Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 16-17

ความเชื่อมั่นในพระยาห์เวห์

มิคทาม[a] บทหนึ่งของดาวิด

16 ข้าแต่พระเจ้า ได้โปรดคุ้มครองข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์
เจ้าพูด[b] กับพระยาห์เวห์ว่า “พระองค์คือองค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า
    สิ่งดีๆทั้งหลายที่ข้าพเจ้ามีล้วนมาจากพระองค์ทั้งสิ้น”

แล้วเจ้าก็พูดด้วยว่า “ข้าพเจ้าก็รักพระเจ้าทั้งหลาย[c] ของแผ่นดินนี้
    พวกเขาช่างเลอเลิศเสียเหลือเกิน”

แต่คนที่แสวงหาพระเจ้าอื่นนั้น จะพบแต่ความทุกข์ยาก
    ข้าพเจ้าจะไม่เข้าร่วมพิธีถวายเลือดเป็นเครื่องบูชากับพวกเขา
    และข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยชื่อของพระเจ้าอื่นเลย

พระยาห์เวห์คือมรดกของข้าพเจ้า พระองค์คือถ้วยแห่งพระพรของข้าพเจ้า
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชะตาชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในกำมือของพระองค์
ข้าพเจ้าได้รับที่ดินผืนงามจากพระองค์
    ข้าพเจ้าได้ส่วนแบ่งที่สวยเหลือเกิน

ข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระองค์ให้คำปรึกษากับข้าพเจ้า
    แม้ในยามค่ำคืน จิตใจข้าพเจ้าก็ยังสอนเตือนข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าตั้งพระยาห์เวห์อยู่ตรงหน้าเสมอ ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
    เพราะพระองค์อยู่ข้างขวาของข้าพเจ้า
เพราะอย่างนี้นี่เอง หัวใจของข้าพเจ้าถึงเบิกบาน จิตวิญญาณของข้าพเจ้าก็เป็นสุขยิ่งนัก
    ร่างกายของข้าพเจ้าก็อยู่อย่างปลอดภัยด้วย
10 เพราะพระยาห์เวห์จะไม่ทอดทิ้งข้าพเจ้าให้อยู่ในแดนคนตาย
    พระองค์จะไม่ยอมปล่อยให้ผู้ติดตามที่จงรักภักดีของพระองค์ต้องลงไปในหลุมศพ

11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์สอนให้ข้าพเจ้ารู้จักทางที่นำไปสู่ชีวิต
    เมื่อข้าพเจ้าอยู่ต่อหน้าพระองค์ ข้าพเจ้ามีความสุขอย่างเต็มที่
    เมื่อข้าพเจ้าอยู่เคียงข้างพระองค์ ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเสมอ

ผู้บริสุทธิ์อธิษฐานขอความเป็นธรรม

คำอธิษฐานของดาวิด

17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าสำหรับความยุติธรรม
    โปรดฟังเสียงเรียกให้ช่วยของข้าพเจ้า
    โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าที่ออกมาจากริมฝีปากที่ไม่หลอกลวง
ขอให้ประกาศว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก
    ขอให้ดวงตาของพระองค์มองเห็นว่าอะไรถูกต้องในเรื่องนี้

พระองค์เป็นผู้ตรวจสอบจิตใจของข้าพเจ้า พระองค์ตรวจดูข้าพเจ้าในตอนกลางคืน
    พระองค์ได้ทดสอบข้าพเจ้าแต่ไม่พบความผิดใดๆ
    ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะไม่ทำบาปด้วยปาก
ไม่ว่าคนอื่นจะทำอะไรก็ช่าง
    ข้าพเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์และหลีกเลี่ยงทางของคนโหดเหี้ยม
เท้าของข้าพเจ้ายึดติดอยู่บนทางของพระองค์
    ย่างเท้าของข้าพเจ้าไม่ได้หลุดไปจากทางของพระองค์

