Book of Common Prayer
พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ผู้ทรงบารมี
93 พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์
    พระยาห์เวห์สวมบารมี พระองค์ใส่พละกำลัง
พระองค์ตั้งโลกนี้อย่างมั่นคงและมันจะไม่สั่นคลอน
2 บัลลังก์ของพระองค์ตั้งไว้อย่างมั่นคงแล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา
    ยิ่งกว่านั้น พระองค์เป็นอยู่แล้วตลอดมา
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ คลื่นส่งเสียง
    ใช่แล้ว คลื่นส่งเสียงดังขึ้น
    เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังขึ้นเรื่อยๆ
4 เสียงร้องของมหาสมุทรช่างดังกึกก้องมาก
    เสียงน้ำทะเลแตกกระจาย ช่างทรงพลังเหลือเกิน
    แต่พระยาห์เวห์ผู้อยู่เบื้องบนก็ยังทรงพลังยิ่งกว่า
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์
    พระบัญญัติต่างๆของพระองค์นั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ตลอดไป
    วิหารของพระองค์จะเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ไปตราบนานเท่านาน
ให้ทุกชนชาติสรรเสริญพระยาห์เวห์
(1 พศด. 16:23-33)
96 ร้องเพลงบทใหม่ให้กับพระยาห์เวห์
    ทุกคนบนโลกนี้ ร้องเพลงแด่พระยาห์เวห์กันเถิด
2 ร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์ สรรเสริญชื่อของพระองค์
    ให้ประกาศวันแล้ววันเล่าถึงความรอดที่มาจากพระองค์
3 ประกาศให้ชนชาติต่างๆรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
    ประกาศให้ทุกคนรู้ถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำ
4 เพราะพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่และสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง
    พระองค์น่าเกรงขามกว่าพระเจ้าทั้งปวง
5 เพราะพระเจ้าทั้งสิ้นของชนชาติเหล่านั้นเป็นรูปเคารพที่ไร้ค่า
    แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้ที่สร้างฟ้าสวรรค์
6 รัศมีและบารมีของพระองค์แผ่กระจายออกมาจากพระองค์
    อำนาจและความงดงามอยู่ในวิหารของพระองค์
7 ตระกูลของชนชาติต่างๆทั่วโลกเอ๋ย ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์
    สำหรับสง่าราศีและพละกำลังของพระยาห์เวห์เถิด
8 ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์สำหรับชื่ออันมีสง่าราศีของพระองค์
    ให้นำเครื่องกำนันมาให้พระองค์ในลานวิหารของพระองค์เถิด
9 ให้ก้มกราบลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวิหารอันสง่างามของพระองค์[a]
    มนุษย์บนแผ่นดินโลกทุกคนเอ๋ย ให้ตัวสั่นเทิ้มเมื่ออยู่เบื้องหน้าพระองค์เถิด
10 ประกาศให้ทุกชนชาติรู้ว่า “พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ พระองค์ตั้งโลกนี้ไว้อย่างมั่นคง
