Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Book of Common Prayer

Daily Old and New Testament readings based on the Book of Common Prayer.
Duration: 861 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 56-58

ไว้วางใจในพระเจ้าเมื่อถูกตามรังควาน

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงนี้ตามทำนอง “นกเขาบนต้นโอ๊กที่ไกลโพ้น” เพลง มิคทาม[a] ของดาวิด เมื่อครั้งที่ชาวฟีลิสเตียจับดาวิดในเมืองกัท[b]

56 ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะคนตามรังควานข้าพเจ้า
    ศัตรูของข้าพเจ้าโจมตีข้าพเจ้าตลอดเวลา
คนพวกนั้นที่คอยจับตาดูข้าพเจ้า ตามรังควานข้าพเจ้าตลอดเวลา
    มีหลายคนสู้รบกับข้าพเจ้าอยู่
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
เมื่อข้าพเจ้าหวาดกลัว
    ข้าพเจ้าจะไว้วางใจในพระองค์
ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้า และโอ้อวดในคำสัญญาของพระองค์
    ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้า ข้าพเจ้าก็เลยไม่กลัว
    มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้

พวกเขาต่างบิดเบือนคำพูดของข้าพเจ้าตลอดเวลา
    พวกเขาคิดแต่เรื่องที่ว่าจะทำร้ายข้าพเจ้ายังไง
ศัตรูของข้าพเจ้ารวมตัวกันเฝ้าติดตามดูข้าพเจ้าอยู่ทุกฝีก้าว
    เพื่อหวังจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย
ข้าแต่พระเจ้า อย่าปล่อยให้พวกที่ทำชั่วนั้นลอยนวลไปได้
    เหวี่ยงพวกเขาลงกับพื้นด้วยความโกรธของพระองค์

พระองค์จดบันทึกความทุกข์โศกของข้าพเจ้า
    พระองค์เก็บน้ำตาทุกหยดของข้าพเจ้าไว้ในขวดของพระองค์
    เรื่องนี้จดอยู่ในหนังสือม้วนของพระองค์ ไม่ใช่หรือ
เมื่อข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พวกศัตรูของข้าพเจ้าก็จะหันหลังวิ่งหนีไป
    ข้าพเจ้ารู้ดีว่าพระเจ้าอยู่ฝ่ายข้าพเจ้า
10 ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้าและโอ้อวดในคำสัญญาของพระองค์
    ข้าพเจ้าไว้วางใจพระยาห์เวห์และโอ้อวดในคำสัญญาของพระองค์
11 ข้าพเจ้าไว้วางใจพระเจ้า
    ข้าพเจ้าไม่กลัว มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้

12 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าจะแก้บนทั้งหลายที่บนบานไว้กับพระองค์
    ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาขอบคุณแด่พระองค์
13 เพราะพระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความตาย
    พระองค์ช่วยให้เท้าของข้าพเจ้าไม่สะดุดล้ม
เพื่อข้าพเจ้าจะได้เดินอยู่ต่อหน้าพระเจ้าในความสว่างที่ส่องลงมายังคนที่มีชีวิต

อธิษฐานขอให้รอดพ้นจากศัตรูที่ดุร้าย

(สดด. 108:1-5)

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงด้วยทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[c]ของดาวิด เมื่อครั้งที่ดาวิดหนีซาอูลไปอยู่ในถ้ำ

57 ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาด้วย โปรดเมตตาด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าแสวงหาที่ลี้ภัยในพระองค์
และแสวงหาที่กำบังภายใต้ปีกของพระองค์
    จนกว่าเรื่องอันตรายนี้จะผ่านพ้นไป
ข้าพเจ้าร้องเรียกหาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
    ข้าพเจ้าอธิษฐานถึงพระเจ้าผู้ที่แก้แค้นแทนข้าพเจ้า
ขอให้พระองค์ส่งความช่วยเหลือมาจากสวรรค์มาช่วยกู้ข้าพเจ้า
    ขอให้พระองค์ทำให้ศัตรูของข้าพเจ้าอับอาย เซลาห์
ขอให้พระเจ้าส่งความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ที่เชื่อถือได้ของพระองค์ลงมาให้

