
30 ดังนั้น เราต่อต้านไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ขโมยถ้อยคำต่างๆของเราจากเพื่อนบ้านของเขา
31 เราต่อต้านไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ใช้ลิ้นตัวเองประกาศเรื่องบางเรื่องว่าเป็นคำทำนายของพระยาห์เวห์” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
32 “เราจะต่อต้านไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ทำนายฝันหลอกๆ” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น “พวกมันเล่าความฝันเหล่านั้น และทำให้คนของเราหลงไป ด้วยคำหลอกลวงและเรื่องต่างๆที่พวกมันกุขึ้นมาเอง เราไม่ได้ส่งพวกมันมา และเราก็ไม่ได้สั่งให้พวกมันพูดด้วย และที่แน่นอนก็คือพวกมันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรให้กับคนพวกนี้เลย” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
33 “และถ้าคนพวกนี้ หรือผู้พูดแทนพระเจ้า หรือนักบวชถามเจ้าว่า ‘พระยาห์เวห์ฝากภาระอะไรให้เจ้าแบกมา’ เจ้าก็บอกพวกมันไปว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า “ก็พวกแกนี่แหละคือภาระ และเราจะโยนพวกแกทิ้ง”’”
34 “ผู้พูดแทนพระเจ้า หรือนักบวช หรือคนที่พูดว่า ‘นี่แหละคือภาระที่พระยาห์เวห์ฝากมา’ พวกที่พูดว่าอย่างนั้น เราจะลงโทษพวกที่พูดอย่างนั้นรวมทั้งคนในบ้านเรือนของพวกเขาด้วย”
35 “แต่นี่ต่างหากที่พวกเจ้าควรจะถามกับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของเจ้า คือ ‘พระยาห์เวห์ตอบว่าอะไร หรือพระยาห์เวห์พูดว่าอะไร’ 36 และเจ้าจะต้องไม่พูดอย่างนี้อีกต่อไปว่า ‘นี่คือภาระที่พระยาห์เวห์ให้แบกมา’ เพราะภาระนั้นเป็นแค่คำพูดของแต่ละคน และโดยวิธีนี้ เจ้าก็ได้บิดเบือนคำพูดของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพระเจ้าของพวกเรา
37 ดังนั้นเจ้าควรจะถามผู้พูดแทนพระเจ้าอย่างนี้ว่า
‘พระยาห์เวห์ตอบว่าอะไร พระยาห์เวห์พูดว่าอะไร’
38 แต่ถ้าพวกเจ้าพูดประโยคนี้ว่า ‘นี่คือภาระที่พระยาห์เวห์ให้แบกมา’ ซึ่งพระยาห์เวห์ได้บอกไว้แล้วว่า อย่าพูดประโยคนี้ที่ว่า ‘นี่คือภาระที่พระยาห์เวห์ให้แบกมา’ และพวกเจ้าก็ยังพูดอย่างนั้น
39 ดังนั้น ดูไว้ให้ดี เราจะยกเจ้าเหวี่ยงออกไปจากหน้าเราแน่ๆ ทั้งเจ้าและเมืองที่เราเคยมอบให้กับเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า 40 เราจะทำให้เจ้าได้รับความอัปยศตลอดไป และทำให้เจ้าอับอายอย่างที่ไม่มีวันลืมเลือนได้”