    มันจะไม่มีวันสั่นคลอน พระองค์ตัดสินชนชาติต่างๆอย่างยุติธรรม”
11 ขอให้ฟ้าสวรรค์เฉลิมฉลองกัน ขอให้แผ่นดินโลกชื่นชมยินดี
    ขอให้ทะเลและทุกสิ่งทุกอย่างในทะเลนั้นโห่ร้องยินดี
12 ขอให้ท้องทุ่งและทุกสิ่งทุกอย่างในมันร่าเริงยินดี
    และขอให้ต้นไม้ทุกต้นในป่าชื่นชมยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์
13 เพราะพระองค์กำลังเสด็จมา พระองค์กำลังมาตัดสินแผ่นดินโลกนี้
    พระองค์จะตัดสินโลกนี้อย่างยุติธรรมและตัดสินชนชาติต่างๆอย่างสัตย์ซื่อ
มาลองชิมความดีของพระยาห์เวห์ดู
[a] บทเพลงสดุดีของดาวิด ในขณะที่พระองค์แกล้งทำเป็นบ้า เพื่อให้อาบีเมเลคเห็น จนไล่พระองค์ออกไป และกษัตริย์ดาวิดก็ออกไป
34 [b] ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระยาห์เวห์เสมอ
    คำสรรเสริญพระองค์จะติดอยู่ที่ริมฝีปากของข้าพเจ้าเสมอ
2 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าโอ้อวดเกี่ยวกับพระยาห์เวห์
    ขอให้ พวกคนที่ทุกข์ยากได้ยินคำสรรเสริญของข้าพเจ้าและชื่นชมยินดี
3 ขอให้พวกเรามาร่วมกันถวายเกียรติให้กับพระยาห์เวห์
    ขอให้พวกเรามาเชิดชูพระนามของพระองค์ด้วยกันเถิด
4 ข้าพเจ้าแสวงหาพระยาห์เวห์เพื่อขอความช่วยเหลือและพระองค์ก็ตอบข้าพเจ้า
    พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวนั้น
5 คนที่แสวงหาพระองค์เพื่อขอความช่วยเหลือจะมีหน้าตาเบ่งบาน
    พวกเขาจึงไม่อับอายขายหน้าเพราะว่าพระองค์ตอบพวกเขา
6 ข้าพเจ้าเองผู้ทุกข์ยากคนนี้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์และพระองค์ก็ได้ยิน
    และช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความทุกข์ยากทุกเรื่อง
7 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์สร้างค่ายล้อมรอบพวกที่ยำเกรงพระองค์
    และคอยช่วยเหลือพวกเขาให้รอด
8 ลองชิมพระยาห์เวห์ดูสิ แล้วจะเห็นว่าพระองค์นั้นดีแท้
    คนที่ลี้ภัยในพระองค์ก็มีเกียรติจริงๆ
9 พวกเจ้า ผู้ที่เป็นของพระองค์โดยเฉพาะ ให้ยำเกรงพระยาห์เวห์เถิด
    เพราะผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไม่ขาดอะไรเลย
10 แม้แต่พวกสิงห์หนุ่มที่แข็งแรงเหล่านั้นก็ยังขาดแคลนและหิวโหยได้
    แต่คนเหล่านั้นที่ขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์จะไม่ขาดของดีอะไรเลย
11 มาเถิด ลูกๆเอ๋ย ฟังเราให้ดี
    แล้วเราจะสอนเจ้าให้รู้จักยำเกรงพระยาห์เวห์
12 ใครอยากมีชีวิตที่สนุกสนาน
    ใครอยากมีชีวิตยืนยาวที่มีความสุขกับความรุ่งเรือง
13 ระวังอย่าให้ลิ้นพูดสิ่งชั่วร้าย
    ระวังอย่าให้ริมฝีปากพูดโกหก
14 หลีกเลี่ยงความชั่ว และทำแต่ความดี
    ให้แสวงหาสันติสุขและไล่ตามมันไปติดๆ
15 สายตาของพระยาห์เวห์เฝ้าดูแลคนที่ทำตามใจพระเจ้า
    และหูของพระองค์ก็เปิดฟังเสียงร้องเรียกให้ช่วยของพวกเขา