ข้าพเจ้าจะต้องนอนลงท่ามกลางศัตรูที่เหมือนสิงโตกินคน
    พวกเขามีฟันเหมือนคมหอกคมธนูและมีลิ้นเหมือนดาบที่คมกริบ

ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์ขึ้นมาเหนือฟ้าสวรรค์
    ขอให้รัศมีของพระองค์ส่องไปทั่วโลก

พวกศัตรูวางตาข่ายดักขาข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้ารู้สึกเครียดมาก
พวกเขาขุดหลุมพรางให้ข้าพเจ้าตกลงไป
    แต่พวกเขากลับตกลงไปในกับดักของเขาเอง เซลาห์

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมแล้ว
    ใจของข้าพเจ้าเตรียมพร้อมแล้ว
ข้าพเจ้าจะร้องเพลง และเล่นดนตรีเพื่อสรรเสริญพระองค์
จิตวิญญาณของข้า ตื่นเถิด
พิณใหญ่ และพิณโบราณ ตื่นเถิด
    แล้วข้าพเจ้าจะใช้เพลงปลุกอรุณรุ่ง
องค์เจ้าชีวิต ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
    และจะร้องเพลงเกี่ยวกับพระองค์ให้ทุกคนฟัง
10 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นสูงเทียมฟ้าสวรรค์
    ความสัตย์ซื่อของพระองค์นั้นขึ้นสูงเสียดเมฆ

11 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์ขึ้นมาเหนือฟ้าสวรรค์
    ขอให้รัศมีของพระองค์ส่องไปทั่วโลก

การเรียกร้องความยุติธรรม

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[d]ของดาวิด

58 พวกเจ้าพวกผู้นำที่ยิ่งใหญ่ พวกเจ้าตัดสินคดีอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
    พวกเจ้าให้คำตัดสินกับคนอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
เปล่าเลย เจ้าได้วางแผนที่จะทำสิ่งชั่วร้ายมากมายด้วยจิตใจที่ไร้ความยุติธรรม
    เจ้าได้ก่ออาชญากรรมที่โหดร้ายในแผ่นดินด้วยมืออันชั่วช้า

คนชั่วพวกนั้นทำผิดตั้งแต่คลอดออกมา
    คนโกหกพวกนั้นหลงผิดไปตั้งแต่เกิด
ความโกรธแค้นของพวกเขาเหมือนพิษงูร้ายแรง[e]
    พวกเขาเป็นเหมือนงูเห่าหูหนวกที่อุดหูของมัน
ที่ไม่ยอมฟังเสียงสะกดของหมองู
    ไม่ว่าหมองูจะเก่งแค่ไหนก็ตาม

ข้าแต่พระเจ้า ช่วยหักฟันในปากของพวกเขาให้แตกละเอียด
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยดึงเขี้ยวออกจากปากสิงโตเหล่านั้นด้วย
ขอพละกำลังของพวกเขาถูกระบายไปเหมือนน้ำ
    ขอให้พวกเขาถูกเหยียบย่ำเหมือนต้นหญ้าที่เหี่ยวเฉา[f]
ขอให้พวกเขาหายไปเหมือนพวกหอยทาก[g]ที่กำลังหลอมละลายไปในขณะที่มันคืบคลาน
    ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนทารกที่ตายในท้องแม่ซึ่งไม่มีวันได้เห็นแสงของอาทิตย์
ขอให้พระเจ้ากวาดพวกเขาทิ้งไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับพายุ
เร็วกว่าที่หม้อจะทันร้อนตอนที่ตั้งอยู่บนกองกิ่งหนามที่ติดไฟ
    ไม่ว่าจะเป็นกิ่งสดหรือกิ่งแห้งก็ตาม[h]

10 ขอให้คนดีได้ดีใจ เมื่อเห็นคนที่ไร้ความยุติธรรมถูกลงโทษ
    และขอให้คนดีคนนั้นได้ล้างเท้าในเลือดของคนชั่ว
11 แล้วผู้คนก็จะพูดว่า “เห็นไหม คนที่ทำถูกต้องได้รับรางวัล
    เห็นไหม มีพระเจ้าที่ตัดสินอย่างยุติธรรมอยู่ในโลกนี้”