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เพราะพระองค์จะตอบข้าพเจ้า
    โปรดเอียงหูของพระองค์มาหาข้าพเจ้าเพื่อฟังเสียงอธิษฐานของข้าพเจ้า
โปรดแสดงความรักมั่นคงอันอัศจรรย์ของพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็นด้วยเถิด
    เพราะพระองค์เป็นผู้ใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ช่วยคนเหล่านั้นที่มาลี้ภัยในพระองค์จากคนที่โจมตีพวกเขา

โปรดคุ้มครองข้าพเจ้าเหมือนกับข้าพเจ้าเป็นดังแก้วตาของพระองค์
    โปรดซ่อนตัวข้าพเจ้าไว้ เหมือนแม่นกที่ซ่อนลูกน้อยไว้ใต้ร่มเงาปีกของมัน ด้วยเถิด
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วที่พยายามทำลายข้าพเจ้า
    จากศัตรูที่รายล้อมคอยเข่นฆ่าข้าพเจ้าอยู่
10 คนพวกนี้ไม่มีความสงสาร
    ปากของพวกเขาพูดโอ้อวดในสิ่งที่เขาทำ
11 คนชั่วพวกนั้นไล่ล่าข้าพเจ้า ตอนนี้เขาได้รายล้อมข้าพเจ้าอยู่
    และพร้อมที่จะเหวี่ยงข้าพเจ้าลงกับพื้น
12 ศัตรูของข้าพเจ้าเป็นเหมือนสิงโตที่พร้อมจะฉีกเนื้อเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ
    เป็นเหมือนสิงห์หนุ่มที่หมอบซุ่มโจมตีอยู่

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ลุกขึ้นเถิด ปะทะกับเขา โค่นพวกเขาลง
    ใช้ดาบของพระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วเหล่านั้นด้วยเถิด
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ใช้มือของพระองค์ฆ่าพวกเขา ฆ่าพวกเขาไปเสียจากโลกนี้
    ขจัดพวกเขาออกไปจากท่ามกลางคนที่มีชีวิตอยู่
แต่ส่วนคนเหล่านั้นที่มีค่าสำหรับพระองค์ โปรดให้อาหารกับพวกเขากินอย่างเหลือเฟือ
    เพื่อว่าแม้แต่ลูกๆของพวกเขาก็จะมีอาหารกินอย่างอิ่มหนำ
    และจะมีเหลือเพียงพอไว้เลี้ยงหลานเหลนของเขา

15 ข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก และข้าพเจ้าจะเห็นใบหน้าของพระองค์
    เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าจะเห็นพระองค์ และอิ่มเอมใจยิ่งนัก

สดุดี 22

คำอธิษฐานของคนที่ทนทุกข์ทรมาน

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองกวางในยามรุ่งเช้า[a] เพลงสดุดีของดาวิด

22 พระเจ้าของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์ถึงได้ละทิ้งข้าพเจ้าเสีย
    ทำไมพระองค์ถึงได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้าเสียเหลือเกิน
    ทำไมไม่ช่วยข้าพเจ้าให้รอด ทำไมไม่ได้ยินเสียงร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์ตลอดทั้งวัน แต่พระองค์ก็ไม่ตอบข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าก็ยังร้องเรียกต่อไปตลอดทั้งคืน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้รับการบรรเทาทุกข์

แต่อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ยังเป็นองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
    พระองค์นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ และชาวอิสราเอลสรรเสริญพระองค์
บรรพบุรุษของเราไว้วางใจในพระองค์
    และพระองค์ช่วยกู้พวกเขา
พวกเขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์
    พวกเขาวางใจในพระองค์ พวกเขาจึงไม่ผิดหวัง