16 แต่ใบหน้าของพระยาห์เวห์ต่อต้านคนเหล่านั้นที่ทำชั่ว
    เพื่อคนในโลกนี้จะได้ลืมพวกคนชั่วเหล่านั้นตลอดไป
17 เมื่อคนที่ทำตามใจพระเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ พระองค์รับฟัง
    และช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากความทุกข์ยากทั้งหมดของเขา
18 พระยาห์เวห์อยู่ใกล้ และพร้อมที่จะช่วยคนที่หมดกำลังใจ
    และพระองค์ช่วยกู้คนที่สิ้นหวัง
19 คนที่ทำตามใจพระเจ้า อาจจะพบกับความทุกข์ยากมากมาย
    แต่พระยาห์เวห์จะช่วยให้เขารอดพ้นไปได้หมด
20 พระองค์ปกป้องกระดูกทุกชิ้นของเขา
    ไม่ให้แตกหักแม้แต่ชิ้นเดียว
21 แต่ความชั่วช้าของคนชั่วก็จะฆ่าตัวพวกเขาเอง
    และพวกที่เกลียดคนที่ทำตามใจพระเจ้าจะถูกลงโทษ
22 พระยาห์เวห์ไถ่ชีวิตให้กับพวกผู้รับใช้ของพระองค์
    ทุกคนที่เข้ามาลี้ภัยในพระองค์จะไม่ถูกลงโทษ
เอลคานาห์ไปนมัสการที่ชิโลห์
1 มีชายคนหนึ่งมาจากเมืองรามาธาอิม-โซฟิมในเทือกเขาเอฟราอิม เขาชื่อว่าเอลคานาห์ เป็นลูกชายของเยโรฮัม[a] เยโรฮัมเป็นลูกชายของเอลีฮู เอลีฮูเป็นลูกชายของโทหุ โทหุเป็นลูกชายของศูฟคนเผ่าเอฟราอิม
2 เอลคานาห์มีเมียสองคน คือฮันนาห์ และเปนินนาห์ นางเปนินนาห์มีลูก แต่นางฮันนาห์ไม่มี
7 เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นปีแล้วปีเล่า เมื่อนางฮันนาห์ไปที่บ้านของพระยาห์เวห์ เปนินนาห์จะยั่วให้เธอเสียใจจนเธอร้องไห้และไม่ยอมกินอาหาร 8 เอลคานาห์จึงถามเมียเขาว่า “ฮันนาห์ เธอร้องไห้ทำไม ทำไมไม่ยอมกินอาหาร ทำไมเธอถึงได้เศร้าโศกนัก พี่ไม่ได้มีความหมายสำหรับเธอมากกว่าลูกชายสิบคนหรอกหรือ”
คำอธิษฐานของฮันนาห์
9 หลังจากกินและดื่มกันเสร็จแล้ว ฮันนาห์ได้ลุกขึ้นอย่างเงียบๆไปอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์[a] นักบวชเอลีกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ประตูวิหารของพระยาห์เวห์ 10 ฮันนาห์ขมขื่นใจและร้องไห้อย่างหนัก และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 11 นางได้บนไว้ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ถ้าพระองค์เห็นความทุกข์ของผู้รับใช้ของพระองค์คนนี้ และระลึกถึงข้าพเจ้า และไม่ลืมผู้รับใช้ของพระองค์คนนี้ และมอบลูกชายให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะอุทิศเขาให้กับพระยาห์เวห์ตลอดชั่วชีวิตของเขา เขาจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือเบียร์[b] และจะไม่ให้มีดโกนโดนหัวเขาเลย[c]”
12 ขณะที่นางฮันนาห์อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ไปเรื่อยๆนั้น เอลีได้สังเกตปากของนาง 13 ฮันนาห์ได้อธิษฐานอยู่ในใจ ริมฝีปากนางขมุบขมิบแต่ไม่มีเสียงออกมาให้ได้ยิน เอลีคิดว่านางกำลังเมา 14 เขาก็เลยพูดว่า “เจ้าจะเมาไปอีกนานแค่ไหน ทิ้งเหล้าองุ่นของเจ้าได้แล้ว”