สดุดี 64-65

พระเจ้าจะลงโทษพวกวางแผนชั่ว

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

64 ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังข้าพเจ้าด้วยเมื่อข้าพเจ้าร้องทุกข์
    โปรดปกป้องข้าพเจ้าจากการขู่เข็ญของศัตรู[a] ด้วยเถิด
โปรดปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้าจากแผนการของคนชั่วร้ายเหล่านั้น
    โปรดซ่อนข้าพเจ้าจากกลุ่มชนที่อึกทึกชั่วช้านั้น
ลิ้นพวกเขาเหมือนดาบแหลมคม
    คำพูดอันขมขื่นของพวกเขาเหมือนธนูที่ง้างพร้อมยิง
อยู่ๆพวกเขาก็ยิงธนูใส่คนบริสุทธิ์
    พวกเขายิงจากที่หลบซ่อนอย่างไม่กลัวใคร
พวกคนชั่วให้กำลังใจต่อกันในการทำชั่ว
    พวกเขาพูดกันถึงเรื่องการวางกับดัก
    เขาพูดกันว่า “ไม่มีใครเห็นสิ่งที่พวกเรา[b] กำลังทำอยู่นี้หรอก”
พวกเขาวางแผนทำเรื่องร้ายๆที่ไม่ยุติธรรม
    แล้วพูดกันว่า “เราคิดแผนการที่ไม่มีช่องโหว่เลย”
    จิตใจของมนุษย์นั้นสุดลึกล้ำหยั่งถึง

แต่พระเจ้าจะยิงธนูใส่พวกเขา
    และคนเหล่านั้นจะถูกยิงในพริบตา
พระองค์จะทำให้คนพวกนั้นสะดุดลิ้นของตัวเอง
    และทุกคนที่พบเห็นพวกเขาก็จะสั่นสะท้าน
ทุกคนจะเกรงกลัว
    พวกเขาจะคิดถึงและเล่าเรื่องสิ่งที่พระเจ้าได้ทำไปนั้น
10 คนที่ทำตามใจพระยาห์เวห์จะชื่นชมยินดีและลี้ภัยในพระองค์
    ทุกคนที่มีใจซื่อตรงจะโอ้อวดเรื่องพระองค์

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเก็บเกี่ยวอันอุดม

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

65 ข้าแต่พระเจ้า ถูกต้องแล้วที่พวกเราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์บนภูเขาศิโยน
    และถวายเครื่องบูชาตามที่พวกเราได้สาบานไว้กับพระองค์
พระองค์รับฟังคำอธิษฐาน
    มนุษย์ทุกคนสามารถมาอยู่ต่อหน้าพระองค์
เมื่อการกระทำผิดท่วมท้นพวกเรา
    พระองค์คือผู้ที่กลบเกลื่อนการกบฏของพวกเรา
ช่างมีเกียรติจริงๆคนที่พระองค์เลือกให้เข้าใกล้พระองค์ และพักอาศัยในลานของพระองค์
    ขอให้เราอิ่มเอมกับสิ่งดีๆในบ้านของพระองค์ซึ่งคือวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

ข้าแต่พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา
    พระองค์ตอบคำอธิษฐานของเราและนำชัยชนะมาสู่พวกเราด้วยอำนาจอันน่าเกรงขามของพระองค์
ทุกคนที่อาศัยอยู่ในทั่วทุกมุมโลกรวมทั้งคนที่อยู่ข้ามน้ำข้ามทะเลอันไกลโพ้น
    ต่างก็พากันไว้วางใจในพระองค์
พระองค์ตั้งภูเขาทั้งหลายในที่ของพวกมันด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์
    พระองค์สำแดงให้เห็นถึงพลังของพระองค์
พระองค์สามารถทำให้ทะเลและคลื่นที่คำรามอย่างสนั่นหวั่นไหว
    และชนชาติต่างๆที่จลาจลวุ่นวาย สงบลงได้
คนที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหลายที่อยู่ไกลโพ้นต่างตกตะลึงในสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำ
    พระองค์ทำให้ผู้คนที่อยู่ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกร้องเพลงฉลองกัน

