Book of Common Prayer
ความเชื่อมั่นในพระยาห์เวห์
มิคทาม[a] บทหนึ่งของดาวิด
16 ข้าแต่พระเจ้า ได้โปรดคุ้มครองข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์
2 เจ้าพูด[b] กับพระยาห์เวห์ว่า “พระองค์คือองค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า
สิ่งดีๆทั้งหลายที่ข้าพเจ้ามีล้วนมาจากพระองค์ทั้งสิ้น”
3 แล้วเจ้าก็พูดด้วยว่า “ข้าพเจ้าก็รักพระเจ้าทั้งหลาย[c] ของแผ่นดินนี้
พวกเขาช่างเลอเลิศเสียเหลือเกิน”
4 แต่คนที่แสวงหาพระเจ้าอื่นนั้น จะพบแต่ความทุกข์ยาก
ข้าพเจ้าจะไม่เข้าร่วมพิธีถวายเลือดเป็นเครื่องบูชากับพวกเขา
และข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยชื่อของพระเจ้าอื่นเลย
5 พระยาห์เวห์คือมรดกของข้าพเจ้า พระองค์คือถ้วยแห่งพระพรของข้าพเจ้า
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชะตาชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในกำมือของพระองค์
6 ข้าพเจ้าได้รับที่ดินผืนงามจากพระองค์
ข้าพเจ้าได้ส่วนแบ่งที่สวยเหลือเกิน
7 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระองค์ให้คำปรึกษากับข้าพเจ้า
แม้ในยามค่ำคืน จิตใจข้าพเจ้าก็ยังสอนเตือนข้าพเจ้า
8 ข้าพเจ้าตั้งพระยาห์เวห์อยู่ตรงหน้าเสมอ ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
เพราะพระองค์อยู่ข้างขวาของข้าพเจ้า
9 เพราะอย่างนี้นี่เอง หัวใจของข้าพเจ้าถึงเบิกบาน จิตวิญญาณของข้าพเจ้าก็เป็นสุขยิ่งนัก
ร่างกายของข้าพเจ้าก็อยู่อย่างปลอดภัยด้วย
10 เพราะพระยาห์เวห์จะไม่ทอดทิ้งข้าพเจ้าให้อยู่ในแดนคนตาย
พระองค์จะไม่ยอมปล่อยให้ผู้ติดตามที่จงรักภักดีของพระองค์ต้องลงไปในหลุมศพ
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์สอนให้ข้าพเจ้ารู้จักทางที่นำไปสู่ชีวิต
เมื่อข้าพเจ้าอยู่ต่อหน้าพระองค์ ข้าพเจ้ามีความสุขอย่างเต็มที่
เมื่อข้าพเจ้าอยู่เคียงข้างพระองค์ ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเสมอ
ผู้บริสุทธิ์อธิษฐานขอความเป็นธรรม
คำอธิษฐานของดาวิด
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าสำหรับความยุติธรรม
โปรดฟังเสียงเรียกให้ช่วยของข้าพเจ้า
โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าที่ออกมาจากริมฝีปากที่ไม่หลอกลวง
2 ขอให้ประกาศว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก
ขอให้ดวงตาของพระองค์มองเห็นว่าอะไรถูกต้องในเรื่องนี้
3 พระองค์เป็นผู้ตรวจสอบจิตใจของข้าพเจ้า พระองค์ตรวจดูข้าพเจ้าในตอนกลางคืน
พระองค์ได้ทดสอบข้าพเจ้าแต่ไม่พบความผิดใดๆ
ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะไม่ทำบาปด้วยปาก
4 ไม่ว่าคนอื่นจะทำอะไรก็ช่าง
ข้าพเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์และหลีกเลี่ยงทางของคนโหดเหี้ยม
5 เท้าของข้าพเจ้ายึดติดอยู่บนทางของพระองค์
ย่างเท้าของข้าพเจ้าไม่ได้หลุดไปจากทางของพระองค์
6 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เพราะพระองค์จะตอบข้าพเจ้า
โปรดเอียงหูของพระองค์มาหาข้าพเจ้าเพื่อฟังเสียงอธิษฐานของข้าพเจ้า
7 โปรดแสดงความรักมั่นคงอันอัศจรรย์ของพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็นด้วยเถิด
เพราะพระองค์เป็นผู้ใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ช่วยคนเหล่านั้นที่มาลี้ภัยในพระองค์จากคนที่โจมตีพวกเขา