15 ฮันนาห์ตอบว่า “เจ้านาย ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือเบียร์ แต่ฉันมีความทุกข์ใจมาก กำลังระบายความในใจของฉันต่อพระยาห์เวห์ 16 อย่าคิดว่าผู้รับใช้ของท่านเป็นผู้หญิงเลว ฉันมาอธิษฐานด้วยความทุกข์ใจและเศร้าโศกยิ่งนัก”
17 เอลีตอบว่า “กลับไปเป็นสุขเถิด แล้วขอให้พระเจ้าของอิสราเอลให้สิ่งที่เจ้าได้ขอต่อพระองค์เถิด”
18 ฮันนาห์ตอบว่า “ขอให้ฉันผู้รับใช้ของท่าน เป็นที่พอใจของท่านด้วยเถิด” จากนั้นเธอก็จากไปและกินอาหาร ใบหน้าของเธอก็ไม่เศร้าโศกอีกเลย
19 เช้าตรู่ของวันใหม่ พวกเขาได้ลุกขึ้นและนมัสการพระยาห์เวห์ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านที่รามาห์
การเกิดของซามูเอล
เอลคานาห์ได้ร่วมหลับนอนกับนางฮันนาห์เมียของเขา และพระยาห์เวห์ได้ระลึกถึงนาง 20 ปีต่อมาในเวลาเดียวกันนั้น นางฮันนาห์ตั้งท้องและคลอดลูกชาย เธอตั้งชื่อเขาว่า ซามูเอล[d] นางพูดว่า “เพราะฉันได้ขอเขามาจากพระยาห์เวห์”
21 เมื่อเอลคานาห์และครอบครัวเดินทางไปถวายเครื่องบูชาประจำปีต่อพระยาห์เวห์และแก้บน 22 ฮันนาห์ไม่ได้ไปด้วย นางบอกกับสามีว่า “หลังจากลูกหย่านมแล้ว ฉันจะพาเขาไปชิโลห์ และมอบเขาให้กับพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็จะอยู่ที่นั่นตลอดไป และจะเป็นนาซาไรท์[e][f] ตลอดชีวิต”
23 เอลคานาห์สามีของนางจึงพูดว่า “ทำสิ่งที่เธอเห็นว่าดีที่สุดเถิด พักอยู่ที่นี่จนกว่าเธอจะให้ลูกหย่านม แล้วขอให้พระยาห์เวห์ทำให้คำพูดของเธอเกิดผลดีเถิด”[g] แล้วฮันนาห์ก็ได้อยู่บ้านเลี้ยงลูกจนกระทั่งนางให้ลูกหย่านม
ฮันนาห์พาซามูเอลไปหาเอลีที่ชิโลห์
24 หลังจากที่ซามูเอลหย่านมแล้ว นางก็พาลูกไปกับนางในขณะที่เขายังเด็กอยู่ พร้อมกับวัวตัวผู้อายุสามปีหนึ่งตัว แป้งหนึ่งเอฟาห์[h] เหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนัง แล้วนำเขาไปที่บ้านของพระยาห์เวห์ที่ชิโลห์
25 พวกเขาได้ไปอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เอลคานาห์ได้ฆ่าวัวผู้ตัวนั้นถวายเป็นเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์อย่างเคย[i] แล้วนางฮันนาห์ก็มอบเด็กชายซามูเอลให้กับเอลี 26 นางฮันนาห์พูดกับเอลีว่า “เจ้านาย ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ฉันคือผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆท่าน และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 27 ฉันได้อธิษฐานขอเด็กคนนี้ และพระยาห์เวห์ได้มอบสิ่งที่ฉันได้ขอจากพระองค์ 28 ตอนนี้ฉันจะมอบเด็กนี้ให้กับพระยาห์เวห์ และเขาจะรับใช้พระยาห์เวห์ไปตลอดชีวิตของเขา”
แล้วนางฮันนาห์ก็ทิ้งเด็กชายซามูเอลไว้ที่นั่น[j] และนางก็ได้นมัสการพระยาห์เวห์