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเอาใจใส่แผ่นดินและรดน้ำให้มัน
    พระองค์ทำให้ลำธารเต็มไปด้วยน้ำซึ่งทำให้แผ่นดินอุดมสมบูรณ์
    พระองค์จัดหาเมล็ดข้าวให้กับผู้คนกินกัน
    พระองค์เตรียมแผ่นดินให้เกิดพืชผล
10 พระองค์ส่งฝนห่าใหญ่ลงมาในทุ่งนาที่ไถพรวนแล้ว
    น้ำฝนทำให้ก้อนดินที่พรวนแล้วนั้นอ่อนนุ่มราบเรียบเสมอกัน
    พระองค์อวยพรให้ต้นพืชในทุ่งนั้นเจริญเติบโต
11 พระองค์สวมมงกุฎให้กับปีนั้นด้วยพืชผลอย่างล้นหลาม
    ไม่ว่าพระองค์จะไปที่ไหนก็ตาม พระองค์ก็ทิ้งความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้
12 ทุ่งหญ้าในชนบท มีน้ำค้างหยาดเยิ้ม
    เนินเขาก็ปกคลุมไปด้วยความชื่นชมยินดี
13 ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ เต็มไปด้วยฝูงแกะ
    หุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยเมล็ดข้าว
    พวกมันต่างเปล่งเสียงร้องออกมาเป็นเพลง

เนหะมียาห์ 6

ปัญหาอื่น

ต่อมา เมื่อมีคนไปรายงานให้สันบาลลัทและโทบีอาห์ รวมทั้งเกเชม ซึ่งเป็นชาวอาหรับ และพวกศัตรูอื่นๆของเราว่าผมได้สร้างกำแพงจนไม่มีรูโหว่เหลืออีกแล้ว (ถึงแม้ว่าในตอนนั้นผมยังไม่ได้ติดตั้งบานประตูที่กำแพงเมืองก็ตาม)

สันบาลลัทและเกเชม ได้ส่งสารมาให้กับผมว่า “ขอให้เรามาเจอกันที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนที่ราบโอโน”

แต่พวกเขากำลังวางแผนที่จะทำร้ายผม

ผมจึงส่งพวกคนถือสารไปหาพวกเขา บอกว่า “ผมกำลังทำงานสำคัญอยู่ ไม่สามารถลงมาหาได้ ถ้าผมทิ้งงานมาหาพวกท่าน งานก็จะหยุดชะงักไป”

พวกเขาส่งสารเดิมมาให้ผมถึงสี่ครั้ง และผมก็ตอบพวกเขาไปแบบเดิมทุกครั้ง

สันบาลลัทได้ส่งคนใช้ของเขามาหาผมอย่างเคยเป็นครั้งที่ห้า โดยถือจดหมายเปิดผนึกมา[a]

ในจดหมายนั้นเขียนว่า

“มีคนพูดไปทั่วชนชาติต่างๆและเกเชมเองก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ที่ว่า ท่านและพวกชาวยิวกำลังวางแผนจะก่อการกบฏ เพราะเหตุนี้ ท่านถึงได้สร้างกำแพงขึ้นมา และตามรายงานนี้แจ้งว่า ท่านกำลังจะขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขา ท่านยังได้แต่งตั้งพวกผู้พูดแทนพระเจ้า เพื่อประกาศเกี่ยวกับตัวท่านในเมืองเยรูซาเล็มว่า ‘มีกษัตริย์ในยูดาห์แล้ว’

ถ้อยคำเหล่านี้จะถูกรายงานให้กษัตริย์อารทาเซอร์ซีสทราบ ดังนั้นขอให้เรามาพบกันหน่อย”

ผมจึงส่งสารกลับไปให้เขาว่า “ไม่มีเรื่องอย่างที่ท่านพูดมานี้เกิดขึ้นเลย ท่านกุขึ้นมาเองตามความคิดของท่าน”

พวกนั้นทุกคนพยายามขู่ให้เราตกใจกลัว พวกเขาคิดว่า “มือของพวกนั้นจะทิ้งงานไป งานจะได้ไม่เสร็จ”

แต่ผมอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ตอนนี้ช่วยเพิ่มพลังให้กับมือของข้าพเจ้าด้วยเถิด”