8 โปรดคุ้มครองข้าพเจ้าเหมือนกับข้าพเจ้าเป็นดังแก้วตาของพระองค์
โปรดซ่อนตัวข้าพเจ้าไว้ เหมือนแม่นกที่ซ่อนลูกน้อยไว้ใต้ร่มเงาปีกของมัน ด้วยเถิด
9 โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วที่พยายามทำลายข้าพเจ้า
จากศัตรูที่รายล้อมคอยเข่นฆ่าข้าพเจ้าอยู่
10 คนพวกนี้ไม่มีความสงสาร
ปากของพวกเขาพูดโอ้อวดในสิ่งที่เขาทำ
11 คนชั่วพวกนั้นไล่ล่าข้าพเจ้า ตอนนี้เขาได้รายล้อมข้าพเจ้าอยู่
และพร้อมที่จะเหวี่ยงข้าพเจ้าลงกับพื้น
12 ศัตรูของข้าพเจ้าเป็นเหมือนสิงโตที่พร้อมจะฉีกเนื้อเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ
เป็นเหมือนสิงห์หนุ่มที่หมอบซุ่มโจมตีอยู่
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ลุกขึ้นเถิด ปะทะกับเขา โค่นพวกเขาลง
ใช้ดาบของพระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วเหล่านั้นด้วยเถิด
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ใช้มือของพระองค์ฆ่าพวกเขา ฆ่าพวกเขาไปเสียจากโลกนี้
ขจัดพวกเขาออกไปจากท่ามกลางคนที่มีชีวิตอยู่
แต่ส่วนคนเหล่านั้นที่มีค่าสำหรับพระองค์ โปรดให้อาหารกับพวกเขากินอย่างเหลือเฟือ
เพื่อว่าแม้แต่ลูกๆของพวกเขาก็จะมีอาหารกินอย่างอิ่มหนำ
และจะมีเหลือเพียงพอไว้เลี้ยงหลานเหลนของเขา
15 ข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก และข้าพเจ้าจะเห็นใบหน้าของพระองค์
เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าจะเห็นพระองค์ และอิ่มเอมใจยิ่งนัก
คำอธิษฐานของคนที่ทนทุกข์ทรมาน
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองกวางในยามรุ่งเช้า[a] เพลงสดุดีของดาวิด
22 พระเจ้าของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์ถึงได้ละทิ้งข้าพเจ้าเสีย
ทำไมพระองค์ถึงได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้าเสียเหลือเกิน
ทำไมไม่ช่วยข้าพเจ้าให้รอด ทำไมไม่ได้ยินเสียงร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า
2 พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์ตลอดทั้งวัน แต่พระองค์ก็ไม่ตอบข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าก็ยังร้องเรียกต่อไปตลอดทั้งคืน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้รับการบรรเทาทุกข์
3 แต่อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ยังเป็นองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
พระองค์นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ และชาวอิสราเอลสรรเสริญพระองค์
4 บรรพบุรุษของเราไว้วางใจในพระองค์
และพระองค์ช่วยกู้พวกเขา
5 พวกเขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์
พวกเขาวางใจในพระองค์ พวกเขาจึงไม่ผิดหวัง
6 ข้าพเจ้ามันก็แค่ตัวหนอน ไม่ใช่คน
ข้าพเจ้ามันก็แค่ตัวอะไร ที่ผู้คนพูดดูถูก มันก็แค่ตัวอะไร ที่ผู้คนพูดดูหมิ่น
7 ทุกคนที่เห็นข้าพเจ้า ต่างก็เย้ยหยันข้าพเจ้า
พวกเขาพากันทำหน้าและส่ายหัวใส่ข้าพเจ้า
แล้วพูดว่า
8 “เขาวางใจในพระยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ ให้พระยาห์เวห์ช่วยให้เขารอดสิ
ถ้าพระยาห์เวห์ชื่นชอบเขา ก็ให้พระยาห์เวห์ปลดปล่อยเขาสิ”
9 พระเจ้าของข้าพเจ้า ความจริงแล้ว พระองค์คือผู้ที่ดึงข้าพเจ้าออกมาจากครรภ์