9 เพราะอย่างนี้ เราถึงไม่เคยหยุดอธิษฐานให้พวกคุณเลย นับตั้งแต่วันแรกที่เราได้ยินเรื่องของพวกคุณ
เราขอให้พระเจ้าเติมพวกคุณให้เต็มไปด้วยความรู้ถึงความต้องการของพระองค์คือให้มีความเฉลียวฉลาดทุกอย่าง และมีความเข้าใจที่มาจากพระวิญญาณด้วย 10 เราอธิษฐานอย่างนี้ เพื่อคุณจะใช้ชีวิตให้สมกับเป็นคนขององค์เจ้าชีวิต แล้วจะได้เอาใจพระองค์ในทุกเรื่อง คือเกิดผลในการทำดีทุกอย่าง และรู้จักพระเจ้ามากขึ้น 11 ให้เข้มแข็งขึ้นด้วยพลังอำนาจทั้งสิ้นที่มาจากฤทธิ์อำนาจมหาศาลของพระองค์ เพื่อคุณจะได้บากบั่นมานะและทรหดอดทน
12 พวกคุณจะได้ขอบคุณพระบิดาด้วยความชื่นชมยินดี พระบิดาได้ทำให้คุณเหมาะสมที่จะได้รับส่วนแบ่งในมรดกซึ่งอยู่ในอาณาจักรที่สว่างไสวร่วมกับคนที่เป็นของพระเจ้า 13 พระเจ้าได้ช่วยชีวิตเราให้พ้นจากอาณาจักรของความมืด และนำเราเข้าไปอยู่ในอาณาจักรของพระบุตร ซึ่งก็คือพระบุตรที่พระเจ้ารัก 14 พระองค์ได้ปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระและอภัยบาปต่างๆของเราด้วย
เมื่อเรามองดูพระคริสต์เราเห็นพระเจ้า
15 พระคริสต์เป็นภาพสะท้อนของพระเจ้าผู้ที่ตามนุษย์มองไม่เห็น พระคริสต์เป็นลูกหัวปีที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา 16 พระเจ้าใช้พระคริสต์สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ในสวรรค์หรือบนโลก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มองเห็นหรือมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นพวกวิญญาณที่นั่งบนบัลลังก์ หรือพวกผู้ครอบครองแผ่นดิน หรือพวกผู้ปกครอง หรือพวกผู้มีสิทธิอำนาจ พระคริสต์เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างนี้ก็เกิดขึ้นมาเพื่อให้เกียรติกับพระองค์ 17 ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกสร้างขึ้นมา ก็มีพระองค์อยู่แล้ว และทุกอย่างยังคงอยู่ได้ก็เพราะพระองค์ยึดมันไว้ด้วยกัน 18 พระองค์เป็นศีรษะของร่างกาย ซึ่งก็คือหมู่ประชุมของพระองค์ พระองค์เป็นจุดเริ่มต้น เป็นคนแรกที่ฟื้นขึ้นจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้เป็นที่หนึ่งในทุกเรื่อง 19 เพราะพระเจ้าตัดสินใจว่าจะให้ความเต็มบริบูรณ์ของพระองค์อยู่ในตัวพระคริสต์ 20 พระองค์ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งบนโลกและในสวรรค์กลับมาคืนดีกับพระองค์ คือทำให้เกิดสันติภาพขึ้น ด้วยเลือดของพระคริสต์ที่หลั่งบนไม้กางเขนนั้น
ถวายเด็กน้อยเยซูในวิหาร
22 ตามกฎของโมเสสคนที่เพิ่งคลอดลูกจะมีเวลาสี่สิบวันสำหรับชำระตัวให้สะอาดตามหลักศาสนา[a] เมื่อครบกำหนดนี้แล้ว พวกเขาก็ได้พาพระเยซูไปที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อถวายพระเยซูให้กับองค์เจ้าชีวิต[b] 23 เพราะกฎขององค์เจ้าชีวิตบอกว่า “ถ้าลูกคนแรกเป็นผู้ชาย จะต้องยกเด็กคนนั้นให้องค์เจ้าชีวิต”[c] 24 แล้วพวกเขาถวายเครื่องบูชาตามกฎขององค์เจ้าชีวิตคือ นกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัว(A)
