Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 119:49-72

ไซอิน

49 โปรดระลึกถึงคำสัญญาที่ให้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
    คำสัญญานั้นทำให้ข้าพเจ้ามีความหวัง
50 คำสัญญาของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิต
    นี่แหละคือคำปลอบโยนของข้าพเจ้าในยามทุกข์ยาก
51 แม้ว่า คนหยิ่งยโสจะหัวเราะเยาะข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อนก็ตาม
    แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยหันไปจากคำสั่งสอนของพระองค์
52 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ายังระลึกถึงกฎเกณฑ์ต่างๆที่พระองค์ให้นานมาแล้วนั้น
    และมันก็ปลอบใจข้าพเจ้า
53 ข้าพเจ้าโกรธจับใจต่อคนชั่วช้าเหล่านั้น
    ที่ละทิ้งคำสั่งสอนของพระองค์ไป
54 ข้าพเจ้าร้องเพลงเรื่องกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
    ในทุกหนแห่งที่ข้าพเจ้าพักอาศัย
55 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในยามค่ำคืน ข้าพเจ้าก็ยังระลึกถึงชื่อเสียงของพระองค์
    ข้าพเจ้าก็เลยรักษาคำสั่งสอนของพระองค์
56 ชีวิตของข้าพเจ้าก็เป็นอย่างนี้แหละ
    คือที่ข้าพเจ้ารักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์

เฮธ

57 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นส่วนแบ่งของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะเชื่อฟังคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์
58 ข้าพเจ้าอ้อนวอนพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
    โปรดเมตตาข้าพเจ้าอย่างที่พระองค์ได้สัญญาไว้
59 ข้าพเจ้าคิดถึงทางทั้งหลายของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจหันเท้าของข้าพเจ้ากลับมาหากฎต่างๆของพระองค์
60 ข้าพเจ้ารีบทำตามบัญญัติต่างๆของพระองค์
    อย่างไม่รอช้า
61 ถึงข้าพเจ้าจะติดอยู่ในกับดักของคนชั่ว
    ข้าพเจ้าก็ไม่เคยลืมคำสั่งสอนของพระองค์
62 ในตอนกลางคืน ข้าพเจ้าลุกขึ้นมา
    เพื่อขอบคุณพระองค์สำหรับกฎเกณฑ์ต่างๆอันยุติธรรมของพระองค์
63 ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนกับทุกคนที่ยำเกรงพระองค์
    เป็นเพื่อนกับทุกคนที่เชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
64 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โลกนี้เต็มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์
    โปรดสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วย

เท็ธ

65 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ดีต่อข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
    เหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้
66 โปรดสอนสติปัญญาและความรู้ให้กับข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าวางใจในบัญญัติของพระองค์
67 เมื่อก่อนนั้น ข้าพเจ้าทุกข์ทรมานและกำลังหลงทางไป
    แต่เดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าเชื่อฟังสิ่งที่พระองค์บอก
68 พระองค์ดีและทำดี
    ช่วยสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
69 คนหยิ่งจองหองที่โกหกใส่ร้ายป้ายสีข้าพเจ้า
    แต่ข้าพเจ้ายังรักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์อย่างสุดหัวใจ
70 คนพวกนั้นโง่เขลา
    แต่ข้าพเจ้าเพลิดเพลินกับคำสั่งสอนของพระองค์
71 มันเป็นสิ่งที่ดี ที่ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์นั้น
    เพราะมันทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้กฎระเบียบต่างๆของพระองค์
72 คำสั่งสอนจากปากของพระองค์
    ก็มีค่ายิ่งกว่าทองคำและเงินหลายพันชั่ง

สดุดี 49

อย่าวางใจในความร่ำรวย

ถึงหัวหน้านักร้อง สำหรับคนของตระกูลโคราห์ เพลงสดุดี

49 ชนชาติทั้งหลาย ฟังทางนี้
    ทุกคนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ ฟังให้ดี
ทุกคน ทุกชนชั้น
    ทั้งคนรวยและคนจน
ปากของข้าพเจ้าจะให้สติปัญญา
    ความคิดในใจข้าพเจ้าจะให้ความเข้าใจ
ข้าพเจ้าจะหันไปให้ความสนใจกับปัญหาเรื่องหนึ่ง
    และอธิบายปริศนาเรื่องนั้นในขณะที่ข้าพเจ้าเล่นพิณ