ข้าพเจ้ามันก็แค่ตัวหนอน ไม่ใช่คน
    ข้าพเจ้ามันก็แค่ตัวอะไร ที่ผู้คนพูดดูถูก มันก็แค่ตัวอะไร ที่ผู้คนพูดดูหมิ่น
ทุกคนที่เห็นข้าพเจ้า ต่างก็เย้ยหยันข้าพเจ้า
    พวกเขาพากันทำหน้าและส่ายหัวใส่ข้าพเจ้า
แล้วพูดว่า
“เขาวางใจในพระยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ ให้พระยาห์เวห์ช่วยให้เขารอดสิ
    ถ้าพระยาห์เวห์ชื่นชอบเขา ก็ให้พระยาห์เวห์ปลดปล่อยเขาสิ”

พระเจ้าของข้าพเจ้า ความจริงแล้ว พระองค์คือผู้ที่ดึงข้าพเจ้าออกมาจากครรภ์
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัยในอ้อมอกของแม่
10 ตอนที่ข้าพเจ้าเกิดมา ข้าพเจ้าก็ถูกวางไว้ในอ้อมแขนของพระองค์แล้ว
    พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าคลอดออกมาจากท้องแม่แล้ว
11 ดังนั้น โปรดอย่าได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    เพราะความทุกข์ยากอยู่ใกล้ตัวข้าพเจ้า และก็ไม่มีใครช่วยด้วย

12 มีวัวตัวผู้จำนวนมากที่ล้อมรอบข้าพเจ้าอยู่
    วัวตัวผู้ที่ดุร้ายของบาชานกำลังรายล้อมข้าพเจ้าอยู่
13 พวกมันอ้าปากกว้างใส่ข้าพเจ้า
    เหมือนกับสิงโตที่กำลังร้องคำรามฉีกกินเหยื่อของมัน

14 กำลังของข้าพเจ้าถูกเทออกเหมือนน้ำ
    กระดูกของข้าพเจ้าหลุดออกจากข้อ
จิตใจของข้าพเจ้าได้หลอมละลาย
    เหมือนขี้ผึ้งภายในตัวข้าพเจ้า
15 พละกำลังของข้าพเจ้าเหือดแห้งไปเหมือนหม้อดินแตก
    ลิ้นของข้าพเจ้าจุกอยู่ที่เพดานปาก
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์วางข้าพเจ้าไว้ในฝุ่นของหลุมศพ

16 พวกหมาได้รายล้อมข้าพเจ้าไว้
    กลุ่มคนชั่วร้ายได้รุมล้อมข้าพเจ้าไว้
พวกมันได้แทงมือแทงเท้าของข้าพเจ้า[b]
17 ข้าพเจ้าผ่ายผอมจนนับกระดูกของข้าพเจ้าได้หมด
    พวกเขาจ้องมองข้าพเจ้าตาเขม็ง
18 พวกเขาก็เอาพวกเสื้อผ้าของข้าพเจ้ามาแบ่งปันกัน
    พวกเขาเอาชุดของข้าพเจ้ามาจับสลากว่าใครจะได้

19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าได้อยู่ห่างไกลข้าพเจ้า
    พระองค์ผู้เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า รีบมาช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด
20 ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคมดาบ
    ช่วยชีวิตเดียวที่ข้าพเจ้ามีอยู่จากฝูงหมาพวกนั้นด้วยเถิด
21 ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากปากสิงโต
    พ้นจากคมเขาของฝูงวัวกระทิงเปลี่ยวด้วยเถิด พระองค์ได้ตอบข้าพเจ้าแล้ว

22 ดังนั้นข้าพเจ้าจะบอกพี่น้องของข้าพเจ้าถึงสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุม
23 พวกเจ้าที่เกรงกลัวพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระองค์เถิด
    พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของยาโคบ ถวายเกียรติให้กับพระองค์เถิด
    พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของอิสราเอล ยำเกรงพระองค์เถิด
24 เพราะพระยาห์เวห์ไม่ได้ดูถูกหรือรังเกียจความทุกข์ของคนที่เดือดร้อนคนนี้
    พระองค์ไม่ได้ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
    แต่เมื่อข้าพเจ้าร้องให้พระองค์ช่วย พระองค์ฟังข้าพเจ้า