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัยในอ้อมอกของแม่
10 ตอนที่ข้าพเจ้าเกิดมา ข้าพเจ้าก็ถูกวางไว้ในอ้อมแขนของพระองค์แล้ว
พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าคลอดออกมาจากท้องแม่แล้ว
11 ดังนั้น โปรดอย่าได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
เพราะความทุกข์ยากอยู่ใกล้ตัวข้าพเจ้า และก็ไม่มีใครช่วยด้วย
12 มีวัวตัวผู้จำนวนมากที่ล้อมรอบข้าพเจ้าอยู่
วัวตัวผู้ที่ดุร้ายของบาชานกำลังรายล้อมข้าพเจ้าอยู่
13 พวกมันอ้าปากกว้างใส่ข้าพเจ้า
เหมือนกับสิงโตที่กำลังร้องคำรามฉีกกินเหยื่อของมัน
14 กำลังของข้าพเจ้าถูกเทออกเหมือนน้ำ
กระดูกของข้าพเจ้าหลุดออกจากข้อ
จิตใจของข้าพเจ้าได้หลอมละลาย
เหมือนขี้ผึ้งภายในตัวข้าพเจ้า
15 พละกำลังของข้าพเจ้าเหือดแห้งไปเหมือนหม้อดินแตก
ลิ้นของข้าพเจ้าจุกอยู่ที่เพดานปาก
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์วางข้าพเจ้าไว้ในฝุ่นของหลุมศพ
16 พวกหมาได้รายล้อมข้าพเจ้าไว้
กลุ่มคนชั่วร้ายได้รุมล้อมข้าพเจ้าไว้
พวกมันได้แทงมือแทงเท้าของข้าพเจ้า[b]
17 ข้าพเจ้าผ่ายผอมจนนับกระดูกของข้าพเจ้าได้หมด
พวกเขาจ้องมองข้าพเจ้าตาเขม็ง
18 พวกเขาก็เอาพวกเสื้อผ้าของข้าพเจ้ามาแบ่งปันกัน
พวกเขาเอาชุดของข้าพเจ้ามาจับสลากว่าใครจะได้
19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าได้อยู่ห่างไกลข้าพเจ้า
พระองค์ผู้เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า รีบมาช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด
20 ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคมดาบ
ช่วยชีวิตเดียวที่ข้าพเจ้ามีอยู่จากฝูงหมาพวกนั้นด้วยเถิด
21 ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากปากสิงโต
พ้นจากคมเขาของฝูงวัวกระทิงเปลี่ยวด้วยเถิด พระองค์ได้ตอบข้าพเจ้าแล้ว
22 ดังนั้นข้าพเจ้าจะบอกพี่น้องของข้าพเจ้าถึงสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุม
23 พวกเจ้าที่เกรงกลัวพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระองค์เถิด
พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของยาโคบ ถวายเกียรติให้กับพระองค์เถิด
พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของอิสราเอล ยำเกรงพระองค์เถิด
24 เพราะพระยาห์เวห์ไม่ได้ดูถูกหรือรังเกียจความทุกข์ของคนที่เดือดร้อนคนนี้
พระองค์ไม่ได้ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
แต่เมื่อข้าพเจ้าร้องให้พระองค์ช่วย พระองค์ฟังข้าพเจ้า
25 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมใหญ่สำหรับสิ่งที่พระองค์ได้ทำ
ข้าพเจ้าจะถวายพวกเครื่องบูชาแก้บนต่อหน้าคนทั้งหลายที่ยำเกรงพระองค์
26 คนยากจนทั้งหลาย มาเถิด มากินเครื่องบูชาแก้บนเหล่านั้นให้อิ่มหนำสำราญ
พวกเจ้าที่แสวงหาพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระองค์เถิด
และขอให้จิตใจของพวกเจ้ามีความสุขตลอดไป
27 ขอให้คนทั่วทุกมุมโลก ระลึกถึงพระยาห์เวห์และหันมาหาพระองค์
ขอให้คนทุกชาติ ก้มกราบนมัสการต่อหน้าพระองค์
28 เพราะพระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์
และครอบครองอยู่เหนือชนชาติทั้งหลาย
29 คนเหล่านั้นที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จะกินเลี้ยงกันและก้มกราบลงต่อหน้าพระองค์