10 อยู่มาวันหนึ่ง ผมไปบ้านของเชไมอาห์ ลูกชายของเดไลยาห์ ที่เป็นลูกชายของเมเหทาเบล เชไมอาห์กำลังวิตกกังวล เขาพูดว่า

“ขอให้เราไปพบกันที่วิหารของพระเจ้า
    เข้าไปข้างในของวิหาร ให้เราปิดประตูวิหาร
เพราะพวกเขากำลังมาฆ่าท่าน
    พวกเขาจะมาฆ่าท่านในตอนกลางคืน”

11 แต่ผมตอบว่า “คนอย่างผมควรจะหนีหรือ แล้วถ้าคนที่ไม่ใช่นักบวชอย่างผมเข้าไปในวิหาร แล้วจะรอดชีวิตได้หรือ ผมจะไม่เข้าไปเด็ดขาด”

12 ทันใดนั้น ผมก็รู้ว่าพระเจ้าไม่ได้ส่งเชไมอาห์มาหรอก แต่เขาแกล้งพูดแทนพระเจ้าเพื่อทำร้ายผม เพราะโทบีอาห์ และสันบาลลัทได้จ้างเขา

13 ที่พวกนั้นว่าจ้างเชไมอาห์ เพื่อจะทำให้ผมกลัว และทำตามที่เขาแนะนำ เพื่อผมจะได้ทำบาป พวกเขาตั้งใจที่จะทำลายชื่อเสียงของผม และทำให้ผมอับอายขายหน้า

14 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดลงโทษโทบีอาห์และสันบาลลัท สำหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไป และโปรดลงโทษโนอัดยาห์ ผู้หญิงที่อ้างว่าพูดแทนพระเจ้า รวมทั้งคนอื่นๆที่อ้างว่าพูดแทนพระเจ้า ที่พยายามขู่ให้ข้าพเจ้าตกใจกลัวด้วยเถิด”

กำแพงสร้างเสร็จ

15 ในที่สุดกำแพงก็ถูกสร้างจนเสร็จในวันที่ยี่สิบห้า ของเดือนเอลูล[b] ใช้เวลาในการสร้างทั้งสิ้นห้าสิบสองวัน

16 เมื่อศัตรูทุกคนของเราได้ยิน และชนชาติทั้งหมดที่อยู่รอบข้างเราได้เห็น พวกเขาก็หมดความทะนงตัวไป พวกเขารู้ว่างานนี้เป็นผลงานของพระเจ้าของเรา

17 ในช่วงนั้นหลังจากสร้างกำแพงเสร็จ พวกบุคคลสำคัญๆของยูดาห์กำลังส่งจดหมายไปให้โทบีอาห์หลายฉบับ และโทบีอาห์กำลังส่งจดหมายตอบพวกเขามา 18 เพราะมีหลายคนที่ยูดาห์ ได้สาบานที่จะจงรักภักดีต่อโทบีอาห์ เพราะเขาเป็นลูกเขยของเชคานิยาห์ ที่เป็นลูกชายของอาราห์ และเยโฮฮานันลูกชายของโทบีอาห์ ได้แต่งงานกับลูกสาวของเมชุลลาม ที่เป็นลูกชายของเบเรคิยาห์

19 พวกเขาได้แต่พูดเรื่องความดีของโทบีอาห์ให้ผมฟัง และพอผมทำอะไรไป พวกเขาก็ไปรายงานให้โทบีอาห์รู้ โทบีอาห์จึงส่งจดหมายต่างๆมาให้ผม เพื่อขู่ให้ผมตกใจกลัว

วิวรณ์ 10

ทูตสวรรค์และหนังสือม้วน

10 ผมได้เห็นทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์มากอีกองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ มีเมฆปกคลุมตัวและมีรุ้งอยู่รอบหัว ใบหน้าเหมือนดวงอาทิตย์ และมีขาเหมือนเสาไฟ ในมือของท่านมีหนังสือม้วนเล็กๆที่คลี่เปิดอยู่ เท้าขวาของท่านเหยียบอยู่บนทะเล ส่วนเท้าซ้ายเหยียบอยู่บนแผ่นดิน ท่านร้องเสียงดังเหมือนสิงโตคำราม และเมื่อร้อง เสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดเสียงก็ดังขึ้น เมื่อเสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดดังขึ้น ผมเริ่มจะเขียน แต่ผมได้ยินเสียงจากสวรรค์ดังขึ้นเสียก่อนว่า “เก็บสิ่งที่ฟ้าร้องทั้งเจ็ดได้พูดไว้เป็นความลับ อย่าได้เขียนลงไป”