25 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมใหญ่สำหรับสิ่งที่พระองค์ได้ทำ
    ข้าพเจ้าจะถวายพวกเครื่องบูชาแก้บนต่อหน้าคนทั้งหลายที่ยำเกรงพระองค์
26 คนยากจนทั้งหลาย มาเถิด มากินเครื่องบูชาแก้บนเหล่านั้นให้อิ่มหนำสำราญ
    พวกเจ้าที่แสวงหาพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระองค์เถิด
    และขอให้จิตใจของพวกเจ้ามีความสุขตลอดไป
27 ขอให้คนทั่วทุกมุมโลก ระลึกถึงพระยาห์เวห์และหันมาหาพระองค์
    ขอให้คนทุกชาติ ก้มกราบนมัสการต่อหน้าพระองค์
28 เพราะพระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์
    และครอบครองอยู่เหนือชนชาติทั้งหลาย

29 คนเหล่านั้นที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จะกินเลี้ยงกันและก้มกราบลงต่อหน้าพระองค์
    ส่วนคนที่กำลังจะตายกลับไปสู่ผงธุลีดิน และแม้แต่คนเหล่านั้นที่ตายไปแล้วก็จะก้มกราบลงต่อหน้าพระเจ้าเหมือนกัน
30 เหล่าลูกหลานของพวกเขาจะรับใช้พระองค์
    คนจะพากันพูดถึงชื่อเสียงขององค์เจ้าชีวิตให้กับคนรุ่นหลังฟัง
31 พวกเขาจะเล่าให้กับคนรุ่นหลังที่ยังไม่ได้เกิดมา
    ฟังเกี่ยวกับการช่วยกู้ที่พระองค์ได้ทำไป

อาโมส 5:1-17

เพลงไว้ทุกข์สำหรับอิสราเอล

คนอิสราเอลเอ๋ย ฟังเพลงนี้ที่เราร้องขึ้นมาต่อต้านพวกเจ้า เป็นเหมือนเพลงไว้ทุกข์

อิสราเอลผู้เป็นหญิงสาวล้มลง
    และนางก็จะไม่ลุกขึ้นมาอีก
นางถูกทอดทิ้งให้นอนอยู่ในที่ดินของนางเอง
    แล้วไม่มีใครช่วยยกนางขึ้น

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พูดเรื่องครอบครัวของอิสราเอลว่า

“เมืองที่ส่งทหารออกไปสู้รบเป็นพัน
    ก็จะเหลือรอดกลับมาเป็นร้อย
เมืองที่ส่งทหารออกไปสู้รบเป็นร้อย
    ก็จะเหลือรอดกลับมาเป็นสิบ”

เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดไว้กับคนอิสราเอล
“แสวงหาเราสิ แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
    อย่าไปแสวงหาที่เมืองเบธเอล
อย่าเข้าไปในเมืองกิลกาล
    และอย่าข้ามไปที่เมืองเบเออร์เชบา
เพราะคนกิลกาลจะถูกต้อนไปเป็นเชลยอย่างแน่นอน
    และเมืองเบธเอลก็จะถูกทำลาย
แสวงหาพระยาห์เวห์สิ แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
    ไม่อย่างนั้นพระองค์จะพลุ่งออกไปเหมือนไฟต่อครอบครัวของโยเซฟ[a]
    และไฟนั้นก็จะไปเผาผลาญเมืองเบธเอล และจะไม่มีใครดับได้
นี่ เจ้าผู้ที่เปลี่ยนความยุติธรรมให้ขมอย่างบอระเพ็ด
    และซัดความถูกต้องลงกับพื้นดิน
พระเจ้าเป็นผู้สร้างกลุ่มดาวลูกไก่และกลุ่มดาวไถ
    พระองค์เป็นผู้ที่เปลี่ยนความมืดให้เป็นรุ่งเช้า
    และเปลี่ยนกลางวันให้มืดเป็นกลางคืน
พระองค์เรียกน้ำจากทะเล
    และเทเป็นฝนลงบนพื้นโลก
ยาห์เวห์คือชื่อของพระองค์
พระองค์ทำลายคนที่เข้มแข็ง
    ป้อมปราการจึงถูกทำลายลง”