ทำไมข้าพเจ้าจะต้องกลัวในยามที่เจอกับความทุกข์ยาก
    เมื่อคนชั่วร้ายไล่ล่าและล้อมตัวข้าพเจ้า
พวกเขาไว้วางใจในกำลังของตน
    และโอ้อวดในความร่ำรวยของตน
ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถไถ่ชีวิตของคนอื่นจากความตายได้
    ไม่มีใครจ่ายค่าไถ่ให้กับพระเจ้าได้
ราคาค่าไถ่นั้นสูงเกินไป
    ไม่มีใครมีเงินมากพอที่จะจ่าย
เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ตลอดไป
    และไม่ต้องเจอกับหลุมฝังศพ

10 ใครๆก็รู้ว่าคนที่เฉลียวฉลาดก็จะต้องตายและเน่าเปื่อยไปเหมือนกับคนที่โง่อย่างกับควาย
    แล้วพวกเขาจะต้องทิ้งทรัพย์สมบัติของตนไว้ให้กับคนอื่น
11 หลุมศพจะกลายเป็นบ้านชั่วนิรันดร์ของเขา
    มันจะกลายเป็นที่อยู่ของเขาไปชั่วลูกชั่วหลาน
    แม้ว่าพวกเขาจะถือกรรมสิทธิ์ในแปลงที่ดินต่างๆของตน มันก็ไม่แตกต่างอะไร
12 ถึงเขาจะรวย แต่เขาก็จะไม่ยั่งยืนตลอดไป
    เขาเป็นเหมือนกับสัตว์ที่ถูกทำลายไป

13 นั่นแหละคือจุดจบของคนโง่
    คือคนที่หลงระเริงอยู่กับความร่ำรวยของตน[a] เซลาห์
14 ความตายจะนำพวกเขาไปยังหลุมศพ
    เหมือนกับผู้เลี้ยงแกะนำทางแกะ
แล้วในเช้าวันนั้น คนซื่อตรงจะมีชัยชนะเหนือพวกเขา
    ศพของพวกเขาก็จะเปื่อยเน่าในหลุมฝังศพ
    ห่างไกลจากบ้านที่หรูหราของพวกเขา
15 แต่พระยาห์เวห์จะไถ่ชีวิตของข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของความตาย
    พระองค์จะเอาข้าพเจ้าไปแน่ๆ[b] เซลาห์

16 ไม่ต้องไปกลัว
    เมื่อคนอื่นร่ำรวยขึ้น หรือมีทรัพย์สมบัติเพิ่มมากขึ้น
17 เพราะเมื่อพวกเขาตายและลงไปนอนอยู่ในหลุมศพ
    ก็ไม่สามารถเอาความร่ำรวยติดตัวไปได้
18 ตอนที่พวกเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาให้พรตัวเองว่า
    “ขอให้ทุกคนยกย่องข้า เพราะข้าประสบความสำเร็จ”
19 แต่พวกเขาจะตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา
    เขาจะไม่เห็นแสงสว่างอีกแล้ว
20 ถึงแม้เขาอาจจะร่ำรวยแต่เขาก็ไม่มีความเข้าใจ
    เขาเป็นเหมือนกับสัตว์ที่ถูกทำลายไป

สดุดี 53

ความชั่วช้าของมนุษย์

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองเพลงของมาฮาลาธ[a] บทกวีมัสคิลของดาวิด

53 คนโง่พูดอยู่ในใจของตัวเองว่า “ไม่มีพระเจ้าหรอก”
    พวกเขาเสื่อมทราม พวกเขาทำความบาปที่น่าขยะแขยง
    ไม่มีสักคนที่ทำดี
พระเจ้ามองลงมาจากสวรรค์ดูพวกมนุษย์ เพื่อหาว่ายังมีมนุษย์สักคนไหม
    ที่ทำสิ่งที่ฉลาดและแสวงหาพระเจ้า
แต่พวกเขาต่างหลงทางกันไปหมด เสื่อมทรามกันทุกคน
    ไม่มีใครเลย ไม่มีแม้แต่คนเดียว ที่ทำสิ่งที่ดี

คนทำชั่วเหล่านั้นกลืนกินคนของเราเหมือนกินขนมปัง
    พวกเขาไม่เคยอธิษฐานต่อพระเจ้า
    พวกเขาไม่รู้เรื่องขนาดนี้เชียวหรือ