ส่วนคนที่กำลังจะตายกลับไปสู่ผงธุลีดิน และแม้แต่คนเหล่านั้นที่ตายไปแล้วก็จะก้มกราบลงต่อหน้าพระเจ้าเหมือนกัน
30 เหล่าลูกหลานของพวกเขาจะรับใช้พระองค์
คนจะพากันพูดถึงชื่อเสียงขององค์เจ้าชีวิตให้กับคนรุ่นหลังฟัง
31 พวกเขาจะเล่าให้กับคนรุ่นหลังที่ยังไม่ได้เกิดมา
ฟังเกี่ยวกับการช่วยกู้ที่พระองค์ได้ทำไป
เศเดคียาห์ขอคำปรึกษาจากเยเรมียาห์
14 กษัตริย์เศเดคียาห์ ส่งคนไปนำตัวเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้ามาพบพระองค์ ที่ตรงประตูที่สามซึ่งอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์ก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “เราจะถามเจ้าบางอย่าง อย่าได้ปิดบังอะไรจากเราละ”
15 เยเรมียาห์จึงบอกกับกษัตริย์เศเดคียาห์ว่า “ถ้าข้าพเจ้าบอกพระองค์ พระองค์จะไม่ฆ่าข้าพเจ้าหรือ และถ้าข้าพเจ้าให้คำแนะนำกับพระองค์ พระองค์ก็จะไม่ฟังข้าพเจ้าหรอก” 16 ดังนั้นกษัตริย์เศเดคียาห์จึงสาบานกับเยเรมียาห์อย่างลับๆว่า “เราขอสาบานต่อพระยาห์เวห์ผู้สร้างพวกเราและประทานชีวิตให้พวกเราว่า เราจะไม่ฆ่าเจ้า และจะไม่มอบตัวเจ้าให้กับคนพวกนี้ที่อยากจะฆ่าเจ้า”
17 เยเรมียาห์จึงบอกกับเศเดคียาห์ว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า ‘ถ้าเจ้ายอมออกไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์แห่งบาบิโลนจริงๆเจ้าก็จะรอดชีวิต และเมืองนี้ก็จะไม่ถูกไฟเผา เจ้าและครอบครัวของเจ้าก็จะรอดชีวิต 18 แต่ถ้าเจ้าไม่ออกไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์แห่งบาบิโลน เมืองนี้ก็จะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลน แล้วพวกเขาก็จะจุดไฟเผาเมือง แล้วเจ้าก็จะไม่รอดพ้นเงื้อมมือพวกเขา’”
19 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “เรากลัวพวกยิวที่ทิ้งเมืองไปหาพวกบาบิโลน กลัวว่าเราจะถูกส่งไปให้พวกมันทำร้ายเอา”
20 เยเรมียาห์จึงพูดว่า “พวกเขาจะไม่ส่งพระองค์ไปอยู่ในเงื้อมมือของคนพวกนั้นหรอก โปรดฟังเสียงของพระยาห์เวห์ผู้ที่ข้าพเจ้ากำลังพูดแทนอยู่เถิด และทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดีสำหรับพระองค์ และพระองค์ก็จะรอดชีวิต
21 แต่พระยาห์เวห์ได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้น ถ้าพระองค์ไม่ยอมออกไปมอบตัว 22 คือผู้หญิงทุกคนที่เหลืออยู่ในบ้านของกษัตริย์แห่งยูดาห์จะถูกจับไปให้กับพวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์แห่งบาบิโลน แล้วพวกเขาก็จะพูดว่า ‘พันธมิตรของแกหักหลังแกแล้ว พวกเขาชนะแก เท้าของแกจมโคลนแล้ว และพวกเขาก็ทอดทิ้งแกไป’
23 พวกเมียและลูกทุกคนของพระองค์จะต้องไปหาชาวบาบิโลน และพระองค์ก็จะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของพวกเขาไปได้ เพราะกษัตริย์แห่งบาบิโลนจะจับกุมพระองค์และเอาไฟเผาเมืองนี้”
24 แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “ถ้าเจ้าไม่บอกให้ใครรู้ ถึงเรื่องที่เราได้พูดคุยกันในวันนี้ เจ้าก็จะไม่ตาย 25 ถ้าพวกเจ้านายรู้ว่าเราพูดกับเจ้า แล้วพวกเขามาถามเจ้าว่า ‘ช่วยบอกพวกเราหน่อยว่า เจ้าได้พูดอะไรกับกษัตริย์ และกษัตริย์ได้พูดอะไรกับเจ้าบ้าง ถ้าเจ้าบอกเราทุกอย่าง เราจะไม่ฆ่าเจ้า’