10 พวกเจ้าเกลียดคนที่ศาลที่ต่อต้านความชั่วร้าย
    พวกเจ้าเกลียดชังคนที่พูดความจริงในศาล
11 ดังนั้น เนื่องจากเจ้าเหยียบย่ำคนจน
    และเจ้าก็รีดไถข้าวสาลีที่เป็นส่วนแบ่ง[b] ของพวกเขา
พวกเจ้าได้สร้างพวกบ้านที่สวยงามจากหินที่สกัดแล้ว
    แต่เจ้าจะไม่ได้อยู่ในบ้านพวกนั้นหรอก
พวกเจ้าได้ปลูกสวนองุ่นที่มีค่า
    แต่เจ้าจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากสวนนั้นหรอก
12 เพราะเรารู้ว่าความผิดบาปของเจ้านั้นมีมากขนาดไหน
    และรู้ว่าความบาปต่างๆของพวกเจ้านั้นมันมากมายมหาศาล
พวกเจ้าที่ชอบกดขี่คนเหล่านั้นที่ทำถูกต้อง
    พวกเจ้าที่ชอบรับสินบน
    และกีดกันไม่ให้คนจนได้รับความยุติธรรมที่ศาล
13 ดังนั้น ในเวลาที่ชั่วร้ายอย่างนี้
    คนที่ฉลาดก็จะนิ่งเสีย
14 ให้แสวงหาความดีไม่ใช่ความชั่วร้าย
    เพื่อเจ้าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
และเพื่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะอยู่กับพวกเจ้า
    เหมือนกับที่เจ้าชอบอ้างนั้น
15 ให้เกลียดความชั่วแต่รักความดี
    และให้ตั้งความยุติธรรมขึ้นในศาล
ไม่แน่บางทีพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    อาจจะมีความเมตตากับคนของโยเซฟที่ยังเหลืออยู่ก็ได้

เวลาแห่งความเศร้าโศกครั้งใหญ่กำลังมา

16 พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น องค์เจ้าชีวิต ได้พูดไว้อย่างนี้ว่า “ตามลานเมืองทั้งหมดจะมีเสียงคร่ำครวญ
    และตามท้องถนนทั้งหมดจะมีเสียงพูดว่า ‘แย่แล้ว แย่แล้ว’
และพวกเขาจะเรียกให้ชาวนาร้องคร่ำครวญ
    และเรียกให้พวกที่ร้องไห้เป็นอาชีพมาร้องคร่ำครวญ
17 และจะมีการร้องไห้คร่ำครวญทั่วสวนองุ่นทุกแห่ง
    เพราะเราจะผ่านไปท่ามกลางเจ้า”
พระยาห์เวห์บอกว่าอย่างนั้น

ยูดา 1-16

จากยูดา ทาสของพระเยซูคริสต์ และเป็นน้องของยากอบ

ถึงคนทั้งหลายที่พระเจ้าได้เรียกมาเป็นคนที่พระเจ้าพระบิดารัก และเป็นคนที่พระเยซูคริสต์คุ้มครองไว้

ขอพระเจ้าให้ความเมตตากรุณา สันติสุข และความรักกับคุณมากขึ้นอย่างเหลือเฟือ

พระเจ้าจะลงโทษคนที่ทำผิด

เพื่อนๆที่รัก ตอนแรกผมตั้งใจจะเขียนถึงพวกคุณเกี่ยวกับความรอดที่เรามีร่วมกัน แต่ผมเห็นว่าจำเป็นจะต้องเขียนมากระตุ้นพวกคุณก่อน ให้ต่อสู้เพื่อหลักความเชื่อที่พระเจ้าได้มอบให้กับคนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นของพระองค์ พระเจ้าได้มอบความเชื่อนี้เพียงครั้งเดียวซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับตลอดไป

เพราะมีบางคนได้แอบเข้ามาในกลุ่มของพวกคุณ พวกนี้เป็นพวกที่พระเจ้าได้ตัดสินลงโทษไว้นานมาแล้ว ตามที่ผู้พูดแทนพระเจ้าได้เขียนไว้ พวกนอกศาสนาใช้ความเมตตากรุณาของพระองค์มาเป็นข้ออ้างที่จะทำผิดบาปทางเพศ และพวกนี้ได้ทิ้งพระเยซูคริสต์ผู้เป็นเจ้านายและองค์เจ้าชีวิตแต่เพียงผู้เดียวของเราด้วย

ผมอยากจะช่วยเตือนความจำของพวกคุณในเรื่องที่คุณรู้อยู่แล้ว จำได้ไหม องค์เจ้าชีวิต[a]ได้ช่วยคนของพระองค์ออกจากประเทศอียิปต์ แต่ต่อมาพระองค์ได้ทำลายทุกคนในพวกนั้นที่ไม่ไว้วางใจพระองค์ คุณยังจำได้ไหม เรื่องของพวกทูตสวรรค์ที่ไม่พอใจกับตำแหน่งหน้าที่ที่พระองค์มอบให้ แต่กลับทิ้งที่อยู่ของตัวเองไป พระองค์ได้ล่ามพวกนี้ไว้ด้วยโซ่ที่ไม่มีวันขาด ขังไว้ในที่มืดมิดเพื่อรอตัดสินโทษในวันที่ยิ่งใหญ่นั้น จำได้ไหม เรื่องของเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ และเมืองอื่นๆรอบๆสองเมืองนั้น ที่เต็มไปด้วยพวกทำผิดบาปทางเพศ พวกวิปริตผิดเพศ พระองค์จึงลงโทษพวกเขาด้วยไฟที่ไม่มีวันดับ เพื่อเอาไว้เป็นตัวอย่างให้ดู

มันก็เหมือนกับคนพวกนี้ที่แอบเข้ามาในกลุ่มของคุณ พวกเขาอ้างว่าเห็นนิมิตมากมาย จึงทำให้พวกเขาทำตัวสกปรกโสมมเต็มไปด้วยราคะตัณหา ไม่ยอมรับอำนาจขององค์เจ้าชีวิต และด่าว่าทูตสวรรค์ ซึ่งแม้แต่มีคาเอลที่เป็นหัวหน้าทูตสวรรค์ยังไม่กล้าด่าว่ามาร ตอนที่โต้เถียงกันว่าใครจะได้ศพของโมเสสไป มีคาเอลแค่พูดว่า “ขอให้องค์เจ้าชีวิตจัดการกับเจ้า” 10 แต่คนพวกนี้ได้ด่าว่าในเรื่องที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ ส่วนเรื่องที่เขาเข้าใจตามสัญชาตญาณอย่างสัตว์ที่ไม่มีความคิดนั้น ก็กลับเป็นสิ่งที่ทำลายพวกเขาเอง 11 พวกนี้ทำตัวน่าละอายที่สุด พวกเขาทำตัวเหมือนคาอินที่ฆ่าน้องของตัวเอง พวกนี้ได้ปล่อยตัวไปตามความผิดที่บาลาอาม[b]ได้ทำเพราะอยากจะร่ำรวย คนพวกนี้จะถูกทำลายไปเหมือนกับโคราห์[c]ที่กบฏต่อโมเสส