จากนั้นทูตสวรรค์ที่ผมเห็นยืนอยู่ทั้งบนทะเลและบนแผ่นดินนั้น ได้ชูมือขวาของท่านขึ้นฟ้า สาบานโดยอ้างถึงพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ตลอดไป ผู้สร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในพวกมันด้วย ทูตสวรรค์สาบานว่า “พระเจ้าจะไม่รอช้าอีกต่อไปแล้วที่จะทำตามแผนของพระองค์” ในเวลาที่ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดจะเป่าแตรนั้น พระเจ้าจะทำให้แผนการอันลึกลับของพระองค์สำเร็จตามที่พระองค์ได้ประกาศไว้กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์

จากนั้นเสียงที่ผมได้ยินจากสวรรค์ก็บอกผมอีกครั้งหนึ่งว่า “ไปรับม้วนหนังสือที่คลี่เปิดอยู่ในมือของทูตสวรรค์ที่ยืนอยู่ทั้งบนทะเลและบนแผ่นดินสิ” ผมจึงไปหาทูตสวรรค์องค์นั้นและขอหนังสือม้วนเล็กนั้น ท่านบอกว่า “เอาไปกิน มันจะมีรสขมเมื่ออยู่ในท้อง แต่เมื่ออยู่ในปากมันจะมีรสหวานเหมือนน้ำผึ้ง” 10 ผมจึงรับหนังสือม้วนจากมือทูตสวรรค์มากิน เมื่อมันอยู่ในปากผมก็มีรสหวานเหมือนน้ำผึ้ง แต่เมื่อตกถึงท้องก็กลับกลายเป็นขม 11 มีผู้หนึ่งบอกผมว่า “เจ้าจะต้องประกาศคำตัดสินของพระเจ้าต่อเชื้อชาติทั้งหลาย ชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆและพวกกษัตริย์ทั้งหลาย”

มัทธิว 13:36-43

ความหมายของเรื่องข้าวสาลีและต้นวัชพืช

36 พระเยซูจากฝูงชนมา แล้วเข้าไปในบ้าน พวกศิษย์เข้ามาบอกพระองค์ว่า “ช่วยอธิบายเรื่องต้นวัชพืชในนานั้นให้หน่อยครับ” 37 พระองค์ตอบว่า “คนที่หว่านเมล็ดพืชพันธุ์ดีคือ บุตรมนุษย์ 38 ไร่นาคือโลกนี้ เมล็ดพืชพันธุ์ดีคือคนของอาณาจักรของพระเจ้า ต้นวัชพืชคือคนของมารร้าย 39 ศัตรูที่เข้ามาหว่านวัชพืชคือมารร้าย ฤดูเก็บเกี่ยวคือวันสิ้นยุค และพวกคนงานที่เก็บเกี่ยวก็คือพวกทูตสวรรค์

40 ต้นวัชพืชถูกถอนไปเผาไฟอย่างไร เมื่อวันสิ้นยุคมาถึงก็จะเป็นอย่างนั้น 41 บุตรมนุษย์จะส่งทูตสวรรค์ของพระองค์ออกไปรวบรวมทุกอย่างที่ทำให้คนทำบาปและคนที่ทำชั่ว ให้ออกไปจากอาณาจักรของพระองค์ 42 ทูตสวรรค์จะเอาคนพวกนี้ ไปโยนลงในเตาไฟที่ร้อนแรง ที่มีแต่เสียงร้องไห้โหยหวนอย่างเจ็บปวด 43 แล้วคนที่ทำตามใจพระเจ้าก็จะส่องสว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์ในอาณาจักรของพระบิดาของพวกเขา ใครมีหู ก็ฟังไว้ให้ดี”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International