1 จาก เปาโล ทาสของพระเจ้าและศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ หน้าที่ของผมคือช่วยส่งเสริมความเชื่อของคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ และช่วยให้พวกเขาเข้าใจความจริงมากขึ้น ความจริงนี้จะทำให้พวกเขาใช้ชีวิตที่ให้เกียรติกับพระเจ้า 2 หน้าที่ของผมนี้ตั้งอยู่บนความหวังที่ว่า เราจะมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไปตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ก่อนที่โลกนี้จะเกิดเสียอีก พระเจ้าไม่เคยโกหก 3 เมื่อถึงเวลาที่พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของเราได้กำหนดไว้ พระองค์ก็ได้เปิดเผยถ้อยคำของพระองค์ผ่านทางการประกาศ พระองค์ได้มอบข่าวดีนี้กับผม และสั่งให้ผมออกไปประกาศ
4 ผมจึงได้เขียนจดหมายนี้มาให้ทิตัส ลูกแท้ๆในความเชื่อที่เรามีร่วมกัน
ขอให้พระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์ผู้ช่วยให้รอดของเรา ให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับคุณ
หน้าที่ของทิตัสบนเกาะครีต
5 ที่ผมได้ทิ้งคุณไว้ที่เกาะครีต ก็เพื่อคุณจะได้สะสางงานที่ยังค้างอยู่ให้เสร็จ และจะได้แต่งตั้งผู้นำอาวุโสตามเมืองต่างๆตามที่ผมได้สั่งกำชับไว้แล้ว 6 ผู้นำอาวุโสนั้น จะต้องไม่มีข้อเสื่อมเสีย มีเมียเพียงคนเดียว มีลูกๆที่มีความเชื่อ ไม่ใช่เด็กเสเพลที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ 7 เนื่องจากผู้ดูแลนี้ จะต้องรับผิดชอบครอบครัวของพระเจ้า เขาจะต้องไม่มีอะไรเสื่อมเสียในชีวิต ไม่ทำตัวเป็นเผด็จการ ไม่ขี้โมโห ไม่ขี้เหล้า ไม่ชอบต่อยตี ไม่ขี้โกง 8 แต่เขาจะต้องชอบรับแขกแปลกหน้า รักความดี สุขุมรอบคอบ ยุติธรรม บริสุทธิ์ และต้องรู้จักควบคุมตนเอง 9 เขาจะต้องมีความเชื่อที่มั่นคงในคำสอนที่เป็นประโยชน์ที่เราได้สอนไปนั้น เพื่อจะได้เอาคำสอนนี้ไปให้กำลังใจคนอื่น และเอาไปพิสูจน์ให้คนที่ต่อต้านคำสอนนี้เห็นว่าพวกตนผิด
10 เรื่องนี้สำคัญ เพราะมีหลายคนที่ดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟัง พูดแต่เรื่องไร้สาระ และชักนำคนอื่นให้หลงผิด พวกที่ผมพูดถึงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกยิวที่มาเชื่อในพระเยซู 11 จะต้องทำให้คนพวกนี้หยุดพูดให้ได้ เพราะคนพวกนี้โลภ เห็นแก่เงิน จึงสอนในสิ่งที่ไม่ควรสอน เลยทำให้หลายครัวเรือนต้องถูกทำลายไป 12 ขนาดคนหนึ่งของเขาเองที่เป็นคนพูดแทนพวกพระเจ้าของพวกเขายังพูดเลยว่า
“ชาวเกาะครีต พูดโกหกเสมอ
เป็นเหมือนสัตว์ป่าที่ดุร้าย
เป็นคนขี้เกียจและตะกละตะกลาม”
13 แล้วเขาก็เป็นอย่างที่พูดนั้นจริงๆ คุณต้องต่อว่าพวกนี้ให้เจ็บๆ เพื่อเขาจะได้เจริญขึ้นในความเชื่อ 14 จะได้ไม่ไปสนใจนิยายปรัมปราเหลวไหลของยิว และกฎต่างๆของคนที่หันหน้าหนีจากความจริง 15 สำหรับคนที่บริสุทธิ์ อะไรๆก็บริสุทธิ์ไปหมด ส่วนคนที่สกปรกและไม่เชื่อ ก็ไม่มีอะไรบริสุทธิ์เลย เพราะความคิดและใจที่ฟ้องถูกผิดของเขาสกปรกไปหมดแล้ว 16 พวกนี้อ้างว่ารู้จักพระเจ้า แต่การกระทำนั้นตรงกันข้าม พวกนี้น่ารังเกียจ ไม่เชื่อฟัง และไม่เหมาะที่จะทำความดีอะไรเลย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International