12 เมื่อพวกคุณมาพบปะสังสรรค์ดื่มกินกันเพื่อแสดงความรักต่อกัน[d] คนพวกนี้ก็มาร่วมด้วย พวกเขาเป็นเหมือนหินโสโครกอันตรายที่ทำให้เรือแตกได้ พวกเขาดื่มกินกับคุณอย่างหน้าด้านๆ เป็นคนเลี้ยงแกะที่เลี้ยงดูแต่ตัวเอง เป็นเหมือนเมฆที่ไม่มีน้ำฝนที่ถูกพัดไปตามลม เป็นเหมือนต้นไม้ที่ไม่ออกลูกตามฤดูกาล และถูกถอนรากถอนโคนตายซ้ำสอง 13 เป็นเหมือนคลื่นบ้าคลั่งในทะเลที่ซัดเอาการกระทำที่น่าละอายของตัวเองขึ้นมาให้เห็นเป็นฟอง เป็นเหมือนดวงดาวที่หลุดจากวงโคจร พระเจ้าได้จองที่ให้คนพวกนี้ในความมืดมิดที่ไม่มีวันจบสิ้น

14 อีโนค เป็นคนรุ่นที่เจ็ดนับจากอาดัม เขาได้ทำนายเกี่ยวกับคนพวกนี้ว่า “ดูนั่นสิ องค์เจ้าชีวิตมาพร้อมกับทูตสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์นับพันนับหมื่นของพระองค์ 15 เพื่อมาตัดสินลงโทษทุกๆคนที่ไม่เกรงกลัวพระเจ้าสำหรับการกระทำที่ไม่เกรงกลัวพระองค์ และสำหรับคำพูดที่หยาบช้าทั้งหมดของคนบาปที่ไม่เกรงกลัวพระองค์”

16 คนพวกนี้ขี้บ่น ชอบจับผิด ชอบทำตามราคะตัณหาของตัวเอง ขี้อวด ขี้ประจบสอพลอเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

มัทธิว 22:1-14

เรื่องคนที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยง

(ลก. 14:15-24)

22 พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบให้พวกเขาฟังอีกว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนกับกษัตริย์ ที่ได้เตรียมงานแต่งงานให้กับลูกชาย แล้วกษัตริย์ได้เชิญแขกเหรื่อมากมาย เมื่อเตรียมงานเสร็จแล้ว กษัตริย์ส่งทาสไปบอกแขกเหล่านั้นว่า มาได้แล้ว แต่กลับไม่มีใครมา กษัตริย์จึงส่งทาสคนอื่นไปอีกให้ไปบอกพวกแขกเหรื่อนั้นว่า ‘เราได้ฆ่าวัวและลูกวัวอ้วนพีไว้แล้ว ทุกอย่างพร้อมแล้ว มางานเลี้ยงได้แล้ว’

แต่ไม่มีใครสนใจ ต่างก็ไปทำธุระของตัวเอง คนหนึ่งไปทำสวน อีกคนหนึ่งไปทำการค้า คนที่เหลือก็จับพวกทาสมาทุบตีและฆ่าทิ้ง กษัตริย์โกรธแค้นมาก ก็เลยส่งกองทัพมาทำลายคนที่ฆ่าพวกทาสของเขา และเผาเมืองของพวกนั้นทิ้งไป

แล้วกษัตริย์พูดกับพวกทาสว่า ‘งานแต่งงานก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว แต่แขกที่เราเชิญนั้นไม่เหมาะสมที่จะมางานนี้ ออกไปตามหัวถนนต่างๆเจอใครก็เชิญมาให้หมด’ 10 พวกทาสจึงออกไปตามถนนและเชิญทุกคนที่พวกเขาเจอทั้งดีและชั่ว จนมีแขกเต็มห้องโถง

11 เมื่อกษัตริย์เข้ามาดูแขกเหรื่อ ก็เห็นชายคนหนึ่งแต่งตัวไม่เหมาะสมกับงาน 12 พระองค์จึงพูดว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เข้ามาได้อย่างไร ชุดใส่สำหรับงานแต่งก็ไม่มี’ ชายคนนั้นก็ไม่มีคำแก้ตัว 13 พระองค์จึงสั่งพวกทาสว่า ‘มัดมือมัดเท้ามัน แล้วโยนออกไปที่มืดข้างนอกที่มีเสียงคนร้องไห้โหยหวนอย่างเจ็บปวด’

14 มีหลายคนที่ได้รับเชิญมา แต่มีน้อยคนที่ถูกเลือกไว้”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International