แต่เมื่อพระเจ้าลงโทษพวกคนชั่ว
    พวกเขาจะพากันตื่นกลัวสุดขีดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
คนเหล่านั้นที่โจมตีพวกเจ้า พระเจ้าจะทำให้กระดูกของพวกเขากระจุยกระจายไป
    พวกเจ้าจะทำให้พวกเขาอับอายขายหน้าเพราะพระเจ้าทอดทิ้งพวกเขาแล้ว

ข้าพเจ้าหวังว่าชัยชนะของชาวอิสราเอลจะมาถึงในไม่ช้านี้จากพระเจ้าที่อยู่บนภูเขาศิโยน
    เมื่อพระยาห์เวห์ทำให้คนของพระองค์กลับไปมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน
    ครอบครัวของยาโคบจะชื่นชมยินดี ชาวอิสราเอลจะดีใจ

เอสรา 6

คำสั่งของกษัตริย์ดาริอัส

กษัตริย์ดาริอัสจึงได้ออกคำสั่ง ให้พวกเขาค้นห้องเก็บเอกสารที่บาบิโลนใช้เก็บทรัพย์สมบัติ แล้วพวกเขาก็พบหนังสือม้วนหนึ่ง ที่ป้อมปราการในเอกบาทานา ซึ่งอยู่ในมณฑลมีเดีย และในหนังสือม้วนนั้นเขียนไว้ว่าอย่างนี้

บันทึกความจำ ในปีแรกของรัชกาลกษัตริย์ไซรัส กษัตริย์ไซรัสได้มีคำสั่งที่เกี่ยวกับวิหารของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็มว่าอย่างนี้

ให้สร้างวิหารขึ้นมาใหม่ ในสถานที่ที่พวกเขาเคยถวายเครื่องบูชา และให้วางรากฐานให้เหมือนกับสภาพเดิม ให้มีความสูงหกสิบศอก และกว้างหกสิบศอก ให้สร้างด้วยหินใหญ่สามชั้น และสร้างด้วยไม้หนึ่งชั้น ให้คลังหลวงเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย นอกจากนั้น พวกเครื่องใช้ทองคำและเงินของวิหารของพระเจ้า ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้เอามาจากวิหารในเมืองเยรูซาเล็ม และเอามาไว้ที่บาบิโลนนั้น จะต้องส่งกลับคืนไปยังวิหารในเมืองเยรูซาเล็ม เอาไปไว้ในที่ของมัน และเก็บรักษาไว้ในวิหารของพระเจ้า

ดังนั้น ทัทเธนัยเจ้าเมืองมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และเชธาร์โบเซนัย รวมทั้งพวกท่านที่เป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเขา ที่เป็นผู้ตรวจราชการของมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส อยู่ให้ห่างจากที่นั่น อย่าไปรบกวนงานสร้างวิหารของพระเจ้า ปล่อยให้เจ้าเมืองของชาวยิวและพวกผู้อาวุโสของพวกเขา สร้างวิหารของพระเจ้าขึ้นมาใหม่บนพื้นที่เดิม

และตอนนี้ เราขอสั่งพวกท่านให้ช่วยพวกผู้อาวุโสของชาวยิวเหล่านั้น ที่กำลังสร้างวิหารของพระเจ้าขึ้นมาใหม่ ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างของคนพวกนี้ ให้จ่ายจากเงินหลวงทั้งหมด คือเงินที่เก็บได้จากภาษีของมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องหยุดงาน ให้จัดหาทุกสิ่งให้กับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นพวกวัวหนุ่ม แกะตัวผู้ หรือลูกแกะ ที่ต้องใช้สำหรับถวายเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ หรือจะเป็นข้าวสาลี เกลือ เหล้าองุ่น หรือน้ำมัน ที่พวกนักบวชในเมืองเยรูซาเล็มขอ ก็ให้จัดหามาให้กับพวกเขาทุกๆวันอย่าให้ขาดเลย 10 เพื่อพวกเขาจะได้ถวายเครื่องบูชาอันมีกลิ่นหอมให้กับพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และให้อธิษฐานเผื่อเราผู้เป็นกษัตริย์และพวกลูกชายของเรา

11 และถ้าใครไม่เชื่อฟังคำสั่งนี้ เราขอสั่งให้ดึงเสาไม้ค้ำบ้านของคนๆนั้นมาอันหนึ่ง และเอามาผูกคนๆนั้นและเฆี่ยนเขา และให้เอาบ้านของเขามาทำเป็นส้วมสาธารณะ

12 ขอให้พระเจ้า ที่ได้เลือกสถานที่นั้นให้เป็นที่นมัสการพระองค์ โค่นล้มกษัตริย์องค์ไหนๆหรือประชาชนกลุ่มใดก็ตาม ที่ฝ่าฝืนคำสั่งนี้ และอยากจะทำลายวิหารของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม

เรา กษัตริย์ดาริอัส เป็นผู้ออกคำสั่งนี้เอง ให้เชื่อฟังคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัด

วิหารสร้างเสร็จ

13 แล้วทัทเธนัย เจ้าเมืองฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และเชธาร์โบเซนัย รวมทั้งเพื่อนร่วมงานของพวกเขา ก็ทำทุกอย่างตามที่กษัตริย์ดาริอัสสั่ง 14 พวกผู้อาวุโสของชาวยิว ได้ก่อสร้างวิหารสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ภายใต้การพูดแทนพระเจ้าของฮักกัย ผู้พูดแทนพระเจ้า และเศคาริยาห์ลูกชายของอิดโด พวกเขาสร้างวิหารเสร็จตามคำสั่งของพระเจ้าแห่งอิสราเอล และตามคำสั่งของพวกกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย คือไซรัส ดาริอัส และอารทาเซอร์ซีส 15 แล้ววิหารนี้ก็สร้างเสร็จในวันที่สามของเดือนอาดาร์[a] ในปีที่หกแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส[b]

16 แล้วประชาชนของอิสราเอล รวมทั้งพวกนักบวช และพวกชาวเลวี และเชลยทุกคนที่ได้กลับมา ได้อุทิศวิหารนี้ให้กับพระเจ้า และพวกเขาก็มีความสุขมากที่ได้ทำอย่างนั้น

17 ในการอุทิศวิหารนี้ พวกเขาได้ถวายเครื่องบูชาโดยมีวัวตัวผู้หนึ่งร้อยตัว แกะตัวผู้สองร้อยตัว ลูกแกะสี่ร้อยตัว และเครื่องบูชาชำระล้างสำหรับอิสราเอลทั้งหมด คือแพะตัวผู้สิบสองตัว เผ่าละตัว 18 พวกเขาแต่งตั้งนักบวชให้อยู่ในแผนกต่างๆของพวกเขา และแต่งตั้งชาวเลวีให้อยู่ในแต่ละหน่วย เพื่อรับใช้ในวิหารของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม ตามที่ได้เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส

เทศกาลปลดปล่อย

19 [c] พวกชาวยิวที่กลับมาจากการเป็นเชลย ได้เฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อย ในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก[d] 20 นักบวชทุกคนได้ชำระตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์แล้ว และชาวเลวีก็เป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยในสายตาผู้อื่น ดังนั้นชาวเลวีจึงฆ่าแกะในเทศกาลปลดปล่อย เพื่อชาวยิวทุกคนที่กลับจากการเป็นเชลย เพื่อพี่น้องทั้งหลายของเขาที่เป็นนักบวช และเพื่อตัวเขาเองด้วย 21 ประชาชนของอิสราเอลที่กลับจากการเป็นเชลย ได้กินอาหารในเทศกาลปลดปล่อยนี้ เหมือนกับคนอื่นๆทั้งหมดที่ได้แยกตัวเองออกจากสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์[e]ของพวกคนต่างชาติในแผ่นดิน เพื่อจะได้นมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล 22 พวกเขาได้เฉลิมฉลองเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อเป็นเวลาเจ็ดวันด้วยความยินดี เพราะพระยาห์เวห์ได้ทำให้พวกเขามีความสุข ที่พระองค์ได้เปลี่ยนทัศนคติของกษัตริย์อัสซีเรีย[f] ที่มีต่อพวกเขา ดังนั้นกษัตริย์ จึงได้ช่วยพวกเขาในการสร้างวิหารของพระเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล

วิวรณ์ 5:1-10

หนังสือม้วนกับลูกแกะ

แล้วผมก็เห็นหนังสือม้วนม้วนหนึ่งในมือขวาของพระองค์ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ หนังสือม้วนนั้นมีคำเขียนไว้ทั้งสองด้าน ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีตราประทับทั้งเจ็ดปิดผนึกอยู่ จากนั้นผมเห็นทูตสวรรค์ผู้ทรงอำนาจองค์หนึ่ง ประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “ใครเหมาะสมที่จะแกะตราและเปิดหนังสือม้วนนี้ออก” แต่ก็ไม่มีใครในสวรรค์ บนโลกหรือใต้แผ่นดินโลก ที่เหมาะสมจะเปิดหนังสือม้วนนี้ออกมาอ่าน ผมร้องไห้แล้วร้องไห้อีก เพราะยังไม่มีใครเหมาะสมที่จะเปิดหนังสือม้วนนี้ออกมาอ่านได้ แต่มีผู้อาวุโส[a]องค์หนึ่งพูดกับผมว่า “อย่าร้องไห้เลย ดูนั่นสิ สิงโตจากเผ่าของยูดาห์[b] ผู้เป็นสายเลือดอันยิ่งใหญ่ของดาวิด[c] ได้รับชัยชนะ และสามารถแกะตราประทับทั้งเจ็ดดวง และเปิดหนังสือม้วนนี้ออกได้”