26 เจ้าก็ต้องบอกพวกเขาว่า ‘ผมได้ขอร้องพระองค์ ว่าอย่าได้ส่งผมกลับไปตายที่บ้านของโยนาธานเลย’”
27 แล้วพวกเจ้านายทั้งหมดก็ตรงเข้ามาถามเยเรมียาห์ เขาก็ตอบไปตามที่กษัตริย์สั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงเลิกถามเพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้ยินการพูดคุย
28 แล้วเยเรมียาห์ก็อยู่ในลานของทหารยาม จนถึงวันที่บาบิโลนยึดเมืองเยรูซาเล็มได้
ข่าวดีเกี่ยวกับพระคริสต์
15 พี่น้องครับ ผมก็อยากจะเตือนพวกคุณไม่ให้ลืมข่าวดีที่ผมได้ประกาศให้กับพวกคุณ เป็นข่าวดีที่พวกคุณได้รับเอาไว้แล้ว และยึดมั่นอยู่ 2 ถ้าคุณยังคงยึดมั่นในข่าวดีที่ผมบอก ข่าวดีนี้แหละจะช่วยให้พวกคุณรอด ไม่อย่างนั้นความเชื่อของคุณก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
3 ผมมอบเรื่องที่สำคัญที่สุดให้กับพวกคุณ เป็นเรื่องที่ผมเองก็รับมอบมาอีกทีหนึ่งเหมือนกัน คือพระคริสต์ตายเพื่อจัดการกับบาปของพวกเราตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ 4 พระองค์ถูกฝังและฟื้นขึ้นมาใหม่ในวันที่สามตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ 5 แล้วพระองค์ก็ไปปรากฏกับเปโตรและศิษย์เอกทั้งสิบสองคน 6 จากนั้นพระองค์ก็ไปปรากฏให้พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนเห็นในเวลาเดียวกัน ซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้จะมีบางคนตายไปบ้างแล้ว 7 ต่อมาพระองค์ปรากฏกับยากอบและศิษย์เอกทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง 8 แล้วสุดท้ายพระองค์มาปรากฏกับผมด้วย ผมเหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด 9 เพราะผมต่ำต้อยที่สุดในพวกศิษย์เอกทั้งหมด ความจริงแล้วผมไม่เหมาะที่จะได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกเสียด้วยซ้ำไป เพราะผมเคยข่มเหงหมู่ประชุมของพระเจ้ามาก่อน 10 แต่ที่ผมเป็นศิษย์เอกก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า และผมก็ไม่ได้รับเอาความเมตตากรุณานี้มาไว้เฉยๆ แต่ผมทำงานหนักกว่าพวกศิษย์เอกทุกคน อันที่จริงไม่ใช่ผมหรอกที่ทำ แต่เป็นความเมตตากรุณาของพระเจ้าที่อยู่กับผมต่างหากที่ทำ 11 ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผมประกาศหรือศิษย์เอกคนอื่นๆประกาศให้กับพวกคุณ เราทุกคนก็ประกาศเรื่องนี้แหละ และนี่ก็เป็นเรื่องที่พวกคุณมาไว้วางใจ
พระเยซูและยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำ
(ลก. 7:18-35)
11 เมื่อพระเยซูสั่งพวกศิษย์ทั้งสิบสองคนเสร็จแล้ว พระองค์ก็จากที่นั่นไปประกาศสั่งสอนตามเมืองต่างๆในแคว้นกาลิลี
2 ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำซึ่งอยู่ในคุก ได้ยินข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่พระคริสต์ทำ จึงให้ลูกศิษย์ของเขาไป 3 ถามพระเยซูว่า “ท่านคือคนๆนั้นที่กำลังจะมา หรือเราจะต้องรออีกคนหนึ่งครับ”
4 พระเยซูตอบว่า “กลับไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่คุณได้ยินและได้เห็น คือ 5 คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงก็หาย คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ และคนจนก็ได้ยินข่าวดี 6 คนที่ไม่ทิ้งเราเพราะสิ่งที่เราทำเป็นคนที่มีเกียรติจริงๆ”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International