สิเมโอนเห็นพระเยซู
25 มีชายคนหนึ่งชื่อสิเมโอนอาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม เขาเป็นคนที่ทำตามใจพระเจ้าและเคร่งศาสนา เขาเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรพระเจ้าจะมาช่วยเหลือชาวอิสราเอล พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อยู่กับเขา 26 พระองค์บอกเขาว่า เขาจะได้เห็นพระคริสต์ขององค์เจ้าชีวิตก่อนที่เขาจะตาย 27 พระวิญญาณบริสุทธิ์พาเขามาที่วิหารในวันเดียวกับที่มารีย์และโยเซฟพาลูกน้อยเยซูมาทำพิธีต่างๆตามกฏที่โมเสสสั่งให้ทำกับเด็กแรกเกิด 28 สิเมโอนก็อุ้มทารกน้อยไว้ในอ้อมแขน แล้วสรรเสริญพระเจ้าว่า
29 “ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ตอนนี้ขอให้ปลดปล่อยทาสคนนี้ให้ไปเป็นสุขได้แล้ว ตามที่พระองค์ได้บอกไว้
30 เพราะดวงตาของข้าพเจ้าได้เห็นความรอด[d]
31 ที่พระองค์เตรียมไว้แล้วให้ชนชาติทั้งหลายได้เห็น
32 พระองค์เป็นแสงสว่างที่ส่องให้กับคนที่ไม่ใช่ยิวเห็นทางของพระองค์
    และที่นำเกียรติอันยิ่งใหญ่มาให้กับชาวอิสราเอลชนชาติของพระองค์”
33 โยเซฟกับมารีย์งุนงงมากที่สิเมโอนพูดอย่างนั้นเกี่ยวกับทารกน้อย 34 แล้วสิเมโอนอวยพรพวกเขา และพูดกับนางมารีย์แม่ของทารกน้อยว่า “พระเจ้ากำหนดไว้แล้วว่าเด็กคนนี้จะเป็นเหตุให้คนอิสราเอลมากมายต้องล้มลงหรือลุกขึ้น เด็กคนนี้จะเป็นสัญญาณเตือนจากพระเจ้าให้รู้ถึงความต้องการของพระองค์ แต่คนจำนวนมากจะต่อต้านเขา 35 สิ่งนี้เลยเปิดโปงความคิดในใจของคนพวกนี้ เรื่องนี้จะทำให้คุณทุกข์ใจมากเหมือนมีดาบทิ่มเข้าไปในใจของคุณ”
อันนาเห็นพระเยซู
36 อันนาซึ่งเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่ง เป็นลูกสาวของฟานูเอลจากเผ่าอาเชอร์ นางแก่มากแล้ว หลังจากอยู่กินกับสามีได้เพียงเจ็ดปี 37 สามีก็ตาย และนางก็อยู่เป็นม่ายมาจนถึงอายุแปดสิบสี่ปี นางไม่เคยออกไปจากวิหารเลย นางนมัสการพระเจ้าทั้งวันทั้งคืนด้วยการอธิษฐานและถือศีลอดอาหาร 38 นางได้เข้ามาหาพวกเขา เริ่มสรรเสริญพระเจ้า และเล่าเรื่องเด็กทารกคนนี้ให้กับทุกคนที่รอคอยเวลาที่เมืองเยรูซาเล็มจะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
โยเซฟและมารีย์กลับบ้าน
39 เมื่อพวกเขาทำทุกอย่างตามกฎขององค์เจ้าชีวิตแล้ว พวกเขาก็เดินทางกลับไปเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี 40 แล้วเด็กน้อยก็ได้เติบโต มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีความเฉลียวฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆและพระเจ้าอวยพรเขา
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International