แล้วผมก็เห็นลูกแกะ[d]ตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางใกล้ๆกับบัลลังก์ และมีสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และพวกผู้อาวุโสล้อมรอบมันอยู่ ดูเหมือนว่าลูกแกะตัวนั้นเคยถูกฆ่ามาแล้ว มันมีเจ็ดเขา และเจ็ดตา ซึ่งเป็นพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้าที่พระองค์ส่งออกไปทั่วโลก แล้วลูกแกะตัวนั้นก็เดินเข้ามารับหนังสือม้วนนั้นจากมือขวาของพระเจ้า ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ เมื่อลูกแกะตัวนั้นรับหนังสือม้วนนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งสี่กับพวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่องค์ ก็ก้มกราบลงต่อหน้าลูกแกะตัวนั้น ทุกคนถือพิณ และขันทองคำที่เต็มไปด้วยเครื่องหอม ซึ่งเป็นคำอธิษฐานของคนของพระเจ้า พวกเขาทั้งหลายก็ร้องเพลงบทใหม่ให้กับลูกแกะตัวนั้นว่า

“พระองค์เป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะได้รับหนังสือม้วนนี้และแกะตราออก
    เพราะพระองค์เคยถูกฆ่าและด้วยเลือดของพระองค์เองนั้น
    พระองค์ได้ซื้อคนให้พระเจ้า จากทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกเชื้อชาติ และทุกชนชาติ
10 พระองค์ทำให้พวกเขาเป็นพวกกษัตริย์และเป็นพวกนักบวชของพระเจ้าของเรา
    และพวกเขาครอบครองโลกนี้”

มัทธิว 13:10-17

สาเหตุที่พระเยซูใช้เรื่องเปรียบเทียบ

(มก. 4:10-12; ลก. 8:9-10)

10 พวกศิษย์ต่างถามพระเยซูว่า “ทำไมอาจารย์ถึงใช้แต่เรื่องเปรียบเทียบเล่าให้คนฟัง”

11 พระเยซูตอบว่า “มีแต่พวกคุณเท่านั้นที่เราจะบอกให้รู้ถึงเรื่องความลับของอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่คนอื่นๆเราจะไม่บอก 12 คนที่เข้าใจอยู่แล้วก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้นจนเหลือเฟือ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจ แล้วยังไม่สนใจฟังอีก แม้สิ่งที่เขาเข้าใจก็จะหายไปด้วย[a] 13 นี่เป็นเหตุที่เราใช้เรื่องเปรียบเทียบเล่าให้พวกเขาฟัง เพราะถึงเขาจะเห็น ก็เหมือนกับไม่เห็น ถึงจะได้ยิน ก็เหมือนกับไม่ได้ยิน และไม่เข้าใจด้วย 14 ซึ่งก็เป็นจริงตามที่อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าได้บอกไว้ว่า

‘คุณจะฟังแล้วฟังอีก แต่จะไม่เข้าใจ
    คุณจะดูแล้วดูอีก แต่จะไม่เห็น
15 เพราะจิตใจของคนพวกนี้ดื้อด้านไปเสียแล้ว
    พวกเขาปิดหูปิดตา จึงทำให้ตามองไม่เห็น
หูก็ไม่ได้ยิน และจิตใจก็ไม่เข้าใจ
    พวกเขาจึงไม่ได้หันกลับมาหาเราเพื่อให้เรารักษา’(A)

16 พวกคุณที่มีตามองเห็นและมีหูได้ยินนั้น ได้รับเกียรติจริงๆ 17 เราจะบอกให้รู้ว่า มีพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และพวกคนทั้งหลายที่ทำตามใจพระเจ้า ใฝ่ฝันอยากเห็น อยากได้ยินสิ่งที่พวกคุณเห็นและได้ยินนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นและก็ไม่ได้ยินด้วย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International